ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ - บทที่ 662 ฝ่าวงล้อมได้สำเร็จ
เมื่อเห็นว่าหานชิงจ้าวกำลังจะโจมตีด้วยดาบยาวอีกครั้ง เย่เทียนเลยกลิ้งไปกับพื้น เพื่อหลบการโจมตี
เย่เทียนกลิ้งไปมาอยู่หลายรอบ จนกระทั่งหลบการโจมตีของหานชิงจ้าวมาได้ จากนั้นค่อยยืนขึ้นมา พร้อมกับมองไปที่หานชิงจ้าวด้วยสีหน้าที่จริงจัง
หานชิงจ้าวระเบิดอารมณ์ของเขาออกมา ทำให้เผยความแข็งแกร่งระดับดินออกมา
ถึงแม้ตอนนี้เย่เทียนจะอยู่ในฝึกพลังชั้นเจ็ดและเพียงพอที่จะทำลายคนที่อยู่ในระดับดิน แต่ถ้าขืนวู่วามก็แพ้ได้เหมือนกัน!
เมื่อเห็นว่าเย่เทียนถอยจากการโจมตีของตัวเอง หานชิงจ้าวก็ไม่ได้โจมตีต่อ ได้แต่พร้อมกับส่ายหัวอย่างน่าผิดหวัง “น่าเสียดาย”
เขารู้ตัวดีว่า เมื่อกี้เขาโจมตีเย่เทียนตอนที่ไม่ทันได้ตั้งตัว จึงทำให้ได้เปรียบขนาดนี้ แต่ตอนนี้เย่เทียนได้ตั้งตัวแล้ว ฉะนั้นต่อให้เขาจะโจมตีอีกก็คงไม่ได้เปรียบเช่นก่อนหน้านี้
ในเมื่อเป็นแบบนี้ สู้กันซึ่งๆ หน้าจะไม่ดีกว่าเหรอ!
“ไอ้บัดซบ ไอ้เด็กนี่หนังเหนียวจริงๆ อีกนิดเดียวแล้วแท้ๆ!”
เย่เทียนถ่มน้ำลายลงกับพื้น ซึ่งเขาไม่กล้าที่จะชักช้าอีก จากนั้นคัมภีร์หวงในร่างกายของเขาก็เริ่มทำงาน ทำให้เขาระเบิดพลังออกมาทันที และยังแผ่ออกไปทุกทิศทาง
“อย่าพูดอะไรที่ไม่น่าฟังแบบนั้นเลย นั่งมันก็เป็นแค่อุบายอย่างหนึ่งเท่านั้น!”
เมื่อเห็นพลังอันมหาศาลแผ่ออกมาจากร่างของเย่เทียน หานชิงจ้าวก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร แต่ยังยักไหล่แล้วพูดด้วยสีหน้าสบายใจ “ยิ่งไปกว่านั้น คุณกับผมก็เป็นศัตรูกันอยู่แล้ว ยังไงเราก็ต้องสู้จนถึงสุดท้าย แล้วจะใช้วิธีแบบนี้ทำไม?
“คำพูดนี้คุณเป็นคนพูดเองนะ แล้วอย่าหาว่าผมไม่ไม่เกรงใจก็แล้วกัน!”
ดวงตาของเย่เทียนนั้นเต็มไปด้วยความเย็นชา จู่ๆ ก็มีฝึกพลังชั้นเจ็ดโผล่ขึ้นมาจากด้านหลังพร้อมกับทะลุบ้านหลังเล็กๆ และโผล่ออกมากลางสนามรบต่อหน้าผู้คนมากมาย!
และนี่เป็นเหตุผลที่ว่าก่อนหน้านี้เย่เทียนเลือกที่จะไปวุ่นวายกับหานชิงจ้าว และไม่เลือกที่จะใช้ท่ามังกรเก้าแต่แรก
ถึงแม้จะจัดการหานชิงจ้าวได้อย่างรวดเร็ว แต่เงาลวงตี้จวินจะดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมาก ในสถานการณ์ที่วุ่นวายแบบนี้ มันจะกลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญ และเป้าหมายสำหรับกองกำลังติดอาวุธให้โจมตีเข้ามา
“นี่ นี่มัน……”
ไม่ว่าจะพูดอย่างไร หานชิงจ้าวที่อยู่ในบ้านหลังเล็กๆ ก็เห็นแค่ส่วนขาของเงาลวงตี้จวิน แต่แค่นี้ก็เพียงพอที่จะทำให้เขาตกใจอึ้งไปสักพัก
“ท่ามังกรเก้า รูปแบบที่สาม จักรพรรดิจับกุมจตุสมุทร!”
เย่เทียนไม่สนว่าหานชิงจ้าวกำลังคิดอะไรอยู่ ถึงเขาจะมองไม่เห็นสถานการณ์ข้างนอก เขาก็รู้ดีว่าเงาลวงตี้จวินจะต้องดึงดูดผู้คนอย่างมากแน่นอน อีกไม่นานต้องมีคนแห่มาทางนี้อย่างแน่
และเพราะเหตุนี้เอง เย่เทียนไม่มัวเสียเวลากับหานชิงจ้าว เปิดมาก็ใช้กระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุด พยายามส่งเขาไปหายมบาลให้เร็วที่สุด!
“หืม?!”
เนื่องจากมีหลังคาบ้าน หานชิงจ้าวจึงไม่สามารถมองเห็นฝ่ามือของเงาลวงตี้จวินที่กำลังพุ่งลงมา เขาได้แต่มองไปที่เย่เทียนที่กำลังยื่นมือออกมาด้วยสายตาแปลกๆ และไม่รู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น
“บดมันให้เละ!”
ต่อมา เย่เทียนก็ตะโกนออกมา และทันใดนั้นยื่นมือซ้ายออกมาแล้วกดลงกับพื้น
โครม!
ฝ่ามือตี้จวินอันมหึมากระทบลงบนหลังคาบ้านและกดลงไปที่หานชิงจ้าวพร้อมกันก้อนหินมากมาย
“ให้ตายสิ!”
ในเวลานี้เอง หานชิงจ้าวถึงจะเข้าใจสถานการณ์พร้อมกับตะโกนออกมาอย่างห้ามใจไม่ได้ เขาไม่กล้าแม้แต่จะยืนต่อไปและรีบหลบการโจมตีนี้
บูม!
อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้จะทำให้เขาตายไวขึ้น ฝ่ามือตี้จวินอันมหึมากระทบลงกับพื้นอย่างแรง ทำให้ลมกระโชกแรง และพัดฝุ่นไปทั่วท้องฟ้า แล้วพัดตลบอบอวลไปทุกทิศทุกทาง
ต่อมา ฝ่ามือตี้จวินก็หายไปทันที เหลือไว้แต่รอยฝ่ามือที่กระทบกับพื้นซึ่งมันพิสูจน์ได้ว่าเรื่องมันเกิดขึ้นจริง!
ส่วนหานชิงจ้าวนั้น ถูกฝ่ามือตี้จวินทับจนแบนกับพื้นไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะมีอะไรน่าสมเพชไปกว่านี้!
ส่วนเย่เทียนในตอนนี้ก็ใช้โอกาสที่ฝุ่นตลบอบอวลไปทั่วทุกที่ในการวิ่งออกมาจากหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว
“ทำไมแกต้องทำให้เรื่องมันใหญ่โตแบบนี้ด้วย?”
ก่อนที่เย่เทียนจะหนีออกมาได้ประมาณสิบเมตร เขาก็ได้ยินเสียงอันแหบแห้งดังขึ้นมาจากทางด้านขวา และเย่เทียนก็โยนเหรียญออกไปโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ
แท๊ง!
แสงไฟอันริบหรี่ เหรียญที่เย่เทียนโยนออกไปไม่มีผลอะไรเลย แต่กลับทำให้คนอื่นแตกตื่น
“ใจเย็นๆ ก่อนสิ! นี่ผมเอง!”
ฝุ่นบนท้องฟ้าค่อยๆ จางหายไป ทำให้เห็นร่างของฮาชิโมโตะ ฟุจิโนะที่ค่อยๆ ปรากฏตัวออกมา
“เรื่องนี้คุณจะมาโทษผมไม่ได้ ใครบอกให้คุณโผล่ออกมาในเวลาแบบนี้”
เย่เทียนปัดจมูกของเขาอย่างโกรธเคืองและพูดต่อว่า “ฝั่งคุณเป็นอย่างไงบ้าง?”
“ส้งลาตายแล้วครับ”
สีหน้าของฮาชิโมโตะ ฟุจิโนะดูบูดบึ้งเล็กน้อย “แต่เยาหวู่ตี๋หนีไปได้”
เมื่อเย่เทียนได้ยินอย่างนั้น เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที แต่เขายังไม่ทันได้พูดอะไร ก็ได้ยินเสียงกองกำลังติดอาวุธดังขึ้น
“อยู่ตรงนี้! พวกมันอยู่ตรงนี้!”
“ยิงเลย! ฆ่าพวกมัน! ล้างแค้นให้กับส้งลา!”
“ไอ้สารเลว! ไปตายให้หมดซะ!”
ไม่นานนัก ก็มีเสียงปืนดังขึ้น และกระสุนก็พุ่งตรงเข้าไปหาเย่เทียนกับฮาชิโมโตะ ฟุจิโนะ
“รีบหนีไปจากที่นี่ก่อน!”
สีหน้าของเย่เทียนนั้นเปลี่ยนไปทันที พร้อมกับตะโกนบอกฮาชิโมโตะ ฟุจิโนะแล้วนำหน้าหลบหนีไปก่อน
ไม่เพียงแค่นั้น เขายังใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล้อพร้อมกับโยนเหรีญออกไป เพื่อสังหารกองกำลังติดอาวุธที่ขวางทางอยู่
ในตอนนี้พวกเขานั้นอยู่ในเขตของอีกฝ่าย ซึ่งเขาทั้งสองคนก็เหมือนหนูที่จะข้ามถนน ไม่กล้าที่จะรอช้าเพราะขืนอยู่ต่อก็ตายสถานเดียว
ฮาชิโมโตะ ฟุจิโนะก็เช่นเดียวกัน ขณะที่ถือโล่ป้องกันการโจมตี เขายังโบกมือไปมาเพื่อใช้ดาวกระจายโจมตีออกไป และสังหารกองกำลังติดอาวุธอย่างไร้ความปรานี!
“แยกกันหนี!”
เมื่อเห็นว่ากองกำลังติดอาวุธเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ เย่เทียนก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที และในช่วงวิกฤติอย่างนี้เขาไม่กล้าวู่วาม ได้แต่พึมพำอยู่ในปากสักพัก จากนั้นเพิ่มพลังขาให้เร็วขึ้น และรีบหนีออกไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว
“เหอะ!”
ฮาชิโมโตะ ฟุจิโนะแสยะยิ้มออกมาแล้วหันกลับไปอีกทางและหนีออกไปอย่างรวดเร็ว
ปั้ง ปั้ง!!
ตู้ม ตูม!!
เมื่อกองกำลังติดอาวุธเห็นอย่างนี้ก็อึ้งไปสักพัก พวกเขาไม่สามารถไล่ตามทั้งสองคนไปได้ ได้แต่กัดฟันและตะเกียกตะกายไปทางด้านหลังแล้วยิงปืนไปทางทั้งสองคน
ไม่ว่าจะพูดอย่างไง เมื่อเวลาผ่านไป เย่เทียนก็เข้าใกล้รั้วหมู่บ้านมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อเห็นรั้วหมู่บ้านที่อยู่ห่างออกไปไม่ถึงสิบเมตร ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความดีใจ เขาเพิ่มความเร็วอีกครั้ง และยื่นมือออกไปจับรั้วแล้วกระโดดออกไปจากหมู่บ้านอย่างง่ายดาย และในที่สุดก็วิ่งหนีเข้าไปในป่า
“บัดซบ! บัดซบ!”
ในบรรดากองกำลังติดอาวุธ คนที่คล้ายกับหัวหน้าก็ตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ
เพราะเขาปล่อยให้คนเข้ามาก่อความวุ่นวายในค่าย และยังปล่อยมันหนีไปได้อีก นี่เป็นเรื่องที่น่าอายและเจ็บใจอย่างมาก!