ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] - ตอนที่ 207-1 ลงมือ
เมื่อเหวินซื่อเดินมาถึงเรือนทางนี้แล้ว เขาไม่ได้ชายตามองคนในเรือนเลยแม้แต่น้อย เดินตรงไปหานายท่านเหวินทันที “ท่านปู่ขอรับ แม่นางเมิ่งเชิญท่านไปสักครู่”
เมื่อเกิดเรื่องขึ้น เหวินซื่อก็ส่งคนไปเชิญตัวเมิ่งเชี่ยนโยวมา จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่มีข่าวดีอะไรมาเลย นายท่านเหวินรู้ดีว่าครั้งนี้แม้แต่นางเองก็เหนื่อยล้ามากแล้ว เมื่อได้ยินว่านางเชิญตนเองไปก็รู้สึกมีความหวังขึ้นมาทันที รีบถามอย่างร้อนใจว่า “เหวินเอ๋อร์ปลอดภัยแล้วใช่หรือไม่”
เหวินซื่อส่ายหน้า “หลังจากเหวินเอ๋อร์ทานยา ก็นอนหลับไปแล้วขอรับ แม่นางเมิ่งบอกว่าหากคืนนี้ไม่มีอะไรผิดปกติ ก็ไม่มีปัญหาแล้ว แต่ว่าหาก…” เขาไม่ได้พูดประโยคต่อไปออกมา นายท่านเหวินเองก็เข้าใจสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อได้ สีหน้าซีดเผือดลง ถอนหายใจออกมายาวเหยียด ยืนขึ้นอย่างไม่มั่นคงเท่าใดนัก เดินมายังห้องของเมิ่งเชี่ยนโยวโดยมีเหวินซื่อพยุงไว้
นายท่านเหวินเป็นผู้อาวุโส นางนั่งบนเตียงไม่เหมาะสมเท่าใด เมิ่งเชี่ยนโยวให้หวงฝู่อี้เซวียนอุ้มนางไปนั่งบนเก้าอี้ รอจนนายท่านเหวินเข้ามาในห้อง แล้วจึงพูดว่า “เมิ่งเชี่ยนโยวได้รับบาดเจ็บ ขออนุญาตไม่ทำความเคารพนะเจ้าคะ นายท่านเหวินได้โปรดให้อภัยด้วย”
ขาของนางบาดเจ็บ แต่เปลี่ยนไปใส่ชุดที่สามารถบดบังบาดแผลได้ ไม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอก เมื่อได้ยินคำของนาง นายท่านเหวินจ้องนางเล็กน้อย เมื่อเห็นริมฝีปากซีดเซียวของนางจึงได้รู้ว่าน่าจะบาดเจ็บไม่น้อยเลย ถามขึ้นอย่างห่วงใยว่า “แม่นางเมิ่งจะพักผ่อนก่อนหรือไม่ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว วันพรุ่งค่อยคุยกันก็ไม่สาย”
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “นายท่านเหวินคิดผิดแล้วเจ้าค่ะ หากพวกเขาลงมือแล้วก็ไม่มีทางหยุดลงเป็นแน่ หากไม่รีบจัดการหนอนบ่อนไส้ น่ากลัวว่าลูกของอาซ้อคงจะไม่รอดแน่ๆ”
เขาเข้าใจความหมายโดยนัยของนางแล้ว นายท่านเหวินดีใจออกนอกหน้า ริมฝีปากขยับเล็กน้อย พึมพำอยู่ครู่หนึ่งจึงได้ถามขึ้นอย่างไม่มั่นใจว่า “แม่นางเมิ่งหมายความว่า ลูกในท้องของหลานสะใภ้ข้ารอดปลอดภัยแล้วหรือ”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่พูดเกินจริง พูดตามตรงว่า “ตอนนี้โอกาสรอดเกินครึ่งเจ้าค่ะ ขอแค่ซ้อนอนหลับพักผ่อนให้สบาย ในทุกๆ ชั่วยาม ก็จะเพิ่มโอกาสรอดขึ้น”
สีหน้าของนายท่านเหวินตื่นเต้นขึ้น พูดว่า “แม่นางเมิ่ง พวกข้าควรทำเช่นไร เจ้าบอกข้ามาเถิด หากวันนี้รู้ว่าเป็นผู้ใด ข้าจะไม่ปล่อยมันไว้แน่”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “หากเป็นเช่นนั้นแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวคนนี้ขอข้ามขั้นตอนเลยนะเจ้าคะ หวังว่าถึงครานั้นนายท่านเหวินจะไม่ออมมือ มิเช่นนั้นไม่เพียงรักษาชีวิตของเด็กในท้องไว้ไม่ได้ แต่แม้แต่ข้าเองก็อาจจะถูกโยงเข้าไปติดพันด้วย”
“แม่นางกล่าวเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร อาการบาดเจ็บของเจ้าก็เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างนั้นหรือ” ไม่เสียแรงที่นายท่านเหวินทำการค้าขายมาทั้งชีวิต ฟังความหมายโดยนัยของนางออก จึงโพล่งถามออกไป
ถึงบัดนี้แล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่มีเหตุผลจะต้องปิดบังอีกต่อไป นางเล่าเรื่องที่หวงฝู่อี้เซวียนได้รับข่าวมา จึงรีบรุกมาอย่างกะทันหัน แล้วระหว่างทางเจอคนลอบฆ่า
เมื่อนายท่านเหวินฟังจบ รู้ได้ทันทีว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา คิ้วของเขาขมวดขึ้น
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดต่อไปว่า “และยังมีอีกเรื่องที่ข้ายังไม่เคยบอกนายท่านเหวิน”
“เรื่องอะไรหรือ”
เมิ่งเชี่ยนโยวจึงบอกเขาเรื่องที่นางไปหาหวงฝู่อี้เซวียนที่หลินเฉิงแล้วถูกเหวินเอ๋อร์ลอบฆ่าระหว่างทาง และพูดต่อไปอีกว่า “ฟังคำของคุณชายรองตระกูลเหวินแล้ว เขาน่าจะฝากแรงไว้ที่มหาเสนาบดี เรื่องราวเกี่ยวพันที่เกิดขึ้นในวันนี้ คาดว่าจะเป็นแผนของมหาเสนาบดีเจ้าค่ะ ดังนั้นข้าจึงสงสัย…”
สิ่งที่นางสงสัยนั้น ไม่ต้องบอกก็รู้ได้ ทุกคนในที่นั้นรู้ดีแก่ใจ นายท่านเหวินเองก็รู้ดี จึงก่นด่าด้วยความโกรธว่า “ไอ้เดนนรกเอ้ย! แต่ว่า แม่นางเมิ่ง เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าข้าถือหางคนของข้า แต่เรื่องนี้เป็นเพียงการคาดเดาของเจ้าาเท่านั้น ไม่มีหลักฐานอะไร หากข้าลงมือเพราะเรื่องเช่นนี้ หากต่อไปพบว่าเป็นการเข้าใจผิด จะสำนึกผิดตอนนั้นมันก็สายไปแล้ว ดังนั้น…”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ข้าเข้าใจท่านนายท่านเหวินเจ้าค่ะ ดังนั้นวันนี้ข้าจึงรออยู่ที่จวนเพื่อจัดการผู้ที่อยู่เบื้องหลัง หากในจวนไม่มีหนอนบ่อนไส้ พวกเราทุกคนจะยินดีเป็นอย่างมาก ต่อจากนี้ไปก็ไม่ต้องกังวลแล้วว่าซ้อจะถูกคนวางยาพิษ และเสียลูกในท้องไป หากสืบพบหนอนบ่อนไส้ขึ้นมา หวังว่านายท่านเหวินจะไม่ใจอ่อน แต่หากท่านทำไม่ลง ข้าก็ยินดีจะเหนื่อยแทน”
“ไม่ต้องหรอก” นายท่านเหวินโบกมือ “ขอเพียงหาหลักฐานพบ ข้าจะจัดการพวกมันเอง ข้าคิดแล้วว่าหากทำใจลงมือไม่ได้ ตระกูลเหวินของข้าก็จะถูกทำลายด้วยมือของพวกมัน”
“อย่างนั้นก็ดีเจ้าค่ะ หากเป็นเช่นนี้ นายท่านเหวินได้โปรดตามข้าออกไปด้านนอกด้วยเถิด”
นายท่านเหวินพยักหน้า เหวินซื่อพยุงเขา หวงฝู่อี้เซวียนอุ้มเมิ่งเชี่ยนโยว ทั้งหมดเดินมาที่หน้าประตู
เหล่าคนใช้ในบ้านเห็นดังนั้นจึงรีบนำเก้าอี้สี่ตัวมาวางไว้ให้
ทั้งหมดนั่งลง
มองไปที่ผู้คนในลานบ้าน มีทั้งหญิงชาย เด็กและผู้ใหญ่ รวมๆ แล้วสามถึงสี่สิบคนได้ เมิ่งเชี่ยนโยวพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “วันนี้อยู่ดีๆ ฮูหยินก็ปวดท้องขึ้นมา หลังจากที่ข้าตรวจให้แล้วพบว่าอาหารที่นางกินเข้าไปมีคนวางยาพิษ พวกเจ้าต่างเป็นคนที่คอยรับใช้เจ้านาย ไม่มีทางหลบหนีไปได้ นายท่านใหญ่ และนายน้อยก็อยู่ที่นี่ ข้าให้สัญญากับพวกเจ้าว่าหากคนใดในพวกเจ้าออกมาสารภาพ ข้าจะไว้ชีวิตคนนั้น แต่หากไม่มีใครยอมรับ วันนี้ก็จะเป็นวันตายของพวกเจ้าทุกคน”
น้ำเสียงไร้ความปราณี คำที่พูดออกมาน่ากลัวยิ่งกว่า คนที่ได้ยินดังนั้นต่างมองนางอย่างหวาดกลัว ร่างกายสั่นสะท้านขึ้นมา รีบร้องขออ้อนวอนขึ้นทันที
เมิ่งเชี่ยนโยวฟังเสียงอ้อนวอนของคนในเรือนโดยไม่มีปฏิกิริยายาตอบสนองใดๆ พูดเสียงแหลมขึ้นว่า “ข้าจะให้เวลาพวกเจ้าอีกหนึ่งก้านธูป หากไม่มีใครออกมายอมรับล่ะก็ อย่ามาหาว่าข้าไม่ให้โอกาสแล้วกัน”
คนที่ใจเสาะเผยสีหน้าหมดหวังออกมา กลัวจนต้องคุกเข่าขอร้องชีวิต ส่วนคนที่พอจะใจกล้าอยู่บ้างก็พูดอย่างกล้าๆ กลัวๆ ว่า “แม่นางเมิ่ง ข้าเพียงทำหน้าที่ปัดกวาดทำความสะอาดในจวนเท่านั้น ไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับฮูหยินเลย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้านะขอรับ”
เมิ่งเชี่ยนโยวมองเขาด้วยสายตาไร้ความรู้สึก
เมื่อเห็นนางไม่ตอบสนอง พวกเขาจึงได้ฝากความหวังไว้ที่เหวินซื่อ “นายน้อยขอรับ ได้โปรดไว้ชีวิตพวกเราด้วยเถิด”
เหวินซื่อทำหน้าจริงจัง มองไปที่บรรดบ่าวรับใช้ “เรื่องในวันนี้ ท่านปู่ได้มอบให้แม่นางเมิ่งเป็นผู้ตัดสินใจแล้ว หากพวกเจ้ามีใครรู้เห็นอะไร ก็รีบพูดออกมาเถอะ อย่างน้อยก็ยังรักษาชีวิตไว้ได้ มิเช่นนั้นล่ะก็ ใครหน้าไหนก็ช่วยพวกเจ้าไม่ได้ทั้งนั้น”
เมื่อผู้คนได้ยินดังนั้นก็ยิ่งรู้สึกกลัวมากขึ้น กระทั่งสาวใช้ที่อายุยังน้อยผู้หนึ่งตกใจจนร้องไห้ออกมา
มีเพียงสาวใช้สามคนของเฝิงจิ้งเหวินเท่านั้น ที่รู้ดีว่าตนเป็นคนของเฝิงจิ้งเหวิน มีคนคอยกางปีกปกป้อง เมิ่งเชี่ยนโยวคงจะไม่กล้าทำอะไรพวกนาง และยังคิดว่าพวกตนนั้นไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่กลัวหากต้องถูกสอบสวน ยืนอยู่กับที่ไร้ซึ่งสีหน้าแห่งความกลัว
เมิ่งเชี่ยนโยวหรี่ตาลง พูดกับทั้งสามว่า “พวกเจ้ามีอะไรจะพูดหรือไม่”
ทั้งสามผงะไปพร้อมกัน มองตากัน หนึ่งในนั้นถามอย่างตกใจว่า “แม่นางจะให้พวกเราพูดอะไรกัน พวกเราเป็นคนรับผิดชอบอาหารของฮูหยินมาตลอด ไม่เคยเกิดปัญหาใดเลย”
“แล้ววันนี้เล่า วันนี้เกิดอะไรขึ้น”
สาวใช้อีกคนพูดว่า “อาหารของวันนี้ข้าได้ทำการชิมต่อหน้านายน้อยและฮูหยินแล้วเจ้าค่ะ เรื่องนี้ให้พวกนางทั้งสองและนายน้อยรับรองได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่เชื่ออย่างแน่นอน นางเบะปาก “พวกเจ้าทั้งสามเป็นสาวรับใช้ใกล้ชิดของฮูหยิน รับผิดชอบเรื่องอาหารการกินและความเป็นอยู่ของนาง เป็นธรรมดาที่จะต้องน่าสงสัยที่สุด ทางที่ดีพวกเจ้ามีเรื่องอะไรรีบพูดออกมาดีกว่า มิเช่นนั้น ข้าจะลงมือกับพวกเจ้าสามคนเป็นอันดับแรก”
บัดนี้ทั้งสามถึงได้เผยสีหน้ากระวนกระวายออกมา พูดเสียงสั่นเครือว่า “แม่นางเมิ่งเจ้าคะ พวกข้าสามคนจงรักภักดีกับฮูหยินมาก ไม่เคยคิดทำร้ายฮูหยินเลย ท่านจะมาทำกับพวกเราเช่นนี้ไม่ได้”
แน่นอนว่าเมิ่งเชี่ยนโยวไม่เชื่อคำของพวกนาง นางทำเสียงหึในลำคอ และพูดว่า “ใกล้จะหมดเวลาแล้ว หากไม่รีบพูดออกมา ก็อาจไม่มีโอกาสอีกต่อไป”
ทั้งสามตกใจจนหน้าเปลี่ยนสี เงยหน้ามองเหวินซื่ออย่างอ้อนวอน “นายน้อยเจ้าขา ท่านจะต้องเป็นธรรมต่อพวกเรานะเจ้าคะ บ่าวไม่ได้ทำร้ายฮูหยินจริงๆ นะเจ้าคะ”
เหวินซื่อทำหูทวนลม เมิ่งเชี่ยนโยวมองพวกนางด้วยรอยยิ้มเย็นชา
จูหลีเดินเข้ามาจากด้านนอก เดินตรงมาหาเมิ่งเชี่ยนโยวราวกับว่าไม่เห็นคนพวกนั้นกำลังคุกเข่าขอร้องอยู่ “นายหญิง กัวเฟยพาคนมาแล้วเจ้าค่ะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า มองสาวใช้ทั้งสามด้วยรอยยิ้มเลือดเย็น “ได้ยินแล้วใช่หรือไม่ ข้าให้โอกาสพวกเจ้าอีกครั้ง หากยังไม่สารภาพออกมา พวกเจ้าก็คงไม่ได้อยู่เห็นพระอาทิตย์ในวันพรุ่งนี้แล้ว”
ทั้งสามกลัวมาก ปึ่ง! ปึ่ง! ปึ่ง! ทั้งหมดนั่งคุกเข่าลงที่พื้น พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “แม่นางเมิ่งเจ้าขา พวกบ่าวไม่ได้วางยาฮูหยินจริงๆ นะเจ้าคะ ต่อให้ท่านเฆี่ยนบ่าวจนตาย บ่าวก็ไม่รู้จริงๆ เจ้าค่ะ”
“ดี ใจกล้าดีนี่ ข้าเองก็อยากเห็นว่าหากพวกเจ้าถูกลงโทษแล้วจะยังปากแข็งได้อีกนานเพียงใด” พูดจบ ก็สั่งคนด้านนอกว่า “กัวเฟย มาลากตัวคนพวกนี้ไป เฆี่ยนพวกนางคนละยี่สิบที”
ยี่สิบที พวกนางร่างเล็กเพียงนี้ เฆี่ยนเพียงสิบทีก็อาจจะหมดลมแล้ว ยี่สิบทีอาจจะทำให้กระดูกในร่างของพวกนางแหลกละเอียดได้ เห็นทีเมิ่งเชี่ยนโยวคงจะมีหลักฐานแล้ว จึงได้คาดโทษสามคนนี้ทันที เวลานั้น คนในเรือนถอนหายใจออกมาได้อย่างโล่งอก แต่บางคนกลับตกใจจนเป็นลมไป และยังมีบางคนเผยรอยยิ้มออกมาบนใบหน้า
ดวงไฟในเรือนสว่างชัดเจน เมิ่งเชี่ยนโยวกวาดสายตาไปยังคนพวกนั้นอย่างใจเย็น จดจำสีหน้าและสายตาของพวกนางไว้อย่างแม่นยำ สายตาของนางหยุดลงที่สาวใช้ที่ใส่ชุดสีชมพูอยู่ครู่หนึ่ง และละสายตาไปก่อนที่นางคนนั้นจะรู้ตัว
กัวเฟยตอบรับ องครักษ์ลับสองคนเดินเข้ามา จับตัวสาวใช้ทั้งสามที่อ้อนวอนขอชีวิตอย่างไม่หยุดออกไปด้านนอก
เมิ่งเชี่ยนโยวทำมือเป็นสัญลักษณ์ให้กับชิงหลวน
ชิงหลวนรับรู้ และเดินออกไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ไม่นาน ด้านนอกกำแพงก็มีเสียงขอร้องชีวิตของสาวใช้ทั้งสาม และเสียงไม้เฆี่ยนไปบนผิวหนัง เสียงดังชัดทุกครั้งที่ตี กระตุ้นความกลัวแก่คนใช้ในเรือนเป็นอย่างมาก
ผู้ที่ใจเสาะได้ตัวสั่นเทาไปแล้ว ขนาดคนที่ใจกล้าก็ยังกลัวจนต้องทรุดลงกับพื้น
สีหน้าของหวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้เปลี่ยนไป
สีหน้าของนายท่านเหวินและเหวินซื่อเองไม่ได้ปรากฏความรู้สึกสงสารเลยแม้แต่น้อย
เสียงเฆี่ยนตียิ่งดังมากครั้งขึ้นเท่าไร เสียงโอดครวญของสาวใช้ก็เบาลงเท่านั้น ไม่นานก็ไม่มีเสียงร้องโอดครวญให้ได้ยินอีก ถึงขนาดเสียงเฆี่ยนบนร่างของพวกนางก็หม่นหมองลงไปมาก คาดว่าคนพวกนั้นคงจะมึนเมากับกลิ่นเลือดไปแล้ว
แม้ว่าบ่าวรับใช้ในจวนจะมองไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นด้านนอก แต่ก็รู้ได้ว่าสามคนนี้ใกล้จะหมดลมหายใจแล้ว ในใจก็ยิ่งหดหู่กว่าเดิม พวกนางเป็นถึงสาวใช้ข้างกายของฮูหยินยังถูกทำโทษหนักถึงเพียงนี้ จุดจบของพวกเขาเองจะต้องแย่กว่าอีกเป็นแน่