ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 84 สู้กับไก่
บทที่ 84 สู้กับไก่
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์กับเม็ดยาเรียบร้อยแล้ว ไป๋ชิวหรานจึงได้พาถังรั่วเวยไปยังจุดนัดพบของสำนักกระบี่ชิงหมิง
ถังรั่วเวยกำลังจะออกเดินทางพร้อมกลุ่มสำรวจ ถึงแม้ไป๋ชิวหรานจะไม่ได้บอกว่าจะไปด้วย แต่ก็ต้องไปส่งกลุ่มเด็กเหล่านี้ในนามของสำนักกระบี่ชิงหมิง
แน่นอนว่าชายหนุ่มอยากเข้าไปสำรวจถ้ำ เจ้าสำนักเจวี๋ยอวิ๋นจื่อจึงติดตามไปด้วย หลังจากไป๋ชิวหรานเข้าไปแล้ว เขาจะเป็นคนออกนำต่อเอง
เป็นเรื่องน่าอายที่ให้ลูกศิษย์ขี่กระบี่บินขึ้นไปเหนือสำนักกระบี่ชิงหมิงเพียงลำพัง ไป๋ชิวหรานที่กำลังจะเดินอยู่นั้น… ปรากฏเงาสีดำพุ่งตรงเข้ามา!
“ไอ้แก่ตายยาก เตรียมรับมือ!”
ร่างสีดำตัวเล็กตะโกนเสียงดังขณะกระโดดขึ้นสูงก่อนจะเตะไปที่หน้าของไป๋ชิวหราน
ไป๋ชิวหรานตบหน้านางกลับโดยไม่รู้ตัว เงาสีดำกลิ้งลงไปที่พุ่มไม้ริมถนน จากนั้นเด็กผู้หญิงอายุประมาณสิบสองถึงสิบสามปีก็ปรากฏตัวขึ้น นางสวมชุดและเครื่องประดับสีฟ้า เวลานี้นางจับศีรษะของตัวเองพร้อมร้องออกมาอย่างเจ็บปวด
“อ๊ะ?”
เมื่อเห็นสตรีน้อยผู้นั้น ไป๋ชิวหรานก็ชะงักไปชั่วครู่
“ไข่น้อย นั่นเจ้าหรือ?”
“อะไรคือไข่น้อย?”
ถังรั่วเวยตกใจขึ้นมาทันที
“อาจารย์ ศิษย์พี่หญิงคนนี้คือชิงตานอิ๋ง หนึ่งในผู้พิทักษ์สัตว์อสูรของสำนักกระบี่ชิงหมิง”
“ข้าทราบอยู่แล้ว”
ไป๋ชิวหรานพยักหน้า ขณะเดียวกัน ชิงตานอิ๋งก็ลุกขึ้นตบฝุ่นรอบตัวออก แล้วตะโกนขึ้นด้วยความโกรธจัด ยกแขนขึ้นทำท่าทีชกต่อย
“สุนัขขี้ขโมย! ดูกระบวนท่าใหม่ของข้าให้ดี!”
ชิงตานอิ๋งตะโกนใส่ไป๋ชิวหรานอย่างโกรธเกรี้ยว
“นี่คือวิชาร้ายกาจของเผ่าวิหคอมตะ มีพลังเพียงพอที่จะสังหารเทพเจ้า หรือสังหารภูต! วิชานี้จะทำให้เจ้าต้องร้อง!”
“ไข่น้อย”
ไป๋ชิวหรานกล่าวกับนางเบา ๆ
“เจ้าเป็นไก่ จะไปเรียนวิชาวิหคอมตะ…”
“หุบปาก!”
ใบหน้าชิงตานอิ๋งเปลี่ยนเป็นสีแดงจากความโกรธ
“รับนี่ไปกิน วิชาวิหคอมตะข้ามสวรรค์…”
นางกระโดดขึ้นสูง ร่างปกคลุมไปด้วยเพลิงสีเขียวมรกต สะบัดหางไปมากลางอากาศสองสามทีแล้วพุ่งโจมตีไปยังใบหน้าของไป๋ชิวหราน!
ถึงแม้ท่าเตะนี้จะดูตลกเล็กน้อย แต่พลังก็นับว่าแกร่งกล้า ในฐานะที่เป็นหนึ่งในสัตว์ที่ปกป้องสำนัก พลังของนางจึงอยู่ถึงขั้นปฐมวิญญาณ หากลูกเตะนี้โดนยอดเขาเข้าคงแตกละเอียดแน่นอน ยังไม่รวมเปลวเพลิงสีเขียวมรกตที่ชิงตานอิ๋งปล่อยออกมาเสริมพลังอีก!
แต่น่าเสียดายที่เป้าหมายของนางคือไป๋ชิวหราน สัตว์ประหลาดที่มีอายุกว่าสามพันปี
ก่อนที่ชิงตานอิ๋งจะส่งลูกเตะออกไป ไป๋ชิวหรานซึ่งเดาทิศทางกับกระบวนท่าทั้งหมดออก ก็คว้าข้อเท้าของนางไว้มั่นก่อนจะเหวี่ยงลงพื้นอย่างง่ายดาย
สำหรับเปลวเพลิงสีเขียวมรกต ไป๋ชิวหรานกระแทกมันขึ้นไปบนท้องฟ้าจนทำให้ก้อนเมฆด้านบนเกิดรูขนาดใหญ่ก่อนจะระเบิดออกเป็นดอกไม้ไฟสีเขียว
“แม่หนูน้อย หากคิดจะเตะข้า เช่นนั้นจงกลับไปฝึกอีกสักสองสามพันปีเถอะ”
ไป๋ชิวหรานเขย่าชิงตานอิ๋งก่อนจะโยนนางทิ้งไป
สตรีน้อยผู้นั้นหอบด้วยความเจ็บปวด หลังจากกลิ้งตัวบนพื้นสองสามครั้งแล้วลุกขึ้นจ้องมองไป๋ชิวหรานด้วยความแค้น
“พี่ชิงตานอิ๋ง”
ถังรั่วเวยตะโกนให้คำแนะนำ
“ยอมแพ้เสีย ท่านเอาชนะเขาไม่ได้หรอก”
ใบหน้าของชิงตานอิ๋งเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ จากนั้นก็พ่นลมหายใจแห่งความโกรธออกมาพร้อมกล่าว
“มารวมตัวกันได้แล้ว!”
นางเชิดอกขึ้นและก้าวเดินผ่านไป๋ชิวหรานเข้าไปด้านใน
ถังรั่วเวยใช้โอกาสนี้เข้าไปกระซิบถามไป๋ชิวหราน
“อาจารย์ ท่านเคยมีปัญหากับนางงั้นหรือ?”
“อืม… ตอนเจ้าเข้ามาสำนักใหม่ ๆ เจวี๋ยอวิ๋นจื่อเคยบอกไว้ใช่หรือไม่ว่าข้าเคยเลี้ยงไก่ไว้ตัวหนึ่ง?”
ไป๋ชิวหรานเกาหน้าพร้อมกล่าวอย่างเขินอาย
“นางคือไก่ตัวนั้น”
“อะ…อะไรนะ?”
ถังรั่วเวยอุทาน
“แต่ข้าได้ยินคนพูดว่าพี่ตานอิ๋งเป็นนกหลวน*[1] นกมงคลไม่ใช่หรือ?”
“ใช่ แต่ตอนที่เอาตัวนางมาจากตลาดสดในเมืองเสวียนเจี้ยน นางทั้งผอมและตัวเล็กขนปกคลุมทั่วร่างเป็นสีดำทั้งหมด…ข้าคิดว่าคงเป็นไก่ดำเนื้อนุ่ม”
ไป๋ชิวหรานแตะคางขณะพูด
“หลังจากเลี้ยงได้สองร้อยปี ขนเริ่มเปลี่ยนเป็นสีฟ้าขึ้นเรื่อย ๆ ข้าเคยสงสัยว่าไก่ตัวนั้นกินสมุนไพรแล้วกลายพันธุ์หรือเปล่า…”
ถังรั่วเวยพูดไม่ออก ทว่าครู่ถัดมานางเอ่ยถามอีกครั้ง
“แล้วเหตุใดถึงกลายเป็นศัตรูกัน? พูดตามหลักแล้วท่านเป็นเจ้านายของนางไม่ใช่หรือ?”
“อืม… ข้าก็สงสัยเช่นกัน”
ไป๋ชิวหรานตอบกลับ
“ต่อให้เป็นนกหลวนซึ่งเป็นสัตว์มงคล ข้าก็ไม่คิดจะนำไปทำเป็นอาหารหรอก อย่างมากที่สุดก็ขอให้นางออกไข่ให้ทุกวันเพื่อนำไปปรุงอาหารเท่านั้น…”
“อืม… ข้าเคยอ่านในหนังสือโบราณว่านกหลวน วิหคอมตะ หรือสัตว์ปีกศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ เฝ้าถนอมไข่ราวกับลูก…”
ถังรั่วเวยลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะกล่าว
“เช่นนั้นข้าคิดว่าท่านสมควรโดนแล้ว”
“ข้าทำทุกอย่างแล้ว หลังจากที่สตรีน้อยผู้นั้นเปลี่ยนรูปกายเป็นมนุษย์ นางเตะเข้าที่หน้าก่อนจะวิ่งหนีออกไปแล้วไม่หันหลังมาอีก”
ไป๋ชิวหรานแตะศีรษะของตนเบา ๆ
“แสดงว่าข้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมให้นางเกลียดสินะ”
ถังรั่วเวยถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
จากนั้นอาจารย์และศิษย์คู่นี้เดินเข้าไปในลานของสำนักกระบี่ชิงหมิง ผ่านไปไม่นานศิษย์คนอื่น ๆ ก็ทยอยกันเดินเข้ามา
ชิงตานอิ๋งที่วิ่งเข้ามาก่อนหน้านี้กำลังยืนอยู่ข้างเจวี๋ยอวิ๋นจื่อ นางเป็นเหมือนศิษย์พี่หญิงของบรรดาศิษย์ทั้งหมด เมื่อไป๋ชิวหรานเดินเข้ามา นางจ้องมองมาด้วยสายตาเย็นชาก่อนจะหันศีรษะหนีไปด้านข้าง
ไป๋ชิวหรานหาได้สนใจไม่ ชายหนุ่มพาถังรั่วเวยเดินไปหาเจวี๋ยอวิ๋นจื่อ แล้วปล่อยให้ถังรั่วเวยอยู่ในกลุ่มศิษย์มีฝีมือ ส่วนตนเดินไปอยู่อีกด้านหนึ่ง
ขณะเดียวกันไป๋ชิวหรานเห็นศิษย์อีกคนที่อยู่กับถังรั่วเวย ศิษย์ผู้นั้นเป็นศิษย์สายตรงและเป็นคนที่เจวี๋ยอวิ๋นจื่อยอมรับอีกด้วย
ศิษย์หนุ่มผู้นั้นดูธรรมดาและเงียบขรึมทว่ามีท่าทีงุนงง เขาสวมเสื้อผ้าศิษย์สายตรงขณะยืนอยู่ท่ามกลางศิษย์คนอื่น ๆ
ไป๋ชิวหรานเหลือบมองเขาก่อนจะพบว่าศิษย์คนนั้นอยู่ขั้นสร้างรากฐานระดับสุดท้าย ซึ่งเหมาะสมที่จะเป็นศิษย์สายตรงของเจวี๋ยอวิ๋นจื่อ ส่วนขั้นพลังยังอ่อนกว่าถังรั่วเวยเล็กน้อย พลังกระบี่ของชายหนุ่มคนนี้ยังดูเฉียบคม อีกทั้งยังมีสัญญาณจาง ๆ ของการควบแน่นในจิตวิญญาณกระบี่ หากถังรั่วเวยมีโอกาสประลองฝีมือด้วย… ผลลัพธ์คงไม่มีใครคาดเดาได้แน่นอน
ไป๋ชิวหรานกับเจวี๋ยอวิ๋นจื่อพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ เจวี๋ยอวิ๋นจื่อสังเกตเห็นว่าไป๋ชิวหรานจ้องมองไปยังศิษย์ของตน ดังนั้นจึงส่งยิ้มตอบไปให้ด้วยความภาคภูมิใจเล็กน้อย
หลังจากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นและประกาศให้ศิษย์ทั้งหมดทราบเกี่ยวกับการสำรวจถ้ำ
…
[1] นกหลวน นกในตำนานของจีน