ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 92 ฟองน้ำของเจ้ากำลังจะหลุด
บทที่ 92 ฟองน้ำของเจ้ากำลังจะหลุด
เหตุการณ์ในโลกมักคาดเดาไม่ได้ เช่นเดียวกับชายชุดดำที่ดูเหมือนจะควบคุมทุกอย่างเบื้องหลังและเป็นผู้นำทุกอย่าง… ก็ยังคาดไม่ถึงว่าจะถูกตบหน้าหัน
ถึงแม้เขาจะพูดว่า ‘ยังไม่มีใครทราบผลแพ้ชนะ’ ด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจระคนโหดเหี้ยม แต่ดูเหมือนสวรรค์ไม่เห็นใจกันเลยสักนิด อีกทั้งยังโดนไป๋ชิวหรานตอกหน้ากลับทันที
ในตอนนี้เขาเฝ้าดูไป๋ชิวหรานเดินผ่านมหาทุกข์ที่สามกับสี่ ซึ่งเป็นบททดสอบความทุกข์จากโรคภัยและความทุกข์ถึงแก่ความตาย
ในการทดสอบทั้งสองนี้ เดิมทีความทุกข์ทรมานจากโรคภัยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ผู้คนเดินอยู่ในกลุ่มกาฬโรคมีความต้านทานทางกายภาพอ่อนแอลง แม้ว่าจะเป็นผู้ฝึกตนที่มีความต้านทานสูงก็ไม่เว้น
แต่ไป๋ชิวหรานกลับเดินเข้าไปอย่างง่ายดายราวกับว่าเดินเข้าป่าที่มีอากาศบริสุทธิ์ ชายชุดดำเห็นว่า… นอกจากจะไม่เกิดผลกระทบอะไรแล้ว ยังทำให้ผิวพรรณของชายหนุ่มดูผ่องใสขึ้นเล็กน้อย!
ในบรรดาสี่มหาทุกข์ครึ่งแรก บททดสอบที่น่ากลัวที่สุดคือความทุกข์ทรมานที่ถึงแก่ความตาย อีกทั้งยังมีแนวโน้มทำให้ผู้รับบทดสอบถึงแก่ชีวิตได้ โดยบททดสอบนี้จะเปิดประตูนรกแล้วส่งพวกเขาเข้าไปในปรโลกเป็นเวลาครึ่งวัน
แน่นอนว่าการเข้ามาที่ปรโลกเช่นนี้เป็นเรื่องผิดกฎธรรมชาติ หากเหล่าผู้ฝึกตนถูกยมทูตจับได้ขณะอยู่ในนั้น พวกเขาจะต้องอยู่ในนรกตลอดไป หรือถึงแม้จะไม่พบยมทูต…ทว่าในปรโลกเต็มไปด้วยวิญญาณร้ายมากมายซึ่งอันตรายถึงชีวิตเช่นกัน
หลังจากที่ไป๋ชิวหรานเข้าสู่ปรโลก ซึ่งเป็นการเข้าไปในอีกมิติหนึ่ง ทำให้ชายชุดดำไม่สามารถเห็นภาพด้านในนั้นได้อีก แต่หลังจากที่กลับออกมา กลับรู้สึกว่าเหมือนชายหนุ่มเข้าไปนั่งเล่นในบ้านสหาย จิบน้ำชาสองสามแก้วและสนทนากันเล็กน้อย
อีกทั้งยังมีของที่ระลึกที่ทำจากเขาสัตว์ในปรโลกกลับติดไม้ติดมือมาด้วย ชายชุดดำเห็นว่าชายหนุ่มกลับออกมาอย่างสบาย ๆ เก็บของที่ระลึกไว้ในกระเป๋าขณะเดินออกมา
เมื่อมองด้านหลังของไป๋ชิวหราน ชายชุดดำถึงกับพูดไม่ออก
“เป็นอย่างไรบ้าง?”
หัวกะโหลกที่ถูกโยนไปในมุมมืดเอ่ยเสียงเย้ยหยัน
“ข้าจะพูดอะไรได้?”
ชายชุดดำสงบลง เหลือบไปมองเจ้าหัวกะโหลก… ดูเหมือนจะพูดบางอย่าง ทว่ากลับบ่นพึมพำกับตัวเอง
“มีอีกสี่มหาทุกข์… ใจเย็น ๆ ไม่ต้องรีบร้อน ฮึ”
…
ถังรั่วเวยจัดการกับตัวปลอมได้สำเร็จ นางเก็บกระบี่ก่อนจะระงับพลังที่เดือดดาลลงพร้อมกับสูดหายใจเข้าลึก ๆ
ตั้งแต่ที่เริ่มศึกษาแผนที่กับทักษะต่าง ๆ นางก็นั่งอยู่ในสำนัก ได้ทำงานกับผู้อื่นมามากมาย หลังจากระบายความโกรธออกมา… ก็บรรลุขั้นแก่นเสมือนระดับสมบูรณ์ และมีแนวโน้มอีกว่าจะทะลวงขั้นขอบเขตแกนทองคำ
หากไป๋ชิวหรานมาที่นี่ บางทีอาจจะได้บททดสอบความรักกับการพลัดพราก หรือความแค้นกับความเกลียดชัง ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจทำให้เกิดความไม่มั่นคงทางสภาพอารมณ์ แต่โครงสร้างของถ้ำได้แยกศิษย์และอาจารย์ออกจากกัน… ทำให้ชายหนุ่มไม่พบกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม หากจะบรรลุขั้นขอบเขตแกนทองคำ นางก็ไม่สามารถทำได้ในสถานที่เช่นนี้ ดังนั้นจึงพับเก็บความตั้งใจไปก่อน
บนพื้นเป็นร่างของหญิงสาวอีกคนซึ่งใบหน้าเหมือนนาง แต่สิ่งที่แตกต่างคือหน้าอกที่อวบอิ่ม นั่นเป็นสิ่งที่ถังรั่วเวยตั้งหน้าตั้งตารอมาตลอด ทุกคืนก่อนนอนจะเฝ้าฝันถึงสิ่งนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า และปัจจุบันร่างจำแลงดังกล่าวมาก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า!
หลังจากเหลือบมองอีกสองสามครั้ง ถังรั่วเวยรู้สึกคลื่นไส้เล็กน้อย เพราะร่างที่ฟันขาดไปกลายเป็นเศษเนื้อกับโครงกระดูก หากวันหนึ่งมีเหตุโชคร้ายทำให้เสียชีวิตลง เช่นนั้นอาจจะมีสภาพคล้ายร่างตรงหน้าก็ได้
โชคดีที่ช่วงเวลาต่อมาการเปลี่ยนแปลงของถ้ำเริ่มอีกครั้ง มันสลายร่างจำแลงถังรั่วเวยไปแล้วเข้าสู่การหมุนวน ซึ่งสิ่งนี้ทำให้นางหยุดความคิดเรื่อยเปื่อย
ถังรั่วเวยเดินลงบันไดอีกด้านหนึ่ง เมื่อเดินไปจนสุดสะพานที่ทอดยาว ปรากฏเป็นหลังคาอีกอันลอยอยู่กลางความมืดมิด ถังรั่วเวยพอจะทราบแล้วว่าทางเดินนี้เชื่อมต่อไปยังอีกจุดหนึ่ง ส่วนสะพานอีกด้านของหลังคาตรงหน้าทอดยาวไปยังหลังคาอันต่อไป
…คงจะเป็นทางออก
ถังรั่วเวยเดินขึ้นสะพานแล้วเดินไปยังอีกที่หนึ่งทันที
นางไม่ได้ปีนขึ้นไปถึงยอดสุดแต่เดินไปรอบ ๆ ตรงทางแยก และมุ่งหน้าไปยังสะพานอีกแห่งหนึ่ง
เป็นผลให้ถังรั่วเวยได้พบกับคนรู้จักหลังจากเลี้ยวไปอีกหนึ่งหัวมุม
เป็นหลีจิ่นเหยาที่อยู่ในชุดสีแดงกำลังถือมีดคู่หนึ่งอยู่ในมือ มีเลือดกระเซ็นติดใบหน้าเล็กน้อย อีกทั้งยังมีเลือดกำลังหยดลงมาจากใบมีดไปกองอยู่บนพื้น
“พี่หลี?”
เมื่อได้ยินเสียงของถังรั่วเวย หลีจิ่นเหยาจึงหันศีรษะมาหาแล้วเผยรอยยิ้ม
“น้องหญิงรั่วเวย ปรากฏว่าเป็นเจ้านี่เอง…ข้าว่าที่เสริมหน้าอกเจ้ากำลังจะร่วงลงมาแล้ว”
ถังรั่วเวยตกใจ รีบตรวจดูหน้าอกของตัวเอง ทว่าไม่พบอะไรผิดปกติ นางเงยหน้าขึ้น เห็นว่าหลีจิ่นเหยาเผยรอยยิ้ม ‘ตามที่คาดไว้’ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นท่าทีผ่อนคลาย
“ดูเหมือนว่าจะเป็นศิษย์น้องรั่วเวยจริง”
นางยิ้มขอโทษอีกครั้ง
“ต้องขออภัยที่ไปจี้จุดใจเจ็บ แต่เพื่อยืนยันตัวตน ข้าคิดได้แค่นี้… เมื่อมาถึงที่นี่ พบว่าพี่น้องของพวกเราต่างมีคนคอยแอบดูอยู่ ดูเหมือนว่าจะเป็นวิญญาณของพวกเซียนปฐพีในถ้ำที่กำลังรอโอกาสยึดร่าง… ตอนนี้ไม่ทราบว่ามีศิษย์กี่คนโดนยึดไปแล้ว”
“พี่หลีกำลังพูดถึงเรื่องอะไร รั่วเวยไม่เข้าใจว่าต้องทำอย่างไร”
ถังรั่วเวยเผยใบหน้าสงสัยก่อนจะเอ่ยถามอีกครั้ง
“มีคนถูกลักพาตัวไปจากถ้ำนี้งั้นหรือ?”
หลีจิ่นเหยาพยักหน้า
“ดังนั้นข้าว่า… น้องรั่วเวยกับข้าควรสำรวจถ้ำนี้ไปด้วยกันดีหรือไม่? คอยระวังหลังให้กันและกัน”
ถังรั่วเวยก้มหน้ามองบางอย่างบนพื้น มันเป็นแสงและค่อย ๆ หายไป นางลังเลชั่วครู่ก่อนจะถาม
“หากว่าเช่นนั้น… พี่หลีทดสอบข้าแล้ว แต่ข้ายังไม่ได้ทดสอบท่านเลย…”
“ได้เลย หากนั่นสร้างความไว้วางใจแก่กันได้”
หลีจิ่นเหยาพยักหน้า ตอบอย่างไม่เกรงกลัว
“ศิษย์น้องรั่วเวยอยากทำอะไร ตามใจเจ้าเลย”
“เช่นนั้นไอ้ก้อนแสงที่อยู่บนพื้นเมื่อครู่ขึ้นสิ่งใด?”
ถังรั่วเวยมองลงต่ำ ชี้ไปที่แสงที่อยู่บนพื้นอีกครั้งหนึ่ง
“เขา”
หลังจากหลีจิ่นเหยามองดูก็ได้ถอนหายใจออกมา
“ข้าพบกับบุรุษตรงตามคู่ครองในฝัน คิดว่าหากได้พบกับคนที่รอคอยแล้ว จึงอยากทดสอบดูว่าจะปกป้องข้าในอนาคตได้หรือไม่… แต่น่าเสียดายที่ข้าแข็งแกร่งเกินกว่าชายคนนั้น… ตอนนี้เขาได้กลายเป็นศพไปแล้ว”
“ตกลง ข้าเข้าใจแล้ว ท่านคือพี่หลีจิ่นเหยาตัวจริงแน่นอน”
ถังรั่วเวยส่ายหัว ไม่มีอะไรจะพูดอีก
“เช่นนั้นพวกเราก็เดินทางกันต่อเถอะ”