ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] - ตอนที่ 209-1 คนที่ไม่ถูกรัก
ฮูหยินยิ้มอย่างเลือดเย็นออกมา “ท่านพ่อ ท่านลืมไปแล้วหรือว่า กุ่ยเอ๋อร์ก็เป็นหลานของท่านนะเจ้าคะ”
เมื่อพูดถึงเหวินกุ่ย อารมณ์ของนายท่านเหวินก็ปะทุขึ้นมามากกว่าเดิม “อย่าพูดถึงเจ้าสวะนั่นต่อหน้าข้า คนอย่างมันขนาดพี่ชายแท้ๆ ก็ยังฆ่าได้ลงคอ มันไม่สมควรจะเป็นหลานของตระกูลเหวิน”
สีหน้าของฮูหยินกระตือรือร้นขึ้นมากกว่าเดิม “ที่กุ่ยเอ๋อร์ทำไปเช่นนั้น ไม่ใช่เพราะว่าท่านลำเอียงหรอกหรือเจ้าคะ กุ่ยเอ๋อร์เป็นเด็กฉลาดแต่ไหนแต่ไร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการต่อสู้หรือเรื่องการค้าขาย เรียนรู้เร็ว สอนแล้วเป็นเลย และยังอ่อนน้อมเชื่อฟัง หลายปีมานี้ก็คอยกตัญญูดูแลรับใช้อยู่ข้างกายท่านมาตลอด คอยทำให้ท่านมีความสุข แล้วท่านเล่า เพียงเพราะเจ้าสวะนี่ได้ตำแหน่งตี๋จื่อ ท่านก็เลยยกสมบัติและการค้าทั้งหมดของตระกูลให้มัน มีสิทธิ์อะไรหรือ กุ่ยเอ๋อร์ยอมไม่ได้ ข้าเองก็ไม่ยอม ทั้งหมดนี้ควรจะเป็นของกุ่ยเอ๋อร์ต่างหาก ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรข้าก็เอาจะมาให้ได้”
“ที่เจ้าพูดไม่ผิดเลย กุ่ยเอ๋อร์อยู่ข้างกายข้า และยังทำให้ข้ามีความสุขไม่น้อย แต่ว่าเด็กคนนั้นถูกเจ้าสอนให้มีจิตใจไม่ปกติ เมื่อทำการค้าก็คอยจะหาผลประโยชน์เข้าตัว หากข้ามอบการค้าให้เขา ในเวลาไม่กี่ปี การค้าที่ข้าสร้างมากับมือทั้งชีวิตก็คงถูกเขาทำลายลง คนเช่นนี้ ข้าจะวางใจยกการค้าให้เขาได้อย่างไร”
“ทำการค้าก็เพื่อหาเงิน ขอเพียงแค่ทำเงินได้ ใช้โอกาสหาผลประโยชน์มันผิดอย่างไร สุดท้ายแล้ว ท่านนั่นแหละที่ลำเอียงเอนใจไปให้เจ้าคนไร้ค่านั่น กลัวว่ากุ่ยเอ๋อร์จะไปแย่งสมบัติของเจ้านั่น จึงได้ไล่กุ่ยเอ๋อร์ผู้น่าสงสารของข้าออกจากบ้านไป ข้าจะไม่เกลียดได้อย่างไร มีสิทธิ์อะไรกัน พวกเจ้าได้ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อย่างสุขสบาย และกุ่ยเอ๋อร์ของข้าจะต้องไปลำบากตรากตรำข้างนอก ถูกคนดูถูกดูแคลน ข้าจะไม่ให้พวกเจ้าสมใจหรอก พวกเจ้าให้ความสำคัญกับลูกหลานอย่างนั้นหรือ อยากได้ผู้สืบสกุลนักไม่ใช่หรือ ข้าก็จะไม่ให้พวกเจ้าสมใจ ข้าจะทำลายลูกในท้องของหญิงชั้นต่ำนั่น ข้าจะรอดูคนในตระกูลของเจ้าเจ็บปวด ข้าจึงจะสาสม” เมื่อพูดถึงตรงนี้ ฮูหยินกัดฟัดแน่น ความโกรธปะทุออกมา
แต่เมิ่งเชี่ยนโยวกลับยิ้มเล็กน้อย ตบมือชื่นชม “ฮูหยินนี่ช่างขยันหาข้ออ้างให้จิตใจสกปรกของตนเองสียจริง ท่านแน่ใจหรือว่าลูกของท่านลำบากตรากตรำอยู่ด้านนอก เขาพบเจอข้าโดยบังเอิญหลายครั้งด้านนอก แต่ท่าทางของเขาผยองพองโตยิ่งนัก ข้าขอพูดตามตรงนะเจ้าคะ ที่พวกท่านดิ้นรนอยากจะได้ตำแหน่งเจ้าของร้านยาเต๋อเหรินนัก น่ากลัวว่าจะเป็นเพราะมีเป้าหมายอื่น ไม่ใช่เพราะว่าท่านยอมแพ้ไม่ได้”
สายตาของฮูหยินกลอกกลับไปมา ในที่สุดใบหน้าของนางก็เผยสีหน้าตกใจออกมา มองเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างไม่เชื่อสายตา
“เห็นทีข้าน่าจะทายถูกเสียแล้ว” เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้ม “อย่างนั้นข้าขอทายเสียหน่อย ว่าเหตุใดพวกท่านจึงอยากได้ร้านยานัก หากไม่ใช่ว่าบ้านของแม่ฮูหยินเกิดปัญหา”
สีหน้าของฮูหยินตกใจมากขึ้น
ความรู้สึกเย้ยหยันของเมิ่งเชี่ยนโยวเพิ่มขึ้น “และบ้านแม่ของฮูหยินก็เพิ่งเกิดปัญหาขึ้นเมื่อไม่กี่ปีนี้ด้วยใช่หรือไม่”
ฮูหยินอดทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ถามออกไปว่า “เจ้ารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร”
“ง่ายจะตายไป ตั้งแต่ฮูหยินเข้ามาในบ้านนี้ เหวินซื่อยังเล็กอยู่ และนายท่านเหวินเองก็มักจะไม่ได้อยู่บ้านหลายปี หากฮูหยินต้องการกำจัดเขาก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ได้ทำ เพียงแต่ไม่ชอบหน้าเขาก็เท่านั้น แต่ไม่กี่ปีหลังมานี้กลับมีความคิดจะฆ่าเขา จะต้องเป็นเพราะมีเหตุผลอะไรให้ท่านต้องคิดเช่นนี้ และท่านอยู่ในจวนเหวิน แม้ว่าจะไม่ได้มีอำนาจจัดการเรื่องในตระกูลเหวิน แต่ว่าก็อยู่สุขสบายดี เรื่องเดียวที่จะทำให้ตัดสินใจเช่นนี้ได้ก็มีเพียงแค่เรื่องบ้านแม่ท่านเท่านั้น”
หลังจากที่ฮูหยินหายตกใจแล้ว ก็ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ พยักหน้า กล่าวชมว่า “ได้ยินมาว่าแม่นางเมิ่งมีความคิดรอบคอบ ฉลาดเป็นกรด เห็นทีว่าไม่ใช่เรื่องโกหก ที่แม่นางพูดมาไม่ผิดเลย ที่พวกข้าดิ้นรนอยากได้ตำแหน่งเจ้าของบ้านก็เพื่อบ้านฝั่งแม่ข้า ผู้ชนะย่อมเป็นผู้ถูกส่วนผู้แพ้ย่อมผิดเสมอ ข้าเองก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก พวกเจ้าจะจัดการกับข้าอย่างไรล่ะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้าพร้อมยิ้ม “ท่านพูดผิดแล้ว นี่เป็นเรื่องในครอบครัวของตระกูลเหวิน จุดจบของท่านจะเป็นอย่างไรนั้นก็ต้องแล้วแต่นายท่านเหวินตัดสิน ข้าไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วย”
ฮูหยินมองไปทางนายท่านเหวิน ถามอย่างเรียบๆ ว่า “ท่านพ่ออยากจะจัดการกับข้าอย่างไรหรือเจ้าคะ”
นายท่านเหวินได้ทำการตัดสินใจตั้งแต่เมื่อตอนที่เดินทางมาแล้ว เมื่อได้ยินดังนั้นก็ตอบไปว่า “เจ้าได้ทำเรื่องเลวร้ายลงไปมากมายเช่นนี้ ตระกูลเหวินของเราคงรับเจ้าต่อไปไม่ได้แล้ว แต่หากไล่เจ้าออกไปก็จะเป็นผลเสียกับตระกูลเรา เจ้าจบชีวิตตัวเองเสียเถิด”
“หากข้าไม่ยอม?” ฮูหยินถามกลับอย่างใจเย็น
“หากเจ้าไม่ยอม ข้าก็จะสั่งคนลงมือ วันนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะไม่ใจอ่อนอีกต่อไป!” สีหน้าของนายท่านเหวินเคร่งเครียดขึ้น ตอบอย่างไม่ลังเล
ฮูหยินหันกลับไปมองเหวินเฟิง เผยรอยยิ้มออกมา ถอนหายใจออกมาอย่างอ่อนโยนและอ่อนแรง และพูดว่า “ท่านพี่ วันนี้ท่านพ่อจะเอาชีวิตข้าไปแล้ว”
เหวินเฟิงตะเกียกตะกายสุดแรง องครักษ์ลับทั้งสองเกรงว่าจะทำให้เขาบาดเจ็บ จึงไม่ออกแรงมาก เขาจึงหลุดมาได้ เขาเดินพรวดมายังภรรยาของตัวเอง พูดข่มขู่เสียงดังว่า “ท่านพ่อ หากท่านอยากจะฆ่าหรงเอ๋อร์ ก็ฆ่าข้าไปก่อนเถิด”
นายท่านเหวินผิดหวังกับลูกชายของตนเองเป็นอย่างมาก ไม่อยากพูดกับเขาแม้แต่ประโยคเดียว หันหน้าไป พูดว่า “แม่นางเมิ่ง รบกวนด้วยเถิด ส่วนเจ้าลูกอกตัญญูคนนี้ หากดิ้นรนจะตายเช่นนี้ ก็ส่งเขาไปปรโลกด้วยอีกคนเถิด” แม้ว่าจะพูดอย่างหนักแน่น แต่สีหน้ากลับแสดงความเจ็บปวดออกมาเป็นอย่างมาก
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นสีหน้าของเขา ไม่กล้ารอช้า สั่งชิงหลวนและจูหลีว่า “พวกเจ้าสองคนช่วยจบชีวิตฮูหยินที ส่วนกัวเฟย คุณชายเหวินให้เจ้าจัดการ” ความหมายของประโยคนี้ เป็นการบอกว่าให้ไว้ชีวิตเหวินเฟิงเอาไว้
เมื่อได้ยินคำของนายท่านเหวินแล้ว เหวินเฟิงอึ้งไป นายท่านเหวินมีจิตใจเมตตากับผู้อื่นมาโดยตลอด ไม่เคยมีปัญหากับใครมาก่อน ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการฆ่าคนเลย ขนาดว่าคนรับใช้ในจวนทำความผิด การลงโทษที่รุนแรงที่สุดของเขาก็เพียงแค่หักเงินเดือนครึ่งเดือนเท่านั้น และเพราะเป็นเช่นนี้ แม้ว่าเขาจะรู้อยู่แก่ใจว่าภรรยาของตนและลูกชายได้ทำอะไรไว้บ้าง แต่กลับไม่ได้ห้ามปราม คิดว่าอย่างมากพ่อของตนก็คงทำเพียงไล่พวกตนออกจากจวนเท่านั้น อย่างไรเสียเขาเองก็มีเงินเก็บจำนวนมากที่สะสมมาหลายปี ไม่มีอะไรต้องกลัว แต่คิดไม่ถึงเลยว่านายท่านเหวินจะมีความคิดให้เข่นฆ่าลูกชายของตนเองได้ เรื่องมาถึงบัดนี้แล้ว เขาถึงได้รู้ว่าเรื่องนี้ร้ายแรงเพียงใด ร้ายแรงจนถึงขั้นที่เขาไม่สามารถควบคุมอะไรได้แล้ว เขาหวาดกลัว น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นการอ้อนวอน “ท่านพ่อ หรงเอ๋อร์สำนึกผิดแล้ว ท่านไว้ชีวิตนางสักครั้งเถิด ข้าสัญญากับท่าน ว่าต่อไปนี้ข้าจะจับตามองนางไม่ให้คลาดสายตาเลย จะไม่ให้นางไปทำร้ายครอบครัวเหวินซื่อได้อีก”
หากเขาไม่ขอร้องยังจะดีกว่า เพราะเมื่อเขาเอ่ยปากขอร้อง ไฟโกรธในใจของนายท่านเหวินปะทุขึ้นมามากกว่าเดิม เขาโบกมือ สั่งให้บ่าวรับใช้ลงมือ
เมื่อมีคำสั่งจากเมิ่งเชี่ยนโยวแล้ว คนเหล่านั้นก็ไม่ลังเลอีกต่อไป ชิงหลวนและจูหลีหยิบดาบออกมาจากเอว แทงไปที่ฮูหยินทันที
เหวินเฟิงเอาร่างมาบัง
กัวเฟยรีบรุดมาด้านหน้า เตะไปยังขาของเขาทีหนึ่ง เหวินเฟิงได้รับบาดเจ็บ เอนล้มลงไปด้านหน้า กัวเฟยรีบมาด้านหน้ารับเขาเอาไว้ และลากเขาไปยังอีกฝั่ง สกัดจุดเขาไว้
เหวินเฟิงขยับไม่ได้อีก ได้แต่เพียงทำตาปริบๆ มองชิงหลวนและจูหลีทำร้ายฮูหยิน
แต่ถึงอย่างนั้น สีหน้าของฮูหยินก็ไม่ได้เผยความกลัวออกมาเลยแม้แต่น้อย นางทำร่างอ่อนเอนหลบการโจมตีของทั้งสอง และใช้โอกาสหยิบดาบจากเอวของตนสู้กลับไป
เหวินซื่อกลัวว่าจะเผลอไปถูกนายท่านเหวินจนได้รับบาดเจ็บเข้า จึงได้พยุงเขาหลบไปอีกด้าน
ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดฮูหยินจึงไม่มีความเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย ชิงหลวนและจูหลีรวมแรงกันอยู่นานสองนานก็ยังไม่สามารถจัดการกับนางได้
ในใจของนายท่านเหวินตระหนกเป็นอย่างมาก เขาคิดว่าตนเองทำการค้ามาทั้งชีวิต คิดว่ารู้จักคนมานับไม่ถ้วน แต่ไม่เคยรู้เลยว่าลูกสะใภ้ที่อยู่ใกล้ตัวมานานแสนนานจะมีวิชาต่อสู้ที่เก่งกาจเพียงนี้
ทั้งสองฝ่ายสู้กันอยู่ยี่สิบกว่ากระบวนท่า แต่ก็ยังดูไม่ออกว่าใครจะแพ้ใครจะชนะ ทว่าหน้าผากของฮูหยินเริ่มมีเม็ดเหงื่อผุดออกมาแล้ว เริ่มหายใจเร็วขึ้น เห็นได้ชัดว่านางเริ่มหมดแรงเสียแล้ว
ชิงหลวนและจูหลีได้โอกาสแล้ว ดาบของคนหนึ่งมุ่งไปด้านบน อีกคนด้านล่าง โจมตีนางไปพร้อมกัน ฮูหยินไม่ทันตั้งตัว จึงไม่ได้หลบดาบของพวกนาง ถูกจูหลีแทงเข้าไปที่ข้อมือ จนได้รับบาดเจ็บ ดาบในมือร่วงหล่นลงไปบนพื้น และดาบของชิงหลวนเองก็จ่ออยู่ที่ลำคอของนาง
บัดนี้นางขยับตัวไม่ได้แล้ว
ตาของเหวินเฟิงแทบจะถลนออกมาอยู่รำไร ลูกกระเดือกของเขาขยับขึ้นลงไม่หยุด แต่เสียดายที่ร่างกายถูกสกัดไว้ ไม่สามารถขยับได้
เหตุการณ์ตรงหน้าทั้งหมดควบคุมได้แล้ว นายท่านเหวินเดินมาด้านหน้า มองตาฮูหยิน พูดว่า “อย่างไรเจ้าก็เป็นสะใภ้ของตระกูลเหวิน ถึงเจ้าตายไปแล้วพวกเรายังคงปฏิบัติต่อเจ้าอย่างสมเกียรติ ไม่มีทางนำศพเจ้าไปทิ้งในป่าช้า จะต้องทำพิธีฝังร่างเจ้าตามขนบธรรมเนียม ก็ถือเป็นการให้เกียรติเจ้ามากแล้ว”
ฮูหยินหลุดหัวเราะออกมา “ท่านพ่อเพียงแค่กลัวว่าหากเรื่องนี้แพร่ออกไป แล้วผู้คนจะหัวเราะเยาะว่าท่านใจบอดหรือเจ้าคะ”
เหวินเฟิงทำเสียงอู้อี้ ราวกับว่าต้องการพูดอะไรสักอย่าง
เมิ่งเชี่ยนโยวให้สัญญาณ กัวเฟยคลายจุดให้เขา
เหวินเฟิงรีบเข้ามา “ท่านพ่อ ท่านรู้หรือไม่ว่าที่หรงเอ๋อร์ทำเรื่องเช่นนี้ลงไปก็เพราะว่าถูกใครบงการอยู่ เป็น…”
“ท่านพี่!” ฮูหยินตัดบทเขา ยิ้มให้เขา “เกิดชาติฉันใดเราค่อยมาครองรักกันอีกนะเจ้าคะ”
เหวินเฟิงผงะไป ฮูหยินทิ้งตัวลงไปฟาดกำแพงด้านหลัง ปัง เลือดสาดกระเด็นจนเต็มใบหน้าของเหวินเฟิง
กรี้ดดด! ชิวจวี๋กรีดร้องเสียงดังออกมา ตกใจจนเป็นลมล้มไป
เหวินเฟิงตกใจจนเสียสติ ผ่านไปครู่ใหญ่จึงเรียกสติกลับคืนมาได้
เมิ่งเชี่ยนโยวกลับลอบถอนหายใจออกมา
“หรงเอ๋อร์” น้ำเสียงที่ร้องออกมาราวกับใจจะขาด เหวินเฟิงกระโจนไปที่ร่างไร้เรี่ยวแรงของฮูหยินที่ล้มลงบนพื้น ช้อนอุ้มนางขึ้นมาด้วยมือที่สั่นเทา มองดูศีรษะที่มีเลือดไหลออกมาไม่หยุดของนาง ก็รีบอ้อนวอนขอร้องว่า “ท่านพ่อ ข้าขอร้องท่านล่ะ ท่านช่วยหรงเอ๋อร์ทีเถิด”
นายท่านเหวินไม่พูดอะไร
เหวินเฟิงก้มหน้าลง ใช้มือปิดบาดแผลของนางเอาไว้ หวังจะหยุดไม่ให้เลือดไหลออกมา
ร่างของฮูหยินอ่อนระทวย ไร้ซึ่งลมหายใจแล้ว
ดวงตาของเหวินเฟิงแดงก่ำ มองทุกคนตรงนั้นด้วยสายตาโกรธแค้น ตะโกนด่าทออย่างบ้าคลั่งว่า “พวกเจ้าทำให้นางต้องตาย พวกเจ้าบีบบังคับนาง ข้าจะไม่ปล่อยพวกเจ้าเอาไว้แน่”
เมื่อเห็นท่าทางคลุ้มคลั่งไร้สติของเขา นายท่านเหวินก็ถอนหายใจออกมา หยิบยาออกมาจากแขนเสื้อของตน ใช้มือสั่นเทาของเขายื่นยาไปตรงหน้าของเมิ่งเชี่ยนโยว “แม่นางเมิ่ง รบกวนเจ้าเอายานี่ให้เจ้าอกตัญญูนั่นกินทีเถิด แม้ว่าเขาจะอกตัญญู แต่อย่างไรเขาก็เป็นลูกชายคนเดียวของข้า ไว้ชีวิตเขาไว้เถิด”
เมิ่งเชี่ยนโยวมองกัวเฟยเล็กน้อย กัวเฟยเข้าใจทันที เดินไปด้านหน้า รับยามา
เมื่อเห็นว่าเขารับยามาแล้ว นายท่านเหวินดูราวกับว่าแก่ลงทันที เขายืดหลังตรงเดินออกไปด้านนอก “ซื่อเอ๋อร์ เอาพวกคนที่ตายไปแล้วไปทิ้งไว้ตามป่ารก ส่วนชิวจวี๋นั่น ตัดลิ้นนางออกแล้วเอาไปขาย ส่วนพ่อของเจ้าก็ขังเอาไว้ในนี้ตลอดชีวิตนั่นแหละ ส่งคนมาดูแลให้ดีก็พอแล้ว”
คอของเหวินซื่อขยับเล็กน้อย ไม่ทันได้ตอบรับ นายท่านเหวินก็ได้เดินออกไปแล้ว
หวงฝู่อี้เซวียนอุ้มเมิ่งเชี่ยนโยวเดินตามออกไป
ชิงหลวนและจูหลีเองก็เดินตามพวกเขาไปเช่นกัน