ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] - ตอนที่ 133 ความจริงถูกเปิดเผย
ถึงแม้ว่าจะเจ็บจนแทบจะเป็นลม ไม่มีแม้เรี่ยวแรงจะพูดจา แต่ว่าน้ำเสียงของชุ่ยเหลียนก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้น นางยกมือซ้าย ชี้นิ้วไปที่เมิ่งเชี่ยนโยว พลางพูดอย่างอ่อนแรงว่า
“คราก่อนข้าไปขายของแทนพระชายารอง แต่สาวชั้นต่ำผู้นี้สั่งคนให้ปลอมตัวเป็นคนต่างถิ่น มาซื้อของทั้งหมดไปในราคาต่ำ ทำให้ข้าต้องถูกพระชายารองลงโทษ แต่นั้นมาข้าก็จำใส่ใจไว้ตลอดว่าจะต้องแก้แค้นนาง และในที่สุดข้าก็มีโอกาสจนได้ วันนี้ข้าจึงใช้โอกาสที่นางมาเป็นแขกที่เรือนหลักสั่งให้หลิวเซียงหลอกล่อให้นางไปที่จวนนั้น หวังจะให้นางดื่มชาที่ใส่ยาลงไปโดยไม่มีใครรู้ เพื่อทำลายความบริสุทธิ์ของนาง”
ยังไม่สิ้นเสียงนาง เสียงเย็นชาของเมิ่งเชี่ยนโยวก็ดังขึ้น “เจ้าหยุดแต่งเรื่องเสียเถอะ แต่เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าเจ้าน่ะเป็นเพียงบ่าวรับใช้ใกล้ตัวเท่านั้น เงินเก็บแต่ละเดือนก็คงไม่ถึงสองอัฐ ต่อให้เจ้าไม่กินไม่ใช้เลย ทั้งปีก็คงเก็บได้ไม่เท่าไหร่ แล้วเจ้าจะเอาอัฐมากเช่นนั้นจากที่ไหนไปให้หลิวเซียง”
พระชายาฉีและฉู่เหวินเจี๋ยมาถึงได้พักใหญ่แล้ว เห็นเหตุการณ์ที่อ๋องฉีลงโทษบ่าวไพร่ แต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไร ตอนนี้ได้ยินชุ่ยเหลียนพูดแบบนี้เข้า ฉู่เหวินเจี๋ยก็โกรธขึ้นมาทันที เขาเดินตรงไปหานาง แล้วใช้เท้าเหยียบลงบนนิ้วมือขวาที่เพิ่งโดนทุบจนหักของนาง พูดเสียงน่ากลัวว่า “อย่างนั้นใครเป็นผู้ใส่ยาลงไปในน้ำชาที่ข้าดื่มกันล่ะ”
ชุ่ยเหลียนเจ็บจนทำหน้าบูดเบี้ยว แต่ก็ยังอดทนพูดต่อไปว่า “เรื่องนั้นข้าน้อยไม่ทราบเจ้าค่ะ วันนี้ข้าน้อยยังไม่ได้ออกจากจวนของพระชายารองเลยเจ้าค่ะ”
ฉู่เหวินเจี๋ยจ้องนางตาเขม็ง แผ่เอาความรู้สึกอาฆาตออกมา ออกแรงเหยียบแรงขึ้น พูดว่า “เจ้านี่ช่างไม่รักตัวกลัวตายเอาเสียจริง วันนี้ข้าจะทดสอบดูหน่อยว่ากระดูกของเจ้ามันแข็งเพียงใด” เมื่อพูดจบก็มีเสียงดังขึ้น กระดูกนิ้วมือขวาที่เหลืออีกสองนิ้วของชุ่ยเหลียนถูกเหยียบจนหัก
ชุ่ยเหลียนร้องดังสนั่นจนสลบไปอีกครั้ง
สาวใช้ในจวนของพระชายารองเห็นด้านโหดร้ายของฉู่เหวินเจี๋ยก็พากันกลัวเข้าไปใหญ่ พวกนางกลัวจนตัวสั่นเหมือนผีเข้า มอมอคนใช้เก่าแก่นอนเลือดอาบอยู่ไกลๆ แต่ทั้งๆ ที่เกิดเรื่องวุ่นวายแบบนี้ขึ้นแต่ตัวนางกลับไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย นอนแน่นิ่งราวกับว่าตายไปแล้วอย่างนั้น
พระชายาฉีขมวดคิ้วลง แต่ว่าไม่ได้กล่าวอะไร
ฉู่เหวินเจี๋ยดึงเท้ากลับ และก็มีองครักษ์นำน้ำเย็นหนึ่งถัง พร้อมมาสาดลงบนตัวนางทันที
พอชุ่ยเหลียนเพิ่งจะเริ่มได้สติ ความเจ็บปวดจากปลายนิ้วก็แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของนาง ฉู่เหวินเจี๋ยเอาเท้าวางบนมือซ้ายของนาง พร้อมพูดว่า “สำหรับทหารแล้ววิธีการทรมานคนน่ะมีหลายแบบ นี่เป็นเพียงวิธีที่เบาที่สุดวิธีหนึ่งเท่านั้น ถ้าหากเจ้ายังไม่ยอมพูดความจริง ข้ารับรองว่าเจ้าจะได้ลิ้มรสบทลงโทษทุกแบบเป็นแน่” พูดจบ เขาก็ออกแรงเหยียบจนกระทั่งนิ้วมือของนางหักลงเป็นท่อนๆ
ชุ่ยเหลียนเจ็บจนขดตัวไว้ด้วยกัน นางทนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว จึงรีบพูดว่า “ข้ายอมพูดแล้ว ข้ายอมพูดแล้วเจ้าค่ะ”
ฉู่เหวินเจี๋ยดึงเท้ากลับ ชุ่ยเหลียนเจ็บจนอยากจะกุมมือตัวเองไว้ แต่ก็ไม่มีแรงมากพอ
“พูดสิ ขอแค่เจ้าบอกว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังคือใคร ข้าก็จะจัดการเจ้าอย่างดีเลยล่ะ” ใบหน้าของฉู่เหวินเจี๋ยกลับไปไร้ความรู้สึกเช่นเดิม และพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
ชุ่ยเหลียนเจ็บจนอยากร้องขอความตาย นางจึงไม่ปิดบังอะไรอีก นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งครั้ง ใช้แรงทั้งที่มีพูดออกไปว่า “เป็นพระชายารองเจ้าค่ะ ที่สั่งให้ข้าทำเช่นนี้”
จริงๆ แล้วหลายคนต่างก็ทราบคำตอบกันดีอยู่แล้ว เพียงแต่อยากได้ยินความจริงออกจากปากของชุ่ยเหลียนก็เท่านั้น
เมื่อชุ่ยเหลียนพูดจบ อ๋องฉีก็หันหลังกลับ เดินตรงไปยังจวนของพระชายารองทันที พร้อมสั่งเสียงแข็งว่า “ทุบกระดูกนางให้แหลกทั้งร่าง และนำร่างหญิงแก่นั่นมาด้วย”
ชุ่ยเหลียนอ้อนวอนว่า “ท่านอ๋องเจ้าคะ ข้าน้อยรู้ดีว่าจะต้องตาย ขอให้ข้าน้อยตายแบบไม่ทรมานได้หรือไม่เจ้าคะ”
อ๋องฉีทำราวกับว่าไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งสิ้น เขาเดินจากไปด้วยเสียงฝีเท้าแห่งความโกรธ
องครักษ์รับสั่ง และปฎิบัติตามทันที
หวงฝู่อี้เซวียนสั่งพ่อบ้านว่า “ให้ทุกคนดูการลงโทษไว้ และจงจำเอาไว้ว่า ต่อไปหากใครกล้าทำผิดอีกจะต้องเจอจุดจบเช่นเดียวกับนาง”
พูดจบก็หันหลังกลับไปพร้อมกับเมิ่งเชี่ยนโยว เดินไปพยุงพระชายาฉีเดินไปที่จวนของพระชายารอง
ฉู่เหวินเจี๋ยเดินตามหลังไปด้วยสีหน้าคร่ำเครียด
เมื่อคนเหล่านั้นเดินจากไปไม่กี่ก้าว ก็มีเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดเจียนตายของชุ่ยเหลียนคล้อยตามหลัง เสียงนั้นดังอยู่ไม่กี่ครั้งก็เงียบลง
พระชายาฉีสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรงตั้งแต่วัยเยาว์ เป็นผู้มีจิตใจอ่อนโยน ไม่ต้องพูดถึงเมื่อคราวอยู่ที่จวนแม่ทัพ เพราะตั้งแต่แต่งเข้ามาเป็นพระชายาของอ๋องฉีนางก็ไม่เคยลงโทษบ่าวไพร่เลยสักครั้ง อย่างมากก็เพียงดุกล่าวตักเตือนเท่านั้น เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ หากเกิดขึ้นในสมัยก่อน นางก็จะต้องออกตัวห้ามปราม ให้ลงโทษชุ่ยเหลียนแบบเด็ดขาด ไม่ให้นางทรมาน แต่วันนี้นางโกรธมากจนทนไม่ไหว เรื่องที่พระชายารองทำนั้นร้ายกาจเกินไป ถ้าหากปล่อยไว้จนได้ใจ อาจจะส่งผลให้จวนฉีและจวนแม่ทัพกลายเป็นศัตรูกันได้
พระชายาฉีไม่เพียงแค่จะถูกบังคับให้ตัดขาดความสัมพันธ์กับฉู่เหวินเจี๋ยเท่านั้น แต่กระทั่งความสัมพันธ์กับหวงฝู่อี้เซวียนก็คงจะต้องมีช่องว่างเกิดขึ้น และจะกลับมาเป็นเหมือนตอนที่เขาเพิ่งมาแรกๆ ที่มีท่าทีห่างเหินกับนางอย่างมาก อีกอย่าง เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่มีทางหยุดเป็นแน่ ถ้าไม่ทำลายอ๋องฉี นางก็จะต้องทำลายจวนแม่ทัพเป็นแน่ เมื่อนึกถึงผลที่จะเกิดเป็นเช่นนี้แล้วนางก็คิดได้ จึงไม่รู้สึกสงสารในสิ่งที่ชุ่ยเหลียนถูกลงโทษในวันนี้เลยแม้แต่น้อย
ถึงแม้ว่าชุ่ยเหลียนจะสลบไปแล้ว เหล่าองครักษ์ก็ยังคงทำทุบนางจนกว่ากระดูกแหลกทั้งร่างตามคำสั่ง จากนั้นก็ให้ลากร่างนางและหญิงแก่ไปที่หน้าจวนพระชายารอง
เมื่อเจ้านายจากไปหมดแล้ว องครักษ์ก็ลากเอาร่างที่กำลังจะหมดลมของชุ่ยเหลียนและหญิงแก่ออกไป พวกบ่าวไพร่เองก็เพิ่งจะรู้ตัวว่าเสื้อผ้าของตนเปียกจนหมด เกือบทั้งหมดรู้สึกแข้งขาอ่อนแรงจนทรุดลงที่พื้น
พ่อบ้านเองก็ไม่รู้ว่าตนเองเหงื่อออกไปมากเท่าไรแล้ว ยืนเซสองสามครั้งก็พยุงตัวตรงขึ้นได้ ไม่ได้ล้มลงไปบนพื้นเช่นเดียวกับเหล่าบ่าวไพร่ เขากวาดสายตามองไปยังเหล่าบ่าวไพร่เล็กน้อย แล้วพูดเสียงเรียบว่า “พวกเจ้าเห็นจุดจบของชุ่ยเหลียนและเหลียนเซียงแล้วใช่หรือไม่ นับแต่นี้ไป พวกเจ้าจงจำไว้ว่าจะต้องซื่อสัตย์กับนายท่าน ห้ามมิให้ทำเรื่องที่เป็นภัยต่อเจ้านายเป็นอันขาด และก็อย่าไปถูกพวกสัมภเวสีมันหลอกล่อจนต้องทำเรื่องหักหลังเจ้านาย”
ทุกคนเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างชัดเจน ใครจะกล้ามีความคิดเป็นอย่างอื่น ต่างก็พยักหน้ารับคำเป็นพัลวัน
พ่อบ้านเช็ดหยาดเหงื่อบนหน้าผากเล็กน้อย และสั่งไปว่า “กลับไปทำงานที่จวนของพวกเจ้าเถอะ ส่วนเหลียนเซียงน่ะ รอให้นายท่านออกคำสั่งมาก่อนค่อยลงโทษ” พูดจบก็หันหลังกลับไปห้องของตนเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า
เหล่าบ่าวไพร่ก็ช่วยพยุงกันและกัน เกาะกลุ่มกันเดินกลับไปที่เรือนพักบ่าวไพร่เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า
อ๋องฉีที่ล่วงหน้ามาถึงหน้าจวนของพระชายารองก่อนแล้ว เมื่อเดินไปถึงหน้าประตูก็ใช้เท้าถีบประตูออกอย่างแรง และเดินเข้าไปด้านในด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
พระชายารองกำลังนั่งพูดกับหวงฝู่อวี้ข้างเตียง เมื่อได้ยินเสียงดังจึงตกใจจนสะดุ้งขึ้น
อ๋องฉีไม่พูดพล่ามทำเพลง เดินตรงไปที่หน้านาง แล้วบีบไปที่คอนางจนเกือบจะลอยขึ้นมา พร้อมถามอย่างเกรี้ยวกราดว่า “เหตุใดเจ้าจึงทำเช่นนี้”
พระชายารองหายใจไม่ออก มือทั้งสองข้างพยายามจะแกะมือของอ๋องฉีออก
หวงฝู่อวี้รีบเข้ามาห้ามอย่างตกใจ เขายื่นแขนออกมาจับแขนของอ๋องฉีเอาไว้ “เสด็จพ่อ เสด็จแม่จะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว ท่านรีบปล่อยนางลงเถอะ”
อ๋องฉีออกแรงเตะหวงฝู่อวี้ออก จนเขาเองก็ต้านไม่ไหว ต้องปล่อยมือที่จับแขนของอ๋องฉีอยู่ พร้อมกับเซถอยหลังไป และเสียหลักหงายหลังล้มลงบนพื้น
อ๋องฉีพูดด้วยเสียงน่ากลัวเช่นเดิมว่า “บอกมา เหตุใดเจ้าจึงทำเรื่องเช่นนี้”
หวงฝู่อวี้ตกใจมาก เขาไม่สนใจความเจ็บ และรีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นมาหาเสด็จพ่อ และยังดึงแขนของเขาเหมือนเดิม “เสด็จพ่อ รีบปล่อยมือเถิดขอรับ”
อ๋องฉีออกแรงเตะหวงฝู่อวี้อีกรอบ ราวกับว่าเขาได้เสียสติไปแล้ว
ครั้งนี้หวงฝู่อวี้เตรียมตัวป้องรับไว้แล้ว รับแรงเตะนี้เข้ายังจัง แต่ยังคงเกาะแขนของเสด็จพ่อไว้แน่น
พระชายารองถูกยกขึ้นจากพื้นแล้ว นางหายใจไม่ออก และเริ่มตาเหลือก
ด้านฝั่งพระชายาฉีเมื่อเดินทางมาถึงก็ได้เห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้า
พระชายาฉีพูดอย่างร้อนใจว่า “ท่านอ๋อง รีบปล่อยนางเถิดเจ้าค่ะ หากนางตายไป เราก็คงไม่มีทางได้รู้ความจริงของเรื่องนี้นะเจ้าคะ”
ตอนนี้เอง อ๋องฉีถึงยอมปล่อยมือออกจากพระชายารอง
พระชายารองล้มลงบนพื้น และรีบหายใจหอบเอาอากาศเข้าไปทันที
ความโกรธของอ๋องฉีก็ยังไม่จางหายไป เขากระโดดเตะที่นาง
หวงฝู่อวี้มายืนกั้นไว้ที่หน้าพระชายารอง อ๋องฉีจึงถีบเข้าที่กลางอกของเขาอย่างจัง
หวงฝู่อวี้กระอักเลือดออกมา
พระชายารองกรีดร้องว่า “ท่านอ๋อง อวี้เอ๋อร์เป็นลูกในไส้ของพวกเรานะเจ้าคะ ท่านทำแบบนี้ได้อย่างไร”
อย่างไรเสียเขาก็เป็นลูกชายที่ตนอุ้มชูมาตั้งแต่เล็ก เมื่อเห็นหวงฝู่อวี้กระอักเลือดออกมา เขาก็เจ็บลึกในใจ แต่ไม่นานก็ถูกความโกรธเข้าแทนที่ “เจ้าก็รู้นี่ว่าเขาคือลูกชายเจ้า แล้วตอนที่เจ้าทำเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ลงไปเจ้าไม่คิดถึงหน้าลูกบ้างหรือ”
พระชายารองปฎิเสธเสียงแข็ง “ข้าก็อยู่ในห้องของข้าดีๆ มิได้ออกไปไหนเลย ข้าทำเรื่องเลวร้ายอะไรหรือเจ้าคะ”
“จนป่านนี้แล้ว เจ้ายังกล้าปฎิเสธอีกรึ เจ้าจะบังคับให้ข้าต้องฆ่าเจ้าด้วยมือตัวเองเลยใช่หรือไม่” อ๋องฉีพูดด้วยความโกรธ
“หม่อมฉันมิได้ทำอะไรเลยเจ้าค่ะ ท่านอ๋องจะให้หม่อมฉันยอมรับอะไรหรือเจ้าคะ ท่านอ๋อง ท่านจะให้ข้ารับผิดในเรื่องที่ไม่ได้ก่อหรือเจ้าคะ” พระชายารองยังคงดื้อด้านโกหก
อ๋องฉีพยักหน้าอย่างโกรธเคือง “ได้ เจ้านี่มันไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาสินะ ที่ผ่านมาข้าคงประเมินเจ้าต่ำไป” ไม่พูดเปล่า เขาตะโกนบอกว่า “เอาตัวมา!”
องครักษ์พาชุ่ยเหลียนที่นอนขดตัวและคนใช้แก่ที่อาบไปด้วยเลือดโยนลงบนพื้นด้านใน และรีบถอยหลังออกไป
เมื่อเห็นสภาพของทั้งสองคน พระชายารองตกใจมาก รีบคลานไปหาทั้งสองคน และร้องว่า “มอมอ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา
พระชายารองหันกลับมาหาชุ่ยเหลียน “ชุ่ยเหลียน ตื่นสิ เจ้าเป็นอะไรไป”
ไม่มีเสียงตอบรับจากชุ่ยเหลียนเช่นกัน
พระชายารองเงยหน้า ถามอย่างลืมตัวว่า “ท่านอ๋อง พวกเขาอยู่ข้างกายข้ามาหลายปีแล้ว ท่านยังทำได้ลงคอหรือเจ้าคะ”
อ๋องฉีเดินมาตรงหน้านาง ย่อตัวลง สบตากับนางตรงๆ พูดด้วยน้ำเสียงเรียบแต่ลึกลับว่า “เหตุใดข้าจึงต้องลงโทษพวกมันเช่นนี้ เจ้าไม่รู้หรือ”
พระชายารองกลัวจนถดถอยออกไปเล็กน้อย พร้อมส่ายหัว “หม่อมฉันมิทราบเจ้าค่ะ”
อ๋องฉีจ้องมองนางสักครู่ ด้วยสายตาอาฆาตเหมือนมองคนแปลกหน้า แล้วจึงลุกยืนขึ้น ตะโกนเสียงดังว่า “เอาน้ำมาสาดปลุกพวกมัน ให้เจ้านายที่แสนดีของพวกมันได้รู้ว่าเหตุใดพวกมันจึงต้องโทษ”
“อย่านะเจ้าคะ” พระชายารองคลานมาข้างหน้าเล็กน้อย กอดขาของอ๋องฉีเอาไว้ “มอมออายุมากแล้ว หากท่านอ๋องสาดน้ำใส่นาง นางคงทนไม่ได้เป็นแน่”
อ๋องฉีไม่ขยับ พูดว่า “ถ้าอย่างนั้น เจ้าก็บอกข้าสิ ว่าเจ้าทำอะไรลงไป”
พระชายารองปล่อยมือออกจากขาของอ๋องฉี กุลีกุจอถอยหลังไปพร้อมกับสายหัวปฎิเสธ “ข้ามิได้ทำอะไรทั้งนั้นเจ้าค่ะ! ข้ามิได้ทำอะไรทั้งนั้นเจ้าค่ะ!”
หวงฝู่อวี้เองก็คลานมาด้านหน้า และบังพระชายารองเอาไว้ “เสด็จพ่อ วันนี้เสด็จแม่ของข้ามิได้ออกไปไหนทั้งสิ้น ท่านไม่ได้ทำกระไรเลยจริงๆ ขอรับ”
“องครักษ์ มาเอาตัวคุณชายรองออกไปข้างนอก!” อ๋องฉีสั่งเสียงเย็นชา
องครักษ์ตอบรับ เปิดม่านประตูเข้ามา ยื่นมือมาที่หวงฝู่อวี้
หวงฝู่อวี้ยื่นมือไปตบพวกนั้นทันที “พวกหมารับใช้ เจ้ากล้าแต่ต้องข้ารึ”
หวงฝู่อวี้เป็นคุณชายรองของจวน ตอนที่หวงฝู่อี้เซวียนยังไม่กลับมานั้น เขาถูกตามใจมาก ทำให้เหล่าองครักษ์ไม่กล้าหือด้วย
หวงฝู่อี้เซวียนเปิดปากพูดว่า “เสด็จพ่อ อวี้เอ๋อร์อายุไม่น้อยแล้ว เรื่องนี้ควรให้น้องรับรู้ด้วย ให้น้องอยู่ฟังด้วยกันในนี้เถิดขอรับ”
อ๋องฉีโบกมือ เหล่าองครักษ์จึงคำนับและถอยออกไป
“เสด็จพ่อ หลายปีมานี้ เสด็จแม่ดูแลจัดการเรื่องในจวนต่อให้ไม่มีผลงาน แต่ก็ได้ลงแรงไปมาก และต่อให้คืนอำนาจการดูแลจวนไปแล้ว นางก็ยังเป็นสนมของท่านอยู่ ต่อให้นางผิดอะไร ท่านก็ไม่ควรทำกับนางเช่นนี้ขอรับ” เมื่อองครักษ์ออกไปจนหมดแล้ว หวงฝู่อวี้ก็กล่าวโทษอ๋องฉีเบาๆ
แม้ว่าหวงฝู่อวี้จะถูกตามใจมานาน แต่ว่าเขาก็กลัวเสด็จพ่อของเขามาตลอด ก่อนหน้านี้ เขาไม่กล้าที่จะกล่าวโทษเสด็จพ่อของเขาเช่นนี้ แต่ว่าวันนี้ชุ่ยเหลียนและมอมอถูกลงโทษจนเกือบตาย ด้านพระชายารองก็ยังน่าสงสารเช่นนี้ อีกอย่างการกระทำเมื่อครู่ของอ๋องฉีทำให้เขารู้สึกกลัว หวงฝู่อวี้ทนต่อไปไม่ได้แล้ว เขาไม่เพียงกล้าพูดจากล่าวโทษเสด็จพ่อ แต่เขายังกล้าจ้องเขม็งไปที่ท่านอีก
หลังจบคำของหวงฝู่อวี้ อ๋องฉีจ้องไปที่สนมอีกครั้ง “ข้าให้โอกาสเจ้าอีกเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าหากเจ้ายังไม่พูดความจริงอีก ข้าก็จะลงโทษทั้งเจ้าและลูกของเจ้า”
หวงฝู่อวี้เป็นแก้วตาดวงใจของพระชายารอง เมื่อคำพูดของท่านฉีเข้าไปในหูของนางแล้ว พระชายารองก็กลัวมาก รีบก้มหัวลงเพื่อขอร้อง “ท่านอ๋อง หม่อมฉันไม่ได้ทำอะไรเลยเจ้าค่ะ ท่านอย่าลงโทษอวี้เอ๋อร์เลยนะเจ้าคะ”
เมื่อเห็นว่านางเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่ยอมรับ ความโกรธของอ๋องฉีก็ทวีขึ้นไปจนถึงขีดสุด แผดเสียงว่า “สาดน้ำให้เจ้าสองคนนั่นตื่น!”
องครักษ์สองคนตอบรับ ไปเอาน้ำมาสองถัง แล้วก็สาดลงบนตัวของชุ่ยเหลียนและมอมอสาวใช้แก่ โดยที่พระชายารองยังไม่ทันได้ออกปากห้ามปราม
พระชายารองและหวงฝู่อวี้ที่คุกเข่าอยู่ข้างๆ พวกนางเองก็ถูกน้ำกระเด็นใส่เช่นกัน แต่หวงฝู่อวี้ว่องไว ก่อนที่องครักษ์จะเอาน้ำมาสาดเขาก็ได้เอาตัวเองไปกันไว้ที่ด้านหน้าของพระชายารอง แต่ถึงอย่างนั้นตัวของพระชายารองก็ถูกสาดจนเปียกอยู่ดี ส่วนตัวของหวงฝู่อวี้นั้นไม่ต้องพูดถึง ตัวของเขาเปียกไปชุ่มหมด หลังจากเช็ดน้ำเย็นที่กระเด็นมาบนหน้าของเขาแล้ว หวงฝู่อวี้ก็กล่าวโทษพ่อของเขาอีกครั้งว่า “เสด็จพ่อ ท่าน…”