ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ - บทที่ 203 ปิดฉากได้อย่างสวยงาม
“คุณไม่อยากรู้เหรอครับว่าใครที่เป็นคนหักหลังคุณ?”
เหลียงปินที่เดินวนอยู่นาน จู่ๆ ก็มาหยุดที่ข้างหลังของเกาเสียงหยุน เอามาข้างหนึ่งวางลงบนพนักพิงที่เกาเสียงหยันกำลังนั่งอยู่ แล้วมองจางเจี้ยนถังด้วยสีหน้าที่จะยิ้มไม่ยิ้ม
ทันใดนั้น สายตาทุกคู่ก็จับจ้องไปที่เกาเสียงหยุนทันที สายตาที่ไม่เป็นมิตรพวกนั้นจ้องจนแผ่นหลังของเกาเสียงหยุนถึงกับเหงื่อตก
“ผม…..”
เกาเสียงหยุนมองกลับไปยังประธานทุกคนด้วยความละอายใจ จากนั้นก็มองไปที่จางเจี้ยนถัง ทำหน้าเหมือนจะพูดแต่ก็ไม่พูด
“แม่งเอ๊ย!”
ในหลักการที่ว่าใครเข้าก่อนได้เปรียบ จางเจี้ยนถังจะไปฟังคำอธิบายของเกาเสียงหยุนได้ยังไง เขาตัดสินใจล้วงมีดเล็กออกมาเล่มหนึ่ง แล้วเดินดุ่มๆ เข้าไปด้วยความโมโห
พอเห็นท่าทางที่ดุร้ายของจางเจี้ยนถังเข้า เกาเสียงหยุนก็ตกใจจนขาอ่อน ทรุดลงไปกับพื้น หลบออกจากภัยอันตรายไปอย่างหวุดหวิด
แต่ทว่า เฉินหยังที่นั่งต่อจากเขากลับไม่ได้โชคดีอย่างนั้น เขาถูกเข้ามาล็อกคอแล้วดึงให้ลุกออกจากที่
“จางเจี้ยนถัง! อย่าทำอะไรบ้าๆ นะ!”
“ประธานจาง ตั้งสติก่อนอย่าทำอะไรที่ไม่ฉันฉลาดเลยนะ!”
เมื่อทุกคนได้เห็นอย่างนั้น ต่างก็ตกใจจนหน้าถอดสี
“อย่าเข้ามานะ! อย่าเข้ามา! ไม่อย่างนั้นฉันแทงจริงๆ ด้วย!”
จางเจี้ยนถังที่ถูกความโกรธเข้าครอบงำจะไปฟังได้ยังไง มือข้างหนึ่งล็อกคอของเฉินหยังเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างก็ใช้มีดจ่อไปที่ลำคอของเขา
เมื่อสัมผัสถึงความเย็นที่ส่งมาจากลำคอ เฉินหยังที่กำลังทำตัวซังกะตายจากความผิดหวังก็ได้สติขึ้นมาทันที และพูดด้วยความแตกตื่นว่า “ท่านจาง ท่านจาง นี่คุณคิดจะทำอะไรเนี่ย?”
“หุบปาก!”
หมาที่กำลังจนตรอกอย่างจางเจี้ยนถังตะคอกออกมา จนเกือบทำให้เฉินหยังหูแตกไปแล้ว
ในเวลาเดียวกัน รปภ.ที่เย่เทียนสั่งให้เฝ้าอยู่หน้าห้องก็ได้วิ่งเข้ามา พอเข้าใจสถานการณ์แล้วก็รีบชักกระบองที่แขวนอยู่ที่เอวขึ้นมาทันที จากนั้นก็ก้าวไปข้างหน้าราวกับมีศัตรูตัวฉกาจมาอยู่ตรงหน้า
“ออกไป! พวกแกออกไปเดี๋ยวนี้!” จางเจี้ยนถังที่ล็อกคอเฉินหยังถอยหลังไปทีละก้าว ทีละก้าว จนหลังไปชนเข้ากับกำแพง ไม่มีทางให้ไปแล้วถึงได้ยอมหยุด และเริ่มแหกปากอย่างคนเสียสติขึ้นมา
แต่ที่น่าเสียดายคือ รปภ.พวกนี้ต่างก็เป็นคนที่เย่เทียนจัดมาทั้งนั้น แล้วจะไปเชื่อฟังคำสั่งของเขาได้ยังไง?
“ประธานจาง! ท่านจาง! มีอะไรก็ค่อยๆ พูด ไม่จำเป็นต้องทำอะไรที่มันรุนแรงแบบนี้ก็ได้!”
เฉินหวั่นชิงที่ตั้งสติได้รีบพูดห้ามขึ้นมาทันที
ไม่ว่าจะยังไง เฉินหยังก็เป็นคนของตระกูลเฉิน ต่อให้จะทำผิดต่อเธอสักแค่ไหน แต่มันก็ไม่ได้หนักจนถึงขั้นที่ต้องตายหรอกมั้ง?
สุดท้าย นอกจากเรื่องความรู้สึกของท่านปู่เฉินแล้ว เธอยังรู้จักอารมณ์ที่ฉุนเฉียวของน้าสะใภ้ดี ต้องไม่อยากให้เกิดเรื่องกับเฉินหยังอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นต่อไปยังจะมีชีวิตที่สงบสุขอีกได้ยังไง?
จางเจี้ยนถังคำรามออกมา “พวกแกถอยไปให้หมด!”
“ประธานจาง คุณทำแบบนี้มันไม่ถูกนะ!”
เย่เทียนเฝ้าดูละครตลกเรื่องนี้อย่างเงียบๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มที่ไม่ชอบใจว่า “พอความผิดที่ตัวเองเคยก่อไว้ถูกเปิดโปงก็กลายเป็นหมาจนตรอก ในห้องนี้มีคนอยู่ตั้งมากมายคุณไม่จับ แต่ดันไปจับตัวแทงค์ที่เล็กที่สุด ดูแล้วคุณจะไม่ได้ซึมซับคุณธรรมที่มีของประเทศจีนเลยสินะ!”
จางเจี้ยนถังตะคอกออกมา “ฉันสนซะที่ไหน!ถ้ามันเกิดตายขึ้นมา มันก็เป็นความผิดของแก!”
“ใจเย็นๆ ก่อน ใจเย็นๆ!” เฉินหวั่นชิงรีบพูดห้าม
“นี่แกกำลังขู่ฉันอยู่เหรอ?”
รอยยิ้มตรงมุมปากของเย่เทียนเด่นชัดยิ่งกว่าเดิม เขาส่ายหน้า “ต้องขออภัยด้วย สูตรนี้ของคุณมันใช้กับผมไม่ได้ผลหรอก”
“ถึงเฉินหยังจะถูกนับว่าเป็นน้าเล็กของผม แต่สิ่งที่เขาทำกับหวั่นชิงเมื่อกี้มันช่างไม่สมกับการกระทำของคนที่ถูกเรียกว่าน้าเลย!”
คิ้วของเฉินหวั่นชิงขมวดเป็นปม เหมือนอยากที่จะพูดห้ามเย่เทียน “เย่เทียน นี่คุณ……”
แต่เย่เทียนกลับไม่มองเธอเลยด้วยซ้ำ สายตาจ้องไปที่เกาเสียงหยุน แล้วพูดอย่างขบขันว่า “ประธานเกาครับ ยังไงเสี่ยวหยังก็เป็นหลานชายของคุณเมื่อกี้คุณยังจะมาช่วยเขาอยู่เลยนี่”
“ตอนนี้เฉินหยังกำลังถูกคนใช้มีดจ่อคอ ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย แล้วทำไมคุณถึงไม่คิดจะทำอะไรเลยครับ?”
“ต่อให้แค่เล่นละครก็ยังดี! ถึงคุณจะไม่ทำให้เราดู ก็ควรทำให้หลานดูบ้างสิครับ! ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นการทำร้ายจิตใจของเขาขนาดไหนเนี่ย!”
ดวงตาของเกาเสียงหยุนหมุนวนไปทั่ว แล้วหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋า จากนั้นก็ตะโกนออกมาว่า “จางเจี้ยนถัง! คุณรีบปล่อยมือเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นผมจะโทรแจ้งตำรวจทันที!”
“เป็นเพราะแก แกมันสมควรตาย!”
จางเจี้ยนถังโมโหอย่างหนัก รีบผลักเฉินหยังออก จากนั้นก็พุ่งใส่เกาเสียงหยุนราวกับสัตว์ป่า
คนที่ล่อลวงเขาก็คือเกาเสียงหยุน คนที่หักหลังเขาก็ยังเป็นเกาเสียงหยุน ภายใต้การพูดกระตุ้นอย่างต่อเนื่องของเย่เทียน คนที่เขาเกลียดที่สุดก็ต้องเป็นเกาเสียงหยุนอยู่แล้ว!
ซิ่ว!
แต่ทว่า เมื่อมีเย่เทียนอยู่ด้วย จางเจี้ยนถังก็ไม่มีทางได้ทำสำเร็จแน่นอน
เย่เทียนรีบคว้าปากกาหมึกซึมที่วางอยู่บนโต๊ะประชุม แล้วขว้างมันออกไปอย่างรวดเร็ว
แคร็ง!
ปลายปากกาหมึกซึมที่แหลมคมพุ่งทะลุผ่านมือของจางเจี้ยนถังทันที ความเจ็บปวดที่เหมือนจะซึมเข้าไปในกระดูกทำให้เขาไม่สามารถทนจับมีดได้อีกต่อไป มีดหล่นลงพื้นจนเกิดเสียงดังขึ้น
รปภ.ที่ตั้งท่ารออยู่นานแล้วได้ตั้งสติขึ้นมาได้ก่อน พากันพุ่งเข้าไปคุมตัวจางเจี้ยนถัง แล้วใช้กำลังกดเขาลงกับพื้น
รอจนประตูของห้องประชุมถูกปิดลงอีกครั้ง ในที่สุดบรรดาเศรษฐีที่แต่งตัวได้เลิศหรูก็ตั้งสติได้สักที ทุกคนต่างพากันจ้องมองเย่เทียนด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี
สุดท้ายก็เป็นเกาเสียงหยุนที่ทำลายความเงียบลง พูดอย่างวางท่าว่า “เย่เทียน นี่คุณไม่กลัวเสี่ยวหยังจะเป็นอันตรายรึไง?”
ระหว่างที่พูด เขาก็รีบก้าวมาข้างหน้า แล้วประคองเฉินหยังที่ตกใจจนอกสั่นขวัญหายไปนั่งที่เก้าอีก
“ประธานเกาพูดถูกแล้ว ดูความจำของผมสิ”
เย่เทียนพยักหน้าอย่างเข้าใจ จ้องมองเฉินหยังที่ยังตัวสั่นอยู่นิดหน่อย แล้วพูดด้วยสีหน้าที่จะยิ้มไม่ยิ้ม “น้าเล็ก ผมต้องขอโทษจริงๆ เมื่อกี้ผมจงใจยั่วยุประธานจาง ไม่ได้พูดจากใจจริง จนทำให้คุณต้องตกใจเลยนะครับ!”
“คุณ……ผม……!” เฉินหยังอ้ำๆ อึ้งๆ เหมือนจะยังไม่หายตกใจกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น
ชีวิตที่ผ่านมาเขานั้นคุ้นชินกับการทำตัวหยิ่งผยองไปแล้ว จะไปพบเจอกับเรื่องไม่คาดคิดระดับนี้ได้ยังไง? ความรู้สึกที่อยู่ห่างจากความตายแค่เส้นด้ายมันก็ทำให้เขาช็อกไปพักใหญ่เลย
“เอาล่ะ ในเมื่อจุดประสงค์ที่ผมมาก็เสร็จสิ้นไปหมดแล้ว งั้นผมก็ไม่รบกวนเวลาประชุมของทุกท่านแล้ว”
เย่เทียนจ้องมองทุกคนในห้องอย่างละเอียด สุดท้ายก็ไปหยุดอยู่ที่เฉินหวั่นชิง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ที่รัก เดี๋ยวผมจะไปจัดการไอ้คนบ่อนทำลายนั่น เรื่องการประชุมคุณก็รับช่วงต่อไปเลยนะครับ!”
พูดจบ เย่เทียนก็ทำท่าเชิญให้กับเฉินหวั่นชิง แล้วเดินไปทางประตูอย่างไม่มีความลังเล จนหายไปจากสายตาอย่างรวดเร็ว
ในใจของเฉินหวั่นชิงมีคำถามมากมาย แต่เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่เวลาที่เธอจะมาสนใจอะไรพวกนั้น
เด็กสาวจัดการกับสภาพอารมณ์ของตน รังสีที่ยิ่งใหญ่ถูกปล่อยออกจากร่างกายที่เล็กจ้อย เธอลุกขึ้นยืน รอจนสายตาของทุกคนมารวมอยู่ที่เธอแล้ว เธอถึงได้พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า
“ประธานทุกท่าน ตอนนี้มีใครที่ยังรู้สึกว่าควรเปลี่ยนประธานกรรมการอย่างฉันอีกมั้ยคะ?”
ถึงคำพูดของเฉินหวั่นชิงเหมือนจะพูดกับทุกคน แต่สายตากลับจับจ้องไปที่เกาเสียงหยุนกับจี้หงยี่นั้นยืนอยู่ข้างเดียวกับเธอ เถาเจิ้งหยันยืนอยู่ตรงกลาง จางเจี้ยนหยันก็ถูกเย่เทียนเอาตัวไปแล้ว คนที่มีปัญหากับเธอก็เหลือแค่เกาเสียงหยุนเท่านั้น
“ผม ผมไม่มีปัญหาครับ”
แต่ทว่า เกาเสียงหยุนยังตกใจกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่หาย แล้วจะกล้ามีปัญหาอะไรล่ะ?
พอเฉินหวั่นชิงได้ยินอย่านั้น มุมปากก็ทนไม่ไหวจนยิ้มออกมาจากข้างใน ในที่สุดเรื่องนี้ ก็ถือว่าสิ้นสุดอย่างสงบสุขแล้ว…