ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง 天上掉下个美娇娘 - ตอนที่ 116 วิธีนี้จะเป็นไปได้ยังไง!
คำพูดนี้ช่างน่าตื่นตระหนกเหลือเกิน เพราะทุกคนต่างก็กลัวจะติดโรคกันทั้งนั้น หนีก็แทบจะหนีไม่ทันอยู่แล้ว จะมีใครเสนอหน้ามาขอให้ตัวเองติดเชื้อด้วยงั้นหรือ? ท่านหมอหูส่ายหน้า “ไม่ได้ๆ หากเกิดอะไรขึ้น จะไม่เป็นการทำร้ายผู้คนหรอกหรือ?”
แต่ท่านหมอเฉินกลับก้มหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพึมพำขึ้นว่า “คำพูดนี้มีเหตุผล ดูเหมือนว่าคนที่เคยป่วยเป็นโรคนี้จะไม่เป็นอีกจริงๆ… หากท่านหมอกู้สามารถรับรองได้ว่าคนที่ฉีดวัคซีนจะไม่มีอาการหนักขึ้น เราก็น่าจะลองดู…”
ท่านหมอหูเบิกตากว้าง “ท่านหมอเฉิน ท่านก็บ้าไปด้วยหรือ? วิธีนี้จะเป็นไปได้ยังไง! ฟังดูเผินๆ เหมือนมีเหตุผล แต่จริงๆ แล้วเป็นการทำร้ายผู้คนชัดๆ!”
เห็นเขาขึ้นเสียง เซียวเถี่ยเฟิงซึ่งยืนอยู่ข้างๆ ก็ชักสีหน้าแล้วก้าวออกมาบังกู้จิ้งเอาไว้
“ฮูหยินของข้าแค่เสนอวิธียับยั้งโรคระบาดเท่านั้น เจ้าไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร แต่ไม่ควรกล่าวหาว่านางคิดทำร้ายผู้คน ถ้าเจ้าไม่เชื่อ เราจะจากไปเดี๋ยวนี้!”
กล่าวจบก็ตั้งท่าจะลากกู้จิ้งเดินจากไป
ท่านหมอเฉินเห็นเช่นนี้ก็ตกใจมาก เขารีบเอ่ยว่า “แม่ทัพเซียว ท่านหมอกู้ ช้าก่อน เราเอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับท่านหมอใหญ่ดูก่อนเถิด!”
ที่แท้ ‘โรงหมอ’ แห่งนี้มีหมอใหญ่อยู่คนหนึ่ง
ท่านหมอเฉินร้อนใจ กลัวหมอเทวดาจะจากไป ถ้าเป็นเช่นนั้นแม้แต่ความหวังก็คงไม่มีเหลือ เขาจึงรีบไปลากตัวหมอใหญ่มา
หมอใหญ่ผู้นี้แซ่เถียน ใครๆ เรียกกันว่าหมอหลวงเถียน เมื่อก่อนเคยเป็นหมอหลวงอยู่ในราชสำนัก เขามีวิชาแพทย์ล้ำเลิศ จรรยาบรรณสูงส่ง เรียกได้ว่าเป็นหมอที่มีใจเมตตาอยากช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากอย่างแท้จริง ว่ากันว่าเขาขายทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่มีเพื่อมาสร้างโรงหมอแห่งนี้อีกด้วย
หมอหลวงเถียนดีใจมากที่ได้ยินว่าหมอเทวดาซึ่งใครๆ ว่ากันว่าสำเร็จวิชากลายเป็นเซียนไปแล้วกลับลงมายังโลกมนุษย์เพื่อช่วยเหลือผู้คนอีกครั้ง
“ฉีดวัคซีน?” หลังจากทักทายกันแล้ว ทุกคนก็เล่าวิธีที่กู้จิ้งเสนอให้หมอหลวงเถียนฟัง
“ใช่ สมมติว่าโรคระบาดเป็นต้นไม้ วัคซีนก็เป็นต้นกล้าต้นเล็กๆ หากนำต้นกล้านั้นมาผ่านกระบวนการบางอย่างแล้วปลูกลงบนร่างของมนุษย์ ร่างของมนุษย์ก็จะมีความทรงจำเกี่ยวกับวัคซีนนี้ นับแต่นี้เป็นต้นไป ต่อให้ได้รับเชื้อ คนคนนั้นก็จะรอดพ้นจากการติดเชื้อโรคระบาดไปได้”
หมอหลวงเถียนขมวดคิ้วพลางเดินวนไปมาอยู่ในห้อง
ท่านหมอหูเห็นเช่นนี้ก็รีบพูดว่า “ท่านหมอหลวงเถียน เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก จะประมาทไม่ได้เด็ดขาดนะขอรับ!”
ท่านหมอเฉินกลัวหมอหลวงเถียนจะไม่ยอมรับวิธีนี้จึงเอ่ยขึ้นบ้าง “ท่านหมอหลวงเถียน ท่านหมอกู้เป็นศิษย์ของเซียนบนสวรรค์ ซ้ำยังสำเร็จเป็นเซียนไปตั้งแต่หกปีก่อน บัดนี้กลับลงมายังโลกมนุษย์อีกครั้งก็เพื่อช่วยเหลือราษฎรทั่วแผ่นดิน ยับยั้งภัยพิบัติครั้งนี้ ไม่มีทางผิดพลาดแน่!”
ทั้งสองฝ่ายต่างยืนกรานความคิดเห็นของตัวเอง สุดท้ายหมอหลวงเถียนก็เอ่ยว่า “ในตำรา ‘โจ่วโฮ่วฟาง’ ของเก๋อหงสมัยราชวงศ์จิ้นตะวันออกเคยกล่าวถึงวิธีการรักษาคนที่ถูกหมาบ้ากัดว่า ‘ฆ่าหมาที่กัด เอาสมองมาทาแผล หลังจากนั้นอาการจะไม่กำเริบ’ นี่ก็คือวิธีใช้พิษแก้พิษ วิธีฉีดวัคซีนที่หมอเทวดากู้พูด ฟังเผินๆ น่าตื่นตระหนก แต่พอคิดดูก็มีเหตุผลเช่นกัน”
พูดจบเขาก็ก้าวออกไปข้างหน้าก้าวหนึ่งแล้วค้อมกายคำนับกู้จิ้ง “หมอเทวดากู้ วิธีฉีดวัคซีนนี้ หากจู่ๆ พูดออกไปเกรงว่าจะทำให้ผู้คนตื่นตระหนก ข้าอายุมากแล้ว ไม่กลัวตาย ขอหมอเทวดากู้โปรดฉีดวัคซีนให้ข้าด้วย!”
สิ้นเสียงของเขา หมอทั้งสองที่กำลังโต้เถียงกันต่างก็ตกใจมาก หมอหลวงเถียนคิดจะใช้ตัวเองเป็นหนูลองยาอย่างนั้นรึ พวกเขาต่างพากันตะโกนว่า “ไม่ได้!”
แต่หมอหลวงเถียนกลับกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ข้าตัดสินใจแล้ว อย่าได้พูดอะไรอีกเลย”
มีหมอหลวงเถียนให้การสนับสนุน กู้จิ้งก็แสดงฝีมือได้เต็มที่ แต่เรื่องเกี่ยวพันถึงชีวิตของผู้คนมากมาย เธอย่อมไม่กล้าประมาท
ขั้นแรกคือผลิตคาลาไมน์โลชั่น เรื่องนี้ไม่ยาก คาลาไมน์หรือหลูกานสือเป็นตัวยาที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยโบราณของจีน เธอสั่งให้คนไปหาหลูกานสือมาจำนวนมาก จากนั้นก็นำมาผสมกับป๋อเหอเหน่า[1], น้ำมัน และน้ำกลั่น คนไปเรื่อยๆ จนเข้ากัน จากนั้นก็เติมน้ำกลั่นลงไปอีกในปริมาณที่เหมาะสมให้กลายเป็นของเหลวสีขุ่น
“ใช้ยานี่ทาบนตัวผู้ป่วย จะช่วยแก้คันได้” กู้จิ้งพูดเสียงเรียบ
“แค่นี้ก็ใช้ได้แล้วหรือ?” เรื่องฉีดวัคซีนทำให้ท่านหมอหูไม่พอใจในตัวกู้จิ้งอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่เชื่อถือยาที่กู้จิ้งซี้ซั้วทำขึ้นสักนิด
กู้จิ้งไม่รู้จริงๆ ว่าจะพูดอะไรกับท่านหมอหูที่กำลังมองเธอด้วยสายตาสงสัยคนนี้
“ลองดูก็ไม่ตายหรอก ท่านเอาไปลองดูสิ”
ท่านหมอหูรับไปด้วยท่าทางเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
เวลาผ่านไปหนึ่งถ้วยชา ท่านหมอหูวิ่งกลับมาด้วยท่าทางตื่นเต้นดีใจสุดขีด
“หมอเทวดา สมเป็นหมอเทวดาจริงๆ ยานั่นใช้ได้ผล! คนไข้ใช้ยาแล้วหยุดคันทันที”
กู้จิ้งไม่ได้ตื่นเต้นยินดีอะไรนัก
แต่เซียวเถี่ยเฟิงกลับพูดเสียงเย็นว่า “ก่อนหน้านี้ใครเป็นคนเอะอะโวยวายใส่เมียข้า หาว่าพูดจาเหลวไหล ซ้ำยังสงสัยว่านางมีเจตนาร้ายอีกด้วย?”
ท่านหมอหูถูกตำหนิซึ่งๆ หน้าแต่ไม่โกรธสักนิด เขาเอาแต่ยิ้มด้วยความดีใจ ในดวงตาถึงกับมีน้ำตาคลอ
“ข้าเป็นคนผิดเอง ข้ามีตาแต่ไร้แวว สายตาแคบสั้น ไม่รู้ว่าหมอเทวดากู้เป็นเซียนที่ลงมาจากสวรรค์! ตำรับยาแก้คันของหมอเทวดากู้เป็นยาวิเศษจริงๆ! ข้าเลื่อมใสนัก ข้าเทียบกับท่านไม่ได้เลยจริงๆ!”
กู้จิ้งไม่สนใจสักนิดว่าท่านหมอหูพูดอะไร เธอหยิบพู่กันขึ้นมาเขียนเทียบยาอย่างรวดเร็ว เทียบแรกเป็นยาสำหรับทา มีสยงหวง, ตะขาบ, พิมเสน นำมาบดเป็นผง ส่วนอีกเทียบหนึ่งเป็นยาสำหรับกิน ประกอบด้วยดอกอิ๋นฮวา, เหลียนเชี่ยว, เจี๋ยเกิ่ง, หนิวป้างจื่อ, ฝูผิง ฯลฯ เขียนเสร็จก็ส่งให้ท่านหมอหูนำไปเจียดยา
ท่านหมอหูเห็นยาของกู้จิ้งสามารถแก้คันได้ผลดี ความสงสัยในใจก็ลดลงมาก เขารับเทียบยาไปกวาดตามองรอบหนึ่ง จากนั้นก็รีบสั่งให้คนนำไปเคี่ยวทันที
กู้จิ้งเริ่มศึกษาเรื่องวัคซีน วัคซีนแบ่งออกเป็นวัคซีนชนิดตัวตายและวัคซีนชนิดตัวเป็น หากใช้วัคซีนชนิดตัวตายย่อมได้ผลเร็ว แต่มีความเสี่ยงมากเกินไป ส่วนวัคซีนชนิดตัวเป็นเป็นการทำให้จุลินทรีย์มีฤทธิ์อ่อนลง หลังจากผ่านการเพาะเลี้ยงไปได้หกถึงเจ็ดรุ่น ฤทธิ์ของวัคซีนจะลดลงมาก แต่ก็ส่งผลเสียต่อร่างกายมนุษย์น้อยลงด้วย
แต่เห็นได้ชัดว่าการผลิตวัคซีนชนิดตัวเป็นเสียเวลามาก ตอนนี้พวกเธอไม่มีเวลามากขนาดนั้น กู้จิ้งจึงตัดสินใจเลือกผู้ป่วยที่มีอาการค่อนข้างเบามาสกัดเชื้อ
วุ่นวายอยู่หลายวัน ในที่สุด เมื่อเธอเลือกเชื้อที่ตัวเองพอใจออกมาได้ ท่านหมอหูกับท่านหมอเฉินก็ส่งข่าวดีมา
“หลังจากใช้เทียบยาของหมอเทวดากู้ คนไข้หลายคนหายเป็นปกติแล้ว!”
สีหน้าของท่านหมอเฉินเต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดี เห็นหน้ากู้จิ้งก็เรียกหมอเทวดาทุกคำ ถึงตอนนี้ท่านหมอหูก็ยอมรับนับถือกู้จิ้งมาก
หมอหลวงเถียนน้ำตาไหลนองหน้า ปากกล่าวด้วยความปลาบปลื้ม “มีทางรอดแล้ว ในที่สุดก็มีทางรอดแล้ว ท่านหมอเทวดา โปรดรับการคารวะจากข้าด้วย!”
ไม่นานนักคนไข้คนอื่นๆ ก็ทราบข่าวนี้
เดิมคนเหล่านี้คิดว่าตนเองไม่มีทางรอดแล้ว ต่อไปคงมีแต่ต้องทนทรมานกับความเจ็บปวดและอาการคันไปจนกระทั่งตาย พอได้ทราบข่าวนี้ ในใจทุกคนก็เต็มไปด้วยความหวัง
ทุกคนต่างใจร้อนอยากรีบใช้ยาของกู้จิ้ง หมอหลวงเถียนเห็นเช่นนี้ก็รีบสั่งให้คนเคี่ยวยาเพิ่ม
คนไข้ที่ได้กินยาต่างค้นพบว่าตัวเองไม่รู้สึกคันอีกต่อไป พอไม่คัน พวกเขาก็หลุดพ้นจากความทรมานที่ต้องคอยเกาทั้งวันทั้งคืน ทุกคนล้วนซาบซึ้งใจจนน้ำตาไหลนองหน้า
เดิมพวกเขาคิดว่าตัวเองจะต้องตายแน่ๆ ผลสุดท้ายกลับมีหมอเทวดาปรากฏตัวขึ้นมาช่วยชีวิตพวกเขาเอาไว้
ผ่านไปไม่ถึงห้าวัน คนไข้ในโรงหมอต่างอาการดีขึ้นมาก พวกเขาพากันมาคุกเข่าอยู่ตรงหน้าโรงหมอพลางร้องตะโกนว่า “ขอบคุณท่านหมอเทวดาที่ช่วยชีวิตพวกเรา! ชาติหน้าเราขอเกิดเป็นวัวเป็นม้าเพื่อตอบแทนท่าน!”
“ขอบคุณท่านหมอเทวดาที่ช่วยลูกของข้าเอาไว้ นับแต่นี้ไปข้าจะถือศีลกินเจขอพรให้ท่าน!”
“ข้าจะสร้างศาลให้ท่านหมอเทวดา ให้ผู้คนได้กราบไหว้บูชาท่านตลอดไป!”
ท่ามกลางเสียงสรรเสริญเยินยอของผู้คน ในที่สุดกู้จิ้งก็ลงมือฉีดวัคซีนชนิดแรกของยุคสมัยนี้เข้าไปในร่างของท่านหมอหู
ไม่มีทางเลือก หมอหลวงเถียนอายุมากแล้ว เธอกลัวหมอหลวงเถียนจะมีภูมิต้านทานไม่ดีพอ ส่วนท่านหมอหูอายุยังน้อย สุขภาพแข็งแรง เหมาะจะทดลองดู
ตอนนี้ท่านหมอหูเลื่อมใสในตัวกู้จิ้งมาก เขาจึงยอมเป็นหนูทดลองด้วยความเต็มใจ
หลายวันต่อจากนั้น กู้จิ้งคอยเฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดเพราะกลัวท่านหมอหูจะเป็นอะไรไป ชีวิตคนสำคัญดุจฟ้า การฉีดวัคซีนให้คนเป็นๆ ทั้งที่ยังไม่ได้ทำการทดลองให้รอบคอบย่อมไม่ต่างอะไรจากการเล่นกับไฟ
เธอเฝ้าดูท่านหมอหูเริ่มมีอาการติดเชื้อ มีตุ่มขึ้นตามตัว แต่หลังจากใช้ยา เขาก็ค่อยๆ หายเป็นปกติ กู้จิ้งถึงได้ถอนใจโล่งอก
“วัคซีนนี่สามารถนำมาใช้ได้แล้ว”
คำพูดประโยคนี้ทำให้ทุกคนในโรงหมอต่างถอนใจโล่งอก