ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ - บทที่ 663 ลงไปหาท่านยมบาล
เพราะการดึงดูดความสนใจของเพื่อนร่วมทีม รวมไปถึงเย่เทียนกับฮาชิโมโตะ ฟุจิโนะที่ก่อความวุ่นวายในหมู่บ้าน สุดท้ายถ่ามู่ก็หาซูเหมยจนเจอ และพาเธอออกมาได้อย่างปลอดภัย
ซูเหมยที่แอบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ ก็มองขึ้นไปดูทหารที่พรางตัวอยู่รอบๆ และมองดูเวลาในมืออย่างรีบร้อน
ตามแผนที่ถ่ามู่ได้วางไว้แต่แรก ตอนนี้เหลือเวลาอีกแค่หนึ่งนาที แต่กลับยังไม่ได้ข่าวคราวเกี่ยวกับเย่เทียนเลย จะให้เธอไม่ใจร้อนได้อย่างไงกัน?
ทันใดนั้น ก็มีเสียงดังมาจากพุ่มไม้ข้างหลัง ซูเหมยรู้สึกได้ทันที จึงถือปืนขึ้นมาแล้วเหนี่ยวไกปืนไปหลายนัดทันที
เพล้ง!
เสียงที่คล้ายกระจกแตกดังขึ้น เกาะที่ถูกโจมตีอย่างต่อเนื่องก็พังลง และเย่เทียนก็โผล่ออกมาจากพุ่มไม้ด้วยความตกใจและตะโกนด้วยความโมโหว่า “นี่จะทำอะไรน่ะ! ฮะ! นี่คิดจะฆ่าคนที่ยอมเสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยงั้นเหรอ?”
“เย่เทียนงั้นเหรอ?!”
เมื่อเห็นใบหน้าของคนที่ออกมา ซูเหมยที่กังวลใจก็ร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ เธอจึงรีบวิ่งเข้าไปแล้วกอดเย่เทียนด้วยความดีใจ
“พี่เหมย คุณปล่อยก่อน!”
ถ้าในช่วงเวลาปกติ เย่เทียนจะกอดซูเหมยไว้โดยไม่ลังเล แต่ตอนนี้ไม่ปลอดภัย ดังนั้นเขาจึงรีบผลักซูเหมยออกไป
“คุณชายเย่งั้นเหรอ? คุณกลับมาแล้ว!”
เมื่อได้ยินเสียงเคลื่อนไหว ถ่ามู่ก็หันไปมองทันที และเมื่อเห็นว่าเป็นเย่เทียน ก็พูดอย่างรวดเร็วว่า “พี่น้องเร็วหน่อย ตอนนี้กระสุนหมดแล้ว เราถอยกันก่อนดีกว่า!”
เย่เทียนมองไปรอบๆ พร้อมกับขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ฮาชิโมโตะ ฟุจิโนะกลับมาหรือยัง?”
ถ่ามู่ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ยังไม่เห็นตัวเหมือนกัน”
“ไม่ต้องรอแล้ว ถ่ามู่ พวกเราถอยก่อน!”
เย่เทียนทำหน้าบึ้ง ดูเหมือนจะไม่ได้กังวลเรื่องฮาชิโมโตะ ฟุจิโนะ เพราะเขาเป็นนักฆ่าชั้นยอด แค่หนีออกมาจากหมู่บ้าน ในภูมิประเทศแบบนี้ สำหรับเขาแล้วนั้นง่ายมาก
“พี่น้อง เตรียมตัวถอย!”
ถ่ามู่ที่ได้ยินอย่างนั้นก็รีบสั่งไปว่า “เตรียมระเบิดที่เหลือให้พร้อม เอาให้พวกมันกินตอนตามเรามา!”
เมื่อได้รับคำสั่ง ทหารทั้งหมดก็หยุดยิง พร้อมกับหยิบระเบิดออกมา
“รอคำสั่งจากฉัน……เตรียม……โยน!”
ถ่ามู่ค่อยๆ โผล่หัวออกมาดูลาดเลาฝ่ายตรงข้าม และเห็นว่ามีกองกำลังติดอาวุธ กำลังจะเข้ามาล้อมพวกเขาไว้ เลยโยนระเบิดออกไปก่อนหนึ่งลูก
ทหารคนอื่นก็โยนตามๆ กันไป หยิบระเบิดออกมาคนละลูกและขว้างออกไป
บูม!
ระเบิดสิบกว่าลูกที่ขว้างออกไปทำให้กองกำลังติดอาวุธถึงกับกลัวจนตัวสั่น พร้อมกับตะโกนออกมา และวิ่งหนีหางจุกตูด
บูม บูม!
แต่มันก็สายไปแล้ว เมื่อระเบิดดังขึ้นสองสามลูก ไม่เพียงแต่กองกำลังติดอาวุธที่ถูกระเบิด ทหารพรานที่เสียชีวิตในสนามรบก็ถูกระเบิดและไม่เหลือชิ้นดีเหมือนกัน!
แน่นอน กองกำลังติดอาวุธบางส่วนต้องวิ่งหนีสุดชีวิต เพื่อเอาตัวรอดไปให้ได้
“เอาอีก! ขว้าง!”
แต่ถ่ามู่ไม่ปล่อยโอกาสให้พวกเขาหนีเลยด้วยซ้ำ และสั่งให้โยนระเบิดอีกชุด!
บูม!
เสียงระเบิดดังขึ้นอีกรอบ กองกำลังติดอาวุธที่รอดจากครั้งแรกคงไม่รอดจากการระเบิดครั้งที่สองแน่
“รอบสุดท้าย โยน!”
ถ่ามู่ไม่รอช้า สั่งให้โยนระเบิดอีกครั้งอย่างไม่ลังเล
บูม!
หลังจากโยนระเบิดไปสามรอบ ถ่ามู่ค่อยๆ โผล่หัวออกมาดูสถานการณ์ เห็นเพียงซากชิ้นส่วนร่างกายเต็มไปหมด ดูไม่ออกเลยด้วยซ้ำว่าศพไหนเป็นฝ่ายตรงข้าม หรือศพไหนเป็นฝ่ายตัวเอง
“ถอย!”
จากนั้นถ่ามู่พยักหน้าด้วยความพอใจ และใช้โอกาสที่ควันดินปืนรอยไปทั่ว โบกมือไปมา จากนั้นทหารพรานก็รวมตัวอย่างรวดเร็วและจับกลุ่มล้อมเป็นรูปสามเหลี่ยม เพื่อคุ้มกันให้เย่เทียนกับซูเหมย
พวกกองกำลังติดอาวุธหยุดนิ่งไปสักพัก ถึงจะกล้าขึ้นมาดูสถานการณ์ เมื่อพบว่าเย่เทียนและพวกกำลังหนีไป พวกเขาก็ตะโกนออกมาอย่างหัวเสีย
ปั้ง ปั้ง!!
เสียงปืนดังไปทั่วป่า แม้ว่าเย่เทียนและพวกกำลังหนี แต่ทหารพรานก็ระมัดระวังทุกฝีก้าว ทหารพรานที่ปิดท้ายก็ลั่นไกปืนอย่างต่อเนื่องแล้วยิงใส่กองกำลังติดอาวุธที่ตามมาเพื่อไม่ให้พวกมันตามมาได้
เมื่อถึงเขตมีกับดักระเบิด การไล่ล่าครั้งนี้ถึงได้หยุดลง
สุดท้ายมันก็เหมือนการเดินทางทั่วไปในป่า ทหารพรานพวกนี้มีประสบการณ์การเดินป่าอย่างมาก ทำให้พวกเขานั้นหายเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว
บูม!
ในทางกลับกัน กองกำลังติดอาวุธไม่ได้โชคดีนัก พวกเขาคิดว่าทุ่นระเบิดนั้นถูกฝังไว้เหมือนเมื่อก่อน คิดไม่ถึงว่าทหารพรานจะดัดแปลงกับดักระเบิด ทำให้กองกำลังติดอาวุธที่เหยียบเข้ากับระเบิด ตามไปเข้าเฝ้ายมบาลในนรก
บูม!
บูม!
เสียงระเบิดดังขึ้นเป็นระยะๆ กองกำลังติดอาวุธเหยียบโดนระเบิดไม่ต่ำกว่าสิบลูก ทำให้กองกำลังติดอาวุธโดนระเบิดตายไปมากกว่าสี่สิบคน พวกเขาถึงได้หยุดการไล่ล่าครั้งนี้ลง
ในตอนนี้เย่เทียนและคนอื่นๆ ไม่ได้สนใจกองกำลังติดอาวุธที่อยู่ด้านหลัง เมื่อหนีออกมาได้ประมาณยี่สิบนาที ก็มาถึงจุดที่นัดหมายไว้เป็นที่เรียบร้อย
ที่นี่ รถที่ฟู่กั๋วเฉียงเตรียมไว้ก็มารออยู่นานแล้ว พวกเขาจึงรีบขึ้นรถแล้วออกจากจุดนี้อย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นว่าในรถเหลือทหารแค่สิบหกนาย แถมทุกคนต่างก็ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส ทำให้เย่เทียนซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก
ตอนที่ถ่ามู่ไปนั้นมีทหารยี่สิบเอ็ดนาย แต่ตอนนี้กลับเหลือแค่สิบหกนาย อีกห้านายที่เหลือแน่นอนว่าได้จากโลกนี้ไปแล้ว!
นี่เป็นความเสียหายที่ฝ่ายตัวเองได้รับ เมื่อเทียบกับกองกำลังติดอาวุธมีการสูญเสียไม่ต่ำกว่าร้อย และนี่คือความโหดร้ายของสงคราม!
เมื่อกลับมาถึงหมู่บ้านของตระกูลฟู่ ผู้คนที่กังวลใจก็รู้สึกโล่งอกในที่สุด ถ่ามู่นำทหารพรานที่ได้รับบาดเจ็บลงไปทำแผล ส่วนเย่เทียนนั้นพาซูเหมยเข้าบ้านไป
“อารอง อานั่งลงก่อนได้ไหม?”
หลานสาวของตระกูลตระกูลฟู่ได้กลับถึงบ้านก่อนหน้านี้แล้ว ฟู่กั๋วเฉียงในขณะนี้ได้แต่เดินไปเดินมาเหมือนมดที่ตกลงบนหม้อไฟ ทำให้ฟู่เซิ่งหนานเวียนหัวอย่างช่วยไม่ได้
“เซิ่งหนาน เธอก็รู้จักนิสัยฉันเป็นอย่างดี”
ฟู่กั๋วเฉียงส่ายหัวไปมาด้วยสีหน้าขมขื่น “วัตถุประสงค์หลักของครั้งนี้คือการช่วยเสี่ยวเย่ช่วยคนออกมา แต่มันทำให้สามเหลี่ยมทมิฬมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ซึ่งในอนาคตมันจะส่งผลอย่างมากกับตระกูลฟู่ของเรา แล้วจะให้ข้าใจเย็นได้ยังไง!”
นี่เป็นเหตุสุดวิสัยเช่น ถ้าส้งลาไม่ตาย เขาต้องมาแก้แค้นอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลาที่ต้องสู้จริงๆ คนที่ได้เปรียบจะเป็นคนอื่นมากกว่า
“คุณอารองฟู่ ถึงหนูจะรู้ในสิ่งที่คุณอาพูดแล้ว แต่ถ้าคุณอาคิดมากขนาดนี้มันจะดีเหรอคะ?”
ในตอนนี้ เย่เทียนก็พาซูเหมยเดินเข้ามาข้างใน
“เย่เทียน! เอ็งกลับมาได้สักทีนะ”
ฟู่กั๋วเฉียงอึ้งไปสักพัก เมื่อเห็นซูเหมย ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความดีใจ “คนนี้น่าจะเป็นคุณซูเหมยใช่ไหม? งั้นส้งลาก็……”
“คุณอารองฟู่ ต่อไปคุณอาก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเขาอีกแล้วนะ”
เย่เทียนพยักหน้าแล้วยิ้มพูดว่า “เขาลงไปเฝ้ายมบาลแล้ว!”