ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ - บทที่ 373 ทำใจไม่ได
เซ่เจีย นักแสดงหญิงที่ถูกยอมรับในวงการทีวีและภาพยนตร์ เป็นโปรดิวเซอร์ ปรากฏออกสู่หน้าจอเมื่อสามปีที่เแล้ว ลำพังแค่ซีรี่ย์ย้อนยุคราชวงศ์ฉินเรื่องลือเลื่องเมืองเจียงหนันก็คว้ารางวัลนักแสดงหญิงยอดนิยมในรายการ China TV Golden Eagle Award
ไปได้แล้ว
เย่เทียนไม่ใช่คนที่คลั่งไคล้ดาราแต่อย่างใด การที่เขาจำเซ่เจียได้นั้น นอกจากการโฆษณาที่มีอยู่เต็มบ้านเต็มเมืองแล้วสิ่งสำคัญที่สุดก็คือเธอมีบุญคุณที่เคยช่วยชีวิตของเขามาก่อน
แน่นอนว่ามันต้องเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อชาติก่อน
ตอนนั้นเป็นช่วงที่เย่เทียนเพิ่งเปลี่ยนอาชีพไปเป็นทหารรับจ้างได้ไม่นาน เขาได้พบกับสมาชิกคนหนึ่งของแก๊งกะโหลกสักลาย จึงตามไล่ฆ่าคนๆนั้นอย่างไม่ลดละ เพื่อหวังที่จะล้วงเอาข้อมูลของแก๊งกะโหลกสักลายมาให้ได้
ใครจะไปคิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นถึงหัวหน้าแก๊งของเจ้าถิ่นในแถบนั้น จึงได้เกิดหนังไล่ล่าที่ดุเดือดขึ้น เย่เทียนได้หลบเข้าไปในกองถ่ายของเซ่เจียโดยบังเอิญ
ถ้าเซ่เจียไม่ชี้ไปที่เย่เทียนแล้วบอกกับนักเลงพวกนั้นว่า เขาเป็นผู้ช่วยที่เธอพามาจากต่างประเทศ เกรงว่าเย่เทียนคงถูกรุมฟันจนกลายเป็นเศษเนื้อไปแล้ว และคงไม่มีเทพนักฆ่าเย่เทียนอย่างแน่นอน
พอเสร็จเรื่องเย่เทียนก็เคยถามเซ่เจียว่าทำไมถึงช่วยเขา
เซ่เจียก็ตอบมาอย่างใสซื่อว่า : ฉันรู้สึกว่าคนที่ตามล่าคุณไม่ใช่คนดีอะไร เราต่างก็เป็นคนในประเทศเดียวกัน การอยู่ต่างบ้านต่างเมืองนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย คุณเองก็พยายามเข้าละกัน!
นั่นเป็นครั้งแรกที่เย่เทียนได้พบกับเซ่เจีย และเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เจอกับเซ่เจียเหมือนกัน
เย่เทียนเป็นคนที่รู้จักทดแทนบุญคุณ ถึงแม้สำหรับเซ่เจียแล้วเรื่องนี้จะเป็นแค่เรื่องเล็ก แต่เย่เทียนก็จำมันจนขึ้นใจแล้ว
ทว่า ถึงแม้จากนั้นเย่เทียนจะเติบโตเป็นเย่ซา แต่เขาก็ไม่เคยไปหาเซ่เจียเลย
ไม่ใช่ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเซ่เจีย เย่เทียนแค่รู้สึกว่าคนชั่วช้าอย่างตนไม่ควรไปวุ่นวายกับเด็กสาวที่ใสซื่ออย่างเธอ
อีกอย่าง เขาในตอนนั้นได้สังหารคนของแก๊งกะโหลกสักลายไปมากแล้ว เขากลัวจะทำให้เซ่เจียต้องซวยกับเรื่องนี้ไปด้วย
นี่เป็นบุญคุณที่เย่เทียนไม่เคยได้ทดแทนในชาติที่แล้ว และไม่นึกเลยว่าจะได้มาพบเจอในชาตินี้
“ไร้ค่าจริงๆ ไม่รู้ว่าจะจ้างคุณมาทำอะไรจริงๆ!”
ระหว่างที่เย่เทียนกำลังตกอยู่ในความคิดนั้น เซ่เจียก็ยืนขึ้นและกำลังขมวดคิ้วจ้องมองไปยังบอดี้การ์ดที่กำลังเอามือกุมหัวอยู่
ถึงแม้ว่าเธอจะสวมเสื้อผ้าที่ตัวใหญ่โคร่ง แต่มันก็ยากที่จะบดบังส่วนเว้าส่วนโค้งของทรวดทรงได้ ความสูงระดับเมตรเจ็ดห้า เผยให้เห็นท่อนขาที่เรียวยาว ช่างเป็นขาที่เรียวสวยจริงๆ!
ว่ากันว่าผู้หญิงคนนี้มีเบื้องหลังที่ลึกซึ้งมาก ต่อให้เข้าไปอยู่ในวงการบันเทิงที่สกปรกที่สุดก็ยังไม่เคยพบเจอกับเรื่องที่ไม่ดีมาก่อน
ตอนนี้พอเห็นเธอที่ตกอยู่ในสถานการณ์การจี้เครื่องบินยังสามารถใจเย็นได้แบบนี้ เย่เทียนก็อดที่จะแอบแลบลิ้นออกมาไม่ได้ ข่าวที่ลือกันก็ใช่ว่าจะไม่มีมีมูลความจริงซะทีเดียว!
“จิ๊จิ๊ นี่มันดาราดังเซ่เจียไม่ใช่เหรอ ไม่นึกเลยว่าเราจะได้มาเจอกันในที่แบบนี้ มันช่างบังเอิญจริงๆ!”
ไม่ว่ายังไง พอชายที่เป็นหัวหน้าเห็นเซ่เจียยืนขึ้น น้ำลายก็แทบจะไหลออกมาอย่างน่ารังเกียจเลย
ชายที่ถูกเรียกว่าเจ้าสามก็กำลังจ้องไปยังเซ่เจียด้วยสายตาที่เป็นประกาย สายตาที่ชั่วร้ายนั่นราวกับจะสามารถถอดเสื้อผ้าของเซ่เจียได้ และเหมือนกำลังคุกคามเธอในจินตนาการอย่างเต็มที่
“เจ้าสาม แกพาไอ้พวกนี้ออกไปกระตุ้นหน่อยไป ฉันมีเรื่องอยากคุยกับคุณเซ่เจียสักหน่อย!”
คนที่เป็นหัวหน้าโบกมือ บอกเจ้าสามให้จัดการเรื่องไปเพิ่มพลังให้พวกพ้องที่อยู่ตรงห้องโดยสารชั้นประหยัดที่เพิ่งสั่งไปให้เรียบร้อย และถือโอกาสพาเย่เทียนกับผู้โดยสารชั้นเฟิร์สคลาสคนอื่นออกไปด้วย
“พี่เฮย ถ้าพี่เสร็จธุระแล้วจะเปลี่ยนให้ผมได้คุยกับคุณเซ่เจียบ้างได้มั้ยครับ?”
เจ้าสามหันมองเซ่เจียที่กำลังทำหน้าเย็นชาด้วยความเสียดาย แล้วหันกลับมามองแอร์สาวที่ตนกำลังจิกผมอยู่ พร้อมกับเลียปากตามสัญชาตญาณ
“ได้อยู่แล้ว!”
ชายที่ถูกเรียกว่าพี่เฮยได้ยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย “เจ้าสาม วันนี้ไม่ว่าแกจะถูกใจใคร และถ้าแกเกิดมีความคิดแบบนั้นขึ้นมา พี่เฮยก็จะไม่ห้ามแกทั้งนั้น!”
“แน่นอนว่า ก่อนหน้านั้นแกต้องทนให้ได้ก่อนนะ!”
“พี่เฮย พี่ไม่ต้องห่วง คืนละเจ็ดแปดครั้งนี่ไม่เป็นปัญหาอะไรกับผมเลย!”
เจ้าสามหัวเราะชอบใจ และได้ตะโกนบอกให้ผู้โดยสารในชั้นเฟิร์สคลาสให้ออกไป เพื่อให้พี่เฮยได้มีเวลาส่วนตัวบ้าง
“ไป!”
ภายใต้การข่มขู่โดยมีปากกระบอกปืนของเจ้าสามจ่ออยู่ มันก็ทำให้บรรดาผู้คนที่ดูดี หรือคนที่เป็นเจ้าของธุรกิจ รวมถึงพวกแขกระดับสูงของท้องที่บางคนกลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียง และเดินออกไปที่ชั้นประหยัดอย่างว่าง่าย
ด้วยตำแหน่งที่นั่ง เย่เทียนก็เป็นคนสุดท้ายที่เตรียมจะออกจากชั้นเฟิร์สคลาส ในตอนที่กำลังจะออกจากชั้นเฟิร์สคลาสนั้น ในที่สุดเย่เทียนก็ทนไม่ไหวจนต้องลงมือ!
เขาในชาติที่แล้วฆ่าคนอย่างกับผักปลา สามารถจ้องมองสายตาที่อ้อนวอนของแอร์สาวด้วยความใจเย็นราวกับน้ำที่นิ่งสงบ แต่พอนึกถึงโชคชะตาที่เซ่เจียจะได้เจอ เขาก็ทนไม่ได้ในที่สุด!
ยังไงเซ่เจียก็เป็นผู้มีพระคุณของเขาในชาติที่แล้ว!
ต่อให้ชาติที่แล้วเซ่เจียจะไม่เคยใส่ใจเรื่องนี้เลยก็ตาม ต่อให้สิ่งนั้นจะไม่เคยเกิดขึ้นในชาตินี้มาก่อน แต่เขาก็ทำใจไม่ได้จริงๆ
ในที่ไม่ไกล พี่เฮยได้ยื่นมือซ้ายที่ชั่วร้ายออกมาแล้ว และได้กดดันเซ่เจียไปอยู่ที่มุม
“คุณเซ่เจียครับ คุณว่า ทำไมเราถึงมีวาสนาได้นั่งบนเครื่องเดียวกันเหรอครับ?”
ปากกระบอกปืนเก็บเสียงที่อยู่ในมือขวาของพี่เฮยค่อยๆ จ่อไปยังหน้าอกของเซ่เจีย และเผยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมาจากมุมปาก
แต่ทว่า กลับทำเหมือนไม่รู้สึกอะไร ยังคงจ้องเขม็งไปยังพี่เฮยด้วยสายตาที่เป็นประกาย สีหน้าเย็นชาอย่างถึงที่สุด
“ทำไม? คุณเซ่เจียคงไม่ได้รู้สึกรังเกียจผมอยู่ใช่มั้ย? คุณคิดว่าการพูดกับผมมันทำให้คุณดูตกต่ำลงสินะ?”
พี่เฮยถูกจ้องจนรู้สึกกลัว และได้เปิดเสื้อตรงไหล่ของเซ่เจียออกอย่างกะทันหันจนเผยให้เห็นหัวไหล่ที่ขาวนวลของหญิงสาว เหมือนต้องการใช้ความรุนแรงเพื่อลบล้างความหวาดกลัวที่อยู่ในใจ
“ถ้าแกยังแตะต้องฉันอีกครั้ง ฉันรับรองได้เลยว่าถึงแกไม่ตาย แต่ชีวิตหลังจากนี้ก็มีแต่ต้องนั่งอยู่ในคุกเท่านั้น!”
หลังจากที่ตกใจไปพักหนึ่ง เซ่เจียก็ตั้งสติได้ และทำหน้าเย็นชาอย่างถึงที่สุด
“โอ๊ะโอ๋ ตกอยู่ในสภาพนี้แล้วเธอยังกล้าข่มขู่ฉันอีกเหรอ?”
“ใช่ ฉันยอมรับว่าเธอเป็นดาราดังผู้สูงส่ง ปกติก็ไม่ค่อยจะเห็นค่าคนระดับร่างอย่างพวกเราอยู่แล้ว”
“แต่ว่าตอนนี้ อยากให้เธอช่วยเข้าใจสถานการณ์หน่อย ในเมื่อกูกล้าเล่นถึงขนาดนี้ แล้วคิดว่าคำขู่มันจะทำอะไรกูได้รึไง?”
ไฟโทสะลุกโชนขึ้นมาในอกของพี่เฮยทันที และกำลังจะยื่นมือไปดึงเสื้อของ เซ่เจียออก
ตุบ!
ทันใดนั้นเอง ก็มีได้เสียงของอะไรหนักๆ หล่นพื้นดังมาจากทางด้านหลัง
พี่เฮยตกใจจนสะดุ้ง จึงรีบหันไปมอง และต้องตกใจจนเกือบกรี๊ดออกมา
เพราะทันทีที่เขาหันกลับไป ตำแหน่งที่ห่างจากตัวเองไปประมาณห้านิ้ว ก็สบเข้ากับดวงตาสีดำเข้าพอดี
ส่วนคนๆนี้ นอกจากเย่เทียนแล้ว ยังจะเป็นใครได้อีก?
“แก…..”
พี่เฮยมีโอกาสพูดออกมาได้แค่พยางค์เดียว สองมือของเย่เทียนก็กุมไปที่คางกับต้นคอของเขา
แคร้ก!
เสียงกระดูกต้นคอที่หักก็ได้ดังขึ้นอย่างชัดเจน เย่เทียนได้วางศพของพี่เฮยลงอย่างเงียบๆ สายตาก็มองไปยังเซ่เจียที่คิ้วขมวดเป็นปมและกำลังยืนอึ้งอยู่กับที่
“คุณ…ไม่เป็นไรใช่มั้ย?”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
สายตาที่เซ่เจียมองไปยังเย่เทียนค่อนข้างซับซ้อน ส่ายหน้าเบาๆ และรักษาภาพลักษณ์ที่เย็นชาเอาไว้
เย่เทียนส่ายหน้าด้วยความจนใจ ผู้หญิงคนนี้ต้องมีคนใหญ่คนโตหนุนหลังอย่างแน่นอน พบเห็นอะไรมากมายแล้ว
เพราะไม่อย่างนั้น การต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้แล้วจะให้ยังใจเย็นอยู่ได้ยังไง? ถ้าเป็นผู้หญิงทั่วไป คงตกใจจนหน้าเสียและร้องไห้ไปนานแล้ว