ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง 天上掉下个美娇娘 - ตอนที่ 92 ทุกคนคงต้องตายกันหมด
ท่านหมอเฉินมองกู้จิ้งด้วยความไม่สบายใจ เขาพยายามส่งสายตาให้เธอเต็มที่ หวังว่ากู้จิ้งจะยอมรับว่าตัวเองรักษาไม่ได้แล้วก็รีบถอนตัวซะ อย่าทำให้คนอื่นๆ พลอยเคราะห์ร้ายไปด้วย
ถ้ารักษาไม่ได้ขึ้นมา ทุกคนต้องจับนางถลกหนังกินแน่… ไม่สิ ถ้าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ ทุกคนคงต้องตายกันหมด
แต่กู้จิ้งกลับหันมายิ้มให้ท่านหมอเฉิน “ท่านพ่อ วางใจเถิด ฉันจะพยายามสุดความสามารถ”
ท่านหมอเฉินได้ยินกู้จิ้งพูดเช่นนี้ก็แทบจะกระอักเลือดออกมา…
หมอคนอื่นๆ ต่างถลึงตามองท่านหมอเฉินด้วยสีหน้าดำคล้ำ หากไม่ใช่เขาพาหมอหญิงคนนี้เข้ามา พวกเขาต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้หรือ? มีหมอมากมายขนาดนี้ ต่อให้ส่งคนที่ร้องว่า ‘ฮูหยินตั้งครรภ์แล้ว’ เข้าไปรักษา ก็ยังมีโอกาสมากกว่าหมอหญิงอายุน้อยคนนี้!
ตอนนี้กู้จิ้งไม่มีเวลามาสนใจทั้งนั้นว่าหมอเหล่านี้คิดอย่างไร เธอรู้ว่าหากตัวเองไม่ออกหน้า หมอคนอื่นๆ ก็มีแต่จะทำให้พลาดโอกาสในการรักษาไป ดังนั้นเธอจึงก้าวออกไปข้างหน้าแล้วยกมือขึ้นประสานคารวะอู่อ๋อง “ท่านอ๋อง หากฉันรักษาลวี่ฮูหยินไม่ได้ ย่อมยินดียอมรับการลงโทษ แต่หากฉันสามารถรักษาลวี่ฮูหยินได้ ไม่ทราบว่าจะปล่อยท่านหมอทุกท่านไปได้หรือไม่?”
อู่อ๋องตอบ “แน่นอน”
“ไม่ทราบว่าจะละเว้นคุณชายลั่วแห่งเหอหนานด้วยได้หรือไม่?”
อู่อ๋องเลิกคิ้วพลางเพ่งมองกู้จิ้งอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็พยักหน้า “ได้”
กู้จิ้งค้อมกายต่ำ “ขอบคุณท่านอ๋อง ฉันจะพยายามรักษาฮูหยินสุดความสามารถ!”
คำพูดของกู้จิ้งทำให้หมอทั้งหลายกลุ้มใจจนพูดไม่ออก
พวกเขากลัวว่าหากปล่อยกู้จิ้งไปรักษา พวกเขาจะตายเร็วยิ่งกว่าเดิม!
คนหนุ่มสาวเจตนาดี แต่จนใจที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ
ทว่าอู่อ๋องกลับไม่รับรู้ถึงความทุกข์ใจของหมอกลุ่มนี้สักนิด เขามองกู้จิ้งด้วยสายตาชื่นชม “ข้าชอบผู้หญิงที่มีความกล้าหาญเช่นเจ้า เจ้ารีบไปรักษาอาการป่วยของลวี่ฮูหยินเถิด หากรักษาไม่ได้ ข้าจะตัดหัวเจ้าแน่”
กู้จิ้งรีบยกมือขึ้นประสานกัน “เจ้าค่ะ”
เห็นกู้จิ้งเดินไปที่ห้องด้านในเพื่อเตรียมตัวรักษาคน สีหน้าของหมอทั้งหลายที่ด้านหลังก็บิดเบี้ยวราวกับเพิ่งสูญเสียบิดามารดาไปไม่มีผิด
จบกันๆๆ คราวนี้ต้องตายแน่ๆ
พวกเขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่า ตัวเองเป็นหมออยู่ที่ปิ้งโจวมาชั่วชีวิต สุดท้ายกลับต้องมาตายใต้เงื้อมมือของหมอหญิงเยาว์วัยคนนี้!
กู้จิ้งย่อมมีแผนการอยู่ในใจแล้ว จนถึงตอนนี้ ลวี่ฮูหยินคงกินยาวิเศษนั่นมาแล้วระยะหนึ่ง ในเมื่อนางไม่ตายก็หมายความว่าไม่ได้มีอาการแพ้รุนแรง และมีโอกาสรักษาหายมาก แถมจะว่าไป ต่อให้รักษาไม่ได้เธอก็มีหนทางหลบหนี เธอจะเอากระเป๋าไปซ่อนไว้ในบริเวณที่ลับตาผู้คน จากนั้นก็จะมุดเข้าไปหลบในกระเป๋า แบบนี้ต้องหลบหนีไปได้แน่
แต่คิดก็ส่วนคิด เธอย่อมต้องพยายามสุดความสามารถ เธอรีบเข้าไปในห้องด้านหลัง จัดให้ลวี่ฮูหยินนอนราบเพื่อรักษาความอบอุ่นในร่างกายเอาไว้ จากนั้นก็หยิบเอาน้ำเกลือเจือจางทำเองออกมาป้อนให้แล้วสั่งให้คนเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท
สาวใช้ได้ยินว่าให้เปิดหน้าต่างก็ลังเลมาก เพราะพวกนางกลัวว่าลวี่ฮูหยินอาจจะถูกความเย็นได้
แต่กู้จิ้งกลับปรายตามองแล้วพูดว่า “ถ้าทำให้การรักษาลวี่ฮูหยินล่าช้าไป พวกเธอรับผิดชอบได้ไหม?”
ทุกคนไม่กล้าลังเลอีก พวกนางรีบทำตามคำสั่งของกู้จิ้งทันที
หากเกิดอะไรขึ้นจริงๆ ย่อมเป็นความรับผิดชอบของกู้จิ้ง ไม่ใช่พวกนาง
กู้จิ้งสังเกตดูอาการของลวี่ฮูหยินต่อ เห็นบนร่างของนางมีผื่นขึ้นเต็มไปหมด แต่อุณหภูมิร่างกาย ชีพจร และลมหายใจล้วนอยู่ในเกณฑ์ดี เห็นได้ชัดว่ามีอาการแพ้ไม่รุนแรง เพราะนางกินยาเพนิซิลลินไปแค่เม็ดเดียวเท่านั้น หากอาการรุนแรง ตามหลักแล้วต้องฉีดอะดรีนาลีนไฮโดรคลอไรด์และเดกซาเมทาโซน ถ้าเป็นแบบนั้น เธอก็จนปัญญาเหมือนกัน
แต่ตอนนี้อาการของลวี่ฮูหยินไม่รุนแรง เธอจึงเขียนเทียบยาเพื่อรักษาอาการแพ้ก่อน เทียบยานี้ประกอบด้วยฝางเฟิง, คราบจักจั่น, ตังกุย, จิงเจี้ย, โสมขม, ชางซู่ ฯลฯ เทียบยาสมุนไพรนี้กู้จิ้งเคยเห็นในตำรา สามารถรักษาอาการแพ้ยาเพนิซิลลินได้ นอกจากนี้ยังเขียนเทียบยาอีกเทียบเพื่อรักษาผื่นบนผิวหนัง ประกอบด้วยเซิงสือเกา, ดอกสายน้ำผึ้ง, เซิงตี้, ผลจือจื่อ ฯลฯ
หลังจากเขียนเทียบยาเสร็จ เธอก็หันมาดูแลคนป่วยโดยพยายามทำให้ร่างกายของอีกฝ่ายลดความตึงเครียดลง จากนั้นจึงเจาะนิ้วโป้งเท้าให้เลือดไหลออกมาแล้วใช้การนวดและการฝังเข็มกระตุ้น ทำให้ลมหายใจของอีกฝ่ายเป็นจังหวะสม่ำเสมอ
จวนอ๋องย่อมไม่เหมือนกับที่อื่น ไม่นานนักยาที่เธอสั่งก็เคี่ยวเสร็จ สาวใช้รีบปรนนิบัติลวี่ฮูหยินให้ดื่มยาลงไปทันที
ถึงตอนนี้ จังหวะหายใจของลวี่ฮูหยินก็เป็นจังหวะสม่ำเสมอดี อัตราการเต้นของหัวใจก็อยู่ในเกณฑ์ดี กู้จิ้งจึงเฝ้าสังเกตอาการต่อ
ผ่านไปสองสามชั่วยาม ผื่นบนร่างของลวี่ฮูหยินจางลง อาการแพ้อื่นๆ ค่อยๆ หายไป ลมหายใจก็ราบเรียบเป็นจังหวะ
กู้จิ้งถอนใจโล่งอก แม่บ้านซึ่งก่อนหน้านี้สงสัยในตัวกู้จิ้งก็ถอนใจโล่งอกเช่นกัน จากนั้นนางก็รีบไปรายงานให้อู่อ๋องทราบ
อู่อ๋องทราบข่าวเข้าย่อมดีใจมาก เขารีบมาดูอาการของลวี่ฮูหยิน เห็นว่าแม้สีหน้าของนางจะไม่สดใสเปล่งปลั่งเหมือนยามปกติ แต่ก็ไม่ได้ซีดขาวเหมือนก่อนหน้านี้ ผื่นแดงบนร่างหายไป แถมลมหายใจยังไม่ติดๆ ขัดๆ อีกด้วย
กู้จิ้งกล่าวด้วยน้ำเสียงนอบน้อม “ฉันเขียนเทียบยาไว้สองเทียบ กินยาตามเทียบนี้อีกสองวันก็จะหายเป็นปกติ”
อู่อ๋องมองกู้จิ้งด้วยสายตาชื่นชม “เจ้าเป็นสตรี แถมอายุยังน้อย แต่กลับมีวิชาแพทย์สูงเช่นนี้? ไม่ทราบว่าอนุของข้าป่วยเป็นอะไรกันแน่?”
กู้จิ้งยิ้ม “นี่ไม่ใช่อาการป่วย”
อู่อ๋องประหลาดใจ “ไม่ใช่อาการป่วย?”
กู้จิ้งพูดโกหกโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าสักนิด “ตามความเห็นของผู้น้อย เกรงว่าจะเป็นเพราะกินยาวิเศษบางอย่างเข้าไป แต่เนื่องจากร่างกายอ่อนแอ ไม่อาจทนรับฤทธิ์ยาได้ ถึงได้มีอาการเช่นนี้”
อาการแพ้ยาเพนิซิลลิน = ร่างกายอ่อนแอ ไม่อาจทนรับฤทธิ์ยาได้ ดูเหมือนพอจะรับฟังได้นะ?
เมื่อเป็นเช่นนี้ อย่างน้อยเธอก็สามารถช่วยเหลือคุณชายลั่วแห่งเหอหนานได้ ถึงเขาจะเป็นฝ่ายเอายาเพนิซิลลินของเธอไปโอ้อวดข้างนอกโดยพลการ แต่เธอก็ไม่อยากให้ใครต้องมาเคราะห์ร้ายเพราะยาของเธอ
อู่อ๋องเข้าใจทันที พอเข้าใจก็ยิ่งเลื่อมใสกู้จิ้งมาก
กู้จิ้งรีบฉวยโอกาสพูดให้อีกฝ่ายปล่อยหมอกลุ่มนั้นกับคุณชายลั่วไป อู่อ๋องก็ยอมอนุญาตแต่โดยดี
หมอเหล่านั้นถูกเรียกตัวมาทันที อู่อ๋องจ้องพวกเขานิ่งด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
หมอเหล่านี้ยังไม่รู้ว่าลวี่ฮูหยินถูกรักษาหายแล้ว พอเห็นอู่อ๋องมีสีหน้าดำทะมึนก็ตกใจจนสองขาอ่อนยวบ บางคนที่ขวัญอ่อนถึงกับทรุดลงบนพื้น
จบกันๆๆ ดูท่าคราวนี้คงต้องตายแน่ๆ
พวกเขาเคยได้ยินมาว่าอู่อ๋องน่ากลัวมาก ไม่คิดเลยว่าวันนี้จะต้องมาตายโดยไร้เหตุผลเช่นนี้
ทุกคนต่างหันไปจ้องท่านหมอเฉินด้วยสายตากล่าวโทษ ต้องโทษท่านหมอเฉิน อยู่ดีๆ พาหมอหญิงอะไรนั่นมาที่จวนอู่อ๋องทำไม คราวนี้ซวยแล้วเห็นไหม?!
อู่อ๋องกระแอมเบาๆ ก่อนจะเอ่ยว่า “ท่านหมอทั้งหลาย…”
เขายังพูดไม่ทันจบ หมอทั้งหลายก็ทรุดลงคุกเข่าเสียก่อน “ท่านอ๋องไว้ชีวิตด้วย!”
คราวนี้อู่อ๋องกลายเป็นฝ่ายตกใจบ้าง เขามองหมอทั้งหลายด้วยความประหลาดใจ “ไว้ชีวิต พวกเจ้าได้รับการไว้ชีวิตแล้ว ยังจะเอายังไงอีก?”
“หา?” หมอทั้งหลายเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ นี่หมายความว่ายังไง?
อู่อ๋องโบกมือ “ไปซะ อย่าอยู่เกะกะสายตาข้าที่นี่อีก!”
ทุกคนเข่าอ่อน ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
แม่บ้านที่ด้านข้างทนดูไม่ได้ นางจึงก้าวออกไปข้างหน้าแล้วอธิบายว่า “ท่านหมอเฉินรักษาฮูหยินของเราหายดีแล้ว ท่านหมอทุกท่านเชิญกลับไปได้”
ท่านหมอเฉิน?
ทุกคนนิ่งงันไปครู่ใหญ่ถึงได้เข้าใจว่าท่านหมอเฉินที่อีกฝ่ายพูดถึงเป็นใคร
ตอนที่กู้จิ้งเข้ามา เธอปลอมตัวเป็นบุตรสาวของท่านหมอเฉิน ดังนั้นท่านหมอเฉินที่แม่บ้านพูดถึงก็คือกู้จิ้ง?
กู้จิ้ง…หมอหญิงอายุน้อยคนนั้น รักษาลวี่ฮูหยินหายจริงๆ อย่างนั้นรึ?!
หลังจากหมอทั้งหลายถูกไล่ออกจากจวนอู่อ๋อง พวกเขายังคงตื่นตะลึงจนพูดไม่ออก
จนกระทั่งเดินไปได้หนึ่งช่วงถนน ในที่สุดท่านหมอหูซึ่งมีอายุมากที่สุดก็พูดขึ้นว่า “นางรักษาหายจริงๆ รึ?”
หมออีกคนหนึ่งก็ตื่นตะลึงเป็นอันมาก “นางเป็นคนช่วยชีวิตพวกเราไว้?”
ท่านหมอเฉินยกมือขึ้นลูบเคราพลางกล่าวเสียงเคร่งขรึม “ลูกสาวของข้าคนนี้มีวิชาแพทย์สูงส่งจริงๆ!”
เจอเรื่องน่าตกใจมารอบหนึ่ง แต่ก็ได้บุตรสาวที่มีวิชาแพทย์ล้ำเลิศเพิ่มขึ้นมาคนหนึ่ง นับว่าไม่เลวเหมือนกัน
สิ้นเสียงของท่านหมอเฉิน หมอคนอื่นๆ ก็พากันหันไปมองเขาเป็นตาเดียว
“นางรักษาได้ยังไงกัน?”
“ที่แท้เป็นโรคอะไรกันแน่?”
“วิชาแพทย์ของนางร่ำเรียนมาจากใคร?”
คำถามมากมายพุ่งเข้าหาท่านหมอเฉิน แต่ท่านหมอเฉินก็ตอบไม่ได้… เขา…เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน!
กู้จิ้งช่วยลวี่หลัวสำเร็จ ได้ทองคำมาไม่น้อย เธอก็เอาไปเก็บไว้ในกระเป๋าหนังสีดำทั้งหมด อู่อ๋องชื่นชมเธอมาก แถมยังทำท่าอยากรับเธอไว้เป็นหมอ (หรือไม่ก็อนุ?) ในจวน แต่เธอปฏิเสธไป
อู่อ๋องผู้นี้ดูๆ ไปเหมือนกับหัวหน้าโจร แต่ก็เป็นคนที่รักษาคำพูด เห็นเธอยืนกรานจะจากไปก็ไม่บังคับ เขาเพียงแค่พูดว่าเธอต้องรักษาลวี่ฮูหยินให้หายก่อนถึงจะจากไปได้เท่านั้น
หลายวันนี้กู้จิ้งฉวยโอกาสที่เฝ้าอยู่ข้างกายลวี่ฮูหยินศึกษาอาการป่วยก่อนหน้านี้ของนาง เธอถึงได้ค้นพบว่า ที่แท้ลวี่ฮูหยินต้องกินยาวิเศษก็เพราะเป็นโรคทางสูติศาสตร์และนารีเวชนั่นเอง