ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ - บทที่ 200 พวกคุณยังอ่อนไป
รอยยิ้มที่อธิบายไม่ได้ผุดขึ้นจากมุมปากของเย่เทียน และเขาก็พูดอย่างลึกซึ้งว่า “พวกคุณคิดว่าราคาหุ้นมันจะตก แต่ผมคิดว่ามันจะพุ่งสูงขึ้น!”
“น่าขันจริงๆ!”
จางเจี้ยนถังแสยะยิ้มขึ้นมาทันที “ลูกวัวแรกเกิดที่ไม่รู้จักกลัวเสือจริงๆ ไม่รู้เรื่องอะไรแต่กล้าโชว์ความโง่อีก!”
“มันจะตลกอะไรขนาดนี้!”
เกาหยุนเสียงเยาะเย้ยอย่างไม่หยุด “ตอนนี้หนังสือพิมพ์เต็มไปด้วยข่าวเชิงลบ ทันทีที่ตลาดหุ้นเปิด ราคาหุ้นมันต้องตกอย่างแรงอยู่แล้ว แล้วมันจะเพิ่มขึ้นได้ยังไงกัน?!”
“เย่เทียน คุณจะไปรู้อะไร บอกคุณเท่าไหร่มันก็เท่ากับศูนย์”
เฉินหยังต่อบทสนทนาและพูดอย่างประชดประชันว่า “ผมคิดว่าคุณรีบไสหัวไปจะดีกว่านะ! อย่ามาโชว์โง่ที่นี่เลย ให้การประชุมรีบดำเนินการให้จบ แล้วหวั่นชิงจะได้รีบกลับบ้านไง ไม่ใช่เหรอ?”
เย่เทียนไม่ได้สนใจตัวตลกทั้งสามนี้เลยด้วยซ้ำ ได้แต่ยกมือขึ้นเพื่อดูเวลาแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “อีก 15 นาทีก่อนที่ตลาดหุ้นจะเปิด ถ้าพวกคุณไม่เชื่อ ก็คอยดูก็แล้วกัน”
“คอยดูอะไรกัน จะให้เชื่อไอ้เด็กเมื่อวานซืนอย่างคุณงั้นเหรอ? ผมว่าพวกเราควร……”
เมื่อเห็นเวลาค่อยๆ ผ่านไปอย่างเสียเปล่า จางเจี้ยนถังก็อดทนไม่ได้อีก “เมื่อกี้ทุกคนก็โหวตคะแนนอย่างเป็นเอกฉันท์แล้ว ฉะนั้น ตอนนี้ผมขอประกาศว่า……”
“ฉันคิดว่าสิ่งที่เย่เทียนพูดนั้นสมเหตุสมผลดีนะ”
แน่นอนว่าน้าเหมยจะไม่เห็นด้วย และเธอก็พูดขัดขึ้น “ราคาหุ้นมันจะตกหรือไม่ มันก็แค่การคาดการณ์ของพวกเรา แต่การเลือกตำแหน่งประธานใหม่มันไม่ใช่เรื่องเล็ก อย่างน้อยต้องมีการพิจารณาก่อนไหม?”
“ยังไง อีก 15 นาทีตลาดหุ้นก็จะเปิดแล้ว ผมคิดว่าเราควรรอไปก่อนนะ”
จี้หงยี่ที่เงียบมาตลอดก็พูดขึ้น “ถ้าหากมันพุ่งขึ้นจริงๆ อย่างที่เย่เทียนพูดล่ะ?”
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เถาเจิ้งหยันก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ต่อให้ต้องตาย มันก็ควรต้องให้เขานอนตายตาหลับสิ ผมก็เห็นด้วยว่าให้รอสักครู่”
ซึ่งต่างจากจางเจี้ยนถังกับเกาหยุนเสียง เขาเป็นคณะกรรมการที่เป็นกลางมาตลอด และการตัดสินใจของเขาล้วนให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของเขาเองมากกว่า
หากราคาหุ้นตกลงจริงๆ การที่จะผลักดันเฉินหยังให้ขึ้นรับตำแหน่งประธานจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ถ้าราคาหุ้นไม่ตก การเปลี่ยนประธานบริษัทโดยไม่มีเหตุผลนี้ มันก็จะส่งผลต่อบริษัทอย่างแน่นอน
แม้เฉินหยังทั้งสามจะไม่เต็มใจ แต่จุดยืนของเถาเจิ้งหยันก็ทำให้พวกเขาทำอะไรไม่ถูก
ดวงตาที่งดงามของเฉินหวั่นชิงที่นั่งอยู่ข้างเย่เทียนก็เบ่งบานเหมือนดอกไม้หลากสี เธอได้แต่มองไปที่เย่เทียนที่มั่นใจด้วยความซับซ้อน หัวใจที่แทบจะสิ้นหวังนั้นก็ได้จุดไฟที่โหมกระหน่ำขึ้นอีกครั้ง จะเป็นอย่างที่เขาพูดจริงหรือ?
แน่นอนว่าความฉลาดในการพูดของเย่เทียนก่อนหน้านี้ก็ทำให้เธอชื่นชมไปแล้ว แต่เธอยังไม่เชื่อว่าเย่เทียนจะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ในตอนนี้ได้
แต่ถึงอย่างนั้น เธอไม่เคยลืมในสิ่งที่คุณปู่เคยบอกกับเธอ ว่ามีคนเหนือคนที่คอยอยู่เบื้องหลังเย่เทียน!
ภายใต้การรอคอยของสภาพจิตใจที่ต่างกันออกไปของพวกเขา ในที่สุด สิบห้านาทีก็ผ่านไป
ตามที่คณะกรรมการได้คาดการณ์ไว้ ในขณะที่ตลาดเปิด ผู้คนจำนวนมากก็เริ่มเทขาย
“นี่มันเพิ่งเปิดตลาดก็มีคนเทขายเยอะขนาดนี้แล้ว เฮ้อ……”
น้าเหมยที่กำลังจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์ก็อดถอนหายใจไม่ได้
ภายในสิบนาทีหลังจากตลาดเปิด ราคาหุ้นของบริษัทแซ่เฉินดิ่งลงอย่างไม่หยุด จากเดิมอยู่ที่ 66 หยวน ตอนนี้มาถึง 63 หยวนแล้ว
มันดิ่งลงถึงสามหยวนภายในสิบนาทีเท่านั้น ซึ่งแนวโน้มในการดิ่งลงเกินเส้นต้านมันก็อาจเกิดขึ้นได้แล้วในเวลานี้
เฉินหยังวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะแล้วมองไปที่เย่เทียนด้วยความรังเกียจ “ตอนนี้คุณจะพูดอะไรอีก?”
หลังจากหยุดไปสักพัก เฉินหยังก็มองไปที่จางเจี้ยนถังแล้วพูดอย่างมั่นใจ “ท่านจาง ผมว่าเราอย่าเสียเวลาเลยครับ รีบประกาศเถอะ!”
“รีบไปไหน!”
ก่อนที่จางเจี้ยนถังจะพูด เย่เทียนก็พูดแทรกขึ้นก่อนด้วยรอยยิ้มอันลึกลับ “ทุกคนอาจจะกังวล แต่ผมคิดว่า ถ้าไม่คิดอะไร พวกคุณควรเข้าไปดูในเว็บไซต์ของกรมตำรวจเจียงหนันก่อนนะ”
ทุกคนก็รีบเปิดโทรศัพท์เพื่อค้นหาเว็บไซต์ของกรมตำรวจเจียงหนัน และเมื่อเข้าไปถึงหน้าเว็บไซต์ ทุกคนต่างก็ต้องตกตะลึง
ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น ซึ่งในตำแหน่งที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดบนหน้าหลักของเว็บไซต์ตำรวจ มีคลิปวิดีโอหนึ่งถูกแปะลิงค์อยู่ ซึ่งรูปภาพหน้าปกวิดีโอนั้นคือชายสองคน คนแรกคือโจ๋หย่วนหัน หัวหน้ากรมตำรวจของเจียงหนัน ส่วนอีกคนก็คือเย่เทียน!
ซึ่งในมือของเย่เทียนถือธงอยู่ใบหนึ่ง และในธงนั้นมีตัวอักษรสีทองสามตัวที่เขียนไว้ว่า ‘เหรียญกล้าหาญ!’
และที่ด้านบนของรูปภาพ ยังมีตัวอักษรหนาสีดำอีกบรรทัดหนึ่งที่เขียนไว้ว่า ‘ผู้บัญชาโจ๋ให้เกียรติเป็นผู้มอบรางวัลให้กับประชาชนผู้กล้าหาญ!’
“ผมบอกตั้งแต่แรกแล้ว สองวันก่อนผมช่วยตำรวจจับผู้ร้ายในเมืองเอก ไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลยด้วยซ้ำ”
จากนั้นเย่เทียนคลิกที่วิดีโอแล้ววางไว้บนโต๊ะประชุมและยิ้มพูดว่า “นี่น่าจะเป็นหลักฐานที่ดีที่สุดแล้วนะ?”
วิดีโอดังกล่าวก็ได้เล่นทันที จากนั้นมีพิธีกรหญิงคนหนึ่งในชุดตำรวจก็ปรากฏขึ้นในหน้าจอ “สองวันที่ผ่านมานี้ เกิดเหตุคดีฆาตกรรมครั้งใหญ่ที่เมืองเอก ซึ่งในระหว่างที่ตำรวจของทั้งเมืองเอกและในเมืองกำลังปฏิบัติหน้าที่ในการจับกุมผู้ร้าย ผู้ร้ายได้หนีเข้าไปในสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง แต่โชคดีที่มีพลเมืองดีคนหนึ่งที่ชื่อเย่เทียนเข้ามาให้ความช่วยเหลือโดยที่ไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของตน……”
เมื่อเห็นสิ่งนี้ หัวใจที่สิ้นหวังแต่เดิมของเฉินหวั่นชิงก็กลับมีความหวังอีกครั้ง
เมื่อมีคลิปวิดีโอดังกล่าว และมีหลักฐานที่ชัดเจนแบบนี้ ผู้ที่มุ่งร้ายต่อเธอและเย่เทียนก่อนหน้านี้ก็ต้องพ่ายแพ้ในทันที!
ไม่เห็นหรือว่ารายงานบนเว็บไซต์ของสถานีตำรวจนั้นเขียนไว้อย่างไร? เขาไปสถานบันเทิงเพื่อจับฆาตกร ไม่ได้ไปเที่ยว!
ถ้าหากเขาดำเนินการเพื่อฟ้องบริษัทสื่อที่ส่งข่าวอย่างไม่เลือกหน้าเหล่านั้น แล้วใช้แหล่งข้อมูลของสื่อที่เป็นมิตรเพื่อเผยแพร่และพิสูจน์ตัวเอง ถึงเวลานั้น ราคาหุ้นไม่เพียงแต่จะไม่ตก และมันจะพุ่งสูงขึ้นด้วยซ้ำ!
หลังจากดูคลิปวิดีโอนี้ น้าเหมยกับจี้หงยี่ก็มีความสุขอย่างไม่ต้องสงสัย
สิ่งที่เฉินหวั่นชิงคิดได้ แล้วพวกเขาจะคิดไม่ถึงได้อย่างไร? ด้วยวิธีนี้ เหตุผลทุกอย่างก็เข้าข้างเฉินหวั่นชิงแล้ว
เถาเจิ้งหยันก็ยิ้มอย่างพอใจเช่นกัน ซึ่งเหตุผลที่เขาเต็มใจจะยืนอยู่ข้างเฉินหยัง อันที่จริงก็แค่กลัวสูญเสียผลประโยชน์เท่านั้น
แต่ตอนนี้ไม่จำเป็นแล้ว เพราะเขาไม่เพียงแต่ไม่เสียผลประโยชน์ แต่กลับเพิ่มกำไรให้เขาอีกด้วย แล้วเขาจะไม่มีความสุขได้อย่างไร?
ในทางกลับกัน เฉินหยัง เกาหยุนเสียงและจางเจี้ยนถัง ทั้งสามกลับแสดงสีหน้าบูดบึ้งทันที
พวกเขาไม่นึกเลยว่าสถานการณ์ที่ได้เปรียบกว่า แต่ทำไมจู่ ๆ เย่เทียนถึงทำลายมันได้?!
เมื่อเห็นใบหน้าอันหม่นหมองของทั้งสาม เย่เทียนก็อดเย้ยหยันไม่ได้ ‘จะสู้กับเรางั้นเหรอ? ยังอ่อนเกินไป!’
หลังจากประสบความสำเร็จในการเอาชนะอีกฝ่าย ทุกการเคลื่อนไหวของเฉินหยังก็ไม่อาจหลีกหนีไปจากสายตาของเย่เทียนได้!
ถ้าไม่ใช่เพราะการถ่ายวิดีโอประกาศรางวัลกับโจ๋หย่วนหัน แล้วเขาจะมาสายได้อย่างไร!
และแน่นอนว่า สื่อหนังสือพิมพ์ที่ตีพิมพ์ข่าวใส่ร้ายเหล่านั้นก็ไม่ได้รับผลประโยชน์จากงานนี้เลยแม้แต่น้อย
ติ๊งๆ!
ในเวลานี้ เสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ของเย่เทียนก็ดังขึ้น มันเป็นเสียงแจ้งเตือนจากข้อความ ซึ่งเขียนไว้สั้นๆ สองคำว่า ‘เรียบร้อย’
สิ่งนี้ก็ยิ่งทำให้เย่เทียนยิ้มอย่างมีความสุขมากขึ้น มันช่างเป็นการสมดังปรารถนาจริงๆ!