ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง 天上掉下个美娇娘 - ตอนที่ 81 ท่านแม่ยาย
ยายเฒ่าหนิงหวาดกลัวเซียวเถี่ยเฟิงอยู่แล้ว จู่ๆ เห็นคนผู้นี้เดินเข้ามาหาซ้ำยังยกมือขึ้นคารวะ เรียกนางว่าท่านแม่ยาย นางก็ตะลึงงันไปทันที
ก่อนหน้านี้ยังกังวลว่าลูกสาวจะไม่ยอมรับ แต่ชั่วพริบตาเดียวนางไม่เพียงแต่มีลูกสาว ทว่ายังมีลูกเขยแถมมาอีกคนด้วยงั้นรึ?
“ท่านแม่ยาย วันนี้แม่ลูกได้กลับมาพบกัน เชิญท่านเข้าบ้านก่อนเถิด พวกเราจะได้พูดคุยกัน”
เซียวเถี่ยเฟิงเห็นสีหน้าลังเลของยายเฒ่าหนิงก็รีบเอ่ยขึ้นพลางตั้งท่าจะพาอีกฝ่ายเข้าไปในบ้าน
“เอ่อ… ได้…ได้…”
ยามนี้ยายเฒ่าหนิงกำลังมึนงงไปหมด เห็นลูกเขยหมาดๆ กล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพก็พยักหน้ารับแต่โดยดี
คิดไม่ถึงว่าจ้าวฝูชางจะร้องตวาดขึ้นว่า “เจ้ารับลูกสาวก็รับลูกสาว แต่จะรับคนคนนี้เป็นลูกเขยไม่ได้เด็ดขาด!”
ยายเฒ่าหนิงได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกว่ามีเหตุผล ดูเหมือนว่าลูกสาวของนางจะหมั้นหมายกับตระกูลจ้าวไม่ใช่หรือ?
เซียวเถี่ยเฟิงแค่นยิ้มเย็น “ท่านแม่ยาย นี่คือภรรยาของข้า คนทั้งเขาเว่ยอวิ๋นต่างก็รู้ว่านางเป็นภรรยาของข้า ตอนนั้นข้ายังถูกขับไล่ออกจากหมู่บ้านเว่ยอวิ๋นเพราะนาง แล้วทำไมพอท่านแม่ยายโผล่มา ข้าก็ต้องเสียเมียไปอย่างนั้นรึ ข้าไม่ยอมเด็ดขาด! มิหนำซ้ำ ตอนที่เมียข้าเป็นปีศาจก็พูดว่านั่นเป็นเมียของข้า ตอนนี้เมียของข้ากลายเป็นต้าเซียนก็บอกว่าเป็นสะใภ้ตระกูลจ้าว? นี่ไม่ข่มเหงกันมากเกินไปหรือ! พ่อแม่พี่น้องทุกท่านบอกหน่อยซิว่าเรื่องนี้ยุติธรรมงั้นรึ? หากข่มเหงกันมากเกินไป ข้าจะนำหนังสือแต่งงานไปถามที่ว่าการอำเภอว่าบนแผ่นดินต้าเจาเรา กฎหมายเป็นใหญ่หรือว่าตระกูลจ้าวเป็นใหญ่กันแน่!”
คำพูดของเขาเปี่ยมด้วยพลังอำนาจ ไม่ยอมให้ใครโต้แย้งเด็ดขาด ยายเฒ่าตระกูลหนิงจึงตกใจไม่น้อย
ทุกคนเห็นเช่นนี้ก็พากันวิพากษ์วิจารณ์เสียงขรม เห็นได้ชัดว่ากู้ต้าเซียนกับเซียวเถี่ยเฟิงยอมรับมารดา แต่มารดาผู้นี้กลับจะส่งบุตรสาวให้ตระกูลจ้าว?
“ตอนนั้นเซียวเถี่ยเฟิงต้องลำบากเพราะเมียคนนี้ไม่น้อย พวกเขาอยู่ด้วยกันดีๆ ตระกูลหนิงเจ้าจะโผล่ออกมาพรากพวกเขาจากกันได้ยังไง!”
“ใช่ๆๆ ลูกสาวตระกูลหนิงตายอยู่ที่บ้านตระกูลจ้าวไปแล้วคนหนึ่ง ยังคิดจะเอาคนที่สองไปอีกอย่างนั้นรึ?”
“ไม่ต้องสนใจหรอกว่าต้าเซียนเป็นลูกสาวของตระกูลหนิงหรือไม่ นางแต่งงานกับเถี่ยเฟิงไปตั้งนานแล้ว หนังสือแต่งงานก็มี! ตระกูลจ้าวคิดจะแย่งก็แย่งงั้นรึ!”
ถึงตอนนี้ ไม่เพียงแต่กลุ่มคนที่มากราบไหว้ต้าเซียนบ่อยๆ แม้กระทั่งพวกญาติๆ ตระกูลจ้าวเองก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ตระกูลจ้าวทำไม่ถูก
ตอนนั้นพวกเขายังช่วยตระกูลจ้าวขับไล่เซียวเถี่ยเฟิงไป เพราะเซียวเถี่ยเฟิงยืนกรานจะยอมรับภรรยา ตอนนี้ทำไมถึงมีหน้าโผล่มาแย่งภรรยาของผู้อื่น?
เซียวเถี่ยเฟิงกับต้าเซียนมัวแต่ชักช้า ไม่อย่างนั้นป่านนี้อาจจะมีลูกไปแล้ว บอกว่าเป็นสะใภ้ของบ้านเจ้าก็เป็นสะใภ้ของบ้านเจ้า? คิดว่าเขาเว่ยอวิ๋นเป็นของพวกเจ้างั้นรึ?
เหล่าญาติๆ ตระกูลจ้าวได้ยินเช่นนี้ก็แอบขยับถอยไปทีละก้าวๆ จนกระทั่งเข้าไปรวมกลุ่มอยู่กับชาวบ้านคนอื่นๆ พวกเขาถึงได้ถอนใจโล่งอก
ขืนยืนอยู่ใกล้ๆ จ้าวฝูชางต่อไป อาจจะถูกพวกที่มากราบไหว้ต้าเซียนขว้างก้อนหินใส่ได้!
จ้าวฝูชางเห็นเซียวเถี่ยเฟิงมีวาจาคมคาย ทำให้ใครๆ พากันหันไปยืนอยู่ข้างเขาก็โมโหมาก “ยายเฒ่าหนิง ตอนนั้นตระกูลหนิงรับสินสอดของเราไป ต่อมาอวิ๋นเหนียงแต่งมาที่บ้านของเราแทนพี่สาวจริง แต่เราก็ชดใช้ด้วยวัวหนึ่งตัวไปแล้ว เราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก! ตอนนี้จิ้งเทียนอยู่ตัวคนเดียวไม่มีเมีย เจ้าว่าเรื่องนี้ต้องทำยังไง?”
ยายเฒ่าหนิงได้ยินเช่นนี้ก็ตกใจมาก
นางหันไปมองเซียวเถี่ยเฟิงทีมองจ้าวฝูชางที ทั้งสองล้วนไม่ต่างอะไรจากเทพโรคระบาด ไม่ว่าคนไหนก็ไม่อาจล่วงเกินได้ทั้งนั้น! แต่พวกเขาต่างก็บอกว่าฮุ่ยเหนียงของนางเป็นสะใภ้ของบ้านพวกเขา นางมีฮุ่ยเหนียงแค่คนเดียว คราวนี้จะทำอย่างไรดี?
จ้าวฝูชางเห็นนางลังเลก็กล่าวด้วยความไม่พอใจ “ยายเฒ่าหนิง วัวของบ้านข้ายังอยู่ในคอกที่บ้านเจ้านะ!”
ยายเฒ่าหนิงตัวสั่น วัวเชียวนะ บ้านนางทำนาแต่ขาดวัว วัวตัวหนึ่งราคาไม่น้อยเลย!
เซียวเถี่ยเฟิงเลิกคิ้วพลางกล่าวเสียงเย็น “เมียของข้าเป็นศิษย์ของเซียน นางฝึกสำเร็จแล้วก็กลับมาช่วยเหลือชาวบ้าน แต่ในสายตาแม่แท้ๆ อย่างท่าน นางกลับมีค่าเทียบกับวัวตัวหนึ่งไม่ได้เลยอย่างนั้นรึ? ท่านไม่กลัวสวรรค์ลงโทษบ้างรึไง?”
ยายเฒ่าหนิงยิ่งตัวสั่นกว่าเดิม นางรู้เรื่องเกี่ยวกับอิทธิฤทธิ์ของกู้จิ้งดี ได้ยินว่าตอนนั้นกู้จิ้งแค่ตะโกนครั้งเดียว เขาเว่ยอวิ๋นก็มีฝนตกติดต่อกันสามวัน คนเช่นนี้จะล่วงเกินง่ายๆ ได้หรือ!
นางคิดไปคิดมาก็ตัดสินใจไม่ได้ สุดท้ายก็ขยี้เท้าด้วยความลนลาน “ข้า…ข้าจะทำยังไงดี ข้ามีลูกสาวแค่คนเดียว! พวกท่านต่างบีบบังคับข้า แบบนี้จะต่างอะไรกับเอาชีวิตข้ากัน!”
กู้จิ้งเห็นเช่นนี้ก็ได้แต่พูดไม่ออก ทำไมเธอถึงต้องมาเจอเรื่องเหลวไหลแบบนี้ด้วยนะ
แม่แท้ๆ อะไรนี่ เดิมเธอไม่คิดจะยอมรับ แต่เซียวเถี่ยเฟิงกลับบอกว่าไม่รับไม่ได้ เพราะคนในสมัยโบราณให้ความสำคัญกับหลักคุณธรรมจริยธรรม เขาจึงกลัวว่าถ้าเธอไม่ยอมรับแม่จะก่อให้เกิดผลเสียต่อชื่อเสียงของเธอได้
สุดท้ายเป็นยังไง แม่แท้ๆ คนนี้…สมองหมูชัดๆ!
นางคิดว่าเป็นคนให้กำเนิดเธอก็สามารถขายเธอได้ตามใจชอบเหมือนหมูในเล้าที่บ้านของนางอย่างนั้นรึ?
ดูๆๆ นางยังกลุ้มใจอีก กลุ้มใจเพราะไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรถึงจะขายลูกสาวได้ราคาดีที่สุด!
กู้ต้าเซียนไม่สำแดงอำนาจก็คิดว่าเป็นแมวป่วยงั้นรึ!
กู้จิ้งแสยะปาก จากนั้นจึงก้าวออกไปข้างหน้าแล้วพูดกับยายเฒ่าหนิงว่า “คุณป้าท่านนี้ บนน่องของฉันมีไฝสีแดงอยู่เม็ดหนึ่งจริงๆ เรื่องที่ร่างกายของฉันมาจากป่าลึกบนเขาเว่ยอวิ๋นเมื่อยี่สิบสองปีก่อนก็เป็นเรื่องจริง แต่นั่นเป็นแค่ร่างที่ฉันถือกำเนิดมาเท่านั้น หลังจากบำเพ็ญเพียรมาหลายปี ร่างของฉันก็กลายเป็นร่างเซียน ฉันไม่สนใจไปนานแล้วว่าร่างเนื้อของฉันมาจากไหน ตระกูลหนิงตระกูลจ้าวอะไรก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฉันทั้งนั้น ยิ่งไปกว่านั้น อาจารย์ของฉันยังเคยพูดว่า หลังจากฝึกวิชาเซียนแล้ว ฉันต้องช่วยเหลือผู้คน ดังนั้นต้องลืมเรื่องในอดีตให้หมด ห้ามพะวงถึงความผูกพันในโลกมนุษย์อีก ไม่เช่นนั้นฉันจะใช้วิชาเซียนไม่ได้ ช่วยรักษาผู้คนไม่ได้อีก”
สุดท้าย เธอหันไปมองเหล่าชาวบ้านที่กำลังมองเธอด้วยสายตาเลื่อมใสศรัทธาพลางยกมือขึ้นเล็กน้อยด้วยท่าทางเมตตาน่าเกรงขามเหมือนเจ้าแม่กวนอิมในเรื่องไซอิ๋วที่เคยดู จากนั้นจึงจงใจเอ่ยลากเสียงช้าๆ ว่า “แม่ผู้ให้กำเนิดมอบร่างเนื้อให้ ฉันย่อมซาบซึ้งใจ ไม่กล้าลืมเลือน หากแม่ผู้ให้กำเนิดร่างเนื้อในโลกมนุษย์ต้องการให้ฉันละทิ้งวิถีเซียนกลับไปอยู่บ้านแล้วแต่งงานกับหมาแมวที่ไหนก็ไม่รู้ ฉันย่อมไม่กล้าขัดขืน เพียงแต่เสียดายที่นับจากนี้ทุกคนจะต้องเผชิญกับโรคภัยไข้เจ็บ ไม่อาจหลุดพ้น เขาเว่ยอวิ๋นเองก็ต้องเผชิญกับภัยพิบัติครั้งใหญ่”
กว่าจะเค้นคำพูดแบบนี้ออกมาได้ เธอต้องเหนื่อยแทบตาย
ทุกคนได้ยินเช่นนี้ก็ตะลึงงันไปวูบหนึ่ง แต่ชั่วพริบตาต่อมาก็เข้าใจ
ความหมายก็คือ กู้ต้าเซียนเป็นบุตรสาวของตระกูลหนิงจริง แต่กู้ต้าเซียนบำเพ็ญเซียนไปแล้ว ร่างกายไม่ใช่ร่างเนื้อของคนธรรมดา ดังนั้นจะยอมรับครอบครัวเดิมไม่ได้ หากยอมรับ อิทธิฤทธิ์ทั้งหมดที่ร่ำเรียนมาจะสูญสลายไป หากสูญเสียการบำเพ็ญเพียรทั้งหมดไป นางก็จะช่วยเหลือผู้คนไม่ได้อีก ไม่เพียงแต่ช่วยไม่ได้ แต่ยังจะนำภัยพิบัติมาอีกด้วย!
สรุปคือ ให้ยอมรับครอบครัว ได้… ทว่านับแต่นี้อาคมจะเสื่อมฤทธิ์ ทุกคนก็ต้องพลอยเคราะห์ร้ายไปด้วย
พอเข้าใจ ทุกคนก็นิ่งอึ้งไปทันที
ใครบางคนตะโกนขึ้นว่า “ต้าเซียน จะยอมรับครอบครัวไม่ได้นะ!”
บางคนที่พอรู้หนังสือรีบร้องตะโกนขึ้นบ้าง “ต้าเซียน ท่านมีร่างเป็นเซียน ไม่ใช่ร่างเนื้อเยี่ยงมนุษย์ธรรมดา ไม่จำเป็นต้องยอมรับแม่ในโลกมนุษย์!”
บางคนพูดออกมาตรงๆ ว่า “ยายเฒ่าหนิง ออกมาเดี๋ยวนี้ ลูกสาวเจ้าตายไปนานแล้ว นี่ไม่ใช่ลูกสาวเจ้า นี่คือต้าเซียน กู้ต้าเซียน! อย่าทำให้ทุกคนต้องซวยไปด้วยเพราะสินสอดเล็กๆ น้อยๆ กับวัวตัวนั้นเชียวนะ!”
ใครบางคนรีบสนับสนุน “ใช่ๆๆ ไม่ดูเสียบ้างว่าตัวเองมีน้ำหนักแค่ไหน จะรับต้าเซียนเป็นลูกสาว เจ้ามีวาสนาอย่างนั้นรึ?”
ยายเฒ่าตระกูลหนิงเป็นแค่หญิงชาวบ้านธรรมดาหูตาแคบสั้น ไม่เคยพบเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ดังนั้นจึงตกใจเข่าอ่อนจนเผลอพูดความจริงออกมา
“ข้า…ข้าก็ไม่อยากได้ลูกสาวคืน! แต่ใครๆ บอกว่าต้าเซียนคือลูกสาวที่หายตัวไปของข้า ไม่รับก็เสียเปล่า ถ้าใช่ขึ้นมาจริงๆ นับแต่นี้ไปก็จะมีของเซ่นไหว้ให้ข้ามากมาย!”
คำพูดนี้ไม่พูดออกมายังพอว่า แต่พอพูดออกมา ทุกคนก็โมโหสุดขีด
“ยายเฒ่าหนิง เจ้าเห็นต้าเซียนเป็นอะไร ยังคิดจะกินของเซ่นไหว้อีกรึ?”
“ช่างน่าขันจริงๆ ของเซ่นไหว้ของต้าเซียน เจ้ามีวาสนาอย่างนั้นหรือ? ไม่กลัวกินแล้วท้องจะเป็นหนองงั้นรึ?”
“ยอมรับต้าเซียนเพื่อของเซ่นไหว้ ขายลูกสาวเพื่อสินสอด ไม่สนใจความตายของอวิ๋นเหนียงเพราะเห็นแก่วัวตัวเดียว เจ้ายังมีหน้ามาบอกว่าเป็นแม่ของต้าเซียนอีกรึ?”
คำก่นด่ามากมายที่ถาโถมเข้าใส่ ทำให้ยายเฒ่าหนิงอับอายมาก นางได้แต่ยืนหน้าแดงอยู่ตรงนั้น จะไปก็ไม่ใช่ จะไม่ไปก็ไม่ใช่