ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 656 เจ้าแห่งเพลิงและโลหะ
บทที่ 656 เจ้าแห่งเพลิงและโลหะ
บทที่ 656 เจ้าแห่งเพลิงและโลหะ
หลังจากที่ราชาคนแคระตายไป วิญญาณเขาก็ออกจากร่างไปล่องลอยอยู่ในอากาศ
วิญญาณนี้ประกอบด้วยพลังสองสี หนึ่งคือสีแดงเพลิง ซึ่งอาจเป็นพรที่เจ้าแห่งเพลิงและโลหะมอบให้ มันลอยวนเวียนรอบตัวพวกเขาทั้งสอง ราวกับนกน้อยแสนเหนื่อยล้าที่ได้กลับสู่รัง และเริ่มแยกตัวออกจากวิญญาณอีกสีหนึ่ง ก่อนจะลอยล่องเข้าไปในร่างกายของอี้ฝาน
ส่วนวิญญาณสีเทาอีกดวงที่เป็นของราชาคนแคระก็พุ่งเข้าสู่ร่างของฮั่วฉีหลังจากวนเวียนไปมาสองสามครั้ง
สติของทั้งสองคนถูกดึงเข้าไปในภวังค์ของความทรงจำครั้งอดีตในเวลาเดียวกัน
อี้ฝานได้เห็นยุคที่แสงสว่างของโลกริบหรี่ลง ทุกอาณาจักรบนโลกเริ่มปรากฏดินแดนอันไร้ซึ่งแสงสว่าง อสูรอันบิดเบี้ยวหรือที่เรียกกันว่า อสูร ปรากฏตัวขึ้นมา และสังหารทุกชีวิตอย่างไม่เลือกหน้า
ดังนั้น… เพื่อเสริมพลังแห่งแสงสว่างให้กับอาณาจักรของตน เจ้าแห่งรุ่งอรุณจึงสั่งให้กองทัพของเมืองหลวงหมิงกวงออกโจมตีอาณาจักรคนแคระในภูเขาทางตะวันตก และอาณาจักรภูตในป่าทางตะวันออกพร้อมกัน
สามเผ่าที่เคยเป็นพันธมิตรต่อกันจึงเลือกจะต่อสูฆ่าฟันกันเองเพื่อความอยู่รอดบนเขตชายแดน และเพื่อแย่งชิงแสงสว่างของกันและกัน
เจ้าแห่งรุ่งอรุณแห่งวังเทวาลัยได้สร้างบัลลังก์สังเวยมนุษย์ขนาดเล็ก… คล้ายกับบัลลังก์ของอี้ฝานในเมืองหลวงหมิงกวงจำนวนนับไม่ถ้วน กองทัพของเมืองหลวงหมิงกวงได้นำเชลยมารับหน้าที่เป็นผู้เสียสละ สังเวยเสริมพลังแห่งแสงสว่างให้กับอาณาจักรแห่งนี้
ในบรรดาทวยเทพเสาหลักทั้งสามคน เจ้าแห่งรุ่งอรุณนั้นทรงพลังที่สุด กองทัพที่อยู่ภายใต้ของเขาเองก็แข็งแกร่งที่สุดเช่นกัน ดังนั้นเหล่าคนแคระ ยักษ์ และเอลฟ์ก็ค่อย ๆ เพลี่ยงพล้ำให้กับการโจมตีของเมืองหลวงหมิงกวง เพื่อพลิกสถานการณ์ของสงคราม เจ้าแห่งเพลิงและโลหะได้เกลี้ยกล่อมให้ราชาคนแคระตัดสินใจสังเวยชีวิตเซ่นสรวงแก่ตนเช่นกัน!
เขาโยนเหล่าคนยากไร้ในอาณาจักรตนและเชลยศึกต่างเผ่าเป็นเครื่องสังเวยให้กับเจ้าแห่งเพลิงและโลหะ หลังจากที่เจ้าแห่งเพลิงและโลหะได้กลืนกินวิญญาณของคนเหล่านี้แล้ว พลังของเขาก็ยิ่งเพิ่มขึ้น ส่งผลให้พรที่มอบให้กับกองทัพของคนแคระและยักษ์แข็งแกร่งขึ้น พวกเขาพึ่งพาสิ่งนี้เพื่อต่อกรกับเมืองหลวงหมิงกวง จนสุดท้ายแม้ทุกคนสูญสิ้นสติ สถานการณ์เช่นนี้ก็ยังคงดำเนินต่อไป
หลังจากได้สติขึ้นมาจางห้วงของความทรงจำ อี้ฝานก็มองไปยังฮั่วฉีที่มีสีหน้าสลับซับซ้อน
เขาไม่ได้ร้องไห้ออกมา ทว่าเมื่อมองดูแล้วกลับเห็นได้ถึงความเศร้าโศกเป็นอย่างมาก
“ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของทวยเทพ”
อี้ฝานกล่าว
“สำหรับพวกเขา คนของเผ่าเจ้าล้วนสำคัญน้อยกว่าพวกตนเองมากนัก”
“ข้ารู้”
ฮั่วฉีตอบกลับด้วยเสียงแผ่วเบา
“เป็นทวยเทพที่จุดชนวนความขัดแย้งขึ้นมา! เรื่องการเซ่นสรวงก็เป็นสิ่งที่ทวยเทพเริ่มขึ้นมาเช่นกัน!! น้องชายของข้าไม่มีทางเลือก”
“ผิดแล้ว เขายังมีอีกหนึ่งททางเลือก”
อี้ฝานกล่าวกับเขา
“วิธีนั้นคือการสังหารเจ้าแห่งเพลิงและโลหะ แล้วแทนที่เขา!”
“จะเป็นไปได้อย่างไร? นั่นคือทวยเทพเชียวนะ“
ฮั่วฉีเอ่ยถามกับอี้ฝาน
“มนุษย์จะสามารถสังหารทวยเทพได้หรือ?”
“ทวยเทพ? นั่นเป็นเพียงสิ่งที่พวกเขาสถาปนาตนขึ้นมา แต่เดิมแล้วพวกเขาก็คือมนุษย์”
อี้ฝานยืดข้อมือของตนเอง
“ถ้าเจ้าทำไม่ได้ เจ้าก็ให้ข้าช่วยทำแทนให้ได้ แต่เพื่อเป็นข้อแลกเปลี่ยน ฮั่วฉี ข้าต้องการให้เจ้าสนับสนุนข้าเรื่องอุปกรณ์”
ฮั่วฉียืนนิ่งอยู่นาน
ความคิดของเขาตีรวนกันอยู่ในหัว ด้านหนึ่งเขาชิงชังเจ้าแห่งเพลิงและโลหะและเจ้าแห่งรุ่งอรุณที่นำพาอาณาจักรของเขามาถึงจุดนี้เข้ากระดูก ในทางกลับกัน เจ้าแห่งเพลิงและโลหะก็เป็นผู้ที่เขาเคารพบูชามาตั้งแต่เด็กด้วยความเชื่อที่ฝังลึกของเหล่าคนแคระและยักษ์
อี้ฝานไม่เร่งรีบ เขายืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้ารออย่างอดทน
หลังจากผ่านไปไม่รู้นานเท่าใด ในที่สุดฮั่วฉีก็กลับมาตอบสนอง
เขาถอดชุดเกราะและหยิบขวานออกจากสองมือของน้องชาย จากนั้นก็หยิบหินเหล็กไฟออกมา ประกอบกับสิ่งของที่ไม่รู้ว่าเขาหามาจากไหนสร้างเป็นเตาตีเหล็ก ใช้ชุดเกราะและอาวุธของราชาคนแคระเป็นวัตถุดิบเริ่มดำเนินการประกอบสร้าง
เสียงเคาะดังขึ้นมาเป็นจังหวะ ชุดเกราะสีดำเข้มค่อย ๆ ก่อขึ้นเป็นรูปร่างด้วยฝีมือของฮั่วฉี
“ชุดเกราะนี่สำหรับเจ้า”
หลังจากสร้างขึ้นมาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฮั่วฉีก็มอบชุดเกราะนี้ให้กับอี้ฝาน
“ได้โปรดช่วยข้า สังหารเจ้าแห่งเพลิงและโลหะและเจ้าแห่งรุ่งอรุณให้ได้นะ!”
อี้ฝานมองเขาครั้งหนึ่ง ก่อนจะรับชุดเกราะมา
“ตกลง ข้ายอมรับคำขอนี้! ฮั่วฉี เจ้ากลับไปรอที่สุสานก่อนแล้วรอฟังข่าวคราวจากข้า”
หลังจากอำลาฮั่วฉีแล้ว อี้ฝานก็มองหามุมสงบสำหรับสวมชุดเกราะและอาวุธ ก่อนจะเดินไปยังแท่นบูชาอันเป็นที่อยู่ของเจ้าแห่งเพลิงและโลหะ
หลังจากที่ฟื้นความทรงจำขึ้นมาบางส่วนแล้ว ความรู้สึกของอี้ฝานต่อวิญญาณที่เคยเป็นของตนก็ยิ่งไวต่อสัมผัสมากยิ่งขึ้น เขารับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าใจกลางใต้ดินของอาณาจักรแห่งนี้มีส่วนหนึ่งของวิญญาณตนอยู่ที่นั่น เพียงแต่วิญญาณส่วนนี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกลางความโกลาหล เหมือนถูกบางสิ่งเข้ามาผสมปนเป
อี้ฝานก้าวเข้าไปในใต้ดินอันไร้แสงสว่าง ทั้งยังมีอสูรและนักรบบางส่วนคอยปกป้องเจ้าแห่งเพลิงและโลหะ ทว่าก็ไม่มีใครสามารถหยุดยั้งเขาได้
ใช้เวลาเพียงไม่นาน ชายเกศาขาวก็มาถึงบริเวณใกล้แท่นบูชา
อี้ฝานก้าวขึ้นไปบนแท่นบูชา ก้าวแรกที่เหยียบย่าง ความมืดลึกล้ำหลังแท่นบูชาพลันปรากฏดวงไฟลุกโชนขึ้น
กลิ่นไหม้เหม็นคาวรุนแรงคละคลุ้ง ขณะที่แขนขนาดใหญ่พาดลงมาบนแท่นบูชา ตามมาด้วยแรงสั่นจนพื้นสะเทือน ก่อนที่แววตาของอี้ฝานจะค่อย ๆ ปรากฏร่างของอสุรกายพุงพลุ้ยที่มีปากฉีกลงมาจนถึงคอ ข้อต่อเต็มไปด้วยเปลวไฟลุกโชน
แม้มันจะสูญเสียรูปลักษณ์ดั้งเดิมไปนานแล้ว ทว่าอสูรตัวนี้ยังคงถือค้อนขนาดใหญ่อยู่ในมือ ทำให้อี้ฝานจดจำถึงตัวตนของมันได้
“ถ่อมตน ภักดี อดทน มานะ ประมาณตน ดูแล เมตตา”
…
“ข้าสาบานว่าจะธำรงไว้ซึ่งคุณธรรมและเจตจำนงตลอดกาล!”
หลังจากอสูรปรากฏตัว เสียงที่คอยหลอกหลอนอี้ฝานก็ดังอื้ออึงขึ้นมาในหูของเขาอีกครั้ง หลังจากไตร่ตรองดูแล้ว แท้จริงอาการหลอนหูนี้เกิดขึ้นจากการได้ใกล้ชิดกับวิญญาณของตนนั่นเอง
หากแต่ในครั้งนี้ เขาสามารถเผชิญหน้ากับอาการหลอนหูได้อย่างปกติ ไม่มีอาการวิงเวียนหัวอีก
“ธำรงไว้ซึ่งคุณธรรมและเจตจำนงตลอดกาลงั้นหรือ?”
เมื่อมองไปที่อสูรพุงพลุ้ย อี้ฝานก็กล่าวออกมาอย่างเยาะเย้ย
“ดูสภาพเจ้าในตอนนี้สิ พูดอย่างไรก็ไม่น่าเชื่อถือเอาเสียเลย ซือไน่เต๋อ”
“โฮก!”
เพราะกลืนกินวิญญาณจำนวนมากเกินไปทำให้เกิดความสับสนอลหม่าน วิญญาณของเจ้าแห่งเพลิงและโลหะจึงได้สูญสลายไปนานแล้ว ทว่ามันกลับคล้ายถูกชื่อที่เรียกออกมากระตุ้นให้ดุร้ายมากยิ่งขึ้น ซือไน่เต๋อ เจ้าแห่งเพลิงและโลหะจึงส่งเสียงคำรามที่ปะปนมาพร้อมกลิ่นเหม็นและประกายไฟ พร้อมจับจ้องมาทางอี้ฝาน
อี้ฝานชักดาบใหญ่ออกมาฟันออกไปตัดมือของเจ้าแห่งเพลิงและโลหะ ทว่ามือที่ถูกตัดออกนั้นกลายเป็นเปลวไฟพุ่งกลับไปแล้วงอกคืนกลับมาเป็นมือของเจ้าแห่งเพลิงและโลหะทันที
อสูรตัวอ้วนเหวี่ยงค้อนของมันพุ่งเข้าใส่อี้ฝาน พลังของมันแข็งแกร่งกว่าราชาคนแคระ การเคลื่อนไหวแม้จะเกิดจากร่างอ้วนท้วมก็ยังดูว่องไวเป็นอย่างยิ่ง เส้นวิถีของการกวัดแกว่งค้อนเกิดเป็นเพลิงร้อนแรงลุกโชนขึ้นมาแผดเผาพื้นที่โดยรอบ
อี้ฝานยกโล่ขึ้น ใช้พลังที่ได้จากนักรบแห่งขุนเขามาต้านทานเปลวเพลิง ก่อนจะเหวี่ยงดาบใหญ่ส่งพลังอันเกรี้ยวกราดออกไป แต่กลับไม่อาจปราบปรามเจ้าแห่งเพลิงและโลหะที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมากนี้ได้