ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 651 องค์หญิงแห่งแสงสว่าง
บทที่ 651 องค์หญิงแห่งแสงสว่าง
บทที่ 651 องค์หญิงแห่งแสงสว่าง
อี้ฝานตื่นขึ้นจากความทรงจำของอีกฝ่าย ก่อนจะมองศพไร้ศีรษะของเจ้าแห่งยมโลกบนพื้น
ในวันสิ้นโลก ทุกสิ่งไร้ซึ่งระเบียบแบบแผน แม้อี้ฝานจะสังหารเขาแล้ว ทว่าเขายังสามารถฟื้นคืนชีพในยมโลกได้ทันทีในรูปแบบของจิตวิญญาณที่ตายตก
แต่นักรบเหล่านี้เคยแบ่งวิญญาณของตนในตอนต้นของยุคแสงสว่าง วิญญาณเหล่านั้นมีพลังมหาศาล และมันถูกใช้แทนที่วิญญาณแก่นแท้ในร่างกายของพวกเขาเป็นเวลานาน เมื่ออี้ฝานสังหารเขาแล้ว วิญญาณเหล่านั้นจะถูกส่งกลับไปยังเจ้าของเดิม เช่นนี้เขาจึงเหลือเพียงกายเนื้อ และไม่สามารถฟื้นคืนชีพได้อีกครั้ง
“เรื่องมันน่าเศร้านัก”
จอมเทพอสูรมองศพของเจ้าแห่งยมโลกบนพื้น มันหัวเราะขบขันก่อนจะกล่าวต่อ
“หนึ่งในผู้ยิ่งใหญ่ที่ปกครองยุคแห่งแสงสว่างพบจุดจบที่เลวร้ายยิ่งกว่าเหล่าอสูรเสียอีก”
“นั่นคือสิ่งที่คนทรยศสมควรได้รับ”
ในฐานะเหยื่อความโลภ อี้ฝานจึงไม่คิดเห็นอกเห็นใจคนเหล่านี้
“เจ้าคิดทำสิ่งใด?”
จอมเทพอสูรกล่าวถามอย่างมีความหวัง
“แม้ว่าเจ้าแห่งยมโลกจะสิ้นชีพ แต่จ้าแห่งไฟและโลหะยังคงอาศัยอยู่ในส่วนลึกของเทือกเขารกร้างทางตะวันตก เจ้าแห่งภูตยังคงสนุกสนานอยู่ภายในเทวาลัย ณ ป่าตะวันออก และเจ้าแห่งรุ่งอรุณผู้ฉวยโอกาสยังคงอาศัยอยู่ภายในวังเทวาลัย เจ้าคิดแก้แค้นพวกเขาเหล่านั้นหรือไม่?”
“แก้แค้น? นั่นเป็นเรื่องของข้า”
อี้ฝานหันกลับมาพร้อมกับดึงดาบใหญ่บนพื้น
“ตอนนี้ ข้าต้องกำจัดเจ้าก่อน!”
“กำจัดข้า?”
จอมเทพอสูรจ้องมองอี้ฝานหลังจากที่อีกฝ่ายดูดซับวิญญาณของเจ้าแห่งยมโลก ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะยังขัดเกลาพลังนั้นได้ไม่เต็มที่นัก
แม้ว่าจะเป็นจอมเทพอสูรที่เคยปกครองยุคมืด แต่ในปัจจุบันก็ยังไม่แข็งแกร่งนัก และไม่มีโอกาสที่จะเอาชนะอี้ฝานในตอนนี้ได้เลย
“แต่เป้าหมายของข้าเสร็จสิ้นแล้ว”
จอมเทพอสูรจ้องมองความเกรี้ยวกราดในแววตาของอี้ฝานด้วยความพึงพอใจ มันคือความมืดมิดที่เขารักใคร่ ตราบเท่าที่ความมืดยังคงอยู่บนโลก หากสูญเสียผลประโยชน์ส่วนตัวสักหน่อยมันก็ไม่สำคัญอะไร
ในวันที่ความมืดปกคลุมโลกอีกครั้ง มันจะกลับมาเป็นจอมเทพอสูรโดยธรรมชาติ
“เช่นนั้นก็ลงมือเลย! นักรบแห่งรุ่งอรุณ!”
จอมเทพอสูรยกไม้เท้ากระดูกขึ้นพร้อมระเบิดเสียงหัวเราะอย่างยินดี
“ข้าก็อยากจะทราบเช่นกันว่าเจ้ายังมีเรี่ยวแรงอยู่เท่าใด!”
…
ตูม!
ในส่วนลึกของปรโลกอันมืดมิด จู่ ๆ ก็ได้มีแสงสว่างปะทุขึ้นในเทวาลัยของเจ้าแห่งยมโลก
คราวแรก ลำแสงนั้นคือแสงศักดิ์สิทธิ์พิสุทธ์ ก่อนจะกลายเป็นเปลวเพลิงสีแดงเข้มโหมกระหน่ำ ต่อมาพลังแห่งความตายสีม่วงเข้มที่เป็นพลังดั้งเดิมของเจ้าแห่งยมโลกแผ่ขยายปกคลุมทั่วท้องฟ้า
พลังแห่งความตายนับไม่ถ้วนกลายเป็นลูกศรห่าฝน ร่วงหล่นจากท้องฟ้าปกคลุมแผ่นดินของยมโลก มันไม่เลือกศัตรูและทิ่มแทงทุกสิ่งที่ขวางหน้า
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นราวกับว่าเจ้าแห่งยมโลกยังไม่สิ้นชีพ และจอมเทพอสูรที่ยึดครองบัลลังก์ของเจ้าแห่งยมโลกพ่ายแพ้
ลำแสงแปรเปลี่ยนหลายครั้งในความมืดไร้สิ้นสุดภายในส่วนลึกของเทวาลัยเจ้าแห่งยมโลก ทั้งสองปะทะกันอย่างดุเดือดเป็นเวลานาน ความมืดเริ่มจางหายไปและท้องฟ้าของยมโลกเปล่งแสงสีแดงสลัวเจือจาง
ความมืดมิดลึกล้ำกลับเจือจางลง เดิมทีมันปกคลุมทั่วยมโลก ก่อนจะเริ่มถอยกลับไปยังเขตแดนอันไกลโพ้นของยมโลก
ภายในเทวาลัยเจ้าแห่งยมโลก อี้ฝานดึงดาบใหญ่ที่เต็มไปด้วยพลังแห่งความตายสีม่วงเข้มออกจากกลางลำตัวของจอมเทพอสูร
“ไม่ว่าจะอีกสักกี่ครั้ง ข้าก็จะสังหารเจ้า!”
เขาก้มศีรษะลงพร้อมกล่าวกับจอมเทพอสูร
“จงกลับสู่ความมืดที่เจ้าเคยจากมา นั่นคือสถานที่ที่เจ้าสมควรอยู่”
“ฮ่า ๆ ความจริงแล้วการกลับสู่ความมืดคือเป้าหมายของเขา…”
จอมเทพอสูรเผยรอยยิ้มอ่อนแรงบนใบหน้าขณะนอนทรุดอยู่กับพื้น
“แต่คราวนี้เจ้าจะไม่อาจหยุดยั้งความมืดได้ นักรบแห่งรุ่งอรุณ แม้เจ้าจะเป็นผู้ก่อตั้งยุคแห่งแสงสว่าง แต่การมาถึงของยุคมืดคือชะตากรรม เจ้าไม่สามารถหยุดมันได้!”
ร่างของมันค่อย ๆ สูญสลายและจมลงไปในพื้น แต่มันก็ยังใช้พลังเฮือกสุดท้ายเพื่อกล่าวกับอี้ฝาน
“ข้าจะรอคอยวันที่ความมืดปกคลุมโลกใบนี้อีกครั้ง และข้าจะผ่าอกของเจ้าด้วยมือข้าเอง… แล้วค่อยใช้อวัยวะภายในของเจ้ามาขึ้นโต๊ะในงานเลี้ยงฉลอง!”
เกิดเสียงดังสนั่น
ร่างของมันสูญสลายหายไป และมีกุญแจดอกหนึ่งที่ทรุดโทรมถูกทิ้งไว้บนพื้นที่จอมเทพอสูรเคยนอนอยู่ก่อนหน้า!
กุญแจนี้คล้ายกับใช้เปิดกรงหรือห้องใดห้องหนึ่ง อี้ฝานหยิบมันขึ้นมาก่อนจะเดินไปรอบ ๆ เทวาลัย ในที่สุดเขาพบเจอห้องเล็ก ๆ ด้านหลังของบัลลังก์เจ้าแห่งยมโลก
เขาลองใช้กุญแจดอกนี้เปิดมัน และมันสามารถเปิดได้! ใจกลางของห้องมีวงแหวนเวทพิสุทธิ์ปรากฏอยู่ และวงแหวนเวทเหล่านี้กำลังปกป้องสาวน้อยงดงามในชุดที่สง่างาม
เมื่อเห็นความงดงามของคนผู้นี้ อี้ฝานจึงคาดเดาในใจ… หลายหยา อดีตทาสรับใช้ได้บุกรุกเข้าสู่ยมโลก และถูกกลืนกินโดยอสูรที่ยืนเฝ้าประตู นางมาเพื่อตามหา ‘หญิงผู้สูงศักดิ์’ ที่ออกจากเทวาลัยและมาพบเจอกับเจ้าแห่งยมโลก เมื่อมองเสื้อผ้างดงามบนร่างกายนี้ ใบหน้าที่ยิ่งมองยิ่งงดงาม แสงแห่งรุ่งอรุณปกป้องนางเอาไว้บนพื้นดิน ดูเหมือนว่านางจะเป็น ‘หญิงผู้สูงศักดิ์’ ที่หลายหยากำลังตามหา
การเคลื่อนไหวของอี้ฝานทำให้สาวน้อยพลันประหลาดใจ นางเงยหน้ามองอี้ฝานด้วยความสับสน
“ท่านนักรบ ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร?”
ก่อนที่อี้ฝานจะทันได้กล่าว หญิงสาวก็กล่าวขึ้นก่อนเขา
“มีอสูรชั่วร้ายอยู่ด้านนอก แม้ลุงแห่งความตายจะพ่ายแพ้ แต่ข้าก็จะถูกมันกักขังไว้ในสถานที่แห่งนี้… ท่านนักรบ หรือท่านสามารถเอาชนะอสูรตนนั้นแล้วช่วยเหลือข้าเอาไว้?”
อี้ฝานไม่ตอบกลับ แต่ถามออกไปว่า
“เจ้าเป็นใคร? เข้ามาอยู่ในสถานที่อันตรายเช่นนี้ได้อย่างไร?”
“โอ้ ต้องขอโทษแล้วที่ข้าไม่ทันได้แนะนำตัว”
หญิงสาวลุกขึ้นจับชายกระโปรงพร้อมโค้งคำนับให้กับอี้ฝานอย่างสุภาพ
“ข้าคือองค์หญิงแห่งวังเทวาลัย เป็นธิดาของเจ้าแห่งรุ่งอรุณ นามของข้าคือจั้วซีเอ๋อร์ เป็นองค์หญิงแห่งแสงสว่าง และข้ามาที่นี่เพื่อตามหาท่านแม่ที่อาศัยอยู่ในสถานที่แห่งนี้ตามลำพัง เมื่อแสงค่อย ๆ จางลง ท่านแม่ของข้าจึงสละบัลลังก์และย้ายไปอยู่ใต้ดินมืดมิดเพียงผู้เดียว”
“บุตรสาวของซีเอ๋อร์เส้อ?”
อี้ฝานมองนางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
นี่คือบุตรสาวของศัตรู แม้จะไม่ทราบว่าผู้ใดริเริ่มการทรยศเขา แค่อี้ฝานคาดเดาว่าบุคคลผู้นั้นน่าจะเป็นเจ้าแห่งรุ่งอรุณ ซีเอ๋อร์เส้อซึ่งครองตำแหน่งเจ้าแห่งรุ่งอรุณและปกครองโลกใบนี้
อย่างไรก็ตาม ความทรงจำของอี้ฝานยังไม่สมบูรณ์นัก แม้เขาจะจดจำเรื่องราวมากมายจากคำบอกเล่าของจอมเทพอสูร แต่ความทรงจำเหล่านั้นไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับซีเอ๋อร์เส้อมากนัก
เขาจดจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าใบหน้าของซีเอ๋อร์เส้อเป็นอย่างไร
เขาควรสังหารนางเพื่อระบายความขุ่นแค้นนี้หรือไม่?
อี้ฝานนึกคิดในใจ แต่สุดท้ายเขาล้มเลิกความคิด
การรังแกเด็กสาวไร้เดียงสาไม่ใช่สิ่งที่นักรบพึงกระทำ
“เจ้ามีคนรับใช้นามว่าหลายหยาหรือไม่?”
อี้ฝานกล่าวถามกับจั้วซีเอ๋อร์
“หลายหยา? ท่านทราบได้อย่างไร? หรือว่าท่านได้พบกับนาง?” จั้วซีเอ๋อร์กล่าวอย่างตื่นเต้น “อืม หลายหยาเป็นสหายของข้า ข้าเติบโตมาพร้อมกับนาง และนางเป็นผู้พิทักษ์ข้าด้วยเช่นกัน อ่า แต่ว่าคราวนี้ข้าลอบออกจากตำหนัก หลายหยาคงจะออกตามหาข้าแล้ว ท่านพบเจอนางงั้นหรือ? นางอยู่ที่ใด?”
จากนั้นอี้ฝานจึงเล่าเรื่องน่าอับอายให้จั้วซีเอ๋อร์ฟัง เพราะหลายหยาถูกอสูรกลืนลงท้อง ก่อนจะคายออกมาอย่างกระเสือกกระสน แล้วจากนั้นจึงบอกกล่าวกับจั้วซีเอ๋อร์ว่า
“ในยุคนี้ ไม่มีที่ใดปลอดภัยอีกแล้ว แต่ข้ารู้จักสถานที่ที่ค่อนข้างจะปลอดภัยสักหน่อย ทำไมเจ้าไม่ไปอยู่ที่นั่นก่อนล่ะ? หลังจากข้าพบเจอหลายหยาแล้ว ข้าจะบอกกล่าวกับนางเองว่าเจ้าอยู่ที่ใด”