ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ - บทที่ 500 อุบายของข่งเหวินเฉิง
หลังจากร่วมมือกับ ใต้หมิงจื้อให้นักข่าวถ่ายรูปแล้ว เย่เทียนก็ไม่สนใจที่จะจู้จี้กับเขา เขาขยับฝีเท้าและเบียดเข้าไปในฝูงชน และมาถึงที่ที่หญิงวัยกลางคนเป็นคนแรกที่ได้รับการรักษา
อยู่ที่นี่ นอกจากหญิงวัยกลางคนแล้ว ยังมีพนักงานอีกสองคนที่บาดเจ็บหนัก
ต้องขอบคุณลุงที่เคยเข้าร่วมกู้ภัยมาก่อน เขาจำคำแนะนำของเย่เทียน และหยุดเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินเพื่ออุ้มทั้งสามคนออกไป ไม่เช่นนั้นไหนจะสามารถรอจนเย่เทียนมาถึง
ไม่ใช่ว่าเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินไม่อยากช่วยยกสามคนนี้ขึ้น เพียงแต่หลังจากที่พวกเขาได้เห็นวิธีการของเย่เทียน แล้วตรวจสอบอาการของผู้บาดเจ็บพวกเขาจึงไม่กล้าหุนหันพลันแล่น!
ในเมื่อ คนเขาก็ยังนอนและมีชีวิตอยู่ดีๆ ถ้าหากพลั้งมือทำให้สิ้นลมขึ้นมานั่นก็คงเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากขึ้นไปอีก!
ในเมื่อเย่เทียนยอมรับผิดชอบ ผู้ช่วยฉุกเฉินของทั้งสามโรงพยาบาลก็ทิ้งความยุ่งยากขนาดนี้ให้เย่เทียนจัดการอย่างมีความสุข
“นี่มันอะไร? ที่นี่ทำไมยังมีคนบาดเจ็บหนักอีกสามคน?”
ใต้หมิงจื้อ ก็เดินตามเย่เทียนมาเหมือนกัน เมื่อมองดูสถานการณ์ของทั้งสามคนบนพื้น คิ้วของเขาขมวดลงลึก และเขาตะโกนใส่เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ที่อยู่รอบๆ
“ไม่เกี่ยวกับพวกเขา ผมเป็นคนสั่งเอง”
เย่เทียนคุกเข่าลงมาตรวจดูอาการของทั้งสาม ถึงจะยืนขึ้นมาแล้วพูดกับ ใต้หมิงจื้อ ว่า “อาการสามคนนี้ค่อนข้างหนัก ผมสามารถตามไปดูได้ไหม?”
“ได้! ได้แน่นอน!”
ใต้หมิงจื้อ ได้ยิน ไหนจะมีความเห็นอะไร รีบจัดการให้ผู้ช่วยพยาบาลพาผู้บาดเจ็บสามคนขึ้นรถฉุกเฉิน
ไม่เพียงเท่านี้ แม้จะพูดว่าเขาไม่ได้เลือกที่จะมาด้วย แต่กลับส่งเพื่อนคนหนึ่งไปด้วยความเกรงใจ ให้เขาขับรถสาธารณะนำทาง
ในเมื่อ เขาพาเพื่อนนักข่าวมาด้วย ที่หลีกเลี่ยงยากก็คือต้องจัดการเคลียร์พื้นที่
ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น แต่จี้เยียนหรันและเฉาจื้อเหาก็ไม่ได้ตามมาด้วย
หัวหน้าเมืองเอกยังคงรอข่าวจาก ใต้หมิงจื้อ เนื่องจากการจากไปของเย่เทียน ทำให้จี้เยียนหรันที่เป็นคนอยู่ในเหตุต้องอยู่เป็นหนึ่งในฝ่ายที่สามารถอยู่และทำบันทึกได้
สำหรับเฉาจื้อเหานั่นยิ่งไม่ต้องพูดถึง
นี่เป็นปัญหาในอาณาเขตของเขา และมี ใต้หมิงจื้อ ไหนเลยเขายังจะกล้าหนี?
ไม่ว่าจะพูดยังไง รถพยาบาลก็เดินทางโดยปราศจากสิ่งกีดขวางและไปถึงโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว
ตอนที่มาถึงโรงพยาบาล เย่เทียนถึงจะสังเกตว่า นี่ถึงกับเป็นโรงพยาบาลประชาชน เป็นสถานที่ทำงานของ ข่งเหวินเฉิง กับ ฟู่เจิ้งชู !
เพียงแต่ ในสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตคนแบบนี้ เย่เทียนก็ข่มเรื่องเล็กๆน้อยๆที่อยู่ในใจลง ช่วยยกผู้บาดเจ็บลงจากรถฉุกเฉิน
โรงพยาบาลได้รับการแจ้งนานแล้ว ไม่เพียงแต่จัดห้องผ่าตัดที่สอดคล้องกัน แต่ยังรออยู่ที่ล็อบบี้อีกด้วย
ทันทีที่รถพยาบาลมาจอด กลุ่มคนก็รุมล้อมพวกเขาทันที และนำผู้บาดเจ็บลงจากรถพยาบาลทั้งสามคนออกไปอย่างเป็นระเบียบ
“หมอเทพเย่ ทำไมเป็นคุณ?!”
ที่ทำให้เย่เทียนตกใจก็คือ รอเขาลงจากรถ หมอที่รับผิดชอบมารับเขาถึงกับเป็นลูกศิษย์ว่านชิงเฟิง—ลู่โหย่วจื้อ!
แม้ว่าสาเหตุจะเป็นเพราะเย่เทียน เขาถึงได้มาอยู่ที่การประชุมแลกเปลี่ยนยาจีนแผนโบราณ แต่หลังจากผ่านช่วงเวลานี้ ในขณะที่ว่างชิงเฟิงศึกษาเล่าเรียนอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว เขาสามารถทำใจตรงจุดนี้ได้แล้ว
พูดให้ชัดเจนก็คือ เขาไม่ทำใจก็ไม่ได้!
ในเมื่อ ในอนาคตถ้าเขาอยากจะก้าวหน้า นอกเหนือจากความขยันของตัวเองแล้ว เขายังต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากว่านชิงเฟิงด้วย
เนื่องจากความเคารพชื่นชมที่ว่างชิงเฟิงมีต่อเย่เทียน แม้ว่าในใจของเขาจะไม่พอใจเย่เทียนมากแค่ไหน แต่ถูกกำหนดแล้วว่าไม่สามารถทำอะไรเย่เทียนได้ ทางที่ดีก็คือทำใจไว้ดีกว่า จะได้ไม่ต้องหาเรื่องใส่ตัว
“ลู่โหย่วจื้อ?!”
เย่เทียนไม่ได้แปลกใจน้อยกว่าลู่โหย่วจื้อ แต่เขารู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของลู่โหย่วจื้อในการใช้สรรพนามเรียกและมองเขาอย่างมีความหมาย แต่ก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องอดีตที่เกิดขึ้น
“พอแล้วๆ ช่วยคนสำคัญ! มีอะไรจะพูดอีกสักพักพวกเราค่อยพูดเถอะ!”
“ใช่ๆๆ! ช่วยคนสำคัญ! ช่วยคนสำคัญ!”
ลู่โหย่วจื้อได้สติคืนมา ฝั่งนี่ก็ช่วยยกคนเจ็บลงจากรถ ในขณะเดียวกันอีกฝั่งก็รายงานต่อเย่เทียนว่า “ในโรงพยาบาลได้จัดห้องฉุกเฉินให้ทั้งสามคนเเล้ว สามารถเข้ารับการรักษาได้ทันที”
คิ้วของเย่เทียนค่อยๆกระตุกขึ้น ส่ายศีรษะ “ ใช่ที่อยู่ใกล้ๆนั้นไหม? หรือว่าจัดการให้พวกเขาเข้าไปในห้องผ่าตัด ผมจะให้พวกเขาสามคนผ่าตัดพร้อมกัน!”
“สามคนผ่าตัดพร้อมกัน?!”
ลู่โหย่วจื้อชะงักทันที มองเย่เทียนด้วยสีหน้าที่จนปัญญา
แม้จะพูดว่าเขาเป็นพยานเห็นกับตา แม้กระทั่งยั่วยุวิชาการแพทย์ผ่าตัดของเย่เทียน แต่การผ่าตัดก็ไม่ใช่การฝังเข็ม แต่ต้องใช้พลังชีพไม่น้อย แค่มือสั่นเล็กน้อยก็อันตรายถึงชีวิตได้นะ!
“คุณอย่าเพิ่งเข้าใจผิด ผมไม่ใช่จะบอกว่าการผ่าตัดของพวกเขาทั้งสามให้ผมเป็นคนทำ”
“เพียงแต่ ผมให้พวกเขาทั้งสามใช้วิชาต่อชีวิตสามเข็ม พวกเขายังสามารถมีชีวิตอยู่ได้ ทั้งหมดเป็นเพราะบนร่างกายมีเข็มวิชาต่อชีวิตสามเข็มช่วยไว้ ถ้ามีคนที่ไม่เข้าใจเรื่องเข็มแล้วมาดึงออก พวกเขาจะต้องตายอยู่ตรงนั้นแน่!”
เย่เทียนส่ายศีรษะ กลับไม่ได้จองหอง
ถ้าเป็นเมื่อก่อน แม้ต้องผ่าตัดทีเดียวสามคนพร้อมกันก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา แต่ก่อนหน้านี้การปฐมพยาบาลเขาสูญเสียพลังไปมาก
ถ้าหากเขายังฝืนทำ เขาอาจต้องสูญเสียพลังแล้วเป็นลมไป ถึงเวลานั้นผู้บาดเจ็บทั้งสามจะเป็นยังไง นั่นก็เป็นเรื่องที่พูดยากแล้ว
ลู่โหย่วจื้อกวาดสายตามองเข็มที่เสียบอยู่ตามร่างกาย ได้สติแล้วยื่นมือไปอยู่บนข้อมือของผู้บาดเจ็บ
อย่างที่คิดไว้ ผู้บาดเจ็บแม้ว่าจะยังมีชีพจร แต่กลับอ่อนแอมาก!
“ได้! ผมจะรีบไปจัดการ!”
ลู่โหย่วจื้อชำเลืองมอง ความแค้นที่ถูกระงับในใจของเขาในที่สุดก็หายไป และเขาเชื่ออย่างจริงใจว่าทักษะทางการแพทย์ของเย่เทียนนั้นเหนือกว่าเขามาก
อย่างน้อย ในใจของลู่โหย่วจื้อก็ชัดเจนมาก จากอาการของผู้บาดเจ็บทั้งสาม เขาหมดหนทางที่จะช่วยต่อชีวิตพวกเขา
“ได้ยินที่หมอเทพเย่พูดไหม? พวกนายอย่าพาผู้บาดเจ็บไปห้องผ่าตัดเขตB ทั้งหมดให้พาไปที่เขตA! ผมจะไปหาคณบดีเดี๋ยวนี้!”
แน่นอน ก่อนที่จะเดินไป ลู่โหย่วจื้อยังไม่ลืมที่จะตะโกนบอกพยาบาล แล้วรีบวิ่งเข้าไปในโรงพยาบาล
พยาบาลหลายคนรีบพยักหน้า แล้วเรียกแพทย์พยาบาลที่รับผิดชอบผู้บาดเจ็บสองคน พวกเขารีบหันทิศทางอย่างรวดเร็ว นำเย่เทียนไปที่ห้องฉุกเฉินเขตA
เพียงแต่ เย่เทียนกลับไปทันสังเกตเห็น ตึกฉุกเฉินที่หน้าต่างตึกใหญ่ชั้นสอง ข่งเหวินเฉิง กำลังแอบอยู่ที่หน้าต่างอย่างระวัง เบิกตากว้างมองมาทางเขา
เมื่อตอนที่รู้ตัวว่าเกิดเหตุผิดปกติในที่เกิดเหตุ ก็มีรถพยาบาลฉุกเฉินจากโรงพยาบาลประชาชนผ่านเข้ามา เขาได้สติลุกขึ้นมา แล้วกลับไปทางโรงพยาบาลประชาชน
หลังจากผ่านช่วงเวลาแห่งความสงบนี้ เขายังรู้ถึงปัญหาที่ว่า ถ้าพระหนีได้แต่หนีวัดไม่พ้น เขากำลังกลุ้มอยู่ว่าจะทำอย่างไร กลับคิดไม่ถึงว่าจะเห็นเย่เทียนวิ่งไล่ตามมา
แต่ว่า มองตามเข้าไปในเขตฉุกเฉินแล้ว นัยน์ตาของเขาก็ขยับ ในใจก็คิดแผนขึ้นมาทันที!
เห็นแต่เขารีบหยิบมือถือออกมากดเบอร์โทรศัพท์ไปเบอร์หนึ่ง “สวัสดีครับ นี่ใช่ข่าวภาคค่ำเมืองเอกไหม? ผมจะแจ้งข่าว! ที่โรงพยาบาลประชาชนที่เมืองเอกมีคนฝ่าฝืนกฎโรงพยา…”