ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ - บทที่ 628 ช่วยผมตามหาคน
“แกนี่แม่งเดินไม่ดูตาม้าตาเรือบ้างรึไง!”
คำด่าทอที่ดังมาจากด้านหลังทำให้เย่เทียนต้องขมวดคิ้ว หันหลังไปพร้อมกับความรู้สึกที่ไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่
คนที่อยู่ด้านหลังคือชายหนุ่มที่แต่งตัวเลิศหรู ใส่นาฬิกาแบรนด์เนม มองไปก็รู้เลยว่าเป็นลูกคนรวย ดูจากตรงเอวที่ตุงๆ นั่น ก็น่าจะพกอาวุธมาด้วย
แต่ว่า ทั่วตัวชายหนุ่มอบอวลไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอลล์ ใบหน้าที่ถือว่าดูดีนั่นก็แดงก่ำ บ่งบอกว่าเมามากแล้ว
“พูดจาให้มันดีๆ หน่อย!”
เย่เทียนเบ้ปาก แล้วพูดอย่างไม่ชอบใจว่า “ทั้งๆ ที่นายเป็นคนมาชนฉันเองไม่ใช่รึไง? ไม่ขอโทษช่างยังพอว่า แต่กลับคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูกกระทำซะงั้น?”
“คะ ใครเป็นพวกของมึง!”
พอลูกคนรวยได้ยินอย่างนั้น กลับโมโหขึ้นมาทันที พูดจากระโชกโฮกฮากขึ้นมา “นี่มึงไม่รู้รึไงว่ากูเป็นใคร? ยังไม่รีบขอโทษกูอีก!”
“พูดตามตรง ฉันไม่รู้จริงๆ ว่านายเป็นใคร”
เย่เทียนส่ายหน้าเบาๆ และยิ้มเยาะออกมาที่มุมปาก “แต่จะว่าไป นายเป็นใครแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน?”
แอลกอฮอลล์ไม่เพียงทำให้สมองสั่งการช้าลง แต่มันยังทำให้อารมณ์อ่อนไหวมากขึ้นด้วย ต่อให้เป็นการเสียดสีเล็กเบาๆ ก็อาจทำให้อารมณ์ขึ้นอย่างสุดขีดได้ ลูกคนรวยตอนนี้ก็ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้นี่แหละ
“มึงนี่มันรนหาที่ตายจริงๆ!”
น้ำเสียงที่เยาะเย้ยของเย่เทียนดังเข้ามาในหู ไฟโทสะก็ลุกไหม้เต็มอกของลูกคนรวยขึ้นมาทันที มองซ้ายมองขวา จากนั้นก็หยิบถังขยะขึ้นมาอย่างโซซัดโซเซ แล้วเหวี่ยงมาที่เย่เทียน โดยไม่คำนึงว่าจะเกิดผลอะไรตามมา
ปั้ง!
เย่เทียนแสดงสีหน้าที่โมโหออกมา ถีบขาขวาออกไปรวดเร็วราวกับสายฟ้า แล้วถีบถังขยะที่ลูกคนรวยเหวี่ยงมาจนกระเด็นออกไป
ยังไม่ทันที่ลูกคนรวยจะได้ตั้งตัว เย่เทียนก็ได้ถีบขาออกไปอย่างแรงอีกครั้ง ถีบใส่ท้องน้อยของลูกคนรวยอย่างแรง
ตุบ!
ลูกคนรวยรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่แล่นมาจากท้องน้อย โซเซถอยหลังไปหลายก้าว สุดท้ายก็ทรงตัวไม่อยู่ล้มจ้ำเบ้าลงกับพื้น
“แหวะ!”
ไม่เพียงแค่นี้ ลูกคนรวยจะไปทนกับความทรมานแบบนี้ได้ยังไง จึงได้อ้วกแอลกอฮอลล์ทั้งหมดที่กินเข้าไปออกมาอย่างบ้าคลั่ง ดูจากอาการแล้วแม้แต่น้ำดีก็คงจะอ้วกออกมาแล้วล่ะ
เย่เทียนก็ได้หยุดเพียงเท่านั้น ส่ายหน้าแล้วพูดอย่างดูถูกไปว่า “อย่าคิดว่ากินเยี่ยวม้าเข้าไปเยอะแล้วจะก่อเรื่องอะไรก็ได้ กับคนอย่างนาย ต่อให้มาอีกเป็นร้อยก็ไม่ใช่คู่มือฉันหรอก!”
“นะ แน่จริงก็รอกูก่อน! กูไม่เชื่อหรอกว่าจะเอามึงให้ตายไม่ได้!”
หลังจากที่อ้วกแอลกอออลล์ออกมาไม่น้อย ลูกคนรวยก็มีสติขึ้นมาพอสมควร จ้องมองเย่เทียนด้วยสีหน้าที่โกรธแค้นตะเกียกตะกายลุกขึ้นมา จากนั้นก็รีบวิ่งไปเรียกพวกที่อยู่ในห้องวีไอพี
เย่เทียนไม่ได้ใส่ใจอะไร มุมปากยังยิ้มเยาะออกมาอีกต่างหาก ยืนรออย่างสบายใจอยู่ที่เดิม รอลูกคนรวยคนนั้นกลับมา
ไม่ใช่ว่าเย่เทียนจะก่อเรื่อง การเป็นลูกค้าประจำของเย่เย่เซิงเกอในชาติที่แล้ว เขาจึงรู้ข้อมูลของเย่เย่เซิงเกอดี การที่ลูกคนรวยกล้าก่อเรื่องตรงนี้ ถึงฤทธิ์แอลกอฮอลล์จะมีส่วนบ้าง แต่ก็เชื่อว่าต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน
ถึงแม้ตอนนี้เย่เทียนจะสามารถจากไปโดยไม่สนใจเลยก็ตาม แต่ไม่แน่ต่อไปเขาอาจจะต้องมาที่นี่อีกก็ได้ ไม่แน่อาจจะได้พบกันอีกครั้ง ถ้ามันจะยุ่งยากขนาดนั้น สู้จัดการให้จบในคราวเดียวเลยดีกว่า
แน่นอน ประเด็นสำคัญคือ ถ้าต้องให้ไปตามหาเหมยกุ้ยทีละห้องทีละห้อง สู้ก่อเรื่องนิดหน่อยแล้วให้เธอออกมาหาเขาเองยังจะดีกว่า
ตุบตุบ!
ในเวลาเพียงไม่กี่นาที ลูกคนรวยนั่นก็เดินกระทืบเท้ากลับมาพร้อมกับพรรคพวกที่เมาแอ๋เหมือนกันมาด้วยกลุ่มหนึ่ง รวมถึงชายร่างกำยำอีกหลายคนที่ดูก็รู้เลยว่าเป็นบอดี้การ์ดเดินมาด้วยสีหน้าที่โกรธเกรี้ยว
พอเห็นอย่างนั้น เย่เทียนก็ส่ายหน้าเบาๆ แล้วพูดตัดพ้อว่า “เฮ้อ เศษสวะแบบนี้อีกแล้ว ไม่เห็นจะน่าสนใจเลย!”
อย่างไรก็ตาม กลุ่มของลูกคนรวยก็มาถึงตรงหน้าเย่เทียนอย่างรวดเร็ว พูดพร้อมกัดฟันว่า “แกเป็นไอ้เบื๊อกที่โผล่มาจากไหน กล้าทำร้ายแม้กระทั่งทงฉา ฉันว่าแกคงเบื่อโลกแล้วสินะ!”
“จะพูดมากทำไม? ก็แค่อยากมีเรื่องไม่ใช่เหรอ? มาซิ!”
ทันทีที่พูดจบ เย่เทียนก็ขยับขา แล้วพุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว คว้าคนที่เพิ่งพูดเมื่อกี้เอาไว้ ในจังหวะที่กดหัวของคนคนนั้นลงพื้น เย่เทียนก็ได้ยกเข่าขึ้นมา
ตุบ!
คนๆนั้นยังไม่ทันได้ตั้งตัว ก็ถูกเย่เทียนซัดหน้าแรงๆ ไปทีหนึ่งแล้ว ดั้งของเขาหักในทันที เลือดสดๆ ได้พุ่งทะลักออกมาเหมือนกับก๊อกน้ำที่ถูกเปิด ช่างเป็นภาพที่น่าสยดสยองจริงๆ
“แก ไอ้บัดซบ! แกตายแน่!”
หลังจากที่อึ้งไปพักหนึ่ง คนอื่นๆ ที่เหลือก็ตั้งสติได้ ตะโกนเสียงดังแล้วล้อมเย่เทียนเอาไว้ ปิดทางหนีของเย่เทียนได้อย่างสมบูรณ์
แต่ แค่บอดี้การ์ดเพียงไม่กี่คนจะไปเป็นคู่ต่อสู้ของเย่เทียนได้ยังไง ในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีก็ถูกเย่เทียนล้มจนหมดแล้วที่ยังยืนอยู่ก็เหลือลูกคนรวยชายสามคนที่เมาแอ๋อยู่นานและแทบสู้ไม่ไหวแล้ว
“หยุดนะ!”
ในตอนที่เย่เทียนกำลังจะล้มลูกคนรวยที่เหลืออยู่นั้นเอง ก็ได้มีน้ำเสียงที่กดดันของหญิงสาวดังมาจากทางด้านหลัง
พอเย่เทียนได้ยินอย่างนั้น เขาที่กำลังจะลงมือก็ได้หยุดชะงัก มุมปากได้เผยรอยยิ้มที่น่าประหลาดออกมา แล้วค่อยๆ หมุนตัวไป
นี่คือหญิงสาวที่สวมชุดกระโปรงคอวีลึกคนหนึ่ง อายุประมาณสามสิบ ใบหน้าที่สวยงามทาเครื่องสำอางบางๆ เป็นผู้หญิงที่มีกลิ่นอายอันโดดเด่นเป็นของตัวเอง
นอกจากเหมยกุ้ยผู้ดูแลของเย่เย่เซิงเกอแล้ว ยังจะเป็นใครได้อีก?
“เหมยกุ้ย เธอมาได้เวลาพอดี ที่นี่เป็นถิ่นของเธอ”
แต่ว่า ยังไม่ทันที่เย่เทียนจะได้พูด ลูกคนรวยนั่นก็ชิงพูดขึ้นมาก่อนแล้ว “เราถูกไอ้หมอนี่เล่นงานตรงนี้ ยังไงเธอก็ต้องจัดการเรื่องนี้ให้เรา ไม่อย่างนั้น…..”
“ไม่อย่างนั้นจะทำไม?”
ไม่รอให้ลูกคนรวยพูดจบ เหมยกุ้ยก็ชิงพูดขัดขึ้นมาก่อน “พวกคุณจะพังที่นี่ทิ้งรึไง?”
“เธอ…..”
ลูกคนรวยตกใจ สำลักจนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
“คุณอยากให้ฉันจัดการให้ใช่มั้ย? ฉันจะจัดการให้เดี๋ยวนี้เลย!”
เหมยกุ้ยไม่สนใจหรอกว่าลูกคนรวยจะคิดยังไง หันมองเย่เทียนด้วยสายตาที่เกียจคร้าน ยื่นนิ้วที่ขาวนวลแล้วชี้ไปยังเย่เทียนกับคนอื่นๆ ที่เหลือ แล้วพูดกับรปภ.ที่กำลังวิ่งหน้าตั้งเข้ามาว่า “โยนไอ้พวกนี้ออกไปให้หมด จากนี้ให้จดชื่อใส่บัญชีดำไว้ ห้ามให้เข้ามาเหยียบที่เย่เย่เซิงเกออีกเด็ดขาด!”
“เหมยกุ้ย นี่เธอคิดจะทำอะไร?” ลูกคนรวยทั้งสามคนถึงกับช็อก
“ฉันรู้ว่าพวกนายเป็นใคร เชื่อว่าตอนที่มาที่นี่ ผู้ใหญ่ที่บ้านก็คงจะบอกพวกนายแล้วว่าห้ามมีเรื่องกับฉันเด็ดขาดใช่มั้ย?”
เหมยกุ้ยเบ้ปาก พูดพร้อมกับยิ้มอย่างไม่ชอบใจ “พวกนายน่าจะดีใจที่ไม่ได้ก่อเรื่องที่มันใหญ่จนเกินไป ไม่อย่างนั้นมันจะไม่จบแค่โดนจดชื่อไว้ในบัญชีดำอย่างแน่นอน!”
สีหน้าของพวกลูกคนรวยเหมือนมะเขือเทศที่ถูกลูกเห็บตกใส่ สีหน้าดูแย่ ราวกับจะยอมจำนนแล้ว
แต่ว่า ถึงพวกลูกคนรวยจะยอมจำนนมันก็เรื่องของพวกนั้น มันก็ไม่ได้แปลว่าเย่เทียนจะยอมออกไปสักหน่อย
ยังไงการที่เขามาเย่เย่เซิงเกอก็ไม่ใช่แค่มาเจอเหมยกุ้ยเท่านั้น ถ้าเป้าหมายยังไม่ลุล่วงแล้วเขาจะกลับไปได้ยังไง?
“เหมยกุ้ย ผมต้องการให้คุณช่วยตามหาคนให้หน่อย!”