ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ - บทที่ 246 เทพแห่งความตายเกิดใหม่ (เนื้อหาหายไป1ท่อน
บทที่ 246 เทพแห่งความตายเกิดใหม่
เอี๊ยด!
ในการขับของคนขับรถแท็กซี่นั้น แท็กซี่จอดอยู่ที่คลับที่เอาไว้พักผ่อนหย่อนใจท่ามกลางแสงสีเสียงอย่างสงบนิ่ง
“คุณไปได้แล้วล่ะ”
เย่เทียนหยิบธนบัตรสีแดงออกมาราวๆพันหนึ่ง ก่อนจะยิ้มพลางพูดขึ้น “วางใจเถอะ จะไม่มีใครมาหาเรื่องคุณ!”
คนขับรถแท็กซี่จะสนใจสิ่งที่เย่เทียนพูดได้อย่างไร หลังจากที่ได้ยินว่าไปได้แล้ว ก็เหยียบคันเร่งเต็มแรง โดยที่ไม่รับธนบัตรพันหนึ่งด้วย
เพียงพริบตาเดียว ก็ไม่เห็นแม้แต่ไฟท้ายรถแล้ว!
เขาเลยได้แต่ส่ายหัว พลางเงยหน้ากวาดตามองคลับที่เอาไว้พักผ่อนนั้น มุมปากของเย่เทียนค่อยๆยิ้มขึ้นมา ก่อนจะเดินเข้าไปด้วยแววตาดำขลับ
เมื่อเดินเข้าไปที่ด้านหน้า บนตัวของเย่เทียนก็มีความเย็นยะเยือก
แต่ห่างไปเพียงสี่ห้าก้าว ความอาฆาตบนตัวของเย่เทียนก็มากขึ้นกว่าเดิม จนแทบจะสัมผัสได้ด้วยมือเลยล่ะ!
เมื่อเห็นเย่เทียนที่เดินเข้ามาด้วยแววตาร้ายกาจ ลูกน้องที่เห็นก็จะเข้ามาขวางเอาไว้ แต่เมื่อเห็นแววตาเย็นชานั้น หลายๆคนก็ตกใจกันยกใหญ่ เลยอดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปสัมผัส
นี่มันเลือด!
เลือดสดคาวคลุ้ง!
การหายใจเป็นไปได้ยาก ลูกน้องหลายคนแทบจะหยิบปืนออกมาไม่ทัน มือทั้งสองจับคอของตัวเอง ราวกับว่ากำลังจะขวางเลือดที่พุ่งออกมาอย่างไรอย่างนั้น
แต่ทว่า เมื่อหลอดลมถูกตัด เรี่ยวแรงที่มีก็หมดไปตามการไหลของเลือดที่ออกมา ลูกน้องหลายคนยืนแทบไม่อยู่ ก่อนจะคุกเข่าลงอย่างอ่อนแรง
พวกเขานั้นไม่คิดไม่ฝัน ว่าความเร็วของเย่เทียนนั้นจะเร็วกว่าปีศาจได้ขนาดนี้
อันที่จริง พวกเขานั้นเป็นลูกน้องที่บ้าคลั่งของเซิ่งเหอเซิ่ง ก่อนหน้านี้ราวๆชั่วโมงพวกเขาได้รับคำสั่งตรงจากจูยิ่วถิง ไม่ว่าใครจะปรากฏตัวขึ้นมา ก็ฆ่าได้เลยโดยไม่ต้องถามอะไร!
แต่สิ่งที่น่าเสียดายก็คือ แม้พวกเขาจะมีปืนที่จูยิ่วถิงเตรียมให้โดยเฉพาะแล้ว แต่กลับไม่มีโอกาสแม้แต่จะหยิบออกมา เลยทำให้เย่เทียนปาดคอไปอย่างราบรื่น
และก็เป็นเหตุผลว่าทำไมเย่เทียนถึงไม่ได้ถึงแก่ชีวิตตอนที่ฝ่าด่านหน้ามาได้
เรื่องที่ขนาดเชิ่งหู่ยังรู้ หลิวชิงก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ความตกใจบนใบหน้าของเชิ่งหู่นั้นไม่น้อยกว่ากันเลย!
มาจนถึงตอนนี้ ทั้งสองคนก็อดไม่ได้ที่จะสบตากัน ก็ได้เห็นความปรีดาในแววตาของกันและกัน
ถ้าคิดอย่างเข้มงวด ทั้งสองคนนั้นมีปัญหากับเย่เทียนเล็กน้อย
แต่ สิ่งที่ดีก็คือ พวกเขาไม่ได้เลือกที่จะสู้กับเย่เทียนจนตายไปข้างหนึ่ง แต่ยินดีที่จะอยู่ภายใต้เย่เทียนอีกที
ไม่อย่างนั้น ตอนนี้เซิ่งเหอเซิ่งนั้นมีแต่พวกเขาที่เสียเปรียบ!
เมื่อตกใจอย่างนั้นแล้ว หลิวชิงก็ตามต่อ “แล้วอย่างไรต่อล่ะ?”
“คือ……พี่ใหญ่ ตอนนี้ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน”
ลูกน้องลังเลเล็กน้อย ก่อนจะพูดอย่างจนปัญญา “ตามข่าวที่รู้ เพราะตามคุณเย่ไม่ทันสักที จูยิ่วถิงเลยรวมจอมพลผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามของเซิ่งเหอเซิ่ง แล้วก็รอให้คุณเย่เช้ามาหากับพวกลูกน้องของโลกใต้บาดาล”
“ต้องคอยจับตามองความเคลื่อนไหวของโลกบาดาลเอาไว้ ถ้าเกิดมีข่าวอะไรก็รีบมารายงานฉันนะ!”
หลิวชิงโบกมือให้ลูกน้องออกไป หลังจากที่เงาของลูกน้องหายไปแล้ว เขาก็เปลี่ยนสายตามามองทางเชิ่งหู่
“เหล่าเชิ่ง ตอนนี้คุณคิดเห็นอย่างไรบ้าง?”
เชิ่งหู่มีสีหน้าแน่วแน่ “แม้ตอนนี้จะยังไม่มีผลออกมา แต่ฉันเชื่อคุณเย่!”
“ฉันเชื่อว่าหลังจากนี้ เกรงว่าเมืองเอกจะไม่มีเซิ่งเหอเซิ่งอีก!”
หลิวชิงกลับส่ายหัว ก่อนจะพูดด้วยความขมขื่น “ฉันไม่ได้ในสงสัยความสามารถของคุณเย่เลย ฉันหมายถึงเรื่องที่คุณเย่ให้พวกเรานำพลทหารเข้าไปในเมืองเอกต่างหากล่ะ”
เมื่อเชิ่งหู่ได้ยินดังนั้น ก็ไร้ชีวิตชีวาขึ้นมาในทันใด
“เหล่าหลิว พอคุณพูดถึงเรื่องนี้ฉันก็ปวดหัวเลย ฉันไม่รู้ว่าจะดีใจหรือร้องไห้ดี”
“ถึงหลงเจี้ยนหัวจะรอให้คนระดับสูงของแก๊งมังกรสิ้นไป แต่ลูกน้องชั้นรองๆของแก๊งมังกรก็ไม่น้อยเลย ถ้าไม่จัดการพวกเขามันจะต้องเป็นปัญหาในอนาคตแน่ๆ แล้วจะเอาพลเข้าเมืองเอกได้อย่างไร?”
หลิวชิงมองไปทางเชิ่งหู่อย่างลึกซึ้ง ก่อนจะพูดอย่างมีนัยสำคัญ “เหล่าเชิ่ง คุณพูดเรื่องเหล่านี้ฉันก็รู้ดี แต่ทว่า ฉันมีวิธีที่จะจัดการได้”
เชิ่งหู่ตะโกนออกมาดังๆ “เหล่าหลิว ตอนนี้ทั้งสองคนอยู่ในความสัมพันธ์แบบไหน คุณอย่าอ้อมค้อมไปอีกเลย”
จากนั้นก็จัดการอารมณ์ของตัวเอง หลิวชิงพูดอย่างไม่ย่อท้อ “เหล่าเชิ่ง คุณเคยคิดบ้างไหมว่าพวกเราควรร่วมมือกัน?”
“ถ้าเกิดพวกเราสองคนรวมตัวกัน ก็จะแบ่งพนักงานออกเป็นสองทีม”
“เอาทีมหนึ่งไว้ที่เจียงหนันเพื่อจัดการแก๊งมังกร ส่วนอีกทีมก็ใช้เวลานี้ในการให้ทหารบุกเข้าไปในมืองเอก!”
เมื่อเชิ่งหู่ได้ยินดังนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไป จากนั้นก็ฟื้นฟูกลับมาเหมือนเดิม แล้วก็พยักหน้าอย่างหนักแน่น
“เหล่าหลิว พูดตรงๆว่าไม่ใช่ว่าฉันไม่เคยคิดเรื่องนี้นะ”
“แต่ เรื่องนี้มันทำให้เกิดปัญหาขึ้นได้มากมาย ตัวอย่างง่ายๆ ก็คือถ้าเกิดรวมกันจริงๆ ใครจะเป็นหัวโจกล่ะ?”
มันเกินความคาดหมายของเชิ่งหู่ไป หลิวชิงกลับยิ้มขึ้นเบาๆ ก่อนจะพูดออกมา “คุณมีความคิดแบบนี้ มันไม่ใช่ปัญหาด้วยซ้ำ!”
“ความอดทนของคุณเย่เองคุณก็รู้ดี ว่าตำแหน่หัวโจกหลังจากที่รวมตัวกันแล้ว ฉันกับคุณก็จะไม่นั่งตำแหน่งนั้น แล้วให้คุณเย่มารับตำแหน่งนี้แทน!”
เชิ่งหู่เงียบไปสักพัก ก่อนจะยิ้มอย่างขมขื่นพลางพูดขึ้น “ฉันคิดว่ามันดูเป็นไปไม่ได้เท่าไหร่นะ ตั้งแต่ที่ฉันได้รู้จักและสัมผัสกับคุณเย่แล้ว ฉันก็คิดว่าคุณเย่นั้นไม่สนใจหรอก”
“ไม่ๆ คุณยังไม่เข้าใจความหมายของฉัน”
หลิวชิงหัวเราะฮิๆ “แก๊งของพวกเราทั้งสองนั้นต่างยอมต่อคุณเย่ ไม่ว่าคุณเย่จะยินยอมหรือไม่ เพียงแค่พวกเราส่งต่องานให้พวกลูกน้อง พวกเขาจะต้องไม่มีความเห็นต่างอะไรมากมายอีกแน่”
“ส่วนคุณกับฉัน ก็แยกกันไปเป็นผู้ช่วยของแก๊งใหม่ หลักๆก็คือการช่วยการกระทำต่างๆในชีวิตประจำวัน”
“อีกอย่างคุณกับฉันต่างคนต่างเลือกออกมาสามคนแล้วรวมทีมเป็นคณะที่ปรึกษาสำคัญ แต่ปกติความคิดของพวกเราไม่เข้ากันเท่าไหร่ ก็จะให้คณะที่ปรึกษาสำคัญเป็นคนโหวตเพื่อตัดสินใจ!”
เมื่อเชิ่งหู่ได้ยินดังนั้นตาก็เป็นประกาย “จริงสิ!ฉันคิดไม่ถึงได้อย่างไรเนี่ย!ถ้าให้คุณเย่มาเป็นหัวโจก คนอื่นๆก็ไม่น่าขัดได้แล้ว”
เกรงว่าเย่เทียนเองจะไม่ได้คิดไม่ได้ฝัน ว่าทั้งสองคนจะกล้าหาญขนาดนี้ จนใช้ชื่อเสียงของเขามาเขียนเสือให้วัวกลัว……