ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง 天上掉下个美娇娘 - ตอนที่ 115 เกรงว่าจะรักษาได้ยาก
หากเป็นหมอเทวดาจริงก็รีบหาทางช่วยเหลือผู้คนสิ!
ท่านหมอเฉินค่อยนึกถึงผู้ป่วยที่นอนอยู่ข้างๆ ขึ้นมาได้ “ใช่ ท่านหมอกู้ เจ้าลองคิดดูซิว่ามีวิธีรักษาโรคระบาดหรือไม่? ถ้าปล่อยให้โรคระบาดแพร่กระจายต่อไปแบบนี้ ต้าเจาของเราคงต้องสิ้นชาติแน่!”
กู้จิ้งพยักหน้า “ท่านหมอทั้งสอง ฉันเรียนวิชามาจากเซียน ที่กลับไปแดนเซียนก็เพราะได้รับคำสั่งจากอาจารย์ บัดนี้คำนวณดู รู้ว่าโลกมนุษย์กำลังประสบภัยพิบัติ ฉันก็เลยลงมาช่วยเหลือ”
ท่านหมอเฉินดีใจมาก “ยอดไปเลย มีเจ้าอยู่ ต้องยับยั้งโรคระบาดได้แน่!”
กู้จิ้งรู้ดีว่าตอนนี้โรคระบาดรุนแรงมาก จะยับยั้งไม่ให้โรคระบาดแพร่กระจายต่อไป ก่อนอื่นเธอต้องทำให้ตัวเองเป็นที่ยอมรับนับถือของคนอื่นเสียก่อน เช่นนั้นทุกคนถึงจะยอมทำตามที่เธอพูด การยับยั้งโรคระบาดถึงจะได้ผล
การอ้างว่าตัวเองเป็นเซียนเป็นข้ออ้างที่ดีมาก ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจโมเมต่อไป
โรคระบาดก็คือโรคติดต่อ โรคติดต่อที่พบเห็นได้บ่อยๆ ในสมัยโบราณมีวัณโรค, ไข้เหลือง, ไข้เลือดออก, อหิวาตกโรค, โรคหัด, โรคเรื้อน เป็นต้น เนื่องจากผู้คนในสมัยโบราณไม่มีความรู้ด้านสุขอนามัย ไม่รู้จักแยกกักผู้ป่วย ไม่รู้จักฆ่าเชื้อ ดังนั้นเมื่อเกิดโรคติดต่อ จึงมักจะแพร่กระจายไปได้ง่ายมาก
หากไม่สามารถรักษาให้ทันท่วงที บางครั้งอาจมีผู้เสียชีวิตถึงครึ่งค่อนเมือง อัตราผู้เสียชีวิตจากโรคระบาดในสมัยโบราณของจีนจึงเรียกได้ว่าน่าตื่นตระหนกมากทีเดียว
ส่วนน้ำเกลือ หรือที่เรียกกันว่าน้ำอมฤตนั้น เห็นได้ชัดว่าไม่สามารถรักษาโรคประเภทนี้ได้ คนที่บอกว่ากินแล้วหาย เป็นไปได้มากว่าเป็นเพราะสภาพจิตใจหรือไม่ก็ทนจนหายได้เอง เพราะมีคนไม่น้อยเหมือนกันที่เป็นโรคระบาดแล้วรอดชีวิตมาได้ เมื่อก่อนก็เคยมีคนที่ติดเชื้อซาร์สแล้วรอดชีวิตมาได้เช่นกัน
กู้จิ้งก้มลงตรวจดูลำคอของผู้ป่วยแล้วแหวกอกเสื้อออกดูอีกครั้ง พบว่าบนร่างของเขาเต็มไปด้วยตุ่มแดง ตุ่มนั้นมีผิวบางเหมือนฟองน้ำ บ้างเป็นสีขาวบ้างเป็นสีแดงอ่อน
“เป็นเชื้อเฮอร์ปิส ซอสเตอร์” กู้จิ้งสรุป
หากเด็กติดเชื้อเฮอร์ปิส ซอสเตอร์จะเป็นอีสุกอีใส แต่หากเป็นผู้ใหญ่จะเป็นโรคงูสวัด อย่าว่าแต่สมัยโบราณ ต่อให้เป็นยุคปัจจุบัน หากเป็นโรคนี้แล้วไม่รักษาให้ทันเวลา อย่างเบาก็อาจเจ็บปวดไปทั่วร่าง อย่างหนักก็อาจถึงขั้นเสียชีวิต ยิ่งไปกว่านั้น จะมองข้ามอาการเจ็บปวดไปไม่ได้เด็ดขาด เพราะมันสามารถทรมานชายฉกรรจ์คนหนึ่งให้ผ่ายผอมจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกได้เลยทีเดียว
เห็นได้ชัดว่าเชื้อเฮอร์ปิส ซอสเตอร์ในสมัยโบราณนี้แตกต่างจากยุคปัจจุบัน บางทีอาจจะเป็นอีกสายพันธุ์หนึ่ง จากการตรวจดูคร่าวๆ เชื้อเฮอร์ปิส ซอสเตอร์สายพันธุ์นี้สามารถแพร่พันธุ์ได้อย่างรวดเร็วซ้ำยังมีพลังทำลายล้างสูง ทำให้ผู้คนเสียชีวิตได้ในชั่วพริบตา
“เชื้อเฮอร์ปิส ซอสเตอร์? มันคืออะไร?”
“พิษจากภายนอก เข้าสู่ร่างกายผ่านปากและจมูก สะสมในปอดและม้าม ปอดและผิวหนังทำงานร่วมกันอย่างกลมกลืน กำกับชี่ให้เคลื่อนลงสู่เบื้องล่าง พิษจากภายนอกรุกเข้าปอด ทำให้ปอดทำงานผิดปกติ ม้ามควบคุมกล้ามเนื้อ พิษและความชื้นภายในปะทะกัน แสดงอาการที่ผิวหนัง ก่อให้เกิดเป็นตุ่มทั่วร่าง”
กู้จิ้งท่องเนื้อหาเกี่ยวกับโรคอีสุกอีใสที่บันทึกไว้ในตำราโบราณ ท่องไปก็มองหน้าหมอทั้งสองไป พอเห็นพวกเขามีสีหน้างุนงงก็พอจะคาดเดาได้ว่า บางทีในช่วงเวลานี้อาจจะยังไม่มีโรคแบบนี้ก็เป็นได้
กู้จิ้งหยุดพูดก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อย “โรคนี้ เกรงว่าจะรักษาได้ยาก”
ท่านหมอหูยังพอว่า แต่ท่านหมอเฉินรีบถามว่า “ท่านหมอกู้ เจ้ามีวิธีรักษาไหม? เฮอปีโซเตออะไรนั่นหมายความว่าอะไรกันแน่?”
ท่านหมอเฉินไม่รู้จักความหมายของคำว่าเชื้อเฮอร์ปิส ซอสเตอร์ในใจได้แต่คิดว่า…เสียงมันแปลกๆ
กู้จิ้งเห็นท่านหมอเฉินถามก็ตอบว่า “จริงๆ แล้ว จะยับยั้งภัยพิบัติครั้งนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยาก”
ท่านหมอเฉินได้ยินเช่นนี้ก็ตื่นเต้นมาก เขารีบค้อมกายคำนับพลางกล่าวว่า “หมอเทวดากู้ โปรดช่วยคิดหาวิธีช่วยเหลือสรรพชีวิตบนแผ่นดินนี้ด้วย ข้าขอขอบคุณท่านหมอเทวดาแล้ว”
กู้จิ้งกล่าวเสียงเรียบ “ท่านหมอทั้งสองมีที่พักอยู่ที่นี่หรือไม่? เราพาคนไข้ไปที่นั่นก่อน เดี๋ยวฉันจะค่อยๆ คิดหาวิธีรักษาเอง”
ท่านหมอเฉินยินดีมาก “มี มี!”
ตอนนี้มีโรคระบาด ซ้ำฮ่องเต้ก็สวรรคต เรียกได้ว่าแผ่นดินเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย ขุนนางที่พอจะมีความรับผิดชอบบางคนตั้ง ‘โรงหมอ’ ขึ้นเพื่อรองรับผู้ป่วยที่ติดโรคระบาด ทำให้ผู้ป่วยบางคนได้รับการรักษาที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่หากรักษาไม่ได้จริงๆ เขาก็จะถูกแยกตัวออกไป
คำว่าแยกตัวฟังดูดี แต่จริงๆ แล้วคือส่งไปรอความตาย
รอจนตายเมื่อไหร่ ร่างของเขาก็จะถูกนำไปเผา ป้องกันไม่ให้เชื้อแพร่ระบาดต่อไปอีก
กู้จิ้งตามท่านหมอเฉินกับท่านหมอหูไปที่โรงหมอ พอได้เห็นก็ต้องยอมรับว่า ในยุคอดีตหนึ่งพันปีก่อนนี้มีมาตรฐานการบริหารจัดการที่ไม่เลว เหล่าเจ้าหน้าที่และหมอที่เดินเข้าๆ ออกๆ ต่างใช้ผ้าที่มีสมุนไพรยัดเอาไว้ด้านในปิดปาก บางคนถึงกับคลุมหน้าเอาไว้ทั้งหน้า
สตรีร่างใหญ่คนหนึ่งกำลังหิ้วถังน้ำมาทำความสะอาดบริเวณโดยรอบเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ ส่วนอาหารของผู้ป่วยจะถูกส่งผ่านเข้าไปทางช่องเล็กๆ บนกำแพง
กู้จิ้งเดินตามหมอทั้งสองไปที่ ‘ห้องผู้ป่วย’ ห้องหนึ่งพร้อมกับเซียวเถี่ยเฟิง ผู้ป่วยที่หมดสติอยู่กลางถนนเมื่อครู่ถูกส่งมาที่นี่เรียบร้อยแล้ว
“ตุ่มแบบนี้น่าจะทั้งเจ็บทั้งคันมากสินะ?” ถึงคนไข้คนนี้จะไม่ได้สติ แต่เธอก็สังเกตเห็นว่าบริเวณใกล้ๆ กับตุ่มแดงเหล่านั้นมีรอยบวมแดงจากการเกาอยู่
“ใช่ เจ็บมาก แถมยังคันมากอีกด้วย ผู้ป่วยหลายคนถึงกับกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนพื้นเพราะทนความเจ็บปวดไม่ได้” ท่านหมอเฉินถอนใจ ในใจคิดว่าเวรกรรมแท้ๆ ทำไมอยู่ดีๆ ถึงได้มีโรคระบาดแบบนี้เกิดขึ้นได้!
กู้จิ้งนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นช้าๆ “หากจะรักษาอาการติดเชื้อเฮอร์ปิส ซอสเตอร์มีสามขั้นตอนที่ต้องทำ”
ท่านหมอเฉินได้ยินเช่นนี้ก็รีบเอ่ยถาม “สามขั้นตอนไหน?”
“ขั้นตอนแรกคือยับยั้งอาการคันและความเจ็บปวด” ตามที่เธอรู้ เชื้อเฮอร์ปิส ซอสเตอร์มีอันตรายถึงแก่ชีวิต แม้กระทั่งชายฉกรรจ์สูงเจ็ดฉื่อก็ยังถูกทรมานจนมีสภาพเหมือนคนไม่ใช่คนผีไม่ใช่ผีได้
“หากจะระงับอาการปวด ข้าก็มีวิธี!” ท่านหมอหูซึ่งไม่ค่อยจะยอมรับนับถือความสามารถของกู้จิ้งพูดแทรกขึ้น “แต่ระงับอาการปวดได้แล้วจะทำไม คนไข้คันไปทั้งตัว ต่อให้มัดเอาไว้ก็ยังร้องไม่หยุด แบบนี้จะทนได้อย่างไร? ประเด็นสำคัญคือต้องแก้คัน!”
บางครั้ง อาการคันทำให้ผู้คนทุกข์ทรมานมากยิ่งกว่าความเจ็บปวดเสียอีก
กู้จิ้งไม่สนใจน้ำเสียงท้าทายของเขาสักนิด “ฉันมีวิธีแก้คัน”
คาลาไมน์โลชั่นคือยาวิเศษสำหรับแก้คัน ในยุคปัจจุบัน คาลาไมน์โลชั่นมีราคาถูกมาก ขวดหนึ่งแค่ไม่กี่เหรียญ มันทำจากคาลาไมน์ผสมกับกลีเซอรอลและสังกะสีออกไซด์ สามารถแก้อักเสบ, ขจัดความร้อน, ดูดซึมความชื้น, แก้คัน, ปกป้องผิว พอทาลงบนผิวมันจะแห้งเร็วมาก เพราะส่วนผสมที่เป็นน้ำจะระเหยไป ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายตัว ทั้งยังช่วยลดอาการคันให้น้อยลง
ส่วนผสมของคาลาไมน์ไม่ซับซ้อน แม้จะอยู่ในสมัยโบราณก็ยังทำได้ไม่ยาก ดังนั้นกู้จิ้งจึงมั่นใจมาก
ท่านหมอเฉินกับท่านหมอหูหันไปมองหน้ากัน พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่ากู้จิ้งจะมีวิธีแก้คันด้วย
ท่านหมอเฉินดีใจมาก “เรียนถามหมอเทวดา ขั้นที่สองเล่า?”
กู้จิ้งตอบ “ขั้นที่สองย่อมเป็นการกำจัดต้นตอ จริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ฉันมีวิธีรักษาชีวิตของผู้ป่วยเอาไว้”
จริงๆ แล้ว เมื่อผู้ใหญ่ติดเชื้อเฮอร์ปิส ซอสเตอร์จะเป็นตุ่มพุพอง เมื่อเด็กติดเชื้อจะเป็นอีสุกอีใส ในยุคปัจจุบันมีคนที่เสียชีวิตเพราะโรคนี้น้อยมาก แต่ในสมัยโบราณมีมาตรฐานการรักษาและสุขอนามัยต่ำ พอติดเชื้อ ไวรัสจะทำลายเส้นประสาท สุดท้ายก็ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิต มีแต่การวางมาตรการป้องกันการติดเชื้อและหาหนทางฆ่าเชื้อแก้อักเสบให้ได้เท่านั้น ผู้ป่วยถึงจะสามารถทนต่อไปได้ หากทนไปได้สองสามสัปดาห์ ผู้ป่วยก็จะหายเอง แถมยังจะมีภูมิคุ้มกันไปตลอดชีวิตอีกด้วย
คราวนี้ไม่เพียงแต่ท่านหมอเฉิน แม้แต่ใบหน้าของท่านหมอหูก็ยังปรากฏแววยินดีแกมไม่อยากเชื่อ “แล้วขั้นที่สามเล่า? ขั้นที่สามคืออะไร?”
กู้จิ้งพูดต่อ “ขั้นที่สามคือการปกป้องคนที่ยังไม่ได้ติดเชื้อ ทำให้พวกเขามีภูมิคุ้มกันตลอดชีวิต ไม่ต้องกลัวว่าจะติดเชื้ออีกต่อไป”
ท่านหมอหูฟังแล้วอดงุนงงไม่ได้ ถ้าบอกว่ากู้จิ้งมีตำรับยาที่สามารถรักษาโรคได้ เขาเชื่อ แต่บอกว่ามีวิธีทำให้คนที่ไม่ได้ติดเชื้อไม่มีวันติดเชื้ออีกต่อไป เรื่องนี้ออกจะมหัศจรรย์เกินไปเสียแล้ว! หากมีตำรับยาแบบนี้จริง นับแต่นี้ไปโรคระบาดนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไป
แต่จะมีตำรับยาแบบนี้ได้อย่างไรกัน?
ท่านหมอเฉินเองก็ประหลาดใจ “วิธีที่ท่านหมอกู้พูดคงไม่ใช่การใช้ผ้าปิดปากแล้วแยกผู้ป่วยออกไปเหมือนที่เราทำอยู่หรอกนะ?”
กู้จิ้งส่ายหน้า “ไม่ใช่ ฉันจะฉีดวัคซีนให้คนที่ยังไม่ได้ติดเชื้อ”
จริงๆ แล้วในประวัติศาสตร์ของจีนมีการปลูกฝีเพื่อป้องกันอีสุกอีใสเช่นกัน แต่ตอนนี้ดูแล้ว ในสมัยอดีตเมื่อหนึ่งพันปีก่อนหรือก็คือตอนนี้ วิธีนี้ยังไม่แพร่หลาย ปกติเธอชอบอ่านตำราแพทย์โบราณ ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ต้องนำความรู้ที่ได้จากตำราแพทย์โบราณมาใช้ในสมัยโบราณแล้ว
ได้ยินคำว่าวัคซีน ท่านหมอเฉินกับท่านหมอหูถึงกับตาค้าง “วัคซีน? มันคืออะไร? เหมือนน้ำอมฤตหรือเปล่า?”
กู้จิ้งอธิบายว่า “วัคซีนคือการทำให้คนทั่วไปติดเชื้อโรคนี้ แต่ในระดับที่น้อยมาก พอติดเชื้อแล้วครั้งหนึ่ง คนคนนั้นจะมีภูมิต้านทาน นับจากนี้ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะป่วยเป็นโรคนี้อีกต่อไป”