ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ - บทที่ 515 ฉันมีเรื่องกับไอ้หนุ่มนั่นไม่ไหว
“น้อง น้องชาย ฉันผิดไปแล้ว ครั้งนี้นายให้อภัยฉันเถอะ อย่าตีฉันอีกเลย”
แต่น่าเสียดาย กับคำพูดของความเมตตาของฉีหยุนเผิง เย่เทียนตบไปอีกฉาดอย่างแรงโดยไม่ต้องคิด”
“พี่ใหญ่ นายเป็นพี่ใหญ่ของฉัน!”
เสียงตบหน้าดังก้อง ฉีหยุนเผิงโดนฟาดจนไม่เหลือความโมโหเลยสักนิด เขาร้องขอความเมตตาเสียงดัง
“ใครเป็นพี่ใหญ่ของนาย ฉันแก่ขนาดนั้นเลยรึไง?!”
เย่เทียนตบไปอีกฉาด
ฉีหยุนเผิงโดนตบจนชักจะอยากตายแล้ว มีที่ไหนทำกันแบบนี้
พวกเจิ้งเหวยหวาสามคนเห็นแล้วตาโตอ้าปากค้างกันหมด คิดไม่ถึงเลยว่าฉีหยุนเผิงผู้เกรียงไกรจะกลายเป็นคนตาขาวเมื่ออยู่ต่อหน้าเย่เทียน
“นี่เป็นแค่การสั่งสอนเล็กๆน้อยๆ ตอนนี้เริ่มจำรึยัง?”
เย่เทียนตบหน้าฉีหยุนเผิงอีกหลายฉาดใหญ่ ความโกรธเกรี้ยวถึงค่อยๆจางหายไป
“จำแล้วๆ”
ฉีหยุนเผิงพยักหน้ารัวๆ กล้าขัดใจเย่เทียนที่ไหน
“ดีมาก ไม่ทราบว่าฉันตบนายขนาดนี้ นายโกรธมั้ย”
“ไม่โกรธ! ไม่โกรธ!”
ฉีหยุนเผิงเค้นรอยยิ้มที่อุบาทว์ยิ่งกว่าร้องไห้ออกมา “คุณอบรมสั่งสอนผม ผมจะโกรธได้ยังไงครับ”
“รู้ความหวังดีของฉันก็ดีแล้ว”
พวกเจิ้งเหวยหวาสามคนเห็นภาพเหตุการณ์แบบนี้แล้วรู้สึกอยากหัวเราะ แต่ก็ไม่อาจหัวเราะออกมาจริงๆได้ จึงต้องกลั้นไว้อย่างทรมาน
เย่เทียนยื่นมือไปตบบ่าฉีหยุนเผิง และเกลี้ยกล่อม “จะว่าไป การสั่งสอนใครสักคนไม่ง่ายเลยนะ ฉันทุ่มเททั้งพลังกายพลังใจแบบนี้ นายว่าควรตอบแทนอะไรฉันหน่อยมั้ย”
“ครับๆๆ”
ฉีหยุนเผิงจะเดาไม่ออกได้ยังไงว่าเย่เทียนอยากได้อะไร เขารีบปริปาก “เรื่องของหยงฟากรุ๊ปผมจะเข้าร่วม และส่วนแบ่งของผม ผมไม่เอาแล้ว ยกให้คุณทั้งหมดครับ”
เย่เทียนพยักหน้าอย่างพอใจ “นายนี่ชอบโดนทำร้ายรึเปล่า สุดท้ายแล้วก็จบแบบนี้อยู่ดี จะทำไปทำไมกัน”
ฉีหยุนเผิงขมขื่นในใจแต่พูดออกมาไม่ได้ เขาเศร้าใจจนจะร้องไห้อยู่แล้ว
เจิ้งเหวยหวามองเย่เทียนอึ้งๆ ไม่รู้จะพูดอะไรดี
เขาอุตส่าห์ทำตัวต่ำต้อยอยากหาผลประโยชน์ให้เย่เทียน ใครจะคิดว่าเย่เทียนจัดการได้ง่ายดายขนาดนี้
“ส่วนของฉันก็ไม่เอาแล้ว ยกให้น้องเย่เหมือนกัน”
ที่เจิ้งเหวยหวาคิดไม่ถึงคือเวลานี้เฉียนหย่งซือก็แสดงจุดยืนขึ้นมาฉับพลัน
“ส่วนของฉันก็ยกให้น้องเย่ ถือว่าเป็นเพื่อนกันนะ”
เหว่ยฉีจื้อก็แสดงจุดยืนโดยไม่รอช้า
“งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นผมขอขอบคุณเถ้าแก่ทั้งหลายล่วงหน้าเลยนะครับ”
เย่เทียนจะไม่รู้สิ่งที่ทั้งสองคนคิดอยู่ได้ยังไง แต่ก็ไม่ได้เปิดโปง “วางใจได้ครับ ผมจะจดจำบุญคุณนี้ไว้”
เมื่อทั้งสองได้ฟังก็มีสีหน้าดีใจ รู้สึกว่าที่มาวันนี้คุ้มแล้ว
ได้เห็นละครฟอร์มยักษ์ที่ฉีหยุนเผิงโดนจัดการกับตาตัวเองไม่พอ ยังได้รู้จักกับเย่เทียนที่มีภูมิหลังลึกลับ ทว่าแข็งกร้าวสุดๆ จะไม่คุ้มได้ยังไง
ไม่ว่ายังไงฉีหยุนเผิงก็เป็นประธานของบริษัทฉีซื่อ ปกติแล้วมีแต่เขาเป็นฝ่ายรังแกคนอื่น มีอย่างที่ไหนคนอื่นมารังแกเขา
อีกอย่าง ด้วยสมองจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ของพวกเขา จะเดาไม่ออกได้ยังไงว่าเย่เทียนเป็นหนึ่งในประธานของวิลล่าฉินหยุนแห่งนี้ คงจะเป็นฝีมือของฉินโล่หยินที่ออกไปนานแล้วไม่ยอมกลับมาเสียที
ฉินโล่หยินทำไปเพราะไม่ต้องการฝ่าฝืนกฎของวิลล่าฉินหยุน บวกกับที่เจิ้งเหวยหวาแนะนำเย่เทียน ก็เพียงพอให้พวกเขาตัดสินใจได้แล้ว
แม้จะไม่ได้ผลประโยชน์ที่จับต้องได้ แถมยังเสียอะไรไปไม่น้อย แต่ได้สมาคมกับคนโหดอย่างเย่เทียนรับรองว่าเป็นธุรกิจที่ไม่ขาดทุนแน่นอน!
เย่เทียนพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “ถ้าอย่างนั้นผมขอบคุณเถ้าแก่ทุกคนล่วงหน้าเลยนะครับ”
“น้องเย่วางใจได้ หลังจากที่คุณจัดการหยางหยงฟาคืนนี้แล้วพวกเราจะลงมือทันที รับรองว่าภายในเวลาไม่กี่วันธุรกิจส่วนใหญ่ภายใต้หยงฟากรุ๊ปก็จะเป็นของคุณ!”
เรื่องของเย่เทียนและหยางหยงฟารู้กันทั่วทั้งเมือง เฉียนหย่งซือกับเหว่ยฉีจื้อจะไม่รู้ได้ยังไง แต่เมื่อได้เห็นเรื่องเมื่อกี้กับตา พวกเขาเชื่อว่าจุดจบของหยางหยงฟาไม่ดีแน่
เวลานี้ ไห่เหวินคังที่อ้างว่าออกไปโทรศัพท์ก็เดินกลับมาจากข้างนอกในที่สุด
เมื่อเห็นฉีหยุนเผิงหลบไปเลียแผลอยู่ในมุม ส่วนคนที่เหลือกำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน ไห่เหวินคังก็จับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่ค่อยเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“พี่ไห่ ผมกับเหล่าเฉียนตัดสินใจแล้วครับว่าไม่เอาธุรกิจของหยงฟากรุ๊ปแล้ว พวกเรายกให้น้องเย่ทั้งหมดครับ!”
เหว่ยฉีจื้อเป็นคนแรกที่รู้สึกตัวว่าไห่เหวินคังกลับมา เขารีบเดินเข้าไปหาด้วยรอยยิ้ม
“ยกให้เขาหมดเลยเหรอ”
ไห่เหวินคังตะลึงในใจ ทอดสายตาไปที่เย่เทียนโดยไม่รู้ตัว
นี่ไม่ใช่เงินไม่กี่สิบล้านนะ อย่างน้อยๆก็เป็นร้อยล้าน ยกให้เย่เทียนทั้งหมดจริงๆเหรอ?
ไห่เหวินคังที่รู้จักนิสัยทุกคนดีจึงรู้ว่าเมื่อกี้ต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ๆ ไม่อย่างนั้นจิ้งจอกเฒ่าพวกนี้ไม่ใจกว้างขนาดนี้หรอก
คิดมาถึงตรงนี้ ไห่เหวินคังอดเสียดายเล็กน้อยว่าทำไมเมื่อกี้ต้องออกได้วย แต่เขาไม่แสดงออกทางสีหน้าสักนิด เพียงแต่เอ่ยราบเรียบ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้งั้นฉันก็ไม่เอาแล้ว ยกให้น้องเย่ทั้งหมดเลยแล้วกัน!”
เมื่อเขาพูดแบบนี้ อย่าว่าแต่พวกเจิ้งเหวยหวาสามคนเลย แม้แต่เย่เทียนยังอดอึ้งไม่ได้
เมื่อกี้เจ้านี่ออกไปข้างนอกนะ ไม่รู้เลยว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น แต่เขาก็ยอมทิ้งรายได้หลักร้อยล้านโดยไม่ลังเล ความเด็ดเดี่ยวนี้ใช่ว่าใครๆก็มีได้!
“เอาล่ะ ในเมื่อทุกคนตัดสินใจได้แล้ว ก็มาดื่มกันอีกแก้วแล้วกลับไปเตรียมตัวกันเถอะ”
ไห่เหวินคังข่มความคลางแคลงใจไว้ได้อย่างแนบเนียน ก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะและยกแก้วไวน์ขึ้นมา
ส่วนคนที่เหลือไม่เห็นต่างอยู่แล้ว พากันเข้าไปยกแก้วไวน์ขึ้น แม้แต่ฉีหยุนเผิงที่โดนเย่เทียนอัดอย่างหนักหน่วงก็เช่นกัน
ว่ากันว่า: เราจะไม่ตีหน้าคนยิ้มแย้ม
ในเมื่อไห่เหวินคังเสนอมอบผลประโยชน์ให้เขาเอง แล้วเขาจะทำหน้าไม่ดีใส่อีกฝ่ายได้ยังไง
เย่เทียนเดินเข้าไปเช่นกัน ยกแก้วไวน์ขึ้นและชนกับทุกคน ก่อนจะกรอกเข้าปากรวดเดียวหมด
เมื่อลงท้องไปแล้วหนึ่งแก้ว เย่เทียนก็ไม่อยู่ต่อนาน เขาแลกช่องทางติดต่อกับบรรดาจิ้งจอกเฒ่าผู้เสแสร้งจอมปลอมแล้วก็ออกจากห้องกับเจิ้งเหวยหวาไปก่อน
“หยุนเผิง เย่เทียนคนนั้นเป็นมายังไงกันแน่? คุณโดนอัดจนเละขนาดนี้ไม่คิดจะเอาคืนบ้างเหรอ?”
หลังจากเฉียนหย่งซือและเหว่ยฉีจื้อสองคนไปแล้ว รอจนฉีหยุนเผิงที่หน้าฟกช้ำดำเขียวกำลังจะไปเช่นกัน ในที่สุดไห่เหวินคังที่ปิดบังความคิดได้เป็นอย่างดีก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป
ฉีหยุนเผิงฟังแล้วพลันมีแววตาโกรธแค้นขึ้นมา แต่ไม่นานก็หม่นหมองลงและหัวเราะเฝื่อนๆ “พี่ไห่ อย่าถากถางผมเลยครับ”
“ถากถาง?!”
ไห่เหวินคังผงะ ขมวดคิ้วเป็นปมในบัดดล
เขาพอจะรู้นิสัยฉีหยุนเผิงอยู่บ้าง เป็นคนที่รังแกแต่คนอ่อนแอและหงอต่อคนแข็งแกร่ง แต่ดูจากปฏิกิริยาของเขาเห็นได้ชัดว่าไม่คิดจะแก้แค้น แบบนี้ไม่ใช่วิธีการของเขาเลยนะ!
“พี่ไห่ครับ ไม่ใช่แค่เจิ้งเหวยหวาที่หนุนหลังเขา แม้แต่แม่หนูตระกูลฉินก็เข้าข้างเขาเช่นกัน”
“เพื่อไม่ให้ผิดกฎของวิลล่าฉินหยุน หนูฉินยอมกระทั่งให้เขาได้เป็นหนึ่งในประธานที่อยู่เบื้องหลังวิลล่าฉินหยุน!”
“ผมมีเรื่องกับเจ้านั่นไม่ไหวจริงๆครับ”
ฉีหยุนเผิงส่ายหัวอย่างขมขื่น และเดินโซซัดโซเซออกไปข้างนอก
เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้รับรองว่าเป็นเรื่องที่อัปยศที่สุดของเขาในหลายสิบปีมานี้แน่นอน เขาต้องหาที่ปลอดภัยเพื่อระบายหน่อย
“แม้แต่ตระกูลฉินก็หนุนหลังเขาเหรอ”
ไห่เหวินคังพึมพำกับตัวเอง นัยน์ตาที่เริ่มขุ่นมัวคู่นั้นเปล่งประกายประหลาดอย่างอดไม่ได้…..