ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง 天上掉下个美娇娘 - ตอนที่ 99 รบกวนท่านช่วยคืนคู่หมั้นของข้าให้ข้าด้วย!
- Home
- ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง 天上掉下个美娇娘
- ตอนที่ 99 รบกวนท่านช่วยคืนคู่หมั้นของข้าให้ข้าด้วย!
เซียวเถี่ยเฟิงยกมือขึ้นเป็นเชิงบอกให้เธอหยุดพูด จากนั้นจึงหันไปจ้องคุณชายลั่วตาเขม็ง
ในห้องนั้นไม่มีเสียงใดๆ ทั้งสิ้น รอบด้านเงียบสงัดราวกับความตาย
เซียวเถี่ยเฟิงเป็นใคร มีสถานการณ์แบบไหนที่ไม่เคยเจอมาก่อนบ้าง คุณชายลั่วเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง ย่อมไม่อาจต้านทานสายตาคมกริบราวใบมีดของเขา เพียงชั่วพริบตาเดียว คุณชายลั่วก็รู้สึกว่าขาทั้งสองกำลังสั่นระริก ร่างทั้งร่างอ่อนปวกเปียกไร้เรี่ยวแรง
แต่นึกถึงแม่นางเฉินซึ่งช่วยชีวิตตนเองเอาไว้ เขาก็รวบรวมความกล้ากล่าวขึ้นอีกครั้งว่า “แม่ทัพเซียว รบกวนท่านช่วยคืนคู่หมั้นของข้าให้ข้าด้วย!”
เซียวเถี่ยเฟิงหัวเราะด้วยความโมโห “คู่หมั้นของเจ้างั้นรึ?”
คุณชายลั่วพยักหน้า “ใช่ นี่คือคู่หมั้นของข้า!”
เขาต้องพาแม่นางเฉินจากไปให้ได้ จะปล่อยให้นางตกอยู่ในอุ้งมือของปีศาจร้ายไม่ได้เด็ดขาด!
คิดไม่ถึงว่าเซียวเถี่ยเฟิงกลับไม่สนใจเขาสักนิด แต่กลับหันไปมองกู้จิ้งที่นั่งอยู่ข้างกายแทน
“มา เสี่ยวจิ้งเอ๋อ บอกมาซิว่า เจ้าสัญญาจะร่วมชีวิตกับคุณชายท่านนี้อย่างนั้นหรือ?”
“ไม่จริงเลย!” กู้จิ้งส่ายหน้ารัวๆ “ฉันแค่อาศัยรถของเขาเท่านั้น ไม่เคยตกลงจะร่วมชีวิตด้วยสักนิด!”
“เจ้าเป็นเมียของใคร?”
“ฉันต้องเป็นเมียของนายอยู่แล้ว!” กู้จิ้งรีบพูดรับรอง “ฉันเป็นเมียของนายมาตลอด เรากำลังจะแต่งงานกันด้วยไม่ใช่หรือ?”
เซียวเถี่ยเฟิงได้ยินเช่นนี้ย่อมพอใจมาก เขาหันไปมองคุณชายลั่ว
“ได้ยินไหม นางพูดเองว่านางเป็นเมียของข้า”
คุณชายลั่วมองกู้จิ้งด้วยสีหน้าจนปัญญา “ท่านหมอเฉิน ท่านไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ เขาบังคับท่านใช่ไหม ท่านไม่ต้องกลัว ข้าจะหาทางพาท่านจากไปให้ได้ ท่านเป็นผู้มีบุญคุณช่วยชีวิตข้า ข้าจะไม่ปล่อยให้ใครฉุดคร่าท่านไปเด็ดขาด!”
กู้จิ้งได้ยินเช่นนี้ก็ยิ่งพูดไม่ออก
คุณชายลั่วเอ๊ยคุณชายลั่ว ฉันต้องขอบใจนายจริงๆ!
“คุณชายลั่ว เขาเป็นสามีของฉัน เราอยู่ด้วยกันมานานแล้ว เพียงแต่มีเหตุผลบางอย่างทำให้เราต้องพรากจากกัน คุณไม่ต้องปกป้องฉัน ฉันก็ไม่ต้องการให้คุณมาปกป้อง ฉันมีสามีคอยปกป้องอยู่แล้ว! เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับคุณ คุณอย่าเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วยเลย!”
“ท่านหมอเฉิน ก่อนหน้านี้ท่านบอกว่ายังไม่ได้แต่งงานไม่ใช่หรือ?”
“นั่นเป็นเพราะก่อนหน้านี้มีเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อย ฉันก็เลยพูดไปอย่างนั้นเอง ขอโทษด้วยที่ฉันหลอกคุณ แต่เขาเป็นสามีของฉันจริงๆ!”
“แต่ท่านกับเขาจะเป็นสามีภรรยากันได้อย่างไร…”
บทสนทนาระหว่างทั้งสองทำให้เซียวเถี่ยเฟิงอารมณ์เสียสุดขีด
เขาแค่นยิ้มเย็นครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ตรงเข้าไปหิ้วคอคุณชายลั่วขึ้นมา
“ไป ในเมื่อเจ้ากล้าหมายปองเมียของข้า อย่างน้อยข้าก็ต้องทำให้เจ้ารู้ว่า คนที่แย่งเมียคนอื่นจะมีจุดจบยังไง!”
คุณชายลั่วกำลังร้อนใจ จู่ๆ ถูกเซียวเถี่ยเฟิงหิ้วคอเดินออกไปข้างนอกเหมือนกำลังหิ้วกระต่าย เขาก็ยิ่งร้อนใจจนหน้าแดงก่ำไปหมด
“ปล่อยข้า ปล่อยข้า!”
“คุณชายลั่ว เมื่อครู่เจ้าบอกว่านางเป็นคู่หมั้นของเจ้า ก่อนอื่นบอกมาซิว่านางแซ่อะไร ถ้าตอบถูก ข้าจะยอมไว้ชีวิตเจ้า”
“นางย่อมแซ่เฉิน!”
เซียวเถี่ยเฟิงได้ยินเช่นนี้ก็โยนเขาออกไปนอกประตูทันที
“ก่อนจะแย่งเมียคนอื่น ช่วยสืบชื่อแซ่ของนางให้แน่ชัดก่อนด้วย! เมียของข้าไม่ได้แซ่เฉิน นางแซ่กู้!”
“อะไรนะ?”
“แม้แต่นางแซ่อะไรก็ยังไม่รู้ จู่ๆ มาพูดเหลวไหลว่าตกลงจะใช้ชีวิตร่วมกัน?” เซียวเถี่ยเฟิงพูดเสียงเยาะหยัน
“นางแซ่กู้?”
“ไสหัวไป!” เซียวเถี่ยเฟิงคำรามเสียงต่ำ
หลังจากไล่คุณชายลั่วไป เซียวเถี่ยเฟิงก็นั่งลงปรึกษาหารือกับอู่อ๋องต่อ
กู้จิ้งหาเหตุผลแอบปลีกตัวออกไปเพราะอยากไปดูว่าคุณชายลั่วเป็นอย่างไรบ้าง
เธอเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณชายลั่วถึงได้เคราะห์ร้ายแบบนี้ จ่ายเงินก้อนโตซื้อยาเพนิซิลลินของเธอไป ผลสุดท้ายคนที่กินเข้าไปกลับมีอาการแพ้ยาทั้งที่มีความเป็นไปได้ต่ำมาก ตอนนี้เขาใจดีอยากจะช่วยเธอก็ดันมาเจอเซียวเถี่ยเฟิงจอมวางอำนาจที่หวงเมียสุดชีวิตเข้าอีก
ปกติเซียวเถี่ยเฟิงเป็นคนซื่อๆ ที่แสนจะอารมณ์ดี เพียงแต่สองวันนี้เกิดเรื่องขึ้น เขาก็เลยอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก
เธอย่อมไม่รู้ว่า หากเธอไปพูดกับอู่อ๋อง, ลวี่หลัว หรือใครก็ตามว่าเซียวชูอวิ๋นเป็นคนซื่อที่แสนอารมณ์ดี พวกเขาจะตกใจมากแค่ไหน
ออกนอกเรื่องมากเกินไปแล้ว ตอนนี้กู้จิ้งแค่อยากไปดูว่าคุณชายลั่วเป็นอย่างไรบ้าง ถูกเซียวเถี่ยเฟิงโยนออกไปแบบนั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าพิการไปหรือเปล่า
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขาหวังดีต่อเธอ แม้จะทำผิดไป เขาก็ไม่ควรต้องเคราะห์ร้ายแบบนั้น
คิดไม่ถึงว่า เธอแอบค้นหาอยู่ครึ่งค่อนวันก็ไม่เจอคุณชายลั่ว แต่พอหันกลับมา กลับเห็นเซียวเถี่ยเฟิงยืนอยู่ที่ด้านหลัง
“นาย…นายออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมถึงไม่ส่งเสียงบอกกันบ้างเลย!” เธอแทบจะตกใจตายเลยทีเดียว
“เจ้าออกมาทำอะไร?”
เซียวเถี่ยเฟิงก้าวเข้ามากุมมือกู้จิ้งเอาไว้
ทั้งที่เธอเพิ่งออกมาจากห้องโถงได้ไม่นาน แต่พอเขาหันกลับไปไม่เห็นเธอ ในใจก็ตื่นตระหนกขึ้นมาทันที
เขากลัวเหลือเกินว่าหากไม่ระวังให้ดีเธอจะหายตัวไป และนับแต่นี้เขาจะไม่มีวันได้พบกับเธออีก
เขาอายุสามสิบปีแล้ว จะมีเวลาสี่ปีอีกสักกี่ครั้ง
“ไม่มีอะไร เมื่อครู่ฉันแค่รู้สึกว่าอากาศในห้องอบอ้าวก็เลยออกมาตากลมเสียหน่อย”
อย่าไปสนใจคุณชายลั่วอะไรนั่นดีกว่า แค่ถูกโยนออกไปคงไม่ถึงกับตาย…
“เป็นข้าไม่ดีเองที่ไม่คิดให้รอบคอบ ที่นี่อึดอัดไปหน่อย ข้าจะพาเจ้ากลับบ้านเดี๋ยวนี้”
“ตกลง”
ในเมื่อจะพากู้จิ้งกลับบ้าน เซียวเถี่ยเฟิงจึงไม่ขี่ม้า แต่ให้คนไปหารถม้าที่ทั้งหรูหราและกว้างขวางมาคันหนึ่ง จากนั้นเขาก็ก้าวขึ้นไปนั่งบนรถม้าเป็นเพื่อนกู้จิ้ง
“เตรียมการเสร็จเมื่อไหร่ เราจะจัดพิธีแต่งงานกัน”
“ตกลง”
พูดเรื่องนี้จบ เซียวเถี่ยเฟิงก็กุมข้อมือของเธอเอาไว้โดยไม่พูดอะไรอีก
กู้จิ้งนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่แล้วก็อดอธิบายไม่ได้ “ฉันไม่ได้ตกลงจะใช้ชีวิตร่วมกับเขาอะไรทั้งนั้น ทั้งหมดล้วนเป็นเขาพูดเหลวไหลไปเอง”
เซียวเถี่ยเฟิงลืมตาขึ้นแล้วปรายตามองเธอ “ข้ารู้”
คนที่แม้แต่กู้จิ้งแซ่อะไรก็ยังไม่รู้ เขาย่อมไม่สนใจอยู่แล้ว
กู้จิ้งได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็ถอนใจโล่งอก จากนั้นจึงโผเข้าไปซบอกเขาแล้วพูดออดอ้อนว่า “แล้วทำไมนายต้องโมโหมากขนาดนั้นด้วยล่ะ?”
เซียวเถี่ยเฟิงแค่นเสียงฮึคำหนึ่ง “ข้าไม่สนหรอกว่าเป็นความจริงหรือไม่ ไม่ว่าใครมาบอกให้ข้าปล่อยมือจากเจ้าก็สมควรถูกซ้อมทั้งนั้น”
โชคดีที่ตอนนี้เขาอารมณ์ดี ประกอบกับเห็นคุณชายลั่วหวังดีต่อกู้จิ้ง เขาถึงไม่ได้เอาจริง
ถ้าไม่เชื่อก็ออกไปสอบถามดู เซียวชูอวิ๋นเป็นคนที่สามารถตอแยได้ง่ายๆ อย่างนั้นหรือ?
กู้จิ้งฟังแล้วอดหัวเราะไม่ได้ “ถ้าอย่างนั้นก็มีคนคนหนึ่งที่นายต้องไปซ้อม”
เซียวเถี่ยเฟิงเลิกคิ้ว “ใครหรือ?”
กู้จิ้งนึกถึงเรื่องในอดีตก่อนจะกัดฟันพูดว่า “พี่น้องที่ดีของนาย หนิวปาจินน่ะสิ!”
เซียวเถี่ยเฟิงนึกถึงเรื่องที่ก่อนหน้านี้กู้จิ้งเข้าใจผิด “เขาเป็นคนบอกเจ้าว่าข้าแต่งงานมีลูกแล้วอย่างนั้นหรือ?”
กู้จิ้งพยักหน้าแรงๆ พลางแค่นเสียงฮึดฮัด “ใช่ๆ เป็นเขา! เขายังบอกด้วยว่านายมีลูกแล้วตั้งหลายคน!”
เซียวเถี่ยเฟิงเงียบไปครู่หนึ่ง แต่จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองกู้จิ้งตาเขม็ง “คนอื่นพูดแบบนี้เจ้าก็เชื่อ? เจ้าเห็นคำพูดของข้าเป็นอะไร ลมที่พัดผ่านหู ผ่านไปก็ลืมงั้นหรือ?”
นี่ๆๆ…
กู้จิ้งคิดไม่ถึงว่าวิชาเป่าหูของเธอจะล้มเหลวถึงเพียงนี้ เธอรีบถอนใจ
“ก็เขาพูดสมจริงสมจังมากเลยนี่นา ซ้ำเขายังเป็นพี่น้องที่ดีของนาย ฉันก็คิดว่าเขาคงไม่มีทางหลอกฉันแน่ ใครจะคิดว่า…”
เห็นเซียวเถี่ยเฟิงทำหน้าไม่เชื่อ เธอก็รีบซุกหน้ากับอกเขาพลางคร่ำครวญว่า “ตอนที่ได้ยินข่าวนี้ ฉันเจ็บปวดเหมือนถูกคนควักหัวใจไปไม่มีผิด จะมีอารมณ์มานั่งคิดว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริงอีกหรือ ตอนนั้นฉันได้แต่นั่งอยู่บนพื้นหิมะ จะลุกก็ลุกไม่ขึ้น ขาเย็นจนไร้ความรู้สึก ต้องตั้งสติอยู่ตั้งนานกว่าจะทำใจได้!”
ทันใดนั้น เธอก็นึกขึ้นได้ว่าตอนนั้นตัวเองล้มกระแทกพื้นไปทีหนึ่ง ผ่านมาครึ่งปีแล้ว แต่แผลก็ยังไม่หายสนิท คิดได้เช่นนี้เธอก็รีบยกขาขึ้นมาพาดตักเขา
“นายดูสิ ตรงนี้มีแผลเป็นด้วย ตั้งสี่ปีแล้วก็ยังไม่หาย”
ครึ่งปีของเธอ สี่ปีของเขา
เซียวเถี่ยเฟิงม้วนขากางเกงของเธอขึ้น เห็นตรงบริเวณใกล้ข้อเท้าบนเรียวขาขาวสะอาดนุ่มเนียนราวรากบัวของเธอมีรอยแผลเป็นจางๆ อยู่แผลหนึ่ง
“นี่… ตรงนี้ สี่ปีแล้วแผลเป็นยังไม่จาง นายจินตนาการได้ไหมว่าตอนนั้นแผลนี้ทั้งลึกทั้งเจ็บมากแค่ไหน?”
เซียวเถี่ยเฟิงลูบแผลเป็นนั้นเบาๆ พลางจ้องมันนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ก้มลงไปจูบรอยแผลเป็นนั้นพลางกล่าวเสียงแหบ “เจ้าเองก็เจ็บเหมือนข้าใช่ไหม? เจ้าไปจากข้าเพราะมีเหตุจำเป็นใช่ไหม?”
จริงๆ แล้วกู้จิ้งแค่คิดจะอ้อนให้เขาสงสาร ตัวเองจะได้ไม่พลอยซวยตามคุณชายลั่วไปด้วย แต่พอได้ยินเสียงทุ้มต่ำที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าแกมเจ็บปวดของเขา จู่ๆ เธอก็รู้สึกตื้อในอกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
เธอมีแค่รอยแผลเป็นจางๆ แต่เขาล่ะ?
สำหรับเขา นั่นเป็นเวลาสี่ปี สี่ปี…หนึ่งพันกว่าวัน เขามีชีวิตอยู่มาได้อย่างไร?
เธอยกมือขึ้นกอดศีรษะของเขาเอาไว้พลางถูไถแก้มนุ่มของตัวเองกับเส้นผมสีดำแข็งกระด้างของเขาเบาๆ
“ใช่ หากไม่ใช่มีเหตุจำเป็น ฉันไม่มีทางจากนายไปแน่ ฉัน…ฉันอยากอยู่กับนายไปชั่วชีวิต ไม่พรากจากกันตลอดกาล”