ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] - ตอนที่ 105 เรื่องลำบากใจของแม่ทัพ
อ๋องฉีสวมชุดทางการไม่เหมาะสมอยู่บ้าง พระชายาฉีพยักหน้า
อ๋องฉีไปเปลี่ยนชุดยังไม่กลับมา คนรับใช้คนหนึ่งก็รีบวิ่งเข้ามารายงานอย่างรีบร้อน “เหนียงเหนียง แม่ทัพใหญ่มาถึงแล้ว”
พระชายาฉีผุดลุกขึ้นฉับพลัน ไม่ได้สนว่าจะเรียกหวงฝู่อี้เซวียนกับเมิ่งเชี่ยนโยวทั้งสองคนไปด้วย รีบวิ่งออกไปรับ
ฉู่เหวินเจี๋ยเดินตามหลังพ่อบ้านเข้ามาแล้ว เดินบ่ายหน้าไปยังเรือนของพระชายาฉี เห็นพระชายาฉีวิ่งออกมารับด้วยความเร็ว อึ้งไปสักครู่ จากนั้นก็แสดงความดีใจออกมา วิ่งเข้าไปหา ถามขึ้นอย่างดีใจว่า “ท่านพี่ ร่างกายท่านไม่เป็นอะไรแล้วหรือ”
พระชายาฉีไม่ได้ตอบ รอให้เขามายืนนิ่งๆ อยู่ตรงหน้า รอบตาแดงก่ำ ตรวจตราดูเขาอย่างละเอียด กล่าวอย่างมีก้อนอะไรจุกอยู่ที่คอว่า “กลับมาก็ดีแล้ว กลับมาก็ดีแล้ว”
สองคนพี่น้องผูกพันรักกันมาตั้งแต่เด็ก ครั้งนี้ออกไปทำสงครามเป็นเวลานานถึงสี่ปี เนื่องด้วยเหตุผลต่างๆ ทำให้ให้ฉู่เหวินเจี๋ยไม่อาจเขียนจดหมายถึงพระชายาฉีเป็นการส่วนตัวได้ ดังนั้นในแต่ละวันพระชายาฉีจึงคิดถึงมาก บัดนี้เห็นคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้สบายดี น้ำตาไหลออกมาอย่างยั้งไม่อยู่
สีหน้าของฉู่เหวินเจี๋ยแสดงถึงความประทับใจ พยุงแขนของนาง น้ำเสียงมีความตื้นตันขึ้นบ้าง “ท่านพี่ มิใช่ว่าข้ากลับมาอย่างปลอดภัยแล้วหรือ ท่านร่างกายไม่แข็งแรง อย่าร้องไห้เลย”
พระชายาฉีซับน้ำตา “ข้ากำลังดีใจอยู่ ในที่สุดเจ้าก็กลับมาแล้ว ข้าก็ไม่ต้องอกสั่นขวัญแขวนทุกวัน กลัวว่าเจ้าจะมีอันตราย”
หวงฝู่อี้เซวียนกับเมิ่งเชี่ยนโยวก็เดินตามมา
“ท่านน้า!” หวงฝู่อี้เซวียนเรียกขึ้น
“แม่ทัพใหญ่” เมิ่งเชี่ยนโยวก็เรียกทักทาย
ฉู่เหวินเจี๋ยพยักหน้า
อ๋องฉีเปลี่ยนชุดออกมาแล้ว
ฉู่เหวินเจี๋ยคารวะแล้วร้องทักขึ้น “ท่านอ๋อง!”
อ๋องฉีโบกมือ “ตอนนี้อยู่ที่บ้าน ต่างก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่มีเรื่องตำแหน่ง เรียกพี่เขยก็พอ”
ฉู่เหวินเจี๋ยอึ้งเล็กน้อย มองหน้าพระชายาฉี จากนั้นก็ร้องทักทำตามแต่โดยดี “พี่เขย!”
อ๋องฉีพยักหน้า “กองทัพเพิ่งจะกลับเข้าเมือง เหนื่อยแล้วกระมัง รีบเข้าไปนั่งในห้องเถอะ”
พระชายาอ๋องฉูจูงมือฉู่เหินเจี๋ยเดินอยู่ข้างหน้า
อ๋องฉีเห็นแล้วขมวดคิ้วมุ่น
พระชายาฉีไม่รู้สึกอะไรแม้แต่น้อย
ทุกคนมาถึงโถงรับรอง นั่งลง พระชายาฉีสั่งให้สาวใช้ไปนำชาร้อนมา ยิ้มแล้วกล่าวกับฉู่เหวินเจี๋ยว่า “เจ้าจะต้องจัดการกองทหารเรียบร้อยแล้วก็รีบมาทัทีย่างแน่นอน ดื่มชาร้อนๆ อบอุ่นร่างกายก่อน อีกสักครู่ข้าจะสั่งให้ห้องครัวตั้งสำรับไว้”
ฉู่เหวินเจี๋ยยกชาขึ้นดื่มอย่างเชื่อฟัง ดื่มน้ำชาร้อนๆ ไม่กี่คำ แล้วจึงวางถ้วยน้ำชาลง
“จัดการเรื่องกองทัพเรียบร้อยแล้วหรือ” อ๋องฉีถามขึ้น
ฉู่เหวินเจี๋ยพยักหน้า “พลทหารทุกคนต่างก็จัดการเรียบร้อยแล้ว มีเพียงพลทหารที่บาดเจ็บพิการฮ่องเต้ยังไม่มีพระราชโองการมา ไม่รู้ว่าจะจัดการเช่นไรดี”
ทุกครั้งหลังจากที่เสร็จสิ้นสงครามแล้ว เหล่าพลทหารที่บาดเจ็บพิการ โดยทั่วไปราชสำนักจะมอบเงินให้บ้าง แล้วก็ส่งพวกเขากลับบ้านเดิม แต่ว่าพลทหารพิการเหล่านี้ล้วนแต่มาจากครอบครัวยากจน ที่แบบนั้น ถึงจะมีแขนขาแข็งแรงที่ยังใช้การได้ดีก็ไม่อาจทำมาหากินให้กิ่นอิ่มได้ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาที่พิการเหล่านี้ ถ้าคนในครอบครัวดีหน่อย ก็จะดูแลบ้าง แต่ถ้าคนในครอบครัวร้าย รอจนกระทั่งใช้เงินชดเชยของพวกเขาหมดแล้วก็จะไล่พวกเขาออกจากบ้าน ปล่อยให้พวกเขาดิ้นรนดูแลตัวเอง สุดท้ายแล้วจะเทียบไม่ได้เลยกับคนทั่วไป
คนเหล่านี้ต่างก็ติดตามฉู่เหวินเจี๋ยจนตัวตาย เป็นพี่น้องในสมรภูมิอันนองเลือด พอนึกถึงว่าพวกเขาต้องมีจุดจบอันน่าเวทนา ใจของฉู่เหวินเจี๋ยก็รู้สึกขมขื่น แต่ว่าเขาก็เป็นเพียงแม่ทัพที่นำทหารออกสู้รบ เงินเดือนมีเพียงน้อยนิด ต่อให้ชดเชยให้พวกเขาทุกคนก็ไม่อาจแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ ดังนั้นทุกครั้งที่สู้รบกลับมา การจัดการกับพลทหารที่พิการนั้นเป็นเรื่องที่เจ็บปวดที่สุดของฉู่เหวินเจี๋ย
อ๋องฉีไม่ได้พูดอะไร นี่เป็นการจัดการของราชสำนัก เขาที่เป็นอ๋องคนหนึ่งไม่อาจเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้
บรรยากาศภายในห้องโถงรับแขกค่อนข้างอึดอัด
เมิ่งเชี่ยนโยวเม้มริมฝีปาก กล่าวถามขึ้นว่า “มากไหมเจ้าคะ”
ฉู่เหวินเจี๋ยพยักหน้า “มากมาย เพียงแต่มีบางคนที่บาดเจ็บสาหัส บางคนเบา”
ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวขึ้นอีกครั้งว่า “อีกไม่กี่วันข้าจะเปิดโรงหัตถกรรมขึ้นอีก อีกไม่กี่วันข้ากำลังคิดว่าจะไปปรึกษากับใต้เท้าเปาเรื่องหาคนงาน ตอนนี้ประจวบเหมาะ ข้าจะสามารถจัดหาพลทหารได้บ้าง แค่มือครบก็พอ”
ฉู่เหวินเจี๋ยหันมองนางอย่างตื่นเต้นระคนยินดี ในน้ำเสียงมีความดีใจขึ้น “ที่แม่นางเมิ่งกล่าวเป็นความจริงไหม”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า
“ถ้าเช่นนั้นก็ประเสริฐเหลือเกิน ข้ากลับไปแล้วจะรีบไปเลือกคนที่เหมาะสมมา รอหลังจากฮ่องเต้มีพระราชโองการมาแล้วจะไปส่งให้เจ้า”
เมิ่งเชี่ยนโยวนึกถึงปัญหาข้อหนึ่ง ขมวดคิ้วมุ่น “ทำงานในโรงหัตถกรรมนั้นไม่มีปัญหา แต่ว่าจะให้พวกเขาพักที่ใด ในโรงหัตถกรรมของข้าไม่มีที่ให้พวกเขาพำนัก”
ใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้มของฉู่เหวินเจี๋ยพลันพุบลง พลทหารเหล่านี้หากโดนปลด ก็จะไม่อนุญาตให้อาศัยอยู่ในกองทัพ ที่พำนักของคนหลายคนเป็นปัญหาใหญ่จริงๆ
อ๋องฉีกล่าวขึ้นว่า “วันพรุ่งนี้หลังจากประชุมเช้าเสร็จแล้วข้าจะไปหาเสด็จพี่ฮ่องเต้เรื่องปัญหานี้ ดูว่าราชสำนักจะสามารถหาที่พำนักให้พวกเขาก่อนเป็นการชั่วคราวได้หรือไม่”
ฉู่เหวินเจี๋ยประกบมือคำนับ “ถ้าเช่นนั้นต้องขอบพระทัยท่านอ๋องแล้ว”
อ๋องฉีกระแอมไอขึ้นมาเบาๆ ครั้งหนึ่ง “เรียกพี่เขย!”
ฉู่เหวินเจี๋ยรีบเปลี่ยนคำพูด “ขอบคุณพี่เขย”
พระชายาฉีฟังพวกเขาคุยกันจนจบ ยิ้มแล้วกล่าวขึ้นทันทีว่า “เอาล่ะ กว่าพวกเราครอบครัวเดียวกันจะได้มาอยู่ร่วมกัน อย่าเพิ่งคุยเรื่องไม่สบายใจเลย เหวินเจี๋ยต้องเหนื่อยแล้วเป็นแน่ กินข้าวเสร็จค่อยกลับไปพักที่จวนแม่ทัพ มีเรื่องอะไรพวกเราค่อยคุยกันอีกครั้ง”
พูดจบก็พูดกับหลิงหลงว่า “ให้ห้องครัวตั้งสำรับ”
ไม่นานคนรับใช้ก็ตั้งสำรับเรียบร้อย ทุกคนเดินไปยังห้องโถงกินข้าง พระชายาฉีนั่งโดยมีฉู่เหวินเจี๋ยนั่งข้างๆ ตักกับข้าวให้เขาไม่หยุด
ฉู่เหวินเจี๋ยเป็นถึงแม่ทัพ เป็นผู้นำกองทัพออกสู้รบ นอนกลางดินกินกลางทรายจนชินแล้ว ไม่ว่าอะไรก็กินได้ ขอเพียงเป็นกับข้าวที่พระชายาอ๋องหลิงคีบใส่ชามของเขา เขาก็กินทุกอย่างจนหมด
พระชายาฉียิ้มพร้อมทั้งคีบกับข้าวให้เขาไม่หยุด
อ๋องฉีเห็นแล้วก็ขมวดคิ้วน้อยๆ
พระชายาฉีเอาแต่ยุ่งกับการคีบกับข้าวให้ฉู่เหวินเจี๋ยจึงไม่ได้สังเกตเห็น
ฉู่เหวินเจี๋ยก็ยุ่งแต่กับการกินก็ไม่ได้สังเกตเห็นเช่นกัน
หวงฝู่อี้เซวียนวุ่นอยู่กับการดูแลเมิ่งเชี่ยนโยว ก็ไม่ได้สังเกตเห็นเขา
มีเพียงเมิ่งเชี่ยนโยวที่เห็นอาการของเขา แอบก้มหน้าขำ อ๋องฉีนี่ก็เป็นเจ้านายน่าขัน ขนาดพระชายาคีบอาหารให้น้องชายตัวเองก็ยังหึงหวง
สะกิดเตะหวงฝู่อี้เซวียนไปเบาๆ ส่งสายตาเป็นความหมายบอกให้เขามองสีหน้าของอ๋องฉี
หวงฝู่อี้เซวียนเหลือบมองแวบหนึ่ง แล้วจึงละสายตา กลับมาคีบกับข้าวให้กับนางทำหน้าปกติ กล่าวอ่อนโยนว่า “กินอีกหน่อย ดูวันนี้เจ้ายุ่งจนผอมไปหมดแล้ว”
ตัวเองผอมที่ไหน เมิ่งเชี่ยนโยวถลึงตามองเขาแวบหนึ่ง แล้วก็ก้มหน้าก้มตากินข้าวแต่โดยดี
อาหารมื้อนี้มีสี่คนที่กินอย่างมีความสุข ส่วนอีกคนหนึ่งตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีคนสนใจ นั่งอีกสักครู่ ฉู่เหวินเจี๋ยก็ลุกขึ้นกล่าวขอตัวลา
คิดว่าเขานำขบวนทัพเดินทางกลับมาอย่างยาวนาน ความจริงก็เหนื่อยแล้ว พระชายาฉีก็ไม่ได้รั้งเขาไว้ สั่งให้หลิงหลงไปหยิบชุดที่ทำไว้เรียบร้อยแล้วออกมา ทุกคนจึงไปส่งเขาออกจวน
รอจนกระทั่งเขาขี่ม้าออกไปแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านอ๋อง พระชายาเพคะ นี่ก็ดึกมากแล้ว หม่อมฉันควรจะกลับไปแล้วเพคะ”
—————————-