ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง 天上掉下个美娇娘 - ตอนที่ 22 กลับไปเถอะ
ซิ่วเฟินกัดฟันร้องไห้ด้วยความโศกเศร้า แต่ในตอนนั้นเอง ดวงตาคู่นั้นก็หันมาจ้องนางอีก
มันช่างเยียบเย็นและเฉยเมย ราวกับดวงจันทร์ที่แสนสูงส่งบนท้องฟ้า
นางเลิกร้องไห้ ปากก็พูดไม่ออกอีก
“ข้า…ข้า…”
“กลับไปเถอะ” เซียวเถี่ยเฟิงกล่าวเสียงเรียบ
ซิ่วเฟินมองชายหนุ่มที่ทั้งคุ้นเคยทั้งแปลกหน้าตรงหน้า ในใจไม่นึกอยากตัดใจเลยสักนิด แต่พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นผู้หญิงคนนั้นขบฟันขาวสะอาดซี่เล็กๆ เบาๆ แล้วส่งยิ้มมาให้
ซิ่วเฟินตกใจจนตัวสั่น
คิดๆ ดูก็รีบลนลานกล่าวว่า “ข้าไปก่อนนะ”
กล่าวจบก็ยกชายกระโปรงขึ้นแล้วเผ่นหนีไปทันที
เซียวเถี่ยเฟิงเห็นนางรีบร้อนกลับไป ซ้ำยามนี้ก็มืดแล้ว เขาเกรงว่านางจะมีอันตรายจึงอดเตือนไม่ได้ “เดินไปตามถนนใหญ่ อย่าเดินทางลัดล่ะ”
ซิ่วเฟินพยักหน้ารับส่งๆ แล้ววิ่งหนีไปโดยไม่หันกลับมาอีก
เซียวเถี่ยเฟิงมองตามไป
จนกระทั่งร่างของซิ่วเฟินลับหายไปตรงทางเลี้ยวถึงได้รั้งสายตากลับมา เขาหันกลับไปมองหญิงสาวบนแผ่นหลัง เห็นนางยังคงซบหน้าแนบบ่าของเขาหลับสนิท ดูน่ารักเหลือเกิน
เขายิ้มพลางกล่าวเสียงเบา “เดี๋ยวข้าจะหาที่พักให้นะ”
เซียวเถี่ยเฟิงเดินขึ้นเขาไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็พบถ้ำแห่งหนึ่งที่เคยรู้จัก
บนถ้ำแห่งนี้มีต้นไม้เก่าแก่ซึ่งหยั่งรากเข้าไปในรอยแตกของหิน ทำให้ปากถ้ำเย็นสบาย แต่สามารถหลบลมได้ ห่างจากปากถ้ำไม่ไกลนักมีตาน้ำแห่งหนึ่งซึ่งจะมีน้ำซึมออกมาทุกวัน
มีสถานที่เช่นนี้อยู่ เขากับปีศาจสาวก็นับได้ว่ามีที่พักอาศัยชั่วคราว
เขาไปหาหญ้าแห้งมาปูบนพื้นก่อนจะวางร่างของปีศาจสาวลง
พอบั้นท้ายสัมผัสโดนพื้น นางก็ลืมตาขึ้นมองเขาด้วยความงุนงง
เขายิ้มด้วยความจนใจ จากนั้นจึงตบหน้านางเบาๆ เพื่อเรียกสติ “เจ้าหิวแล้วใช่ไหม? ข้าจะไปหาอาหาร เจ้ารอข้าอยู่ตรงนี้ได้ไหม?”
ปีศาจสาวกะพริบตาปริบๆ ไม่พูดอะไร
เขาเองก็ไม่ได้คิดจะให้นางตอบ ขอเพียงนางนั่งอยู่ข้างกายเขาเท่านั้นก็พอแล้ว
เซียวเถี่ยเฟิงหากิ่งไม้กับหญ้าแห้งมาก่อกองไฟไว้ตรงปากถ้ำ
“ถ้ามีสัตว์ร้ายมา เห็นกองไฟแบบนี้มันจะตกใจหนีไป เจ้าหลบอยู่ในถ้ำ อย่าออกมา เดี๋ยวข้าจะรีบกลับมา”
ปีศาจสาวกะพริบตาปริบๆ จากนั้นก็ยื่นมือออกมาคว้ากิ่งไม้อันหนึ่งไปเขี่ยประกายไฟเล่นเบาๆ
เขาเห็นเช่นนี้ค่อยวางใจ หลังจากกำชับนางอีกรอบ เขาก็ออกไปล่าสัตว์
กู้จิ้งชอบให้ตา卜ล่ำบึ้กแบกไว้บนหลัง แผ่นหลังของเขาให้ความรู้สึกอุ่นสบายเหมือนอ้อมกอดของคุณยายไม่มีผิด
ระหว่างที่คิดเช่นนี้ เธอก็อดเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ภูเขา สายน้ำ และต้นไม้รอบด้านไม่ได้
ที่นี่เป็นบ้านเกิดของเธอ แม้จะเป็นบ้านเกิดในสมัยเมื่อหนึ่งพันปีก่อน แต่เธอก็รู้สึกใกล้ชิดเหลือเกิน
ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าตัวเองถูกจับมาขายก็เลยรู้สึกว่าที่นี่ทั้งล้าหลังทั้งป่าเถื่อนจนรับไม่ได้ แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าที่นี่คือเขาเว่ยอวิ๋นเมื่อหนึ่งพันปีก่อน เธอจึงเริ่มรู้สึกว่าที่นี่ธรรมชาติงดงาม ผู้คนก็มีจิตใจดี!
เธอปล่อยให้ตา卜ล่ำบึ้กแบกกลับไปยังหมู่บ้านบนเขาอย่างมีความสุข แต่จู่ๆ ก็มีคนกลุ่มใหญ่โผล่ออกมา แค่โผล่ออกมายังพอว่า แต่ชายฉกรรจ์ท่าทางเหมือนหนุ่มบ้านป่าหลายคนยังก้าวออกมาขวางทางพวกเธอเอาไว้แล้วก็เริ่มพูด “#¥@%&¥@”
คนอื่นๆ พูดอะไร เธอไม่ค่อยสนใจนัก มีเพียงเด็กสาวซึ่งน้ำตาคลออย่างน่าสงสารคนนั้นที่เธออดมองไม่ได้
ทำไมหล่อนถึงมองตา卜ล่ำบึ้กแบบนี้?
พ่อแม่หล่อนไม่ได้สอนรึไงว่าอากาศแห้งต้องระวังฟืนไฟ ชีวิตคนเรายาวนานต้องเลือกทางเดินให้ดี ดึกดื่นค่ำมืดไม่มีธุระอย่าออกมาเดินเล่นข้างนอก ยิ่งไม่ควรจ้องผู้ชายน้ำตาคลอแบบนี้?
กู้จิ้งซบหน้าแนบบ่าตา卜ล่ำบึ้กพลางขบเนื้อผ้าบนบ่าเขาเบาๆ ตาก็แอบเหลือบมองเด็กสาวซึ่งกำลังน้ำตาร่วงอย่างน่าสงสารไปด้วย
ตา卜ล่ำบึ้กคงรับรู้ได้ว่าเธอกำลังมองเด็กสาวอยู่ เขาจึงเอื้อมมือมาหยิกเอวเธอเบาๆ
เธอชะงัก เลิกขบผ้าบนบ่าเขาไปโดยปริยาย
ฮึ! ไม่ให้ฉันมองงั้นหรือ? แค่เด็กสาวคนหนึ่งทำไมถึงมองไม่ได้? ฉันจะมอง
ว่าแล้วก็วางคางลงบนบ่าของตา卜ล่ำบึ้กแล้วเลิกคิ้วขึ้นมองสาวน้อยน้ำตาคลอด้วยท่าทางได้ใจ
แค่เด็กสาวคนหนึ่งย่อมไม่ใช่คู่มือของเธอ กู้จิ้งยิ่งมองก็ยิ่งฮึกเหิม เธอเริ่มสังเกตปฏิกิริยาตอบโต้ของฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่ยอมให้คลาดสายตา
หึๆ แม่สาวน้อยกำลังเบิกตากว้าง
หึๆ แม่สาวน้อยกำลังพูด “@#$#^&$” เสียงเบา
หึๆ แม่สาวน้อยมองตา卜ล่ำบึ้กด้วยสายตาตกใจเหมือนไม่อยากเชื่อ
หึๆ แม่สาวน้อยยกมือขึ้นปิดหน้าแล้วร้องไห้วิ่งหนีไป
ยอดมาก!
กู้จิ้งยอมเลิกรา เธอซบหน้าลงบนบ่าของตา卜ล่ำบึ้กด้วยความพออกพอใจพลางอ้าปากหาว เธอรู้สึกเหนื่อยจริงๆ
จากนั้นก็ผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว…
เธอไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองหลับไปนานแค่ไหน พอตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็ได้ยินเสียงคนพูดอะไรบางอย่างอยู่ตรงข้างหู?
เธอลืมตาขึ้นมองด้วยสายตาสะลึมสะลือ เห็นผู้หญิงรูปร่างอวบอัดท่าทางยั่วยวนคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้า กำลังพูด “@#$@&%” กับตา卜ล่ำบึ้กด้วยท่าทางเหมือนไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้
ทำไมก่อนหลับเป็นสาวน้อย แต่พอตื่นขึ้นมากลายเป็นแม่ม่ายล่ะ?
แถมยังเป็นแม่ม่ายที่ส่งสายตาให้ผู้ชายด้วย?
กู้จิ้งไม่พอใจมาก โดยเฉพาะเมื่อแม่ม่ายคนนี้ส่งสายตาให้ผู้ชายที่กำลังแบกเธออยู่!
เธอจ้องอีกฝ่ายเขม็งด้วยสายตาดูแคลน
ยัยแม่ม่ายไม่สนใจ ยังคงเอาแต่พูด “@#$@&$” กับตาล่ำบึ้กไม่หยุด
เธอเหลือบตามองอีกฝ่ายด้วยสายตาของคนที่เหนือกว่า
ยัยแม่ม่ายตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว แต่ก็ยังตื๊อๆๆๆๆๆ ตา卜ล่ำบึ้กไม่เลิก
เธอแค่นยิ้มเย็นพลางขบฟันเบาๆ เหมือนกำลังจะกัดตา卜ล่ำบึ้ก
ทันใดนั้น ยัยแม่ม่ายก็หันกายเผ่นหนีไปเหมือนมองเห็นผีไม่มีผิด
ไปเสียได้ก็หมดเรื่อง คิดไม่ถึงว่าตา卜ล่ำบึ้กจะตะโกนร้องเรียกด้วยความอาลัยอาวรณ์?
ยัยแม่ม่ายไม่หันกลับมามองสักนิด แถมยังวิ่งเร็วกว่าเดิมราวกับมีหมาป่าวิ่งไล่ตามหลัง
ตา卜ล่ำบึ้กยืนอยู่บนเส้นทางเล็กๆ บนภูเขาพลางมองตามหลังยัยแม่ม่ายนิ่งนาน
คราวนี้ กู้จิ้งอดสงสัยไม่ได้
ตา卜ล่ำบึ้กกับยัยแม่ม่ายและสาวน้อยนั่น มีความสัมพันธ์อะไรกัน?
ตา卜ล่ำบึ้กแบกเธอออกเดินต่อ ไม่นานนักก็ไปถึงถ้ำแห่งหนึ่ง
แสงจันทร์สาดส่องลงมายังผืนป่าอันเงียบสงัด ทำให้สีเขียวขจีรอบด้านเหมือนจะเปล่งประกายสีเงินยวง เข้มบ้างอ่อนบ้าง สว่างบ้างมืดบ้าง ดูเผินๆ ราวกับเป็นดินแดนของเซียน
ตา卜ล่ำบึ้กวางเธอลงตรงปากถ้ำแล้วพูด “#@%&$@” เสียงอ่อนโยน
กู้จิ้งยิ่งงงกว่าเดิม ใจคิดว่าก่อนหลับเธอยังอยู่ที่หมู่บ้าน ยังได้เห็นสาวน้อยซึ่งมีน้ำตาคลอเบ้า แต่พอตื่นขึ้นมากลับอยู่กลางภูเขา และได้เห็นยัยแม่ม่ายท่าทางยั่วยวนนั่นแทน ทำไมเพียงแค่พริบตาเดียวก็มาอยู่ที่ถ้ำอีกเล่า?
กู้จิ้งนั่งกอดเข่าอยู่ตรงหน้ากองไฟพลางเขี่ยสะเก็ดไฟเล่น สมองเริ่มคิดวิเคราะห์แยกแยะเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในคืนนี้
ดูเหมือนว่าตอนที่เธอกัดผ้าบนบ่าของเขา ท่าทีของคนในหมู่บ้านไม่เป็นมิตรกับเขาเอามากๆ
สาวน้อยนั่นน้ำตาคลอเบ้าราวกับถูกใครทำมิดีมิร้าย
ยัยแม่ม่ายท่าทางยั่วยวนนั่นก็ทำหน้าโศกเศร้าแกมคับแค้นราวกับผู้หญิงที่ถูกสามีทอดทิ้ง!
ที่แท้เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เขาทำเรื่องเลวร้ายอะไรลงไป?
คบผู้หญิงสองคนพร้อมกัน? หรือได้ผู้หญิงสองคนนั้นแล้วทอดทิ้ง?
คงไม่ใช่ว่า…อย่าเห็นว่าเขาทำท่าเหมือนคนบ้ากาม แต่จริงๆ แล้ว ไร้สมรรถภาพด้านนั้นหรอกนะ?
ถ้าเป็นอย่างนั้น ผู้ชายที่ไร้สมรรถภาพคนหนึ่งทำให้ผู้หญิงสองคนร้องไห้เสียใจได้อย่างไร?
ปัญหานี้ออกจะซับซ้อนอยู่บ้าง กู้จิ้งจึงอดคิดมากไม่ได้
ในตอนนั้นเอง ตา卜ล่ำบึ้กก็เดินมาพูด “@$&%$#@” รอบหนึ่ง จากนั้นก็เดินจากไป
เรื่องนี้เกินความคาดหมายของเธอมาก หรือเขาทิ้งผู้หญิงสองคนแล้ว ตอนนี้ยังคิดจะทิ้งคนที่สามอีก?
กู้จิ้งเบิกตากว้างพลางส่ายหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ
คราวนี้ เธอควรจะทำอย่างไร?
แต่คิดๆ ดู เขาไม่น่าจะทิ้งเธอ ในคำพูดของเขาเมื่อครู่ดูเหมือนจะมีคำที่คุ้นเคยอย่าง ‘ไข่’ ‘ข้าว’ ‘กิน’ อยู่ด้วย ดังนั้น…หรือว่าเขาจะไปหาอาหาร?
กู้จิ้งขบคิดปัญหาโลกแตกพลางใช้ไม้จิ้มกองไฟเล่น สุดท้ายก็ได้ข้อสรุปว่า เธอจะฝากความหวังทั้งหมดไว้กับตา卜ล่ำบึ้กไม่ได้ ผู้หญิงที่ดีแต่พึ่งพาผู้ชายไม่มีทางมีชีวิตที่ดีไปได้ แถมเวลาท้องหิวก็ไม่มีสมาธิขบคิดปัญหาชีวิต ดังนั้น ออกไปหาของกินก่อนดีกว่า
เธอยกมือขึ้นกุมท้องซึ่งส่งเสียงร้องดังโครกครากพลางตะเกียกตะกายลุกขึ้น จากนั้นก็ควักมีดออกมา เตรียมไปจับกระต่ายหรือไม่ก็ไก่ป่ามาเชือด
คิดไม่ถึงว่าจะดวงซวย เพิ่งเดินไปได้ไม่ไกลก็เห็นดวงไฟสีเขียวสองดวงพุ่งตรงมา
กู้จิ้งตกใจมาก บนเขาเว่ยอวิ๋นเมื่อหนึ่งพันปีก่อนมีหลอดไฟได้ยังไง!
สันหลังของเธอหนาวเยือก มือกุมมีดแน่น ตาจ้องตรงไปยังดวงไฟนั้น ในที่สุดเธอก็รู้ว่าตัวเองดวงซวยจริงๆ เพราะดวงไฟนั้นคือตาของหมาป่า!
“ฉันมีประสบการณ์นะ ถ้าแกกล้าเข้ามา ฉันจะแทงแกซะ!” เธอร้องข่มขู่หมาป่าเสียงเย็น
หมาป่าขยับเล็กน้อยก่อนจะหันมาจ้องกู้จิ้งอีก ท่าทางบอกชัดว่าไม่ได้ตกใจสักนิด
กู้จิ้งกัดฟันก่อนจะตัดสินใจพุ่งเข้าไปหามัน
นี่เรียกว่าใช้วิธีโจมตีเพื่อตั้งรับ!
สู้ตาย!
กู้จิ้งกับหมาป่าตาเขียวเปิดฉากไล่ล่ากันในป่า
ในตอนนั้นเอง ตา卜ล่ำบึ้กก็ปรากฏตัว ในมือเขาถือเป็ดป่าที่มีเลือดหยดติ๋งๆ ตัวหนึ่ง ตรงข้างเอวมีกวางตัวเล็กๆ สีเทาผูกเอาไว้ ถุงผ้าเนื้อหยาบก็เต็มแน่น ดูท่าคงจะล่าสัตว์มาได้ไม่น้อย