ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ - บทที่ 433 ผมไม่อาจรับคุณเป็นอาจารย
“หมอเทพเย่ ลูกศิษย์คนนี้ของผมไม่เอาไหนจริงๆ เมื่อกี้เขาทำอะไรให้คุณไม่พอใจ ผมขอโทษแทนเขาด้วย”
พอร่างของลู่โหย่วจื้อหายไป ว่านชิงเฟิงส่ายหน้าไปมาอย่างขมขื่น พลางเดินมาตรงหน้าเย่เทียน
ถึงยังไงลู่โหย่วจื้อก็เป็นลูกศิษย์ที่ติดตามเขามานานหลายปี เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีความผู้พัน
“ท่านปู่ว่าน นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ไม่ต้องขอโทษหรอก”
เย่เทียนส่ายหน้าเบาๆ ไม่ได้ถือโทษโกรธว่านชิงเฟิงเพราะความผิดพลาดของลู่โหย่วจื้อ “แต่นิสัยใจคอของเขายังต้องฝึกฝนอีกเยอะ ไม่งั้นคงก่อเรื่องใหญ่เข้าสักวัน!”
“พ่อหนุ่ม ทักษะการแพทย์ของคุณสุดยอดมาก!”
ไม่รอให้ว่านชิงเฟิงได้ตอบกลับ ชายชราชุดราชวงศ์ถังก็เดินมา สายตาขุ่มมัวมองเย่เทียนอย่างชื่นชม
ว่านชิงเฟิงจึงนึกได้ รีบแนะนำทั้งสองฝ่าย:“หมอเทพเย่ ท่านนี้คือหัวหน้าสมาคมแพทย์แผนจีนสาขาเจียงหวยของเรา หยูเกาหมิง”
“หัวหน้าหยู คนนี้คือหมอเทพที่ผมเพิ่งพูดกับคุณไปเมื่อครู่ เย่เทียน!”
“หยูเกาหมิง?”
ทันทีที่ได้ยินชื่อนี้เย่เทียนก็ตกใจขึ้นมาทันใด ไม่คิดว่าเขาจะเป็นหัวหน้าสมาคมแพทย์แผนจีนสาขาเจียงหวย
แม้ชาติก่อนเย่เทียนไม่เคยเจอเขา แต่เขาก็เป็นคนในวงการแพทย์ครึ่งหนึ่ง แน่นอนว่าคุ้นเคยกับชื่อนี้
ทักษะการแพทย์ของหยูเกาหมิงนั้นเก่งกาจมาก เป็นหนึ่งในสิบผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ที่จีนยอมรับ ทักษะทางการแพทย์ของเขานั้นยอดเยี่ยมมาก!
แน่นอน ที่สำคัญที่สุดคือหยูเกาหมิงเป็นหมอที่สมบูรณ์แบบ ท่องเที่ยวในจีนตลอดทั้งปี รักษาให้ฟรี มีชื่อเสียงโด่งดังในหมู่ประชาชน
“ผู้อาวุโสหยู สวัสดีครับ”
หลังจากประหลาดใจไปในเวลาสั้นๆ เย่เทียนก็ได้สติกลับมาโดยเร็ว กล่าวทักทายอย่างนอบน้อม
“เสี่ยวเย่ ตอนนี้ยังอยู่ในการแข่งขัน ให้พวกเขาทำต่อเถอะ! เราลงไปคุยกันด้านล่างเวที?”
เห็นท่าทีนอบน้อมของเย่เทียน สายตาหยูเกาหมิงก็ยิ่งชื่นชมเข้าไปอีก
“ครับ!”
แน่นอนว่าเย่เทียนไม่ขัดอะไร เดินตามหยูเกาหมิงและผู้ตัดสินคนอื่นๆลงจากเวที ตรงไปยังที่นั่งผู้ตัดสินด้านล่าง
“เย่เทียน คุณแข่งเสร็จแล้วเหรอ?”
เห็นเย่เทียนกับคนอื่นๆเดินลงมา เฉินหวั่นชิงผู้มองตาเป็นประกาย จากด้านล่างอยู่นานแล้วรีบเดินไปหา แล้วคล้องแขนเย่เทียนอย่างธรรมชาติ“เอ่อ?!”
เย่เทียนชะงัก ค่อยๆเงยหน้าเหลือบมองหยูเกาหมิงกับว่านชิงเฟิง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยมั่นใจ:“น่าจะเสร็จแล้วนะ?”
“ไม่ใช่แค่แข่งเสร็จแล้ว โชคดีที่เราไม่มีการจัดลำดับอะไรในการแข่ง ไม่งั้นแค่อิงจากฝีมือของคุณเมื่อครู่ คุณคงได้เป็นแชมป์ในการประชุมแลกเปลี่ยนครั้งนี้แน่ๆ!”
ว่านชิงเฟิงยิ้มอย่างอ่อนโยน การแข่งขันครั้งนี้เพื่อทดสอบทักษะการแพทย์ของหนุ่มสาวแต่ละคนก็แค่นั้น ไม่มีลำดับก่อนหลังอะไร
“เพื่อนตัวน้อยคนนี้เห็นแล้วคุ้นๆ! ไม่ทราบว่าคุณคือ?”
พอเห็นหน้าเฉินหวั่นชิงชัดๆ หยูเกาหมิงก็มีสีหน้าหวนรำลึกทันที
“คุณปู่หยู ฉันชื่อเฉินหวั่นชิงค่ะ ปู่ของฉันคือเฉินชังไห่”
เฉินหวั่นชิงยิ้มหวาน แล้วพูดระลึก:“คุณเคยรักษาให้ปู่ฉันประมาณเมื่อ5ปีก่อน ”
“มิน่าฉันถึงว่าเธอดูคุ้นๆ ที่แท้ก็เป็นหลานสาวหัวแก้วหัวแหวนของเหล่าเฉินนี่เอง!”
พอเฉินหวั่นชิงพูดรำลึก ในที่สุดหยูเกาหมิงก็นึกขึ้นได้ พยักหน้าอย่างจำได้ทันที แล้วพูดปลงๆ:“คิดไม่ถึงว่าแค่เป๊บเดี๋ยวก็ผ่านไป5ปีแล้ว ฉันจำได้ตอนนั้นเธอยังเป็นเด็กน้อยเรียนหนังสืออยู่เลย ตอนนี้แต่งงานแล้ว เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ!”
เย่เทียนกับว่านชิงเฟิงไม่คิดว่าหยูเกาหมิงกับเฉินหวั่นชิงรู้จักกัน ตอนนี้เกิดความซับซ้อนขึ้นในสายตาอย่างห้ามไม่ได้
ทว่าทั้งสองคนกลับเงียบไม่พูดอะไร แถมยังพากันมองไปที่หยูเกาหมิง
ทั้งสองไม่ใช่คนโง่อะไร ตอนนี้สัมผัสได้ว่าที่ปรมาจารย์ด้านแพทย์แผนจีนผู้น่าเกรงขาม ให้เย่เทียนลงมาคุยด้วย ไม่ใช่แค่ให้มาทำความรู้จักกันธรรมดาๆแน่ๆ
“พ่อหนุ่ม มันยากมากที่คนวัยนี้จะมีทักษะทางการแพทย์ถึงขั้นนี้ สนใจไปพัฒนาที่เมืองจินกับผมไหม? ”
เป็นเช่นนั้นจริงๆ หลังจากเฉินหวั่นชิงกล่าวทักทาย หยูเกาหมิงก็หันมา ดวงตาขุ่นมัวจ้องมองไปยังเย่เทียนด้วยสายตาเป็นประกาย
ทันทีที่พูดออกมา ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นถึงกับอึ้ง ไม่เข้าใจว่าหยูเกาหมิงหมายถึงอะไรไปชั่วขณะ
“คุณปู่หยูเย่เทียนไม่ไปเมืองจินกับคุณ!”
คนที่ได้สติกลับมาเป็นคนแรกก็คือเฉินหวั่นชิง ไม่พูดพร่ำทำเพลง ตัดสินใจแทนเย่เทียนทันที!
ยังไงเย่เทียนก็เป็นสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของเธอ เธอยังคงมีความสนใจในตัวเย่เทียนอยู่มาก จะให้เย่เทียนไปจากเจียงหนานได้ยังไง?
“หยู หัวหน้าหยูหรือว่าคุณอยาก……”
ขณะนั้นเองว่านชิงเฟิงเพิ่งได้สติกลับมา มองหยูเกาหมิงอย่างเหลือเชื่อ เหมือนนึกอะไรออกอย่างไรอย่างนั้น
“ใช่! เสี่ยวเย่ ผมอยากรับคุณเป็นศิษย์!”
“เสี่ยวเย่ ทักษะการแพทย์ของคุณไม่เลวเลย คะแนนประเมินที่เหล่าว่านมีต่อคุณก็ดีมาก ผมเชื่อว่าความดีของคุณคงไม่ไปไหนเสีย”
“เมื่อครู่คุณก็ได้ยินที่เหล่าว่านพูดแล้ว ว่าผมเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญการแพทย์แผนจีน ทางด้านทักษะการแพทย์คงไม่ต้องพูดอะไรมาก”
“แต่ มีชื่อเสียงของผมอยู่ด้วย คุณจะทำอะไรก็ค่อนข้างง่ายแน่นอน!”
“ผมบอกคุณอย่างไม่กลัวเลยนะ ที่ผมกลับมาเจียงหนานครั้งนี้เพื่อมาดูแลกิจการของหัวหน้าคนต่อไป อีกไม่กี่วันก็จะกลับไปปักหลักพัฒนาที่เมืองจิน ขอแค่คุณยินดีกลับไปกับผม ผมรับรองเลยว่าคุณจะประสบความสำเร็จและยิ่งใหญ่ในวงการแพทย์!”
เหมือนหยูเกาหมิงเดาได้ว่าว่านชิงเฟิงจะพูดอะไร จึงพยักหน้ามั่นใจโดยที่เขายังพูดไม่จบ แล้วพูดถึงข้อดีออกไป
ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นว่านชิงเฟิงหรือเฉินหวั่นชิง แม้แต่คนที่อยู่ใกล้ก็อึ้งไปทันที
หยูเกาหมิงเป็นใคร?
เขาเป็นถึงหนึ่งในสิบผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนจีนของจีน เป็นผู้ที่มีมีความสามารถและโด่งดังตัวจริงในวงการแพทย์!
พวกเขาล้วนเป็นคนของสมาคมการแพทย์แผนจีนสาขาเจียงหนาน จะไม่รู้ได้ยังไงว่าทำไมหัวหน้าสาขาท่านนี้ถึงเดินทางไปทั่วประเทศ ในระยะเวลาหลายปีมานี้
ว่ากันถึงแก่นแท้แล้ว หยูเกาหมิงแค่รู้ว่าตัวเองอายุเยอะแล้ว อยากรับศิษย์ไว้รับช่วงต่อทักษะการแพทย์สักคนก็แค่นั้น
จากชื่อเสียงของหยูเกาหมิง ขอแค่ได้เป็นลูกศิษย์ของเขา ก็มีอนาคตที่ยาวไกลแน่นอน!
ทันใดนั้น สายตาทุกคนค่อยๆมองไปที่เย่เทียน
“เย่ หมอเทพเย่ ทำไมคุณยังไม่รีบเรียกเขาว่าอาจารย์อีกล่ะ? ได้เป็นถึงลูกศิษย์ของหัวหน้าหยู ถือเป็นเรื่องดีมากๆสำหรับคุณเลยนะ!”
ว่านชิงเฟิงพูดจากใจ เมื่อก่อนก็ใช่ว่าเขาไม่ได้แสดงลู่โหย่วจื้อให้หยูเกาหมิงเห็น เพียงแต่หยูเกาหมิงในตอนนั้นแค่พอใช้ได้ก็เท่านั้น
ตอนนี้หยูเกาหมิงกลับแสดงออกว่าอยากรับเย่เทียนเป็นลูกศิษย์อย่างไม่อ้อมค้อม นี่เป็นโชคดีสำหรับเย่เทียนที่ต้องรอแปดชั่วโคตรถึงจะมีอย่างต้องสงสัยเลย!
เพียงแต่ ท่ามกลางสายตาอิจฉาของทุกคน เย่เทียนกลับยิ้มเจื่อนๆพลางส่ายหน้า
“ท่านปู่หยู ผมต้องขอขอบคุณสำหรับความหวังดีของคุณ แต่ว่า……”
“ผมไม่อาจรับคุณเป็นอาจารย์!”