ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง 天上掉下个美娇娘 - ตอนที่ 80 ลูกสะใภ้ของตระกูลจ้าวหรอกหรือ?
ก่อนหน้านี้นางถูกสีหน้าเย็นชาของเซียวเถี่ยเฟิงข่มขวัญ นางกลัวเซียวเถี่ยเฟิงจะไม่ยอมให้พบกับลูกสาว จึงจำต้องไปหาคนตระกูลจ้าว คนตระกูลจ้าวฟังแล้วก็ประหลาดใจมาก แต่พอย้อนคิดถึงคำพูดของพระรูปนั้นในอดีตก็รู้สึกว่าทุกอย่างตรงตามคำทำนาย พวกเขาจึงเร่งรุดมาที่นี่
“อย่าเพิ่งร้อนใจไป ถ้านางคือฮุ่ยเหนียงจริง นางก็ไม่ใช่แค่ลูกสาวของตระกูลหนิง แต่ยังเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลจ้าวเราด้วย ดังนั้นเราจะต้องสืบให้แน่ชัดก่อน”
จ้าวฝูชางเคยเสียหน้าอย่างรุนแรงต่อหน้าเซียวเถี่ยเฟิงกับกู้จิ้ง
แต่พอเวลาผ่านไประยะหนึ่ง ความรู้สึกอับอายนั้นก็ค่อยๆ เลือนหายไป เขาเอามือไพล่หลังยืนปักหลักมั่นคงอยู่ในลานบ้าน ตาจ้องตรงไปที่กู้จิ้ง…ต้าเซียนกู้จิ้ง
ตอนนั้นเขาแอบทำร้ายกู้จิ้ง จริงๆ ไม่ใช่เพราะเขาชิงชังปีศาจหรืออะไร เพียงแต่เขาคิดว่าหากกู้จิ้งกลายเป็นต้าเซียน ทุกคนก็ต้องไปกราบไหว้นาง แบบนั้นมิกลายเป็นว่า นับแต่นี้เป็นต้นไปเซียวเถี่ยเฟิงจะพลอยได้ดิบได้ดีไปด้วยหรอกหรือ หากเป็นเช่นนี้ เขาเว่ยอวิ๋นยังจะมีที่ให้ตระกูลจ้าวยืนอีกหรือ?
จ้าวจิ้งเทียนบุตรชายของเขายังจะรักษาตำแหน่งหัวหน้าพรานเอาไว้ได้หรือ?
แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว ถ้ากู้จิ้งคือฮุ่ยเหนียง นางก็เป็นสะใภ้ของตระกูลจ้าว
แม้ตระกูลจ้าวจะมีฐานะไม่เลว แต่เพราะการตายของอวิ๋นเหนียง ตระกูลจ้าวต้องชดใช้เงินให้ตระกูลหนิงไปไม่น้อย ครั้งนี้ยายเฒ่าหนิงมาหา บอกให้เขาช่วยแย่งบุตรสาวกลับมา ซ้ำยังพูดถึงเรื่องการหมั้นหมายขึ้นมาอีก เช่นนี้มิเท่ากับว่า ต่อจากนี้ไปกู้จิ้งก็คือลูกสะใภ้ของตระกูลจ้าวหรอกหรือ?
แน่นอน ตามหลักแล้วตระกูลจ้าวย่อมไม่อาจยอมรับสตรีที่เคยแต่งงานแล้วมาเป็นลูกสะใภ้ แต่เห็นแก่ที่นางเป็นต้าเซียน ก็พอจะยอมให้แต่งเข้ามาได้ อย่างมากต่อไปก็ให้จิ้งเทียนแต่งอนุอีกคนเท่านั้น
คนในภูเขาไม่นิยมแต่งอนุ แต่ตระกูลจ้าวใช่ว่าจะทำไม่ได้ ขอเพียงมีสินสอดให้มากพอ มีอะไรที่ทำไม่ได้บ้าง?
คิดได้เช่นนี้ จ้าวฝูชางก็เชิดหน้าขึ้น “คนในภูเขาเช่นเราให้ความสำคัญกับความกตัญญูมากที่สุด ต่อให้เรียนวิชาเซียนมาแล้วจะทำไม นี่คือแม่ผู้ให้กำเนิดเจ้า นางก็เป็นแม่เจ้าชั่วชีวิต ต่อให้เก่งกาจแค่ไหนก็ต้องยอมรับแม่ กู้ต้าเซียน รบกวนเจ้ามาดูหน่อย จำยายเฒ่าหนิงผู้นี้ได้หรือไม่ นางเป็นแม่เจ้าใช่หรือไม่?”
กู้จิ้งได้ยินอีกฝ่ายพูดจาโอหังเช่นนี้ก็ไม่พอใจนัก เธอหันไปมองสตรีที่ยืนอยู่ด้านข้าง เห็นนางมองมาด้วยสีหน้ากระตือรือร้น ดวงตาคลอน้ำตา เห็นได้ชัดว่าอยากจะรับเธอเป็นลูกสาวเต็มที่
กู้จิ้งยิ้มบางพลางกล่าวเยาะหยัน “เอาใครก็ไม่รู้มาบอกว่าเป็นแม่ฉันก็ต้องเป็นแม่ฉันอย่างนั้นหรือ? ฉันเกิดในแดนเซียน ติดตามอาจารย์บำเพ็ญเพียรอยู่หลายปี ไม่เคยได้ยินว่ามีแม่อยู่ที่ไหนมาก่อน! ถ้าบอกว่าเป็นแม่ฉัน อย่างน้อยก็เอาหลักฐานออกมาสิ”
ฮุ่ยเหนียงเป็นคู่หมั้นของจ้าวจิ้งเทียน ดูท่าคนเป็นแม่จะแล่นไปเข้ากับพวกตระกูลจ้าวแล้วสินะ คงหวังจะอาศัยอิทธิพลของตระกูลจ้าวมาบีบให้เธอยอมรับ? หากเป็นเช่นนี้ ถ้าเธอยอมรับจะมิกลายเป็นว่าตระกูลจ้าวอาจก่อเรื่องบางอย่าง เช่น บีบให้เธอแต่งจ้าวจิ้งเทียนเข้ามาในบ้านงั้นรึ?
ไม่สิ แต่งให้จ้าวจิ้งเทียน
แต่งให้จ้าวจิ้งเทียน?
แค่คิดก็พะอืดพะอม เหมือนกับกินข้าวอยู่ดีๆ ก็เจอตัวหนอนสีเขียวซุกอยู่ในข้าว!
กู้จิ้งขมวดคิ้วจ้องมารดาของฮุ่ยเหนียงซึ่งมีน้ำตานองหน้า เธอแน่ใจว่าคนคนนี้น่าจะเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดเธอ เพราะอีกฝ่ายมีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับเธออยู่หลายส่วน แต่…แล้วจะทำไม บุญคุณที่เลี้ยงดูยิ่งใหญ่กว่าบุญคุณที่ให้กำเนิด แต่ไหนแต่ไรเธอก็เห็นคุณยายคุณพ่อและคุณแม่เป็นคนที่ใกล้ชิดกับเธอมากที่สุด จู่ๆ มีแม่แท้ๆ โผล่ออกมา จะให้เธอโผเข้าไปกอดแล้วร้องห่มร้องไห้เหมือนในซีรีย์เกาหลี เธอทำไม่ได้จริงๆ
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้หญิงคนนี้ทำทุกอย่างเพื่อความผูกพันฉันแม่ลูกจริงหรือ? ตอนที่อวิ๋นเหนียงตาย ตระกูลจ้าวยุติเรื่องนี้อย่างไร ก็แค่โยนเงินไปให้คนที่บ้านเดิมของนางหุบปากไม่ใช่หรือ?
คนที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่คนนี้ทอดทิ้งอวิ๋นเหนียงที่ตายไปแล้วได้ครั้งหนึ่ง ย่อมทอดทิ้งได้อีกเป็นครั้งที่สอง
“หลักฐาน? ยอมรับแม่ต้องมีหลักฐานอะไรด้วยหรือ?” จ้าวฝูชางยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้า ใบหน้าเปลี่ยนเป็นเย็นชา “เสียทีที่เจ้าเป็นถึงต้าเซียน แม้กระทั่งเรื่องแค่นี้ก็ยังไม่เข้าใจ นี่คือความกตัญญู ความผูกพันฉันแม่ลูก ยังต้องมีหลักฐานอะไรอีก? พ่อแม่พี่น้องทุกคนบอกมาซิว่าข้าพูดถูกหรือไม่?”
คำว่าพ่อแม่พี่น้องย่อมหมายถึงคนที่จ้าวฝูชางพามา แม้พวกเขาจะพยักหน้าสนับสนุน แต่ในใจต่างก็หวาดกลัวต้าเซียนมาก เพราะทุกคนต่างก็ตระหนักถึงความร้ายกาจของกู้จิ้งดี ไม่ว่านางจะเป็นคนเป็นปีศาจหรือเป็นเซียน นางก็ไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ!
ล่วงเกินนาง พวกเขาจะมีจุดจบที่ดีหรือ?
เซียวเถี่ยเฟิงเห็นเช่นนี้ก็หรี่ตาลง จากนั้นจึงเดินออกไปข้างหน้าแล้วดึงกู้จิ้งให้ไปอยู่ด้านหลัง
“หากกู้จิ้งคือฮุ่ยเหนียงลูกสาวของตระกูลหนิงจริง นางย่อมสมควรต้องยอมรับพ่อแม่ ส่วนที่ว่าหลังจากยอมรับแล้วจะทำอย่างไร นั่นเป็นเรื่องของตระกูลหนิง คนตระกูลจ้าวมีสิทธิ์มาพูดอะไร แต่หากกู้จิ้งไม่ใช่ลูกสาวของตระกูลหนิง ทุกท่านบุกมาบีบบังคับให้ผู้อื่นยอมรับใครก็ไม่รู้เป็นพ่อแม่เช่นนี้ ที่แท้มีเจตนาอะไรกันแน่?”
ว่าแล้วก็หันไปจ้องจ้าวฝูชางด้วยแววตาคมกริบ
“ท่านลุง เรื่องนี้เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลจ้าว ทำไมถึงได้พาคนมามากมายเช่นนี้? หรือว่าคนที่จะมานับญาติไม่ใช่ตระกูลหนิง แต่เป็นตระกูลจ้าว?”
จ้าวฝูชางรู้อยู่แล้วว่าเซียวเถี่ยเฟิงคงต้องขัดขวาง เขาแค่นยิ้มเย็น “เถี่ยเฟิง เรื่องนี้เป็นเรื่องของตระกูลจ้าว เป็นเรื่องของตระกูลหนิง เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้าด้วย? หากกู้จิ้งไม่ใช่ฮุ่ยเหนียงก็แล้วไป แต่หากนางคือฮุ่ยเหนียง นางก็เป็นสะใภ้ของตระกูลจ้าว ตระกูลจ้าวย่อมมีสิทธิ์ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้! ถ้าเจ้าไม่เชื่อก็ลองถามแม่ของฮุ่ยเหนียงดูสิว่า ฮุ่ยเหนียงเคยหมั้นหมายกับตระกูลจ้าวจริงหรือไม่?”
กู้จิ้งได้ยินเช่นนี้ก็กล่าวเสียดสีขึ้นว่า “เหลวไหลทั้งเพ ไม่ว่าฉันจะเป็นฮุ่ยเหนียงอะไรนั่นหรือไม่ก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลจ้าวสักนิด ตระกูลจ้าวนับเป็นตัวอะไร คู่ควรกับฉันอย่างนั้นหรือ? เรื่องตั้งแต่ปีมะโว้นั่นเกี่ยวข้องกับฉันตรงไหน?”
เชอะ! อยากจะได้ของเซ่นไหว้ก็ต้องดูก่อนว่าตัวเองมีน้ำหนักแค่ไหน ฮวงจุ้ยที่บ้านดีพอหรือเปล่า!
จ้าวฝูชางโมโหขึ้นมาทันที เขาหันไปพูดกับยายเฒ่าหนิงว่า “ดูๆ ดูสิว่าลูกสาวของเจ้าพูดเรื่องทรยศเนรคุณอะไรออกมา!”
ยายเฒ่าหนิงได้ยินเช่นนี้น้ำตาก็ร่วงลงมาโดยไม่ต้องจ้าง นางยกมือขึ้นปิดปากพลางมองกู้จิ้งด้วยแววตาเสียอกเสียใจราวกับจะขาดใจตาย
“ลูกแม่ ยังจำแม่ได้ไหม ตอนนั้นเจ้าล้มป่วย มีพระรูปหนึ่งบอกว่าต้องเอาเจ้าไปทิ้งไว้ในป่า เซียนจะช่วยรักษาโรคให้ เจ้ายังจำได้ไหม?”
กู้จิ้งขมวดคิ้วพลางกล่าวเสียงเย็นชา “ไม่ต้องถามฉันเรื่องนี้ ฉันจำได้เสียที่ไหน? ป้าบอกว่าเป็นแม่ฉัน มีหลักฐานอะไร? ใครๆ ก็รู้จักกู้ต้าเซียนอย่างฉัน หากใครๆ ก็โผล่มาบอกว่าเป็นแม่ได้ ฉันก็มีแม่เต็มโลกน่ะสิ!”
ปากกล่าวเช่นนี้ แต่ในใจกลับคิดว่าอย่ายอมรับแม่คนนี้จะดีกว่า ยังไม่ทันรับก็มีคนโผล่มาบีบบังคับถึงหน้าบ้าน ถ้ายอมรับจะไม่แย่ยิ่งกว่านี้หรอกหรือ?
ยายเฒ่าหนิงผู้นั้นตะลึงงันไปแวบหนึ่ง จากนั้นก็เหมือนจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “มี…มี… ฮุ่ยเหนียงของข้ามีไฝสีแดงอยู่ตรงน่อง มันมีสีแดงเหมือนเลือด ใหญ่ประมาณเม็ดถั่วเหลือง!”
กู้จิ้งนิ่งเงียบไปทันที
บนน่องของเธอมีไฝสีแดงอยู่เม็ดหนึ่งจริงๆ แม้จะอ้างได้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญ แต่บนโลกนี้มีเรื่องบังเอิญแบบนี้เสียที่ไหน? ยิ่งไปกว่านั้น ท่าทีต่างๆ ที่คุณยายปฏิบัติต่อเธอในตอนนั้นทำให้เธออดสงสัยไม่ได้ว่า จริงๆ แล้วคุณยายคงจะรู้เรื่องทั้งหมดอยู่แล้วสินะ?
คุณยายรู้ว่าเธอเป็นคนในยุคอดีต และวันหนึ่งก็จะกลับมาในยุคอดีต ดังนั้นถึงได้เข้มงวดกับเธอ?
เซียวเถี่ยเฟิงรวมทั้งคนอื่นๆ ย่อมเห็นสีหน้าของกู้จิ้งอย่างชัดเจน
ถึงตอนนี้ นอกจากญาติๆ ของตระกูลจ้าว ยังมีคนอื่นๆ พากันมาล้อมวงดูพลางวิพากษ์วิจารณ์เป็นการใหญ่ ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนมีลูกของตระกูลหนิงหายไปคนหนึ่ง ได้ยินว่าเด็กคนนั้นถูกเซียนพาตัวไปฝึกวิชา ดูท่าจะเป็นเรื่องจริงสินะ
“ที่แท้กู้ต้าเซียนคือลูกสาวของตระกูลหนิง!”
“ใช่ๆๆ ลูกสาวของตระกูลหนิงบำเพ็ญเพียรสำเร็จและกลับมาช่วยทุกคนแล้ว”
“ข้าเคยบอกแล้วว่านางเป็นต้าเซียน ไม่ผิดจริงๆ นางเป็นคนที่เซียนบนสวรรค์ส่งลงมาจริงๆ!”
“ดูท่าเจ้าจะคือฮุ่ยเหนียงจริงๆ สินะ” จ้าวฝูชางเอ่ยด้วยความเชื่อมั่น เขาแน่ใจว่าเรื่องมาถึงขั้นนี้กู้จิ้งย่อมไม่อาจปฏิเสธได้อีก
กู้จิ้งขมวดคิ้วมองแม่แท้ๆ ที่กำลังร้องไห้น้ำตานองเหมือนจะขาดใจ
หรือเธอจะต้องยอมรับผู้หญิงคนนี้เป็นแม่จริงๆ?
แม่คนนี้แค่ดูก็รู้ว่าเป็นน้ำตาลเกาะติดหนึบ ถ้ายอมรับคงไม่มีทางสลัดหลุดแน่
เซียวเถี่ยเฟิงเห็นเช่นนี้ก็เอ่ยขึ้นว่า “เสี่ยวจิ้งเอ๋อ พ่อแม่เป็นผู้ให้กำเนิด ต่อให้ไม่ได้เลี้ยงดูมาก็สมควรต้องยอมรับ”
หัวใจของกู้จิ้งหนักอึ้ง เขาก็คิดว่าเธอสมควรต้องยอมรับอย่างนั้นหรือ? ตระกูลจ้าวต้องก่อเรื่องยุ่งยากขึ้นแน่
กำลังคิดอยู่ก็เห็นเซียวเถี่ยเฟิงยกมือขึ้นประสานคารวะยายเฒ่าหนิงพลางกล่าวอย่างนอบน้อม “ท่านแม่ยาย ก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่าท่านคือแม่แท้ๆ ของจิ้งเอ๋อ หากมีอะไรล่วงเกินไป หวังว่าท่านจะอภัยด้วย”