ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ - บทที่ 542 สุขุมรอบคอบจึงกุมเรือหมื่นปีได
ในวิลล่าริมทะเลบนเกาะนกนางนวล ร่างของผู้หญิงีูปงามคนหนึ่งโยนโทรศัพท์มือถือลงบนเตียงำร้อมกับหยิบไวน์แดงที่อยู่บนโต๊ะข้างเตียงมา หล่อนเดินไปที่หน้าต่างที่สูงจรดเพดานบานใหญ่ด้วยเท้าเปล่า สายตาทอดมองออกไปยังขอบฟ้าอันไกลโพ้น
หากเย่เทียนยังอยู่ เขาคงอดไม่ได้ที่จะร้องอุทานออกมา ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น หล่อนคือเหลียงเยว่หรู!
ถึงแม้ว่าตอนนั้นที่สนามบินหล่อนจะบอกกับเฉินหวั่นชิงไปแล้วว่ามีเรื่องต้องไปสะสางแต่ความจริงแล้วหล่อนกลับแอบจองเที่ยวบินมาที่เกาะนกนางนวล
หล่อนรู้เรื่องของเย่เทียนกับเฉินหวั่นชิงในสองวันที่ผ่านมานี้เป็นอย่างดี เดิมทีหล่อนหงุดหงิดว่าจะลงมือจัดการเฉินหวั่นชิงยังไงดี ไม่คิดว่าเย่เทียนจะไปมีเรื่องกับตู้เคอหลินได้จนเกือบจะทำให้หล่อนไม่ได้กระโดดโลดเต้นไปด้วยความตื่นเต้นเสียแล้ว
เมื่อเห็นหลู่อี้ไปหาตู้เคอหลินราวกับว่าจะทำตัวเป็นผู้ไกล่เกลี่ย หล่อนจึงรีบโทรออกไปและจงใจใช้เครื่องปลอมเสียงตนเอง
เกรงว่าหลู่อี้แม้แต่ฝันก็คงทำไม่ได้ เขาทำฑุรกิจมาหลายสิบปีแต่กลับถูกผู้หญิงหลอกเข้าให้ซะนี่
“เย่เทียน!นายต้องเป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น!ใครก็ตามที่มาขัดขวางเรา ฉันจะทำให้มันตายไปให้หมด!”
เหลียงเยว่หรูจิบไวน์แดงที่อยู่ในแก้ว ใบหน้าที่ละเอียดลออเต็มไปด้วยความชั่วร้ายดั่งเช่นราชินีที่อิจฉาเจ้าหญิงสโนไวท์อย่างไงอย่างงั้น
บางทีนี่อาจจะเป็นรักมากชังมากก็เป็นได้!
……
“คุณเย่ ตอนนี้ฉันอยู่กับคุณชายตู้และคุณชายตู้ต้องการเลี้ยงมื้อค่ำคุณ ไม่ทราบว่าคุณพอจะมีเวลาว่างไหมครับ?”
หลู่อี้ไม่รู้เลยว่าเขาได้ตกหลุมพรางของเหลียงเยว่หรูเข้าให้แล้ว เมื่อเห็นว่าใกล้เวลาอาหารมื้อค่ำ เขาจึงรีบโทรหาเย่เทียนทันที
“ได้!ส่งสถานที่มาให้ฉันและเดี๋ยวฉันจะออกไป”
เย่เทียนที่รับสายก็ไม่ได้คิดอะไรและรับปากตกลงไปอย่างมีความสุข
ท้ายที่สุด หากเขาต้องการถ่ายรูปงานแต่งที่เกาะนกนางนวลอย่างผ่อนคลายก็ต้องทำเรื่องนี้ให้คลี่คลายเสียก่อน
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือในใจของเย่เทียนนั้นรู้ดว่าหากไม่แก้ไขคลี่คลายเรื่องของตู้เคอหลิน ต่อให้ตอนนี้จะอยากจากไปก็คงเป็นเรื่องที่ทำได้ยากอยู่ดี
ด้วยความสามารถของตู้เคอหลินบนเกาะนกนางนวลแห่งนี้ เกรงว่าแค่พูดไม่กี่คำก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาต้องถูกจับที่สนามบินอยู่ดี
หลังจากได้รับการตอบรับที่แน่นอน ,หลู่อี้ก็ได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก หลังจากวางสายไปเขาก็ได้ตระหนักว่ามือของเขานั้นสั่นระริก
ไม่ต้องส่งสัยเลยว่านี่เป็นก้าวแรกที่จะขายเย่เทียน เมื่อเดินมาถึงขั้นนี้แล้วเขาก็ไม่สามารถย้อนกลับไปได้อีก ผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร ตัวเขาเองก็ไม่อาจคาดเดาได้เช่นกัน
คนเราน่ะมักจะเกรงกลัวต่อสิ่งที่ไม่รู้จัก แม้แต่จิ้งจอกเฒ่าอย่างหลู่อี้ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
ท้ายที่สุดนี่คือการพนันครั้งใหญ่ หากแพ้ก็ต้องสูญเสียทั้งฐานะและชื่อเสียงเกียรติภูมิ จะเชื่อใจใครก็เป็นกังวล!
“เย่เทียน อย่ามาโทษฉันเลย ฉันไม่มีทางเลือก”
หลู่อี้บ่นพึมพำอยู่ในใจ หากเลือกได้เขาจะเข้ามาพัวพันกับเรื่องบ้าๆนี้ได้อย่างไร?
ไม่ว่ายังไง เย่เทียนเปลี่ยนเป็นชุดลำลองคล่องตัวและไม่ให้เฉินหวั่นชิงตามไปด้วย
ก๊อกก๊อก!
เมื่อเตรียมตัวที่จะออกไป ประตูห้องก็ถูกเคาะดังขึ้นมาเสียก่อน
“ประตูไม่ได้ล็อก เข้ามาได้เลย!”
เย่เทียนตกตะลึง มุมปากอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขี้เล่น
แกร๊ก!
วินาทีถัดมาประตูห้องก็ได้ถูกเปิดออก คนที่เดินเข้ามานอกจากเซ่อันแล้วจะมีใครได้อีก
ดวงตาสีเข้มของเย่เทียนมองไปที่เซ่อันพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มที่ดูไม่ยิ้มสักเท่าไหร่ “ทำไม?มาเพื่อบอกลากันหรือไง?”
“คุณชายเย่ อย่ามาล้อกันเล่นสิครับ”
เซ่อันตะลึงและจากนั้นก็ตอบสนองอย่างรวดเร็วพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น “ผมเก็บเงินคุณนายเย่ไปจำนวนสามวัน นี่เพิ่งจะวันที่สอง ผมจะไปไหนได้ล่ะครับ”
“คุณไม่กังวลเหรอครับ?”
เย่เทียนแปลกใจ จากนั้นสายตาที่มองไปที่เซ่อันก็ดูขี้เล่นมากขึ้น
เซ่อันรู้ดีว่าการอยู่ที่เกาะนกนางนวลแห่งนี้มีภัยคุกคามแต่เขากลับรักษาน้ำใจและไม่ยอมจากไปก่อน สิ่งนี้ทำให้เย่เทียนรับรู้ได้ถึงเจตนาบางอย่างที่ผิดปกติ!
“ได้รับเงินมาก็ต้องทำอะไรตอบแทน”
เซ่อันยิ้มอย่างแอบแฝง “ตอนนี้สังคมปกครองด้วยกฎหมาย หากเกิดเรื่องอะไรก็แค่แจ้งตำรวจ ผมมีอะไรต้องกลัวล่ะครับ”
“เอาล่ะ!ในเมื่อนายไม่ได้ไปไหน งั้นฉันก็มีเรื่องจะให้ช่วยพอดีเลย”
เย่เทียนคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะไม่ได้คิดวิเคราะห์ถึงปัญหานี้อีกต่อไป เขาเปลี่ยนเรื่องคุย “อีกเดี๋ยวฉันจะออกไปข้างนอก นายพาเฉินหวั่นชิงไปหาโฮมสเตย์ส่วนตัวให้หน่อย เรื่องนี้ทางที่ดีห้ามให้ใครรู้เด็ดขาด!”
อีกเดี๋ยวจะต้องไปหาตู้เคอหลิน เขาไม่แน่ชัดว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่หากจะไม่ไปก็ไม่ได้อีก ดังนั้นเขาจึงต้องหาที่พักที่ปลอดภัยให้เฉินหวั่นชิงไปโดยปริยาย
แม้เขาจะไม่คิดว่าตู้เคอหลินเป็นภัยคุกคามแต่เขาก็ต้องจริงจังกับความปลอดภัยของเฉินหวั่นชิงไว้ก่อน
ดังคำกล่าวที่ว่า :สุขุมรอบคอบจึงกุมเรือหมื่นปีได้ !
หากอยู่ที่อื่น ต่อให้เขาจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ขอเพียงแค่เฉินหวั่นชิงเดินได้เร็ว ตู้เคอหลินก็จะไม่สามารถสร้างภัยคุกคามอะไรเฉินหวั่นชิงได้!
“คุณไปหาพวกเขาตัวคนเดียวงั้นเหรอ?”
เมื่อเซ่อันได้ยินเช่นนั้น คิ้วก็ขมวดแน่นพร้อมกับมองไปที่เย่เทียนด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
“ยังไงซะทำตามที่ฉันบอกก็พอ”
เย่เทียนโบกมือและพูดอย่างสุขุม “หากตอนเที่ยงคืนฉันยังไม่ไปล่ะก็นายหาวิธีเตรียมเรือให้พร้อมและพาเฉินหวั่นชิงกลับเมืองเจียงหนันไปซะ”
“ได้ครับ!อีกเดี๋ยวผมจะพาคุฯเฉินไปที่โฮมสเตย์เอง”
เซ่อันจะไม่รู้ความหมายของเย่เทียนได้อย่างไรกัน เขาพยักหน้าอย่างหนักแน่น “กลับไปผมจะบอกที่อยู่กับเจ๊หยก หากคุณไม่เกิดเรื่องอะไรที่ไม่คาดฝันขึ้นล่ะก็ให้ไปหาเจ๊หยกและถามที่อยู่ใหม่ของพวกเราได้เลย”
เย่เทียนถามอย่างระวัง “เชื่อใจหล่อนได้ไหม?”
“เจ๊หยกเป็นคนตรงไปตรงมา มีอะไรก็พูดอย่างนั้น หากแต่เป็นเรื่องสำคัญ นางจะไม่ปากเปราะรั่วไหลพูดไปอย่างแน่นอน”
สีหน้าของเซ่อันเปลี่ยนไปจริงจัง “ผมรับประกันสิ่งนี้ด้วยชีวิตของผมเลย”
“หวังว่าหล่อนจะเป็นแบบที่นายพูด”
เย่เทียนพยักห้าอย่างพอใจพร้อมกับหันกลับตะโกนไปที่ห้องนอน “ภรรยา เธอออกมาหน่อยสิ”
“มีอะไรเหรอ?”
เฉินหวั่นชิงที่ได้ยินเสียงตะโกนก็ได้เดินออกมาจากห้องนอน ดวงตาที่สวยงามพร่ามัวเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเธองีบหลับไป
“ภรรยา อีกเดี๋ยวฉันจะออกไปข้างนอก เธอไปหาโฮมสเตย์ใหม่กับเซ่อันนะ”
“เอ๊ะ?!”
เฉินหวั่นชิงตกตะลึงพร้อมกับมองไปที่เย่เทียนอย่างงุนงง จากนั้นจึงได้ถามออกไปอย่างแปลกใจ “พวกเราอยู่ที่นี่ไม่ดีหรอกเหรอ?ทำไมต้องไปหาโฮมสเตย์ด้วยล่ะ?”
“ที่นี่แม้ว่าจะไม่เลวแต่ว่ามันทำอาหารไม่ได้น่ะสิ!”
เย่เทียนยิ้มพร้อมกับพูดจริงครึ่งไม่จริงครึ่งว่า “สองวันมานี้ฉันเบื่อที่จะกินอาหารที่นี่แล้ว พวกเราไปหาโฮมสเตย์กันแล้วฉันจะทำอาหารอร่อยๆให้เธอกิน!”
ในใจเขารู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะหลอกเฉินหวั่นชิงด้วยเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น แต่หากบอกเธออย่างตรงไปตรงมา เธอจะไม่ยอมให้เขาไปพบตู้เคอหลินเด็ดขาด
ข้ออ้างที่จริงครึ่งไม่จริงครึ่งนี้ก็ทำให้เฉินหวั่นชิงไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง รอจนถึงเวลาที่เธอมีปฏิกิริยา เขาก็คงได้ไปเจอกับตู้เคอหลิน
“ที่นายพูดก็ถูก กินอาหารโรงแรมหลายวันฉันเองก็เบื่อหน่อยๆแล้วเหมือนกัน”
เฉินหวั่นชิงเหลือบมองเย่เทียนด้วยท่าทางแปลกๆ เนื่องจากเซ่อันอยู่ที่นี่แต่ก็ไม่ได้เปิดเผยเหตุผลของเย่เทียนออกมา
ทั้งสามคนนั่งลงพูดคุยกันสักพัก เมื่อเห็นว่าได้เวลาแล้วจึงได้ออกจากห้องไปและแบ่งเป็นสองทางตามที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่แรก…..