ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ - บทที่ 486 จำเป็นต้องขี้เหนียวขนาดนี้เลยหรือ
“หรือว่าให้ผมเรียกมันขึ้นไปบนดาดฟ้า เดี๋ยวผมจะสั่งสอนมันให้คุณเอง!”
เมื่อเห็นสีหน้าความโกรธของหยุนเหมิงหยาน เซวหมานจื่อลังเลอยู่สักพัก แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจได้
“หยุนเหมิงหยาน ตอนนี้คุณไปคุยกับผมเป็นการส่วนตัวได้แล้วยัง?”
แต่ว่า แทบจะในเวลาเดียวกันกับการตัดสินใจของเซวหมานจื่อ เสียงของผู้ชายที่ราวกับเป็นแม่เหล็กดังขึ้นข้างหู ซึ่งนอกจากเย่เทียนแล้วจะเป็นใครได้อีก?!
แม้จะเกิดความผิดพลาดเล็กน้อย แต่เย่เทียนไม่ใช่คนประเภทที่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ หลังจากได้รู้จักเซวหมานจื่อโดยคร่าวๆ ผ่านทางเฉิงหลงแล้ว เขาก็เข้ามาหาหยุนเหมิงหยานอีกรอบ
แม้ว่าผู้คนในงานจะแยกย้ายกันไปหมดแล้ว แต่เนื่องจากความเคลื่อนไหวในตอนนี้ พวกเขายังคงจับตามองเย่เทียนอย่างห้ามใจไม่ได้ และเมื่อเห็นเย่เทียนยังกล้าเข้ามาหาหยุนเหมิงหยานอีกครั้ง ผู้คนเหล่านั้นก็เบิกตากว้างทันทีและไม่กล้าที่จะละสายตาจากเย่เทียนอีกเลย
“ให้ตายสิ! เข้าไปจีบหยุนเหมิงหยานต่อหน้าเซวหมานจื่อเลยเหรอ?”
“ไอ้หมอนี่ มันไม่รู้จักคำว่าตายจริงๆ ใช่ไหม?”
“เมื่อกี้เซวหมานจื่ออุตส่าห์ใจกว้างปล่อยมันไปแล้ว แต่มันยังกล้าเข้าไปกวนคนอื่นอีก รอบนี้ได้มันแน่!”
ผู้คนต่างมองไปที่เย่เทียนเหมือนกำลังมองดูคนโง่คนหนึ่งและส่ายหัวอย่างเหลือทน
เพราะสถานะของทั้งสองฝ่ายมันต่างกัน เย่เทียนเป็นคนหน้าใหม่ที่ไม่มีใครรู้จักเลย แต่เซวหมานจื่อเป็นถึงนักรบที่ดุร้ายที่สุดในกองทัพ ดังนั้น แน่นอนว่าพวกเขาต้องเข้าข้างเซวหมานจื่ออยู่แล้ว!
ในขณะนี้ เซวหมานจื่อโกรธจนลุกเป็นไฟ!
ดังที่ว่ากันว่า ‘ทุกคนล้วนมีสิทธิ์ตกหลุมรักคนงาม’
เพราะเย่เทียนไม่ใช่สมาชิกในกองทัพ เขาจึงไม่รู้ความสัมพันธ์ของเซวหมานจื่อกับหยุนเหมิงหยาน อยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจที่เขาเข้ามาจีบหยุนเหมิงหยาน
ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้ก็เคยเกิดขึ้นกับหยุนเหมิงหยานเมื่อหลายปีก่อนตั้งหลายรอบแล้ว และเซวหมานจื่อก็จัดการทุกครั้ง
แต่ครั้งนี้มันต่างจากเดิม เพราะทั้ง ๆ ที่เย่เทียนรู้ว่าหยุนเหมิงหยานเป็นแฟนของเซวหมานจื่อ แต่เขาก็ยังเข้ามายุ่งเกี่ยวโดยไม่สนใจอะไร มันจึงเป็นการตบหน้าเซวหมานจื่ออย่างไม่ให้เกียรติเขา และเป็นการตบหน้าที่เจ็บแสบที่สุด!
“เพื่อน นี่เอ็งไม่รู้จริงเหรอว่าเธอเป็นข้า? แล้วเอ็งเข้ามาต่อหน้าข้าแบบนี้ เอ็งจะข้ามหน้าข้ามตาข้าไปไหม?!”
เซวหมานจื่อสีหน้าบูดบึ้งและน้ำเสียงก็เย็นเยือกจนสุดขั้ว ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงอุณหภูมิที่ลดลงอย่างมาก
ใครก็ตามที่รู้จักเซวหมานจื่อก็จะรู้ดีว่าเขาในตอนนี้โกรธจนสุดขีด และสถานการณ์ก็อยู่ไม่ไกลจากการระเบิดอารมณ์ของเขาแล้ว
“ถึงแม้พวกคุณจะเป็นแฟนกัน แต่ผมก็แค่อยากคุยกับเธอ ผมว่านะ คุณตัวใหญ่ขนาดนี้ แต่ทำไมถึงขี้เหนียวจัง?”
เย่เทียนเลิกคิ้วขึ้นและมองเซวหมานจื่อด้วยสายตาที่เหลือทน
ก็แค่มีเรื่องจะคุยกับหยุนเหมิงหยานไม่ใช่หรือ? ทำไมต้องตื่นเต้นขนาดนี้? แล้วถ้าทุกคนก็คิดแบบนี้ เขาคงต้องกลับไปขังเฉินหวั่นชิงอยู่ในห้องเหมือนกับนกขมิ้นแล้วสิ?
แน่นอนว่าเย่เทียนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเพื่อนของเซวหมานจื่อคุยอะไรกับเขาในช่วงที่ต่อสู้กับหยุนเหมิงหยาน
ในเวลานี้ ทุกคนคิดว่าเย่เทียนเป็นคนที่ตามจีบหยุนเหมิงหยาน และการที่เขาต้องการคุยกับหยุนเหมิงหยานเป็นการส่วนตัวก็เพื่อจะสารภาพรัก
ถ้าหากเย่เทียนรู้ว่าทุกคนคิดแบบนี้ เขาคงไปตามหาคนที่มีความคิดริเริ่มนี้แล้วตบมันให้จำทางกลับบ้านไม่ถูกเลย!
มันไม่รู้จริงๆ หรือว่า กินตามอำเภอใจได้ แต่พูดตามอำเภอใจไม่ได้?
“เอ็งหาว่าข้าขี้เหนียว?”
เซวหมานจื่อถึงกับทำหน้าทึ่งและแสยะยิ้มด้วยความโกรธ “วันนี้กูจะขี้เหนียว แล้วทำไม? ไอ้หนู ถ้าแกแน่จริง ออกไปเจอกันที่ดาดฟ้ากับข้าไหม!”
ทันทีที่พูดคำนี้ บรรยากาศในที่เกิดเหตุก็ตึงเครียดทันที ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าการต่อสู้อย่างดุเดือดกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว!
ต้องเข้าใจว่า ในกองทัพนั้น ต้องเป็นผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเท่านั้นถึงจะได้รับความเคารพที่มากกว่าคนอื่น!
เย่เทียนหรี่ตาลงเล็กน้อย และเขาสามารถสัมผัสถึงภัยคุกคามจากเซวหมานจื่อได้อย่างชัดเจน
ซึ่งมันต่างกับหยุ่นหมัวและฮวาอวี่เฟยหรือคนอื่นๆ เพราะความรู้สึกที่ได้จากเซวหมานจื่อนั้น มันเหมือนถูกหมีดำที่ดุร้ายจ้องมองอยู่!
เซวหมานจื่อคนนี้รับมือได้ยากอย่างแน่นอน!
แต่ว่า เมื่อคิดถึงความสัมพันธ์ที่ห่างเหินของจี้เยียนหรันกับหยุนเหมิงหยานแล้ว เย่เทียนก็ยังเลือกที่จะเผชิญหน้ากับทุกสิ่ง
“ได้สิ! หวังว่าคุณจะไม่ผิดคำพูดนะ!”
หลังจากที่ตอบตกลง เย่เทียนไม่มองหน้าเซวหมานจื่ออีก และไม่เหลือบมองผู้คนเหล่านั้นอีกด้วยซ้ำ เขาได้แต่เดินออกไปบนดาดฟ้าก่อน
จี้เยียนหรันได้แต่จ้องมองเย่เทียนอย่างทำอะไรไม่ถูก ดวงตาที่งดงามของเธอได้แต่จับจ้องไปที่ใบหน้าอันแน่วแน่ของเย่เทียน และในใจก็สับสนกังวลจนถึงที่สุด
เธอไม่นึกเลยว่าเรื่องมันจะบานปลายได้ขนาดนี้ เธอยิ่งไม่คาดคิดเลยว่าเย่เทียนจะเลือกต่อสู้กับราชาแห่งกองทัพอย่างเซวหมานจื่อเพราะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ของเธอ
“เอ็งชนะข้าให้ได้ก่อนค่อยพูด!”
เซวหมานจื่อก็ไม่ได้รู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อย จากนั้นเขาก็เดินตามเย่เทียนออกไปที่ดาดฟ้าด้านนอก
“ระวังตัวด้วยนะ”
เมื่อเห็นว่าเย่เทียนเดินผ่าน จี้เยียนหรันที่เป็นกังวลก็สรุปความในใจด้วยประโยคเดียวแทนคำพูดนับพันคำ
“ไม่ต้องห่วงหรอก! ผมเคยทำให้คุณผิดหวังตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ?”
เย่เทียนยิ้มปากฉีกจนเห็นฟันสีขาวของเขา โดยที่ไร้กังวลใดๆ เขาได้เดินออกจากห้องจัดเลี้ยง
แล้วคนในห้องจัดเลี้ยงจะพลาดโอกาสดีๆ เช่นนี้ไปได้อย่างไร พวกเขาจึงรีบย้ายไปที่ดาดฟ้าแล้วล้อมทั้งสองเป็นวงกลมขนาดใหญ่และรอการต่อสู้เริ่มขึ้น
เซวหมานจื่อไม่ได้พูดอะไรมาก จากนั้นรัศมีอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ออกมาจากร่างกายของเขา ราวกับว่าอากาศถูกแช่แข็ง ทำให้ทุกคนที่อยู่ในนี้รู้สึกถึงแรงกดดันที่มาจากก้นบึ้งของหัวใจ!
เย่เทียนที่ยืนอยู่ตรงข้ามและห่างออกไปสามเมตรจากเซวหมานจื่อนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาได้รับแรงกดดันนี้รุนแรงที่สุด แต่เขากลับดูเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรเลย สีหน้าของเขายังคงนิ่งเฉยราวกับก้อนหิน ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในการแสดงออกบนใบหน้าของเขาเลย
แต่แน่นอนว่านี่คือการแสดงออกบนสีหน้าเท่านั้น ซึ่งเย่เทียนไม่กล้าที่จะประมาทเลยแม้แต่น้อย ในขณะนี้ คัมภีร์หวงในตัวเขาเริ่มทำงาน มันราวกับแม่น้ำที่ไหลเชี่ยวในร่างกายของเขาอย่างไม่หยุด!
ทันใดนั้น กลิ่นอายของลมทะเลก็พัดขึ้น เย่เทียนขยับเท่าอย่างกะทันหันและทำให้เขาหายไปจากที่เดิมอย่างรวดเร็ว
ฟุบ ฟุบ!!
ทุกคนเห็นเพียงภาพรางๆ และมีเพียงเสียงตัดของอากาศดังขึ้นข้างหู ในยามราตรีที่ถูกส่องสว่างไสวนี้ พวกเขาเห็นเพียงเงาจางๆ ที่เคลื่อนไปมา และไม่มีใครสามารถระบุตำแหน่งที่เย่เทียนอยู่ได้เลยด้วยซ้ำ!
“โห!”
ฉากนี้ทำให้สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปอย่างมาก พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าเย่เทียนจะแข็งแกร่งขนาดนี้!
ต้องเข้าใจว่าเย่เทียนยังไม่ทันได้ใช้พลังภายในใดๆ เลย เพราะนั่นเป็นเพียงความสามารถทางด้านกายภาพเท่านั้น แต่เขาก็สามารถเคลื่อนที่ได้เร็วขนาดนี้ มันช่างน่ากลัวจริงๆ!
แม้แต่ผู้ชมยังรู้สึกแบบนี้ แล้วนับประสาอะไรกับเซวหมานจื่อผู้ซึ่งเป็นเจ้าของเรื่องนี้ล่ะ
สีหน้าของเขาดูเคร่งขรึมมาก แต่เขาไม่ได้ทำการหลบเลี่ยงใดๆ เลย ได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่ราวกับถูกตะปูตอกไว้
สวบ!
ทันใดนั้น ร่างของเย่เทียนก็ประกายอยู่ข้างๆ และกำปั้นใหญ่เท่าหม้อก็ทุบผ่านอากาศ ทำให้เกิดเสียงหวีดหวิวที่กระทบถึงหัวใจ และกำปั้นก็ทุบตรงไปยังหน้าอกของเซวหมานจื่อ
นี่ก็เป็นสิ่งที่ช่วยไม่ได้เช่นกัน แม้เย่เทียนจะสูงเมตรแปดสิบ แต่เซวหมานจื่อสูงถึงสองเมตร ซึ่งมันต้องมีความแตกต่างอย่างเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว!
แต่ถึงอย่างนั้น รอยยิ้มอันเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเซวหมานจื่อ เขาไม่คิดจะหลบการโจมตีเลย ไม่แม้แต่จะมีท่าทีป้องกันเลยด้วยซ้ำ เขาได้แต่ยืนอยู่กับที่และรอรับหมัดของเย่เทียนที่กำลังทุบเข้ากลางอกของเขา……