ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] - ตอนที่ 2 ผู้บงการเบื้องหลัง ความปรารถนาคือสิ่งใด?
- Home
- ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]
- ตอนที่ 2 ผู้บงการเบื้องหลัง ความปรารถนาคือสิ่งใด?
สตรีวัยกลางคนนางนั้นได้ยินวาจานาง ร่างสั่นเทิ้มอย่างไม่รู้ตัว ครั้งนี้ตกใจผวาจริงๆ แล้ว หดห่อร่างถอยร่นไปด้านหลัง
เหล่าเจ้าหน้าที่ยืนหน้านิ่งข้างโต๊ะ ไม่แยแสสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า
แต่ฝูงชนที่พอได้ฟังคำพูดนาง พลันแตกฮือ ยิ่งให้ส่งเสียงวิพากษ์ร้อนแรง
เมิ่งเชี่ยนโยวปล่อยให้พวกเขาพูดกันให้พอ ไม่โต้ตอบสนใจ นั่งบนโต๊ะเงียบๆ รอการมาถึงของผู้ว่าการตำบล
คล้ายว่าสตรีวัยกลางคนสามนางนั้นจะตกใจกลัวแล้ว ไม่กล้าหวีดร้องโวยวายอีก หดตัวนั่งนิ่งกับพื้น
แล้วเมิ่งเสียนก็ตามมาถึง หลังจากลงจากรถม้า ก็รีบเดินเข้ามาในร้าน ถามเมิ่งเชี่ยนโยวน้ำเสียงเร่งเร้า “น้องสาว เรื่องเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวปลอบใจเขา “พี่ใหญ่ไม่ต้องเป็นห่วง คนผู้นั้นไม่มีอันตรายถึงชีวิต ข้ากำลังรอให้ท่านผู้ว่าการตำบลเข้ามาตรวจสอบ ว่าพวกเขาทั้งหมดถูกพิษได้อย่างไรกันแน่?”
เมิ่งเสียนหันหลังเดินออกไป เดินไปพูดไปว่า “เจ้ารอท่านผู้ว่าการตำบลอยู่ที่นี่ ข้าจะไปดูที่โรงหมอ”
เมิ่งเชี่ยนโยวกำชับเขาไล่หลัง “พี่ใหญ่ ท่านระวังด้วย”
เมิ่งเสียนส่งเสียงขานรับ ขึ้นรถม้า สั่งเหวินเปียวให้ไปโรงหมอ
เมิ่งเชี่ยนโยวบอกกลุ่มคนที่ตกใจขวัญเสียในร้าน “หาที่หาทางนั่งเถอะ เรื่องยังไม่ได้รับการตรวจสอบ พวกเจ้าก็คงยังไปไหนไม่ได้”
กลุ่มคนขานรับคำเสียงอ่อน แยกย้ายกันหาที่นั่ง
หลงจู๊เพิ่งมาที่ร้านนี้ได้เดือนเดียว ก็เกิดเรื่องนี้ขึ้น ให้ละอายใจเป็นอย่างมาก เดินมาตรงหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว คิดจะพูดบางอย่าง ถูกเมิ่งเชี่ยนโยวห้ามไว้ “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่าน ท่านไม่ต้องเก็บมาใส่ใจ เมื่อความจริงเป็นที่ประจักษ์แล้ว ให้ท่านเป็นหลงจู๊ต่อไป”
หลงจู๊ก็อายุอานามไม่น้อยแล้ว หลายปีมานี้เคยทำงานให้นายท่านหลายคน ไม่มีนายท่านคนไหนเป็นเช่นเมิ่งเชี่ยนโยว เกิดเรื่องขึ้น ไม่เพียงไม่โยนความรับผิดชอบมาที่เขา กลับยังพูดปลอบใจเขา ให้เกิดความรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างบอกไม่ถูก ตื้นตันจนริมฝีปากขยับ คิดจะพูดขอบคุณ ครั้นเห็นแววตาเมิ่งเชี่ยนโยวก็รู้สึกว่าพูดออกไปก็เกินความจำเป็น จึงกลืนคำพูดที่ปลายลิ้นลงไป สาบานกับตัวเอง หลังผ่านพ้นเรื่องนี้ไป ตนเองจะตั้งใจดูแลร้านก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งให้ดี เพื่อตอบแทนความไว้วางใจของเมิ่งเชี่ยนโยว
หลังจากผู้ว่าการตำบลเห็นผู้ที่ได้รับพิษในโรงหมอไม่มีอันตรายถึงแก่ชีวิต สั่งกำชับหมอสองสามคำ จึงเดินออกมา กลับมาที่ร้านก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งพร้อมเจ้าหน้าที่ห้อมล้อมจำนวนหนึ่ง
เห็นเขาเดินเข้ามา เมิ่งเชี่ยนโยวนำทุกคนลุกขึ้น ร้องเรียนอย่างอ่อนน้อม “ท่านใต้เท้าผู้ว่าการ”
ก่อนที่เปาชิงเหอจะถูกโยกย้ายไปเมืองหลวง ผู้ว่าการตำบลท่านนี้ได้รับคำสั่งแต่งตั้งเป็นพิเศษ เป็นคนที่ซื่อตรง แม้นจะรู้ว่าเมิ่งเชี่ยนโยวมีความเกี่ยวพันกับองค์ชายแห่งอ๋องฉีรวมถึงแม่ทัพฉู่ แต่ก็ไม่เคยปฏิบัติเป็นพิเศษต่อนาง
โดยเฉพาะคดีที่เกือบจะมีคนเสียชีวิตในร้านก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่ง สีหน้าผู้ว่าการตำบลดูไม่ดีเอาเสียเลย เพียงผงกศีรษะเล็กน้อยอย่างไม่ไยดีต่อคำทักทายของนาง
เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่สนใจ บอกข้อเรียกร้องไปตามตรง “ท่านใต้เท้าผู้ว่าการ ข้าพอจะรู้วิชาแพทย์และยาสมุนไพร ท่านอนุญาตให้ข้าตรวจสอบก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งทั้งสามชามนี้อย่าละเอียดได้หรือไม่?”
แม้คำร้องขอนี้จะไม่สมเหตุสมผล ทว่า นี่เป็นสถานการณ์พิเศษ การหาต้นตอของพิษได้เร็ว ก็จะทำให้ปิดคดีได้เร็วขึ้น ผู้ว่าการตำบลขบคิดครู่หนึ่ง พยักหน้าอนุญาต หันไปโบกมือให้เจ้าหน้าที่ บอกให้เขาถอยออกไป
สตรีวัยกลางคนที่นั่งบนพื้นได้ยินคำร้องขอของเมิ่งเชี่ยนโยว ใบหน้าปรากฏความสะพรึงกลัว เห็นผู้ว่าการตำบลก็ยอมอนุญาต หน้าตาเลิ่กลั่ก กรีดร้องคร่ำครวญอีกครั้ง “ท่านใต้เท้าผู้ว่าการ ท่านให้ความเป็นธรรมกับพวกเราด้วย สามีพวกเราแค่มากินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งชามเดียว ก็ต้องประสบเคราะห์ร้าย เกือบเอาชีวิตไม่รอด ร้านใจดำอำมหิตนี้ จะปล่อยให้เปิดต่อไปอีกไม่ได้”
สตรีวัยกลางคนอีกสองนางก็พยักหน้าสมทบ “ใช่เจ้าค่ะ จะให้เปิดต่อไปอีกไม่ได้ เลี่ยงไม่ให้เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตคนอื่นได้อีก”
เมื่อครู่ผู้ว่าการตำบลเห็นพวกเขาที่โรงหมอแล้ว รู้ว่าพวกนางเป็นภรรยาของกลุ่มชายที่ได้รับพิษ จึงไม่ได้ตวาดพวกนาง
เห็นผู้ว่าการตำบลไม่ห้ามปราม สตรีวัยกลางคนผู้นำยิ่งได้ใจ ไม่ได้ลุกขึ้น แต่คลานไปตรงหน้าผู้ว่าการตำบล ร้องไห้ฟูมฟาย “ท่านใต้เท้าผู้ว่าการ เรื่องนี้กระจ่างแจ้งแล้ว เพราะนังคนใจอำมหิตนั่นใช้มันฝรั่งเน่าเสียมาทำแป้งมันฝรั่ง สามีข้าบังเอิญมากินเข้าไป ท่านต้องให้ความเป็นธรรมกับชาวบ้านตาดำๆ อย่างพวกเรา ลงโทษพวกเขาให้หนัก ให้ร้านก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งของนางเปิดไม่ได้อีกต่อไป”
เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วแน่น ย้อนถามกลับ “เจ้าเอาแต่พูดว่าข้าใช้มันฝรั่งเน่ามาทำแป้งมันฝรั่ง ทำให้สามีเจ้าได้รับพิษ ข้าขอถามเจ้า คนมากมายมากินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งในร้านข้า เหตุใดถึงมีแต่พวกเขาที่ได้รับพิษ? หรือมันฝรั่งเน่าที่นำมาทำเป็นก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งทั้งหมดบังเอิญมาถูกพวกเขากินเข้าไป?”
สตรีวัยกลางคนสายตาล่อกแล่ก อึกๆ อักๆ พูดไม่ออก
ฝินตวาดสตรีวัยกลางคน “ตอนนี้ยังไม่ได้ตรวจสอบเรื่องราวชัดเจน อย่าเพิ่งพูดเหลวไหล ให้เรื่องทั้งหมดกระจ่างก่อนค่อยพูด”
สตรีวัยกลางคนตกใจก้มหน้า ถอยร่นไปข้างหลัง
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินมาข้างโต๊ะ ใช้ตะเกียบคีบเส้นแป้งมันฝรั่งที่เหลืออยู่ในชามขึ้นมาพินิจอย่างละเอียด แล้วยกมาดม
ผู้ว่าการตำบลและกลุ่มคนในร้านรวมถึงฝูงชนด้านนอกต่างกลั้นลมหายใจ ดูการกระทำของนาง
เมิ่งเชี่ยนโยวดูเส้นแป้งมันฝรั่งทั้งสามชามอย่างละเอียด จากนั้นคีบเส้นแป้งมันฝรั่งเส้นหนึ่งเข้าปาก
ทุกคนตกใจผงะ
หลงจู๊ตกใจลุกขึ้นยืน ร้องอุทานด้วยใบหน้าตกใจสุดขีด “นายหญิง!”
เมิ่งเชี่ยนโยวยกมือซ้ายขึ้นห้ามเขา เคี้ยวเส้นแป้งมันฝรั่งในปากอย่างละเอียด
ผู้ว่าการตำบลก็ให้ตกใจ พูดว่า “แม่นางเมิ่ง เจ้า…”
เมิ่งเชี่ยนโยวคายเส้นแป้งมันฝรั่งในปากออกมา สั่งเหวินเหลียนยกน้ำมาให้นางบ้วนปาก
เหวินเหลียนรับคำ รีบเข้าไปตักน้ำสะอาดในครัวออกมาให้นาง
หลังจากบ้วนปากแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวซับริมฝีปาก คลี่ยิ้มอ่อน ก้าวมาข้างหน้า ย่อตัวลงเบื้องหน้าสตรีวัยกลางคน พูดว่า “ยังอำมหิตไม่พอหรอก ควรจะใส่ยาให้มากกว่านี้”
สตรีวัยกลางคนนางนั้นสายตาล่อกแล่ก หดห่อร่างกาย ถอยให้ห่างจากเมิ่งเชี่ยนโยวออกมา พูดอย่างร้อนตัว “เจ้าพูดอะไร ข้าฟังไม่เข้าใจ”
เมิ่งเชี่ยนโยวยังคงรอยยิ้มเดิม พูดว่า “สามีเจ้าได้รับพิษ เจ้าเข้ามาในร้านไม่มาร้องขอเงินค่าชดใช้ กลับตั้งใจร้องอาละวาดให้ปิดร้านข้า เจ้าไม่คิดว่าไร้เหตุผลบ้างเรอะ?”
รอยยิ้มของเมิ่งเชี่ยนโยวทำสตรีวัยกลางคนขนลุกชูชันไปทั้งตัว พูดอึกๆ อักๆ “ข้า ข้า ข้าก็แค่คิดแทนคนอื่น ครั้งนี้เพราะสามีพวกเราโชคดี เอาชีวิตรอดมาได้ หากครั้งหน้ามีคนได้รับพิษอีก ช่วยกลับมาไม่ได้จะทำอย่างไร?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “พูดมีเหตุผล”
สตรีวัยกลางคนนึกว่าเมิ่งเชี่ยนโยวเชื่อเหตุผลตัวเอง เริ่มมีความเชื่อมั่น เชิดหน้ายืดอก
คำพูดต่อมาของเมิ่งเชี่ยนโยวกลับทำให้นางนั่งตัวแข็งทื่ออย่างสิ้นเชิง
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “แต่การวางแผนมาเป็นอย่างดีของพวกเจ้าครั้งนี้คงจะผิดพลาดแล้ว พวกเจ้าคิดว่าการลอบวางยาพิษในชามตัวเอง แล้วโยนความผิดมาที่ข้า ก็จะบีบให้ข้าปิดร้านได้อย่างนั้นเรอะ?”
สิ้นเสียงนาง ทำเอาทุกคนต่างตกตะลึง
แม้แต่ผู้ว่าการตำบลยังตกใจร้องถาม “แม่นางเมิ่ง ที่เจ้าพูดเป็นความจริง?”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่สนใจสตรีวัยกลางคนอีก ลุกขึ้นยืน แล้วพยักหน้าให้ผู้ว่าการตำบล พูดว่า “นี่เป็นพิษที่เพิ่งจะใส่ลงในชาม หาได้เป็นพิษที่อยู่ในเส้นแป้งมันฝรั่งของเราไม่”
“เหตุใดแม่นางถึงพูดเช่นนี้?” ผู้ว่าการตำบลถาม
“เมื่อครู่ท่านใต้เท้าเห็นข้าคายเส้นแป้งมันฝรั่งออกมาแล้ว หากเส้นแป้งมันฝรั่งข้ามีพิษ เช่นนั้นในตอนนี้ข้าจะต้องมีอาการปวดท้องดิ้นทุรนทุราย เหมือนชายพวกนั้นที่กินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งเข้าไป แต่ตอนนี้ข้ากลับสุขสบายดี แสดงว่าเส้นแป้งมันฝรั่งของพวกเรามีความเป็นพิษต่ำ”
สตรีวัยกลางคนนางนั้นไม่รู้ว่าทำไมถึงฉลาดขึ้นมาได้ ร้องพูดเสียงลั่น “นั่นเป็นเพราะเจ้ากินเข้าไปน้อย หากเจ้ากินที่เหลือเข้าไปทั้งหมด ก็จะเป็นเหมือนกับพวกเขา”
“เจ้าพูดถูกต้อง หากข้ากินเข้าไปทั้งหมด จะต้องเป็นเหมือนกับพวกเขา แต่ว่า ตอนนี้ข้ามีอีกหนึ่งวิธี ต่อให้ไม่กินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่ง ก็ทำให้มีอาการเหมือนพวกเขาได้เช่นกัน” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
“วิธีอะไร?” ผู้ว่าการตำบลถาม
เมิ่งเชี่ยนโยวยกชามขึ้น เดินมาตรงหน้าสตรีวัยกลางคน คล้ายจะหยอกเย้า แต่ก็คล้ายจะขู่เข็ญ พูดว่า “เมื่อครู่ข้ากินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งเข้าไปแล้วหนึ่งคำ เพื่อความยุติธรรม ตอนนี้จะให้เจ้าดื่มน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งหนึ่งคำบ้าง”
สตรีวัยกลางคนมองชามตรงหน้า ราวกับมองเห็นมหันตภัยร้าย ตกใจกระเถิบถอยหนีหลายก้าว ยกสองมือปัดป้อง “ข้าไม่ดื่ม! ข้าไม่ดื่ม!”
เมิ่งเชี่ยนโยวยกชามเดินหน้ากดดัน พูดว่า “เจ้าวางใจ ข้ารู้วิชาแพทย์ ต่อให้เจ้าปวดท้องดิ้นทุรนทุราย ข้าก็จะรักษาชีวิตเจ้าไว้ได้”
สตรีวัยกลางคนส่ายหน้าคลุ้มคลั่ง
เมิ่งเชี่ยนโยวชักสีหน้า “ข้าพูดดีๆ กับเจ้า เจ้ากลับไม่ดื่ม จะให้ข้าสั่งคนมากรอกลงไปใช่หรือไม่?”
สตรีวัยกลางคนหน้าซีดเผือก ลนลานร้องเรียกผู้ว่าการตำบล “ท่านผู้ว่าการช่วยด้วย! ท่านผู้ว่าการช่วยด้วย!”
ผู้ว่าการตำบลเอ็ดเมิ่งเชี่ยนโยว “แม่นางเมิ่ง เจ้าทำเช่นนี้เกินกว่าเหตุเกินไป เจ้ารู้แก่ใจว่าในน้ำซุปอาจจะมีพิษ เจ้ายังจะบีบเค้นให้หญิงบริสุทธิ์ดื่ม ต่อให้เจ้ามีคนหนุนหลังยิ่งใหญ่เพียงใด หากกล้ากระทำความผิดต่อหน้าข้า ข้าก็จักไม่ปล่อยเจ้าเช่นกัน”
เมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้น พูดด้วยสีหน้าไม่สะทกสะท้าน “ท่านใต้เท้าพูดผิดแล้ว ข้ามิได้จะบีบให้นางดื่มน้ำซุปให้ได้ เพียงแค่จะลองใจ ว่านางรู้หรือไม่ว่าในน้ำซุปมีความเป็นพิษสูงกว่าในเส้นแป้งมันฝรั่ง?”
คล้ายว่าผู้ว่าการตำบลจะเข้าใจบางสิ่ง ถามขึ้น “เจ้าหมายความว่า พวกเขาเพิ่งจะวางยาลงไปหลังจากยกก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งออกมาแล้ว ด้วยเพราะตัวเส้นมีความเหนียว พิษไม่อาจซึมเข้าไปได้ทันที ดังนั้นความเป็นพิษในน้ำซุปจึงมีปริมาณมากกว่า?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ท่านใต้เท้าพูดได้ถูกต้อง และเพราะเหตุนี้ เมื่อครู่ข้าจึงลองทดสอบนาง ก็เป็นดังคาด นางรู้แต่แรกว่าในน้ำซุปมีความเป็นพิษสูง ถึงไม่กล้าดื่มเข้าไป”
สตรีวัยกลางคนลนลานคลานมาแก้ตัวเบื้องหน้าผู้ว่าการตำบล “ท่านใต้เท้าผู้ว่าการ ไม่ใช่อย่างนั้น ข้าเพียงแค่กลัวว่าหลังจากดื่มซุปเข้าไปจะเป็นเหมือนสามีข้า เช่นนั้นทั้งคนแก่และเด็กในครอบครัว ใครจะเป็นคนดูแลพวกเรา”
เมิ่งเชี่ยนโยวแค่นเสียงหึ พูดว่า “ช่างเป็นเหตุผลที่น่าเชื่อถือยิ่งนัก ดูท่าพวกเจ้าคงจะวางแผนมาแต่แรกแล้วว่า หากถูกจับได้จะพูดว่าอย่างไร”
สตรีวัยกลางคนไม่ยอมรับผิด “ไม่ใช่ ไม่ใช่เด็ดขาด ข้าคิดเช่นนี้จริงๆ พูดตามความสัตย์จริง ไม่กล้าหลอกลวงท่านใต้เท้า”
“เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าขอถามเจ้า หลังจากเจ้าเข้ามา เหตุใดถึงเอาแต่พูดว่าพวกเราใช้มันฝรั่งเน่าเสียมาทำแป้งมันฝรั่ง บ้านเจ้าเคยซื้อมันฝรั่ง หรือเคยปลูกมันฝรั่งรึ?” เมิ่งเชี่ยนโยวถาม
สตรีวัยกลางคนมองผู้ว่าการตำบลแวบหนึ่ง เห็นเขาทำหน้านิ่ง ลุกลนพูดว่า “ข้าเดาเอา ปกติสิ่งของบูดเสียพวกเรากินเข้าไปก็จะปวดท้อง ข้าก็เลยเดาว่าพวกเจ้าใช้มันฝรั่งเน่ามาทำแป้งมันฝรั่ง”
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะเยาะ “เดาได้ดีนัก ดูท่าเจ้าจะเป็นพวกไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา”
มาถึงขั้นนี้ คล้ายว่าสตรีวัยกลางคนจะมองเห็นจุดจบของตัวเองแล้ว กลับมิได้หวาดหวั่น ร้องโวยวายใส่เมิ่งเชี่ยนโยว “เจ้าถือว่าตัวเองมีเงิน ก็จะรังแกพวกเราคนจนได้ตามใจ ข้าจะบอกให้นะ ความยุติธรรมอยู่ในใจคน จริงเท็จถูกผิด ทุกคนต่างมีข้อตัดสินในใจตัวเอง เจ้าคิดจะใช้อำนาจมาบีบให้คนน่าเวทนาอย่างพวกเรายอมแพ้ ข้าจะบอกให้นะ ไม่มีวันเด็ดขาด ต่อให้ต้องคลานไปฟ้องเจ้ากับท่านนายอำเภอ ข้าก็จะทวงคืนความยุติธรรมให้สามีของข้าให้ได้”
คำพูดนี้มีนัยแฝงลึกซึ้ง ไม่เพียงได้ความเห็นใจจากฝูงชน ยังเป็นการพูดกระทบว่าผู้ว่าการตำบลลำเอียง ยอมให้เมิ่งเชี่ยนโยวบีบคั้นนาง
ฝูงชนพลันส่งเสียงวิพากษ์อื้ออึง
เมิ่งเชี่ยนโยวกลับขมวดคิ้วมุ่น หญิงคนนี้ไม่เหมือนคนรู้หนังสือ กลับกล่าววาจาเช่นนี้ออกมาได้ ดูท่าผู้บงการเบื้องหลังจะลงแรงไปไม่น้อย เพียงแต่ไม่รู้ว่าที่เขาต้องการบีบให้นางปิดร้านก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งนี้ มีเป้าประสงค์อันใด?
ผู้ว่าการตำบลย่อมฟังความหมายแฝงของสตรีวัยกลางคนออก ให้เคืองขุ่นโมโห ตวาดสตรีวัยกลางคนเสียงเขียว “บังอาจนัก อย่าได้พูดจาเหลวไหล เมื่อตรวจสอบเรื่องกระจ่างแล้ว ข้าย่อมตัดสินความอย่างยุติธรรม”
สตรีวัยกลางคนกลับไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมแล้ว นอนชักดิ้นชักงอร้องโวยวาย “สวรรค์ ข้าอยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว สามีข้าเกือบจะถูกพิษตาย ยังไม่ทันได้รับความยุติธรรม ตอนนี้นางกลับมาบีบให้ข้าดื่มน้ำซุปมีพิษอีก โหดเ**้ยมอำมหิตเกินไปแล้ว คนเช่นนี้สมควรเป็นนางเทื้อเรือน ไม่มีใครเอาไปชั่วชีวิต”
เมิ่งเชี่ยนโยวอายุสิบแปดปีแล้ว ยังไม่ได้แต่งงาน แม้ทุกคนจะไม่ได้พูดต่อหน้านาง แต่ก็นำไปพูดลับหลังไม่น้อย ฝูงชนได้ยินสตรีวัยกลางคนพูดเช่นนี้ก็ให้เป็นห่วง กลัวเมิ่งเชี่ยนโยวจะบันดาลโทสะสั่งคนซ้อมนาง
ไม่คิดว่าเมิ่งเชี่ยนโยวไม่เพียงไม่โกรธเกรี้ยว กลับยิ้มอ่อนพูดว่า “คนบงการเบื้องหลังเจ้า แม้แต่เรื่องนี้ก็เอามาเป็นประเด็น ดูท่าพวกเขาจะกระจอกสิ้นดี”
ผู้ว่าการตำบลดำรงตำแหน่งมาสี่ปี ยังไม่เคยเจอใครที่อาจหาญกล้าร้องอาละวาดต่อหน้าเขาเหมือนสตรีวัยกลางคนมาก่อน โทสะปะทุ ร้องตวาดเสียงลั่น “เจ้าหญิงไร้สติ กล้ามาร้องอาละวาดต่อหน้าข้า เจ้าอยากถูกโบยใช่หรือไม่?”
สตรีวัยกลางคนแค่ต้องการเล่นใหญ่ ได้ยินผู้ว่าการตำบลที่โทสะปะทุจะให้คนมาโบยตัวเอง ความเกรี้ยวกราดสลายหายไปทันที รีบคลานเข้าไปหลบหลังสตรีวัยกลางคนอีกสองคน
สตรีวัยกลางคนอีกสองคนต่างงงงันกับเหตุการณ์พลิกผันตรงหน้า เอาแต่นั่งนิ่งไม่กล้าขยับ กระทั่งสตรีวัยกลางคนนางนั้นเข้ามาหลบด้านหลัง พวกนางถึงได้สติกลับมา ยื่นหน้าถามเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างกล้าๆ กลัวๆ “นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นปฏิกิริยาทั้งสองคน คาดว่าพวกเขาจะต้องไม่รู้เรื่องด้วย จึงพูดว่า “ไยพวกเจ้าไม่ถามนางเล่า”
สตรีวัยกลางคนสองนางนั้นก็ไม่ได้โง่ เริ่มรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา หันกลับไปถามสตรีวัยกลางคนด้านหลังพร้อมกัน “สะใภ้จาง นี่มันเป็นเรื่องอะไรกันแน่?”
“เรื่องอะไรกันอย่างไรเล่า? นี่ยังไม่ชัดเจนอีกเรอะ? สามีพวกเรายังนอนอยู่ที่โรงหมอนะ” สตรีวัยกลางคนลนลานตอบ
สตรีวัยกลางคนนางหนึ่งมองนางด้วยแววตาเต็มไปด้วยความกังขา “สะใภ้จาง ตอนที่เจ้ามาหาพวกเราไม่ได้พูดเช่นนี้สักหน่อย เจ้าบอกว่าพอพวกเราเข้ามา ให้ขอเงินชดใช้มาให้พวกเขามากหน่อย ไม่ได้บอกจะบีบให้พวกเขาปิดร้าน”
สะใภ้จางสายตาล่อกแล่ก “ก็ข้าโมโหมากนี่นา ถึงได้พูดแบบนั้นไป พวกเจ้าเองก็เห็นแล้ว นังคนใจดำอำมหิตนี่จะให้ข้าดื่มน้ำซุปมีพิษ”
เสียงเมิ่งเชี่ยนโยวดังขึ้น “ข้ายังกล้ากินเส้นแป้งมันฝรั่ง เหตุใดเจ้าถึงไม่กล้าดื่มซุป นั่นเป็นเพราะสามีของเจ้าเป็นคนเทพิษลงในชามพวกเขา โดยเจ้ารู้มาก่อนแล้วว่าพิษจะทำละลายได้ดีในน้ำร้อน ในซุปมีความเป็นพิษสูง เจ้าถึงได้ไม่กล้าดื่มซุป”
สิ้นเสียงนาง ความเงียบปกคลุมโดยรอบ
แม้แต่ผู้ว่าการตำบลก็ตกอยู่ในภวังค์
“เหลวไหล เจ้าคิดจะแว้งกัดข้า พวกเราไม่มีทางวางยาพิษ” สตรีวัยกลางคนร้อนตัวร้องโวยวาย
“งั้นหรือ?” เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะเยาะหยัน ถามด้วยเสียงเย็นเยียบ “เมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้ากล้าดื่มน้ำซุปนี้ต่อหน้าผู้ว่าการตำบลและฝูงชนหรือไม่?”
สตรีวัยกลางคนตกใจพลั้งปากพูดออกไป “ข้าไม่ดื่ม! ทำไมข้าต้องดื่ม ให้หญิงใจอำมหิตอย่างเจ้าเป็นคนดื่ม ให้ตายไปได้ยิ่งดี”
สตรีวัยกลางคนอีกสองคนตกใจสะดุ้ง ร้องห้ามนางพร้อมกัน “สะใภ้จาง จะพูดซี้ซั้วไม่ได้นะ”
แต่ว่าสายไปแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวชักสีหน้าเข้ม ยกชามก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งขึ้น เดินมาเบื้องหน้านาง พูดน้ำเสียงเ**้ยม “น้ำซุปนี่วันนี้เจ้าอยากดื่มก็ต้องดื่ม ไม่อยากดื่มข้าจะให้คนมากรอกใส่ปากเจ้าเอง”
สตรีวัยกลางคนตกใจกรีดร้องมุดไปด้านหลัง
ฝูงชนต่างมองนางด้วยความเวทนา
ผู้ว่าการตำบลก็ชักสีหน้าเข้ม กำลังจะตวาดเมิ่งเชี่ยนโยว น้ำเสียงทนดูความอยุติธรรมไม่ได้ของชายคนหนึ่งดังลอยมาด้านหลังฝูงชน “เจ้าบีบเค้นหญิงบริสุทธิ์เช่นนี้ ทำเกินไปแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวกลับลอบยินดี แอบพูดว่า “ในที่สุดก็ออกมาแล้ว!”