ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ - บทที่ 613 ช้าเร็วก็ต้องชดใช
“ตอนนี้ผมขอประกาศว่า การแข่งขันคัดเลือกทีมสายฟ้าครั้งที่ 16 เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ!”
เสียงของซ่านหงเลี่ยงอาจจะไม่ได้ดังมาก แต่ผู้คนนับร้อยที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ได้ยินอย่างชัดเจน
เหตุการณ์นี้ยิ่งทำให้สีหน้าของเย่เทียนดูจริงจังมากขึ้น เพียงแค่นี้ ก็สามารถดูออกถึงความยิ่งใหญ่ของซ่านหงเลี่ยงแล้ว ไม่แปลกเลยที่สามารถเป็นผู้ดูแลของทีมสายฟ้า!
ไม่ว่าจะยังไง เมื่อเสียงของซ่านหงเลี่ยงเงียบลง ในเหตุการณ์ก็ดุเดือดขึ้นมาทันที
ที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเด็กหนุ่มที่มาจากกองทัพ หรือผู้เก่งกล้าที่มาจากโลกแห่งการต่อสู้ ไม่มีใครอยากอยู่บนเทือกเขาร้างแห่งนี้ต่อเลย
หลังจากที่ได้เปิดงานแล้ว บุคคลที่เกี่ยวข้องก็ได้ยกกล่องไม้ขึ้นไปบนเวทีทันที ในนั้นได้ใส่ป้ายที่มีหมายเลขไว้เพียงแค่ได้จับได้เลขที่เหมือนกัน ก็จะเป็นคู่ต่อสู้ของคุณในครั้งแรกอย่างไม่ต้องสงสัย!
แน่นอน ทุกคนที่ได้สมัครไว้ก่อนหน้านี้ก็ได้ลงทะเบียนกันแล้ว เพราะฉะนั้น จะไม่มีเหตุการณ์ที่ผู้เข้าร่วมแข่งขันจะไม่มีคู่ต่อสู้เกิดขึ้น
ช่วงเวลาหนึ่ง ผู้ร่วมแข่งขันก็ถูกแบ่งออกเป็นหลายทีม และได้เข้าแถวเพื่อที่จะไปจับหมายเลขของตัวเองอย่างเป็นระเบียบ
เย่เทียนก็ได้แฝงตัวอยู่ในฝูงชนอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน จากนั้นเดินหน้าจับหมายเลขของตัวเอง แต่หลังจากที่กำลังจะเดินกลับไปหาจี้เยียนหรันนั้น เขาก็พบว่าหยุนเหมิงหยานได้เดินเข้ามาหาเขาก่อนแล้ว
“เย่เทียน เป็นไงบ้าง? เป็นไงบ้าง? คุณจับได้เลขอะไรเหรอ?”
ทันทีที่หันกลับมา จี้เยียนหรันก็ได้เข้าไปหาเขาก่อนและไม่รีรอที่จะถามเขาทันที
“หมายเลข 27 ไม่ได้ขึ้นเวทีเร็วขนาดนั้นหรอก”
เย่เทียนยิ้มจางๆ และยกหมายเลขบนมือขึ้น
“เดี๋ยว คุณเข้าใจผิดแล้ว”
ในขณะนี้เซวหมานจื่อที่ได้ไปเข้าแถวเพื่อรอจับหมายเลขเหมือนกันก็ได้เดินกลับมา “เวทีแข่งของที่นี่ไม่ถือว่าเล็กนะ ตามกฎที่เคยผ่านมา น่าจะขึ้นแข่งขันพร้อมกันถึง 10 คู่ ฉะนั้นหมายเลข 27 ของคุณก็แค่คู่ 3 เอง”
“แข่งพร้อมกัน 10 คู่เลยเหรอ?”
สีหน้าของเย่เทียนแสดงออกถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน เขาคิดไม่ถึงเบนว่าสถานการณ์จะเป็นแบบนี้ได้
“แน่นอนสิ!”
เซวหมานจื่อพยักหน้าด้วยความแน่ใจ จากนั้นพูดอย่างมั่นใจว่า “อย่ามองแค่ว่าจำนวนคนที่ร่วมแข่งไม่ถึง 100คนนะ แต่ทุกคนต้องแข่งอย่างน้อย 4 ครั้ง ถ้าแข่งกันทีละคู่จริงๆ คงต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นอีกหลายวันเลยล่ะ”
หลังจากหยุดไปสักพัก เซวหมานจื่อกวาดสายตาไปซ้ายขวา เมื่อเห็นว่าไม่มีคน เขาก็ได้พูดด้วยเสียงที่เบาลง “ที่ผ่านมาใช่ว่าคุณจะไม่เคยเห็น แม้แต่ขุนนางชั้นผู้ใหญ่อย่างท่านถังยังมา ผู้อาวุโสเหล่านั้นจะมีเวลาว่างขนาดนั้นเลยเหรอ?”
เย่เทียนฟังแล้วก็ตาสว่างและพยักหน้าทันที นี่มันก็จริง ระดับผู้อาวุโสอย่างถังเหวินหลง เวลาเป็นสิ่งมีค่าแน่นอน การที่ต้องเสียเวลามาที่นี่สองถึงสามวัน ก็บอกได้ว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับการแข่งขันนี้มาก
“ทุกคนเงียบ! เงียบก่อนครับ!”
เวลานี้ ซ่านหงเลี่ยงที่ถอยไปอยู่ขอบเวทีก็ได้เดินมาที่กลางเวทีอีกครั้ง จากนั้นแสร้งไอสองครั้งแล้วทำท่าโบกมือให้ทุกคนเงียบ
รอให้ทุกคนเงียบลงแล้ว ซ่านหงเลี่ยงจึงได้พูดต่อ “เชื่อว่าผู้เข้าแข่งขันทุกคนต่างก็จับได้หมายเลขของตัวเองแล้วใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้น ผู้แข่งขันที่จับได้หมายเลข 1 ถึง 10เ ข้าสู่สนามแข่งได้!”
“เย่เทียน เยียนหรัน เหมิงหยาน ผมเริ่มก่อนแล้วนะ เดี๋ยวกลับมาครับ!”
เซวหมานจื่อได้ยินแล้วก็ชูป้ายหมายเลขที่จับได้ในมือขึ้น ซึ่งก็เป็นหมายเลข 9 และจำเป็นต้องเป็นผู้เข้าแข่งขันรอบแรก
คำพูดของเขานั้น แสดงถึงความมั่นใจในตัวเองราวกับว่าคู่แข่งไม่ได้อยู่ในสายตาแต่แรกเลย
นี่ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ไม่ว่ายังไงเซวหมานจื่อก็เป็นคนที่มีชื่อเสียงของกองทัพคนหนึ่ง ถ้าหากไม่สามารถผ่านการแข่งในรอบแรกไปได้ เขาคงไม่ต้องพูดอะไรอีกต่อไปแล้ว
“ระวังด้วยนะ”
หยุนเหมิงหยานรีบเดินเข้าไปและกระซิบเตือนเขา
“เหมิงหยาน คุณวางใจได้เลย! ใช่ว่าคุณจะไม่รู้จักผม!”
เซวหมานจื่อได้ยิ้มจนเห็นฟันขาว จากนั้นก็เดินเข้าไปในพื้นที่การแข่งขัน
แต่กลับเป็นเย่เทียนที่ไม่ได้ห่วงว่าเซวหมานจื่อจะแพ้ ดีชั่วยังไงก็ได้สู้กันมาก่อนครั้งหนึ่งแล้ว ว่าด้วยความสามารถของเซวหมานจื่อนั้น เขารู้ดีอยู่แล้ว ถ้าหากไม่เกิดเหตุเกินคาด ถึงแม้จะเข้าไม่ถึงรอบชิง แต่ก็สามารถอยู่ในอันดับที่ 1 ถึง 5 แน่นอน!
ในขณะที่เย่เทียนกำลังดูการต่อสู้ของเซวหมานจื่อกับคู่แข่งคนอยู่นั้น ทันใดนั้นก็มีสายตาที่เลือดเย็นมองผ่านฝูงชนและจ้องมองมาที่เย่เทียน!
เย่เทียนรู้สึกถึงความผิดปกติและหันไปมองทันที และสายตาของเขาก็สบเข้ากับสายตาที่เย็นชาของเย่ย่งเล่อพอดี
“เย่เทียน นึกไม่ถึงว่าเอ็งจะมาจริงๆ”
เย่ย่งเล่อได้ฟื้นคืนจากความพ่ายแพ้ ถึงตอนนี้เข้าก็ยังไม่เข้าใจ เพราะเย่เทียนได้หักแขนหักขาของตู้เคอหลินเชียวนะ แต่ตาเฒ่าตู้เฮิงฉุนทำไมถึงไม่หาเรื่องเย่เทียน?
เกรงว่าเย่ย่งเล่อ ยังไงก็คิดไม่ออก ไม่เพียงแต่ตู้เฮิงฉุนไม่ได้หาเรื่องเย่เทียน แต่กลับเป็นเย่เทียนที่เข้าไปหาเรื่องคนอื่นถึงที่
แต่ เรื่องในโรงพยาบาลวันนั้นทำให้ขายหน้าขนาดนั้น บวกกับความสัมพันธ์ของหยูเกาหมิง ตู้เฮิงฉุนจะปล่อยให้เรื่องแบบนี้แพร่งพรายออกไปได้ไง ถ้าควบคุมอย่างเข้มงวดแต่แรก คนภายนอกไม่มีทางรู้เรื่องแน่นอน
ไม่ว่าจะยังไง วันนี้ได้เห็นเย่เทียนอยู่ที่นี่แล้ว ใบหน้าของเย่ย่งเล่อได้แต่บูดบึ้ง และในใจก็เริ่มคิดว่าจะจัดการเย่เทียนให้สิ้นซากตรงนี้
“ว่ายังไง? คุณก็มาเข้าร่วมการแข่งขันเหมือนกันเหรอ?”
เสียงของเย่ย่งเล่อได้แว่วเข้าในหู ทำให้มุมปากของเย่เทียนได้แสดงออกถึงรอยยิ้มจางๆ ซึ่งดูเหมือนจะธรรมดา แต่ความจริงแล้วแฝงด้วยความเย็นชา!
ถึงแม้ว่าโดยสายเลือดแล้วทั้ง 2 คนจะเป็นญาติกัน แต่ว่าเย่ย่งเล่อได้มุ่งลงมือทำร้ายเขาครั้งแล้วครั้งเล่า เชื่อเลยว่าแม้แต่น้องแท้ๆ ยังเป็นศัตรูกันได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนที่ไม่เคยถูกคิดว่า เป็นคนของตระกูลเย่อย่างเย่เทียน
ถ้าหากว่าเย่ย่งเล่อเป็นหนึ่งในผู้ร่วมแข่งขัน เย่เทียนลงมืออย่างไม่ปรานีแน่นอน!
ยังไงก็ตาม กฎก็แค่ห้ามฆ่าคนให้ตาย ไม่ได้ห้ามตีให้คนพิการไม่ใช่หรือ?!
“ข้าก็มาเป็นเพื่อนพี่ใหญ่ไงล่ะ!”
เย่ย่งเล่อหัวเราะด้วยความเย็นชา “เย่เทียน พี่ใหญ่ของข้าก็เป็นเหมือนข้า เกลียดเอ็งจนเข้าไส้!”
“ถ้าให้ดีเอ็งควรภาวนาอย่าให้เจอกับพี่ใหญ่ของข้าก็แล้วกัน ไม่อย่างนั้นเอ็งลำบากแน่นอน!”
“เย่หย่งหงเหรอ?”
เย่เทียนตกตะลึงไปสักพัก และรู้สึกตัวขึ้นมา จากนั้นหัวเราะพูดต่อ “ไม่ต้องพูดมากหรอก เพราะผมก็อยากเจอเขาเหมือนกัน!”
ไม่รู้ว่าด้วยความโกรธแค้นในใจของเย่เทียนที่มีต่อตระกูลเย่ หรือว่าความเกลียดชังที่มีต่อเย่ย่งเล่อ ถึงแม้ว่าชาตินี้เขากับเย่หย่งหงยังไม่เคยเจอหน้ากัน แต่เขาได้ตัดสินใจอย่างแน่ชัดแล้วว่า ถ้าหากต้องเจอกันจริงๆเขาต้องสั่งสอนเย่หย่งหงดีๆ สักครั้งแน่นอน!
จากนั้นเย่เทียนก็ไม่อยากมองหน้าเย่ย่งเล่ออีก เขาจึงหันไปมองสถานการณ์ของการต่อสู้ในสนามต่อ
“เย่เทียน เอ็งรอไว้เลย! วันนี้เอ็งอย่าหวังว่าจะได้มีความสุข!”
ไม่ว่ายังไงเย่ย่งเล่อก็เป็นผู้มีชื่อเสียงของเมืองจิน แล้วเขาเคยถูกดูถูกแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉะนั้นเมื่อเห็นว่าเย่เทียนทำกับตัวเองเหมือนไม่มีตัวตนอะไรอย่างนั้น ในใจก็โกรธแค้นอย่างสุดขีด
“เย่ย่งเล่อ ระหว่างคุณกับผมยังต้องพูดเรื่องไร้สาระพวกนี้อีกเหรอ?”
ดวงตาสีเข้มทั้งคู่ของเย่เทียนได้แต่มองไปที่สนามแข่งและไม่แม้แต่หน้าจะหันหน้ามองเขาเลย “เรื่องที่คุณเคยทำกับผม ผมยังจำได้ดี ถึงแม้วันนี้ผมจะคิดดอกเบี้ยจากพี่ชายคุณก่อน แต่ไม่ช้าก็เร็ว ยังไงก็ต้องถึงคิวคุณแน่!”
เย่ย่งเล่อหัวเราะเยาะเย้ย ถึงแม้เขาจะรู้ว่าเย่เทียนไม่ได้ธรรมดา แต่เขาก็ไม่เชื่อเหมือนกันว่าเย่เทียนจะเอาชนะพี่ชายแท้ๆ ของเขาได้!
แต่ทว่า เมื่อมองท่าทีของเย่เทียนแล้ว เย่ย่งเล่อก็ไม่อยากคุยให้เสียเวลากับเย่เทียนอีก เขาจึงแสยะยิ้มแล้วส่ายหัว จากนั้นหันหน้าเดินจากไป…..