ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ - บทที่ 330 รอคุณเรียกว่าป
ภายใต้ความดีใจในเรื่องหินกักเก็บชี่ทิพย์ เย่เทียนก็ลืมเรื่องที่พนันกับหลี่เฟิงไปซะสนิทเลย และกำลังยืนรอเด็กหนุ่มกลับมาอยู่ตรงหน้าแผงอย่างเบื่อหน่าย
แต่สิ่งที่น่าเสียดายคือ ชีวิตคนเรามันมักเหมือนกับเรื่องตลก บางทีต่อให้คุณไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว แต่เรื่องมันก็จะวิ่งมาหาคุณเอง
ในตอนที่เย่เทียนกำลังเบื่อมากๆ หลี่เฟิงก็ได้ปรากฏตัวออกมา และเริ่มพูดจาล้อเลียนอย่างกวนประสาท
“โอ๊ะโอ๋ นี่มันคุณชายเย่ไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้มันผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว ยังหาหินที่ถูกใจไม่ได้อีกเหรอครับ?”
“หรือว่า คุณชายเย่จะไม่มีความรู้อะไรเกี่ยวกับการพนันในครั้งนี้เลยนะ? ไม่รู้ว่าควรดูยังไง?”
เย่เทียนกระตุกคิ้ว ในที่สุดก็นึกถึงการเดิมพันของทั้งคู่ได้ สายตาก็เหลือบไปเห็นหินที่ถูกบอดี้การ์ดด้านหลังอุ้มไว้
ทันทีที่เห็นมัน สีหน้าของเย่เทียนก็ดูประหลาดขึ้นมา
นั่นก็เป็นเพราะ หินก้อนที่หลี่เฟิงเลือกมามันค่อนข้างแปลก
เมื่อมองจากรูเล็กๆ ที่ถูกผ่าแล้ว มันก็ออกมาเป็นสีเขียว แถมยังเขียวมากด้วย สีสันค่อนข้างสวยเลย
แต่สิ่งที่ผิดปกติก็คือ เย่เทียนนั้นสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าในหินก้อนนี้มันไม่ได้มีชี่ทิพย์อยู่มากมายนัก จนสามารถใช้คำว่าเบาบางมาเปรียบเปรยได้เลย
จากตรงจุดนี้ เย่เทียนก็คาดเดาได้ไม่ยากว่า หินที่อยู่ในมือของบอดี้การ์ดนั้น มีเขียวแค่ตรงจุดที่ผ่าออก ส่วนที่เหลือก็น่าจะขาวโพลนไปกว่าครึ่ง!
มันช่างเข้ากับคำที่กล่าวขานกันวงการพนันหินว่า มีดเดียวขึ้นสวรรค์ มีดเดียวลงนรกจริงๆ!
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าหลี่เฟิงซื้อหินก้อนนี้มาในราคาเท่าไหร่ แต่เย่เทียนก็มั่นใจเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ว่า หินก้อนนี้ต้องพนันขาดทุนแน่นอน!
“ผมว่านะ คุณรีบๆ ยอมแพ้ไปซะเถอะ แล้วรีบเรียกผมว่าพี่ จากนั้นก็กลิ้งออกไปซะ อย่ามาขายหน้าอยู่ตรงนี้จะดีกว่า!”
หลี่เฟิงนั้นไม่รู้หรอกว่าเย่เทียนกำลังคิดอะไรอยู่ พอเห็นเขาเงียบ จึงได้เร่งเร้าด้วยความรังเกียจ
เย่เทียนที่ตั้งสติได้ จึงขมวดคิ้วหนักยิ่งกว่าเดิม
“หินนั้นผมหาได้ตั้งนานแล้ว แต่ผมเป็นคนที่จิตใจดี เดี๋ยวจะหาว่าผมไม่ให้โอกาส ด้วยความที่ตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มผ่าผมอนุญาตให้คุณยกเลิกการเดิมพันที่มีอยู่ก่อนหน้าก็ได้”
พอเห็นเย่เทียนที่ทำหน้าย้มแย้ม หลี่เฟิงก็เหมือนราวกับเพิ่งได้ฟันมุขที่ตลกที่สุดในโลก จึงได้หัวเราะออกมาเสียงดัง
หลี่เฟิงจะไปฟังคำพูดของเย่เทียนเข้าหูได้ยังไง เข้าใจว่าเขาแค่อยากยอมแพ้ แต่ก็ไม่อยากขายหน้า จึงได้ทำตัวแข็งกร้าวแบบนั้น
“คุณบอกว่าคุณเลือกหินได้แล้ว แล้วหินนั่นอยู่ไหนล่ะ?”
“ผมว่าคุณเห็นหินที่ผมเลือกมามันไม่ธรรมดา เลยจงใจพูดให้ผมล้มเลิกการพนันล่ะมั้ง?”
“แต่ผมจะบอกอะไรให้นะ การเดิมพันก็คือการเดิมพัน เมื่อพูดออกไปแล้วก็ไม่มีทางคืนคำเด็ดขาด! ตอนนี้ต่อให้คุณทำให้ท้องฟ้าทะลุเป็นรู การเดิมพันในครั้งนี้ก็ยังจะดำเนินต่อไป!”
เย่เทียนส่ายหัวด้วยความจนใจ ถ้าตัวเองทำการพนันกับหลี่เฟิงจนจบ เขาก็ต้องออกจากที่นี่ไปก่อน และดันไม่มีช่องทางการติดต่อของเด็กหนุ่มคนนั้นอีก เกิดเด็กนั่นไม่เห็นตนแล้วกลับไปก่อนจะทำยังไง?
ถึงแม้โอกาสที่เด็กนั่นจะไปก่อนมันน้อยมาก แต่เย่เทียนก็สนใจในหินกักเก็บชี่ทิพย์มาก ไม่อยากให้เกิดข้อผิดพลาดแม้แต่น้อย
ต่อให้เงินที่เดิมพันกับหลี่เฟิงจะสูงถึงยี่สิบล้าน แต่ถ้าเอามาเทียบกับหินกักเก็บชี่ทิพย์ เย่เทียนก็ยังรู้ดีว่าอะไรที่สำคัญกว่ากัน
เงินนั้น ยังไงก็หาอีกได้ แต่ถ้าพลาดหินกักเก็บชี่ทิพย์นั่นไป ใครจะไปรู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะได้เจออีก
แต่ว่า หลี่เฟิงกลับมองความหวังดีของเขาเป็นการยอมแพ้ซะได้ แล้วเย่เทียนจะไปทนได้ยังไง!
“ผมแค่เตือนคุณด้วยความหวังดี ผมรู้ว่าคุณเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลหลี่ ไม่ได้ขัดสนอะไร แต่สุดท้ายตัวถ่วงความเจริญของบ้านก็น่าขายหน้าอยู่ดี!”
“แต่ว่า พอคิดว่าคุณก็เอาเงินโยนมาที่ผม ผมก็ดีใจแทนพ่อคุณจริงๆ”
หลี่เฟิงจะไปรับฟังคำพูดของเย่เทียนได้ยังไง จึงได้พูดอย่างเหยียดหยามไป
“ไม่ต้องพูดมาก! ถ้าคุณเลือกหินได้แล้วก็ไปผ่าด้วยกัน แต่ถ้าไม่มี เราก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลา”
“ผมว่าคุณรีบเรียกพี่ให้ฟังจะดีกว่า ถึงผมจะไม่ชอบขี้หน้าคุณมากแค่ไหน แต่ก็ไม่รังเกียจที่จะมีน้องชาอย่างคุณเพิ่มอีกสักคน!”
เย่เทียนยักไหล่ จากนั้นก็ใช้ขาเขี่ยหินที่อยู่บนแผงออกมาก้อนหนึ่งอย่างสบายๆ
“ในเมื่อคุณอยากเอาเงินให้ผมมากขนาดนั้น แล้วยังจะเสียเวลาอยู่อีกทำไม ไป!”
ถึงมันจะดูไม่ใส่ใจ แต่ความจริงเย่เทียนได้ตรวจดูตั้งนานแล้ว หินก้อนนี้มีชี่ทิพย์เข้มข้นที่สุดในแผงถึงแม้มันจะไม่ได้เขียวอะไรมากมาย แต่มันก็เขียวแน่นอน
ยังไงระหว่างเขากับหลี่เฟิงก็เดิมพันก็เป็นการเลือกหิน ขอแค่มันเขียว มันก็ดีกว่าหินอันไร้ค่าที่หลี่เฟิงเลือกมาไม่ใช่เหรอ? ทันใดนั้น เหลียงเหวินเห้ากับคนอื่นที่เลือกหินอยู่ข้างหลังก็มาถึงแล้วเหมือนกัน พวกเขานั้นรู้เรื่องที่เย่เทียนกับหลี่เฟิงพนันกันอย่างชัดเจน
เพียงมองแค่แวบเดียว มันก็ทำให้สีหน้าของหยิวฉีที่เชี่ยวชาญด้านหินหยกต้องเปลี่ยนไปทันที และหันไปส่ายหน้าให้เหลียงเหวินเห้าอย่างต่อเนื่อง
นี่มันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ฐานะของเขามันต่ำเกินไป จึงไม่สามารถก้าวออกไปได้
ความจริงแล้ว ถึงหยิวฉีจะไม่ได้ส่งสัญญาณ เหลียงเหวินเห้าที่รู้เรื่องหินหยกอย่างครึ่งๆ กลางๆ ก็มองความแตกต่างของหินที่ทั้งสองเลือกออก จึงรีบเดินเข้าไปขวางเย่เทียนเอาไว้
“เสี่ยวเย่ นี่นะเหรอหินที่เธอเลือก? ฉันว่าเธอลองเลือกอีกสักก้อนมั้ย?”
“คุณอาเหลียง นี่เป็นเรื่องระหว่างผมกับคุณชายเย่ คุณอย่าเข้ามายุ่งดีกว่ามั้ง?”
ยังไม่ทันที่เย่เทียนจะได้พูด หลี่เฟิงกลับสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย แล้วมองเหลียงเหวินเห้าด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง
แต่ที่น่าเสียดายคือ เหลียงเหวินเห้าไม่ได้สนใจหลี่เฟิงเลยสักนิด แต่กลับหันไปพูดเตือนเย่เทียนด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
“เสี่ยวเย่ ฟังที่อาเตือนหน่อยนะ เดี๋ยวอาให้ปรมาจารย์หยิวเลือกให้เธอใหม่นะ”
นั่นจึงทำให้สีหน้าของหลี่เฟิงเคร่งขรึมลงไปทัน เขาไม่ได้เป็นคนที่ไม่มีสมองเลย การกระทำของเหลียงเหวินเห้านั้นได้แสดงจุดยืนที่เขาเลือกออกมาได้อย่างชัดเจนแล้ว
ระหว่างเขากับเย่เทียน เหลียงเหวินเห้าได้เลือกเย่เทียนไปแล้ว!
มิตรของศัตรู มันก็คือศัตรู!
“คุณอาเหลียง คุณไม่ต้องเป็นห่วง ถึงแม้ว่าหินก้อนนี้ของผมอาจจะไม่ได้เขียวอะไรขนาดนั้น แต่ถ้าจะให้เอาชนะเขา มันก็เป็นเรื่องที่ง่ายนิดเดียว!”
เย่เทียนที่มีแผนอยู่ในใจจะไปรับฟังที่ในสิ่งที่เหลียงเหวินเห้าเตือนได้ยังไง และได้ตอบด้วยรอยยิ้มไป
“เย่เทียน คุณนี่ชักจะพูดจาใหญ่โตมากเกินไปแล้วนะ!”
“ถ้าหินก้อนนี้ของคุณ สามารถเอาชนะผมได้ ผมจะเรียกคุณว่าปู่ต่อหน้าทุกคนเลย!” หลี่เฟิงดีใจขึ้นมาทันที กลัวว่าเย่เทียนจะเปลี่ยนหินตามคำแนะนำของเหลียงเหวินเห้า จึงรีบพูดจากวนประสาทขึ้นมา
“คุณเป็นคนพูดเองนะครับ!”
เย่เทียนอึ้งไปพักหนึ่ง นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าหลี่เฟิงจะไม่รู้มุทะลุจนถึงขั้นพูดแบบนี้ออกมา
“มันก็แน่นอนอยู่แล้ว!”
หลี่เฟิงนั้นมั่นใจในหินที่ตัวเองเลือกมามากๆ พอหันไปมองก้อนที่เย่เทียนเลือกมา มันก็ไม่มีอะไรต้องให้เทียบ จึงได้พยักหน้าไปอย่างรวดเร็ว
“ตกลง! ลูกผู้ชายพูดแล้วไม่คืนคำ! งั้นคุณก็รอเรียกปู่ได้เลย!”
พูดจบ เย่เทียนก็ไม่แม้แต่จะมองหลี่เฟิง เดินอ้อมเหลียงเหวินเห้าแล้วตรงไปยังเวทีที่มีเครื่องผ่า
หลี่เฟิงที่เห็นแบบนั้น ก็ได้ยิ้มอย่างพอใจออกมาที่มุมปาก และรีบเดินตามเย่เทียนไปยังเวทีสูงๆ นั่น
ตอนที่เดินผ่านเหลียงเหวินเห้า เขาก็ทำเสียงฮึดฮัดออกมาอย่างแรง แสดงออกถึงความไม่พอใจอันแรงกล้า
หลังจากที่กลับไปเขาต้องไปคุยกับคนในตระกูลให้ละเอียด ไม่กล้ารับประกันว่าจะสามารถตัดความสัมพันธ์กับตระกูลเหลียงได้ทันทีรึเปล่า แต่ที่มั่นใจได้คือ ตระกูลเหลียงไม่มีบุญในการประมูลเหมืองหยกในครั้งนี้แล้วแน่นอน!