ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ - บทที่ 328 โปรดเชื่อใจผม
หลังจากที่รู้สิ่งที่จะเดิมพันแล้ว หลี่เฟิงก็ออกจากร้านอาหารไปก่อน และตรงไปยังจุดที่จัดงาน
พอเขาจากไป เหลียงเหวินเห้าก็เดินเข้ามาอย่างรีบร้อน
“นี่เสี่ยวเย่ เธอเคยมีเรื่องกับคุณชายหลี่มาก่อนเหรอ?”
“ในเมื่อมองออกหมดแล้ว ทำไมยังต้องทำอะไรที่ไม่จำเป็นอีกล่ะ?”
เย่เทียนหันมองเหลียงเหวินเห้าด้วยสีหน้าที่จะยิ้มไม่ยิ้ม และพูดอย่างใจเย็นว่า “ระหว่างผมกับตระกูลหลี่ คุณต้องเลือกมาสักทาง”
“ฉันเลือกได้ด้วยเหรอ?”
เหลียงเหวินเห้าผายมือและยักไหล่ด้วยความจนใจ “ต่อให้ไม่เอาเรื่องลูกสาวฉันเข้ามาเอี่ยว ลำพังแค่รากฐานของตระกูลเหลียงอยู่ที่เจียงหนัน ฉันก็ไม่มีทางเลือกตระกูลหลี่แล้ว”
เย่เทียนอดไม่ได้ที่จะจ้องมองเหลียงเหวินเห้าด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง และยิ้มอย่างพึงพอใจออกมาที่มุมปาก
ครั้งนี้ก็ถือเป็นการทดสอบเหลียงเหวินเห้าอย่างไม่ต้องสงสัย เย่เทียนรู้ดีว่าสุดท้ายเฟลียงเหวินเห้าจะตัดสินใจยังไง
สิ่งเดียวที่ต่างออกไปก็คือ เขาจะให้คำตอบเลยมั้ย? หรือจะลังเลก่อนแล้วค่อยตอบ
ถ้าเป็นแบบที่สอง เย่เทียนก็เลือกที่จะปิดบังเรื่องของ ตระกูลซูกับตระกูลฮั่วไว้ แล้วบอกลาตระกูลเหลียงกับเรื่องเหมืองหยกในครั้งนี้
เพราะถ้าเรื่องง่ายๆ แบบนี้ยังต้องลังเลละก็ งั้นในสักวันหนึ่งตระกูลเหลียงก็ต้องเห็นแก่ผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่และหักหลังเขาอย่างแน่นอน!
เหลียงเหวินเห้านั้นไม่รู้หรอกว่าเย่เทียนกำลังคิดอะไรอยู่ จึงทำได้แค่ถอนหายใจยาวๆ ด้วยความจนใจไปทีหนึ่ง
“แต่ที่น่าเสียคือ ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกแค่สองวันก่อนจะถึงการประมูลสิทธิ์ของเหมืองหยกแล้ว ในเวลาสั้นๆ แบบนี้ฉันไม่มีทางพูดโน้มน้าวผู้มีอิทธิพลอื่นๆ ในท้องที่ให้มาร่วมมือกันได้เลย”
“เกรงว่าเหมืองหยกในครั้งนี้คงไม่มีบุญร่วมกันแล้วล่ะ”
เย่เทียนสังเกตเห็นความหดหู่ขอเหลียงเหวินเห้าได้อย่างชัดเจน และยิ้มออกมาอย่างลึกซึ้ง
“คุณอาเหลียง มันก็ไม่แน่หรอกนะครับ”
เหลียงเหวินเห้าตกใจ สีหน้าก็ดูซับซ้อนขึ้นมาทันที
“เสี่ยวเย่ นี่เธอหมายความว่า….”
เย่เทียนยิ้มออกมา แต่ก็เลือกที่จะไม่ตอบไปตรงๆ
“คุณอาเหลียง คืนนี้คุณอาก็สนุกให้เต็มที่เลย แล้วพรุ่งนี้จะมีคนไปหาคุณที่โรงแรมครับ!”
พูดจบ เย่เทียนก็มองข้ามความต่างของอายุ โอบไหล่เหลียงเหวินเห้าออกไปนอกร้านอย่างไม่รู้กาละเทศะ
ทำเป็นเล่นไป เขาได้พนันกับหลี่เฟิงเอาไว้นะ เมื่อกี้ก็เสียเวลาไปตั้งเยอะแล้ว ถ้าปล่อยให้คนอื่นรอนาน อีกฝ่ายอาจจะคิดว่าเขายอมแพ้ไปแล้วไม่ใช่เหรอ?
สถานที่จัดงานพนันหยกตั้งอยู่ในพื้นที่โล่งๆ ที่อยู่ข้างๆ สำนักงานของเมือง ถูกจัดเป็นทางยาว ทางหนึ่งไว้เข้า อีกทางไว้ออก และไม่ถือว่าเบียด
ลานกว้างนั้นถูกแบ่งออกอีกเป็นร้อยโซน ทุกๆ โซนต่างกองเต็มไปด้วยหินหยาบหลากหลายรูปแบบ ดูอลังการมาก
ส่วนทางด้านหลังก็มีเวทีสูงที่เพิ่งตั้งขึ้น บนนั้นมีเครื่องผ่าหินหยาบตั้งอยู่สองเครื่อง คนหลายคนได้ไปออกันอยู่ตรงนั้นเพื่อดูการถ่ายทอดสดแล้ว
หลังสงบจิตสงบใจไปพักหนึ่ง เหลียงเหวินเห้าก็ดึงสติกลับมาได้บ้างแล้ว นอกจากสายตาที่มองไปยังเย่เทียนจะซับซ้อนยิ่งกว่าเดิม เขาก็ไม่ได้แสดงอะไรที่มาแตกต่างมากนัก
เย่เทียนสังเกตเห็นว่าหินหยาบที่ตั้งโชว์ส่วนมากจะถูกผ่าเป็นรอยเล็กๆ อย่างน้อยก็สามารถมองเห็นสีเขียวที่อยู่ในนั้นได้
พอรู้อย่างนั้น เย่เทียนก็รู้สึกสนใจในตัวผู้นำของเมืองที่ยังไม่เคยพบหน้าขึ้นมาทันที
เขาไม่คิดว่ารอยผ่าที่อยู่บนหินหยาบที่ถูกเก็บมาพวกนั้นจะถูกทำขึ้นเพื่อประชาชนทั่วไปที่ไม่รู้เรื่องดูหรอก เห็นได้ชัดว่ามันต้องเป็นความสามารถของผู้นำของเมืองที่จัดงานในครั้งนี้ขึ้นอย่างแน่นอน
งานพนันหินในครั้งนี้จะมีคนจากทุกสารทิศมาเข้าร่วม ส่วนใหญ่ก็เป็นแค่คนทั่วไปที่มาเดินเล่นเท่านั้น มีเพียงส่วนน้อยที่เป็นพวกผู้เชี่ยวชาญจริงๆ
หลังจากที่เห็นสีเขียวในรูปแบบต่างๆ แล้ว เกรงว่าเหล่าคนที่แค่มาเดินเล่นก็อาจจะหน้ามืด ทนไม่ไหวจนต้องซื้อติดมือไปบ้าง
เนื่องจากการพนันหินนั้นถือเป็นมีดเดียวขึ้นสวรรค์ มีดเดียวลงนรกได้เลย แล้วถ้าเกิดฟลุ๊กขึ้นมาล่ะ?
“ปรมาจารย์หยิว จากนี้ก็ต้องหวังพึ่งคุณแล้ว”
เหลียงเหวินเห้าแค่รู้คร่าวๆ เกี่ยวกับหินหยาบเท่านั้น เรื่องรายละเอียดจริงๆ จะไปสู้หยิวฉีที่เป็นผู้เชี่ยวชาญได้ยังไง
หยิวฉีพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินไปยังแผงแรกก่อนใคร เขาไม่แม้แต่จะมองหินที่ไม่ได้ผ่าพวกนั้นเลย เป้าหมายนั้นมุ่งไปยังหินที่มีรอยผ่าแล้วอย่างชัดเจน
เขาใช้เวลาในการดูไม่นาน โดยหินทุกก้อนจะหยุดอยู่ในมือเขาแค่ไม่กี่สิบวิ จากนั้นก็เริ่มคุยราคากับเจ้าของร้าน
นั่นจึงทำให้เย่เทียนอดแปลกใจไม่ได้ ต่อให้หยิวฉีจะมีประสบการณ์สักแค่ไหน แต่เวลาที่ใช้มันไม่น้อยไปหน่อยเหรอ? หรือเขาจงใจหลอกเหลียงเหวินเห้ากัน?
พอคิดได้อย่างนั้น เย่เทียนก็อดไม่ได้ที่จะพูดเตือนไปว่า “คุณอาเหลียง ปรมาจารย์หยิวเขาไม่เร็วไปหน่อยเหรอครับ?”
“โอเคอยู่นะ!”
เหลียงเหวินเห้าตอบตามสัญชาตญาณไปคำหนึ่ง จากนั้นก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เสี่ยวเย่ เธอกลัวว่าปรมาจารย์หยิวจะกำลังทำร้ายฉันอยู่ใช่มั้ย?”
“ครับ” เย่เทียนพยักหน้าเบาๆ
เหลียงเหวินเห้าอดขำไม่ได้ จึงค่อยๆ อธิบายไปว่า
“นี่เสี่ยวเย่ เธอเข้าใจปรมาจารย์หยิวผิดแล้ว”
“ฉันเคยพูดกับเธอตั้งแต่แรกแล้ว ที่ฉันมาในครั้งนี้ไม่ได้มาเพื่อพนันหิน”
พอเหลียงเหวินเห้าพูดย้ำมาอย่างนั้น เย่เทียนก็พยักหน้าอย่างเข้าใจทันที และถือว่าเข้าใจแล้ว
พูดตามตรงก็คือ การที่เขามาในครั้งนี้ก็เพื่อซื้อหินไว้กักตุนส่วนหนึ่ง โดยไม่ได้สนใจเลยว่าพวกมันจะเขียวหรือไม่
เย่เทียนถามด้วยความอยากรู้ว่า “แล้วทำไมปรมาจารย์หยิวถึงไม่มองหินที่ไม่ได้ผ่าพวกนั้นเลยล่ะครับ?”
“พูดแบบนี้แล้วกัน หินที่มีรอยผ่าถือเป็นการพนันแบบครึ่งหนึ่ง ส่วนหินที่ไม่เคยผ่านั้นถือเป็นการพนันแบบเต็มที่”
เหลียงเหวินเห้าทำให้เย่เทียนเข้าใจหลักการสากลขึ้นมา “ถึงราคาของหินที่พนันแบบครึ่งจะสูงกว่าแบบเต็มไปมาก แต่โอกาสที่ราคาจะขึ้นก็มีมากกว่าเหมือนกัน”
เย่เทียนพยักหน้าอย่างมีความคิด และเข้าใจความหมายโดยรวมของเหลียงเหวินเห้าแล้ว
พูดง่ายๆ ก็คือ เขาเป็นแค่พ่อค้าคนกลาง หลังจากที่กักตุนของไว้หลายปีแล้วค่อยปล่อยออกไป ไอ้พวกราคาที่ปรับตัวหรือพนันแพ้มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา ขอแค่ตลาดของหยกเขียวมีมูลค่ามากขึ้น เขาก็จะได้กำไรอย่างแน่นอน
“เสี่ยวเย่ ส่วนเรื่องที่เธอกับหลี่เฟิงพนันกันนั้น เธอไม่ลองไปขอคำแนะนำจากปรมาจารย์หยิวดูล่ะ เขาค่อนข้างเชี่ยวชาญด้านนี้เลยล่ะ”
พอนึกถึงสิ่งที่เย่เทียนพนันกับหลี่เฟิงก่อนหน้านี้ เหลียงเหวินเห้าก็อดที่จะเตือนด้วยความเป็นห่วงไม่ได้
พูดจบ ยังไม่ทันที่เย่เทียนจะได้ตั้งสติ เหลียงเหวินเห้าก็ดึงตัวเย่เทียนไปที่หยิวฉีโดยไม่เปิดโอกาสให้พูดอะไร
เย่เทียนไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการพนันหินเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีวิธีการดูหินยังไง แต่เขาก็มีชี่ทิพย์นะ!
สภาพทั้งหมดของหินนั้นเป็นยังไง เขาแค่สัมผัสสักหน่อยก็รู้แล้ว แล้วทำไมยังต้องเสียเวลาด้วยล่ะ?
แต่เรื่องอย่างนี้เย่เทียนก็ไม่สามารถอธิบายให้เหลียงเหวินเห้าเข้าใจได้หรอก
“คุณอาเหลียง ผมว่าไม่ต้องไปรบกวนปรมาจารย์หยิวหรอกครับ”
“เพราะหินที่คุณต้องการมันค่อนข้างเยอะ ถ้าให้ปรมาจารย์หยิวมาช่วยผมดู มันจะยิ่งเวลาไม่ใช่เหรอครับ?”
พอคิดได้อย่างนั้น เย่เทียนก็ส่ายหน้าด้วยความจนใจ และปฏิเสธความหวังดีของเหลียงเหวินเห้าไป
เหลียงเหวินเห้าพูดด้วยความสงสัยว่า “แต่ว่าเธอ….”
“คุณอาเหลียง คุณเชื่อใจผมเถอะครับ!”
เย่เทียนแย้มปากให้เห็นฟันขาวๆ หลายซี่ และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผมเคยทำให้คุณผิดหวังด้วยเหรอครับ?”
“แล้วแต่! เอาที่สบายใจเลย”
เหลียงเหวินเห้าจ้องมองเย่เทียนด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง พอเห็นเขาที่ทำหน้าแน่วแน่ ก็ทำได้แค่ส่ายหน้าอย่างจนใจเท่านั้น
ไม่ว่ายังไง นี่มันก็เป็นการเดิมพันระหว่างเย่เทียนกับหลี่เฟิง เขาได้แสดงความช่วยเหลืออย่างเต็มที่แล้ว แต่เย่เทียนกลับไม่รับมัน เขาก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว!
สโมสรจุนเตี่ยน