ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 638 นักรบโลหะทมิฬ
บทที่ 638 นักรบโลหะทมิฬ
บทที่ 638 นักรบโลหะทมิฬ
ทันทีที่นักรบโลหะทมิฬกว่าสามสิบฉื่อยืนขึ้น ขนบนร่างกายของอี้ฝานถึงกับลุกชูชัน
ราวกับว่ามีคนใช้สิ่วแหลมคมทุบกระดูกก้นกบ ทำเอาร่างของอี้ฟานก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว
เสี้ยวลมหายใจถัดมา เงาสีดำปกคลุมท้องฟ้าพร้อมพุ่งทุบตีพื้นดินรุนแรง
ก้อนหินถูกทุบตีจนละเอียด มันข่วนใบหน้าและแขนของอี้ฝาน จนเวลานี้เขารู้สึกเจ็บปวดอย่างแท้จริงแล้ว
เขาจึงก้าวถอยไปด้านหลังสองสามก้าว ก่อนจะมองเห็นสภาพน่าสังเวชของแผ่นดินที่ยืนอยู่ก่อนหน้า ร่างกายหลั่งเหงื่อเย็นเยียบ
พลังของพลทหารเหล็กร่างสูงสามสิบฉื่อนี้น่าเกรงขามยิ่งแล้ว แม้ว่าดาบยักษ์ในมือของมันคล้ายกับประตูมือ ต่อให้ลดขนาดลงจนมนุษย์ถือไว้ได้ แต่คงมีเพียงไม่กี่คนที่จะสามารถใช้งานมันได้
อย่างไรก็ตาม ในมือของนักรบโลหะทมิฬผู้น่าสงสัยว่าเป็นหุ่นกลนี้ สามารถเหวี่ยงดาบยักษ์ในมือได้อย่างอิสระ อีกทั้งยังรวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์
และเวลานี้นักรบโลหะทมิฬกำลังอ่อนแอ เขาจึงจินตนาการว่าความแข็งแกร่งของนักรบโลหะทมิฬตัวนี้คงจะโหดเหี้ยมยิ่งนักเมื่อคราวยุครุ่งเรืองของมัน
เกิดเสียงเสียดสีดังขึ้น
หลังจากการเหวี่ยงดาบเมื่อครู่พลาดเป้า นักรบโลหะทมิฬถึงกับงุนงง มันเอียงศีรษะพร้อมจับจ้องอี้ฝานแล้วกระทำบางอย่างโดยไม่ต้องคิด สุดท้ายแล้วมันเพียงแค่ปฏิบัติภารกิจของตนอย่างสัตย์ซื่อเท่านั้น
มันคือกำแพงที่ห้ามคนภายนอกเข้ามา และคนด้านในไม่มีสิทธิ์ออกไป
เมื่อมองดาบใหญ่สูงตระหง่านตรงหน้า อี้ฝานก็ทราบว่าพลังของเขาไม่อาจเทียบเทียมมันได้ นี่คือช่องว่างระหว่างมดกับช้าง…
ต้องวิ่งเท่านั้น…
อี้ฝานมองถนนด้านหลังของนักรบโลหะทมิฬ แต่เห็นว่าถนนเส้นนั้นถูกม่านลำแสงปิดกั้นไว้ในบางจุด เขาจึงหันมองไปยังทิศทางที่เคยจากมา และเป็นไปตามที่คาดไว้ ประตูเมืองตรงนั้นก็มีม่านลำแสงด้วยเช่นเดียวกัน
ขณะเฝ้ามอง พายุกรรโชกกำลังกดทับร่างกายของเขาเอาไว้! และการโจมตีครั้งที่สองของนักรบโลหะทมิฬก็มาถึงแล้ว
สัญชาตญาณยอดเยี่ยมของอี้ฝานช่วยชีวิตเขาไว้อีกครั้ง เขาหลบการโจมตีนี้ ดาบพลาดเป้าจึงก่อเกิดหุบเหวลึกอีกแห่งหนึ่งบนพื้นดิน
ในขณะที่หลบเลี่ยงการโจมตีนี้ จู่ ๆ อี้ฝานก็ตระหนักถึงบางอย่าง
การโจมตีของนักรบโลหะทมิฬทรงพลังมากจนสามารถพังทลายภูเขาหรือแยกแผ่นดิน แล้วอุปสรรคที่ขว้างกันเอาไว้เหล่านั้น… นักรบโลหะผู้นี้จะสามารถทำลายมันได้หรือไม่?
ทันทีที่คิด เขาก็เริ่มแผนการทันที ก่อนที่เพลงดาบที่สามจะมาถึง อี้ฝานวิ่งตรงไปยังปราการกีดขวางก่อนจะเงยหน้าขึ้นรอรับดาบของนักรบโลหะทมิฬอย่างมั่นใจ!
อย่างไรก็ตาม คราวนี้นักรบโลหะทมิฬไม่ได้ทำในสิ่งที่เขาต้องการ แทนที่จะใช้ดาบฟาดฟันลงมา …มันเหยียดฝ่ามือว่างเปล่าออกมาจับกุมเขาโดยตรง!
อี้ฝานรีบหลบและเข้าไปซ่อนตัวภายในสิ่งก่อสร้างด้านข้าง แต่เขาไม่อาจรอดพ้น เวลานี้นักรบโลหะทมิฬหยิบร่างกายของเขาขึ้นมาก่อนจะโยนมันออก
ตูม!
ทั้งดินและหินขนาดใหญ่กระเด็นคละคลุ้ง สะเก็ดหินกระเด็นออกจำนวนมากเจาะเกราะของอี้ฝานจนแตกออก และปะทะกับร่างกายของเขาโดยตรง
“ข้าทำได้เพียงอดทนรึ!”
อี้ฝานกัดฟันแน่น เขากำดาบยาวในมือ แต่หลังจากมองความหนาของเกราะศัตรูแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะต้องใช้ค้อนแทน
เมื่อเผชิญหน้ากับแรงบดขยี้รุนแรง โล่ที่มีจึงไร้ประโยชน์ อี้ฝานวางมันลงด้านหลัง ก่อนจะพุ่งออกไปพร้อมจับค้อนไว้ในมือทั้งสอง
สันชาตญาณที่หลับใหลอยู่ในร่างกายตื่นขึ้น! ภายใต้การโจมตีรุนแรงของศัตรู ทำให้เขาหาช่องว่างในการหลบหนีได้ อีกทั้งยังสามารถโจมตีโต้กลับได้อีกด้วย เวลานี้เขามาหยุดยืนที่ข้อเท้าของนักรบโลหะทมิฬแล้ว
ด้านหลังของเท้าซ้ายและขวาของนักรบโลหะทมิฬ แต่ละข้างมีวงแหวนเวทไม่สมประกอบ ในเวลานี้ไฟสีน้ำเงินสว่างวาบขึ้น เมื่อรับชมอย่างใกล้ชิดแล้ว อี้ฝานรู้สึกคุ้นเคยกับวงแหวนเวทนี้อย่างบอกไม่ถูก เขายกค้อนขึ้นพร้อมทุบตีลงอย่างรุนแรงที่ข้อเท้าด้านขวา
ตูม!
เกิดประกายไฟขึ้นมาทันที แรงปะทะทำให้มือของอี้ฝานชาไปถึงหัวไหล่ แต่ด้วยการโจมตีคราวนี้กลับทำให้นักรบโลหะทมิฬบ้าคลั่งมากกว่าเดิม
ได้ผล!
อี้ฝานเผยจิตใจสงบนิ่ง เขาตั้งสติและจดจ่ออยู่กับการจัดการนักรบโลหะทมิฬตรงหน้า
เขายกค้อนในมือขึ้นอีกครั้งแล้วทุบมันลงครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดเปลวไฟสีน้ำเงินที่เท้าขวาของนักรบโลหะทมิฬก็ดับลง ในขณะนี้ราวกับว่ามันสูญเสียกำลัง ข้อเท้าของนักรบโลหะทมิฬทรุดขอ ร่างของมันล้มลง เข่าข้างหนึ่งทุบพื้นรุนแรง
อี้ฝานเดินไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว เขามองหาโอกาสและจับจ้องวงแหวนเวทด้านซ้ายที่ยังเปล่งประกายอยู่ เวลานี้เขาเงยหน้าขึ้น และพบวงแหวนเวทที่เหมือนกันอยู่บนแผ่นหลังของมันอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม เวลานี้เขาไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับวงแหวนเวทอีกต่อไป จึงกระชับอาวุธในมือแล้วปีนขึ้นไปบนร่างสูงของมันตามรอยแตกบนท่อนขาของชุดเกราะหุ่นกลตัวนี้!
หลังจากที่เขาปีนขึ้นมาได้สักครู่หนึ่ง เท้าขวาของนักรบโลหะทมิฬพลันฟื้นคืนพลังกลับมา วงแหวนเวทกลับมาส่องสว่างอีกครั้ง!
“มันควรจะมีบางส่วนที่สามารถปิดการทำงานของมันได้”
อี้ฝานบ่นพึมพำ
“น่าจะเป็นศูนย์กลาง… นั่นน่าจะเป็นแหล่งกำเนิดพลังงานของมัน”
เขาเข้าใจบางอย่างชัดเจน และมีความรู้สึกคลุมเครือถึงอดีตอันแสนยาวนาน… ความทรงจำเมื่อครั้งยังมีชีวิต ราวกับว่าเขาเคยจัดการกับหุ่นกลที่คล้ายคลึงกับนักรบโลหะทมิฬเหล่านี้มาก่อน?
และข้อเท็จจริงก็สามารถพิสูจน์ว่าการคาดเดาของอี้ฝานนั้นถูกต้อง อี้ฝานดับวงแหวนเวททั้งหมดที่เปล่งประกายสีน้ำเงินบนร่างกายของนักรบโลหะทมิฬ จากนั้นเขาก็ได้พบกับแหล่งกำเนิดพลังงานของมัน
มันคือผลึกแก้วภายในหน้าอก ฝังอยู่ภายในชุดเกราะของนักรบโลหะทมิฬ และได้รับการปกป้องด้วยปราการลำแสงจากด้านนอก
แต่แสงของผลึกแก้วนี้นับว่าอ่อนแอลงมากแล้ว แม้แต่ม่านลำแสงก็ยังเปราะบาง สุดท้ายอี้ฝานสามารถทุบมันได้เพียงใช้เวลาชั่วครู่เท่านั้น เขาขุดผลึกแก้วนี้ออกมา
ตูม!
ทันทีที่ผลึกแก้วถูกขุดออกมาด้านนอก นักรบโลหะทมิฬผู้ยิ่งใหญ่ราวเทพเจ้าแห่งสงครามพลันคุกเข่าลงราวกับสูญเสียจิตวิญญาณทั้งหมดไป ก่อนจะทรุดตัวล้มลงกับพื้น
มันเปรียบได้กับก้อนดินที่ถูกแช่แข็งโดยสังสารวัฏไร้สิ้นสุด เวลานี้ถูกซัดสาดด้วยคลื่นพลังงานไร้ลักษณ์ พังทลายกลายเป็นฝุ่นสีขาวจางหายไป
อี้ฝานถือผลึกแก้วไว้ในมือก่อนจะเฝ้ามองฝุ่นผงสีขาวที่ถูกพัดพาไปตามลม เมื่อทุกสิ่งสูญสลายสิ้นแล้ว ผลึกแก้วในมือของเขากลับเปล่งประกายเจิดจ้าขึ้นมาอีกครั้ง
ลำแสงมากมายกำลังหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของเขา มันเป็นพลังงานมหาศาลที่ไม่อาจคาดเดาได้ ดูเหมือนว่าความสามารถของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน
เมื่อเขาลุกขึ้นจากพื้น ผลึกแก้วในมือดับวูบลง เขาลองบีบมันอย่างเบามือ จนมันแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ทันที
อี้ฝานปัดฝุ่นบนร่างกายก่อนจะมองไปยังสถานที่ที่นักรบโลหะทมิฬเคยยืนอยู่
ดาบสีดำขนาดใหญ่ยังคงอยู่ตรงนั้น!