ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] - ตอนที่ 246 คนหลอกลวง
บ่าวรับใช้ตักน้ำอุ่นมา หวงฝู่อี้เซวียนรับมา ยกมาวางข้างเตียง เช็ดหน้าของนางเบาๆ ให้สะอาดอย่างใส่ใจ วางกะละมังน้ำไว้ข้างๆ ยกถ้วยขึ้นมาป้อนนาง
เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งพิงตัวบนเตียง หยิบผ้าห่มบางๆ ปิดร่างกายของตัวเองไว้ เหลือแค่หัวโผล่ออกมา อ้าปาก กินอาหารที่ถูกป้อนถึงปากอย่างเชื่อฟัง
หวงฝู่อี้เซวียนยิ้มมุมปากอย่างพออกพอใจตลอดเวลา ท่าทางก็ยิ่งอ่อนโยนขึ้นไปอีก กินไปประมาณครึ่งถ้วย เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหัวไปมา “ข้าอิ่มแล้ว เจ้ากินเถอะ”
นี่ไม่ใช่ปริมาณอาหารที่นางกินปกติ หวงฝู่อี้เซวียนได้ยินก็รู้สึกปวดใจ ใช้ผ้าค่อยๆ เช็ดมุมปากให้นาง กล่าวถามเบาๆ ว่า “ข้าทำให้เจ้าเหนื่อยมากไปใช่หรือไม่”
เมิ่งเชี่ยนโยวหน้าแดงขึ้นมาทันที รีบเปลี่ยนเรื่อง “รีบกินเถอะ จะเย็นหมดแล้ว”
เขาไม่ได้ใช้ช้อนเล็ก ยกถ้วยขึ้น ดื่มข้าวต้มไม่กี่คำก็หมดถ้วย รีบวางถ้วยลงบนถาด
ยกถาดออกไปหน้าประตู ยกให้บ่าวรับใช้ หวงฝู่อี้เซวียนก็หันหลังเดินกลับมา นอนลงข้างๆ เมิ่งเชี่ยนโยว “ข้าจะเฝ้าเจ้าเอง เจ้านอนพักอีกสักหน่อยเถอะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวปิดตาลง ไม่นานก็หลับไป
อาการง่วงเริ่มมา หวงฝู่อี้เซวียนก็ปิดตาลงแล้วหลับไป
เมิ่งเชี่ยนโยวที่ควรหลับลึกกลับลืมตาขึ้นมา มองดูใบหน้าที่หลับอยู่ด้วยความอาลัยอาวรณ์ ยื่นมือออกมา ลูบไปตามโครงหน้าของเขา พรรณนาอย่างละเอียด มีน้ำอุ่นๆ ไหลออกจากดวงตา
จูบบนริมฝีปากของเขาเบาๆ แล้วรีบลุกขึ้น เปิดลังเสื้อผ้าออก หยิบเสื้อผ้าของตัวเองที่ทิ้งไว้ที่นี่ตอนป่วยออกมา สวมใส่เรียบร้อย หยิบจดหมายที่เขียนไว้ออกมาจากกระเป๋าแขนเสื้อ วางไว้บนโต๊ะ มัดกระเป๋าแขนเสื้อเสร็จ หันกลับไปมองหวงฝู่อี้เซวียนที่ยังคงหลับอยู่ แล้วเดินออกไปด้วยร่างกายที่ปวดเมื่อยไร้เรี่ยวแรง
หวงฝู่อี้เฝ้าอยู่ข้างนอก เห็นนางออกมา ทำความเคารพแล้วทักทาย “แม่นางเมิ่ง”
“บ้านข้ามีเรื่องด่วน ต้องรีบกลับไปจัดการ เจ้าไปจูงม้าดีๆ มาให้ข้าหนึ่งตัว”
หวงฝู่อี้รับคำสั่ง
“อีกเรื่องหนึ่ง อี้เซวียนเหนื่อยนัก พวกเจ้าห้ามรบกวนเขา เขาตื่นแล้วจะก็ออกมาเอง” เมิ่งเชี่ยนโยวกำชับอีกครั้ง
เมื่อคืนเสียงดังมิใช่น้อย หวงฝู่อี้รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด หลังจากรับคำสั่งด้วยใบหน้าแดงก่ำแล้ว ก็รีบเดินไปที่คอกม้าทันที
หันหลังกลับไปมองในห้องอีกครั้ง สายตาเต็มไปด้วยความอาลัยอาวรณ์ แต่ก็ยังคงหันหลัง เดินตรงออกไปนอกจวน
โจวอันเดินออกมา “แม่นางเมิ่ง เมื่อวานซื่อจื่อสั่งให้ข้าส่งท่านกลับไป”
เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “ไม่ต้อง เวลาหนึ่งก้านธูปก็ถึงหนานเฉิน ไม่เกิดเรื่องอะไรหรอก เจ้าช่วยไปบอกพระชายาให้ที ว่าบ้านข้ามีเรื่องด่วน ข้ากลับไปก่อน”
โจวอันลังเล
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มกล่าวว่า “ตอนนี้อยู่ในเมือง ไม่มีใครกล้าทำอะไรข้าหรอก เจ้าวางใจเถิด ไปบอกพระชายาเร็ว บอกว่าข้าขอประทานโทษด้วย”
คิดไปคิดมาดีๆ แล้วก็จริง ต่อต้านแม่นางเมิ่งก็เท่ากับต่อต้านจวนอ๋องฉี แล้วตอนนี้ในเมืองก็ไม่มีใครกล้าทำเยี่ยงนี้จริงๆ โจวอันพยักหน้า เดินไปในเรือนของพระชายาฉี
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินตรงออกไปนอกจวน รับเชือกจูงมือจากมือของหวงฝู่อี้ ขึ้นบนหลังม้าอย่างยากลำบาก วิ่งตรงไปที่หนานเฉิน
หวงฝู่อี้เห็นนางไปไกลแล้ว จึงหันหลังกลับไปที่จวน
เมื่อไม่รู้สึกถึงสายตาที่มองมาจากข้างหลังแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวก็หันม้า ตรงไปทางนอกเมือง
วันนี้เป็นวันที่อากาศดี บริเวณประตูเมืองมีคนเข้าออกเต็มไปหมด ค่อยๆ เดินออกนอกเมืองตามคน เมิ่งเชี่ยนโยวหยุดม้า มองไปในเมืองชั่วครู่ หลังจากนั้นก็โบยแส้ไปทางไกลทันที
หวงฝู่อี้เซวียนนอนหลับครั้งนี้หลับยาวจนท้องฟ้าเกือบมืดจึงจะตื่นขึ้นมา รู้สึกบนอกว่างเปล่า รีบลืมตาขึ้นมา กวาดตามองไปข้างๆ ว่างเปล่า ไม่มีสักคน ในใจเกิดความรู้สึกตื่นตระหนก รีบลุกขึ้นนั่ง ตะโกนออกไปข้างนอก “เข้ามา”
หวงฝู่อี้เดินเข้ามา เห็นความรกในห้อง รีบก้มหัวลง “ซื่อจือ”
“โยวเอ๋อร์ล่ะ” หวงฝู่อี้เซวียนกล่าวถามด้วยความหวาดกลัว
“แม่นางเมิ่งบอกว่าที่บ้านมีเรื่องด่วน กลับจวนไปตั้งแต่เช้า ก่อนไปสั่งไม่ให้รบกวนท่าน” หวงฝู่อี้ตอบกลับด้วยความเคารพ
หวงฝู่อี้เซวียนโล่งอก โบกมือ “ข้ารู้แล้ว เจ้าออกไปเถิด”
หวงฝู่อี้ไม่ขยับ กล่าวถามอย่างไม่แน่ใจว่า “ซื่อจือ ให้ข้าช่วยท่านเก็บกวาดห้องก่อนไหมขอรับ”
มองดูเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายไปทั่วห้อง หวงฝู่อี้เซวียนยิ้มแล้วส่ายหัวไปมา “ไม่ต้อง ข้าจัดการเอง”
หวงฝู่อี้เดินออกไป
หวงฝู่อี้เซวียนลงจากเตียง เปิดลังเสื้อผ้าออก หยิบเสื้อผ้าของตัวเองออกมาสวมใส่ให้เรียบร้อย จัดผ้าปูที่นอนให้เรียบร้อยก่อน หยิบผ้าปูที่นอนที่เปื้อนเลือดขึ้นมาพับให้เรียบร้อยอย่างตั้งใจ ใส่ลงไปในกล่องเก็บสิ่งของสำคัญของเขาที่วางอยู่บนหัวเตียง แล้วค่อยเก็บเสื้อผ้าของตัวเองและเสื้อผ้าของเมิ่งเชี่ยนโยวที่ถูกฉีกทิ้งลงบนพื้น มุมปากยังคงมีรอยยิ้มของความอิ่มอกอิ่มใจอยู่ตลอดเวลา คิดเอาไว้ว่าเดี๋ยวจะไปหาเมิ่งเชี่ยนโยวที่หนานเฉิน
ไม่นานห้องที่รกก็ถูกจัดเก็บเรียบร้อย หวงฝู่อี้เซวียนนั่งลงข้างโต๊ะ กำลังจะเทน้ำดื่ม เหลือบเห็นจดหมายฉบับนั้นที่ถูกวางไว้บนโต๊ะ
ชะงักไป แล้วหยิบขึ้นมา เปิดออกทันที ก็เห็นลายมือที่สวยงามและคุ้นตา
‘อี้เซวียน’
เห็นสองตัวนี้ ทำให้รู้สึกเหมือนกับได้ยินเสียงอ้อนที่เมิ่งเชี่ยนโยวเรียกข้างหูตัวเองเมื่อคืน หวงฝู่อี้เซวียนยิ่งยิ้มกว้างมากขึ้นไปอีก แต่เนื้อหาต่อจากนี้กลับทำให้เขารู้สึกเหมือนโลกแตกสลายไป
‘ข้าจะผิดคำพูดแล้ว’ เห็นคำพวกนี้ รอยยิ้มของหวงฝู่อี้เซวียนหายไปทันที ในใจเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นมา มือที่ถือจดหมายไว้ก็เริ่มสั่น
‘ที่เคยสัญญากับเจ้าไว้ ทั้งชีวิตนี้จะไม่ห่างกับเจ้าเป็นอันขาด อยู่ข้างกันตลอดไป แต่ตอนนี้ร่างกายของข้ามีปมด้อย ไม่เหมาะสมกับเจ้า’
‘พวกเรารู้จักกันมาหกปี ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอเจ้า ข้าก็มีเจ้าอยู่ในใจมาตลอด ข้าเคยสาบาน ไม่ว่าเจ้ามีฐานะอะไร ตำแหน่งอะไร ทั้งชีวิตนี้ข้าก็จะเลือกเจ้า แต่ตอนนี้ ข้าก้าวผ่านปัญหาในใจของข้าไปไม่ได้ ข้ารู้ว่าเจ้าพยายามปิดบังเรื่องที่ข้าท้องไม่ได้อย่างสุดความสามารถ แต่เจ้าลืมไป ว่าข้ารักษาโรคเป็น ร่างกายของข้าข้ารู้ดีที่สุด ข้าเจ็บปวด ข้าสับสน ข้าลังเล ข้าอาลัยอาวรณ์ แต่ข้าก็ยังตัดสินใจไปจากเจ้า ให้ชีวิตที่เหลือของข้าและเจ้าต่างมีความสุข’
‘อย่าโทษว่าข้าใจร้ายเลย ใจของข้าก็เจ็บปวดเช่นกัน แต่ว่าข้าต้องไปจริงๆ ข้าไม่อยากให้อีกหลายปีข้างหน้า เจ้าต้องเสียใจภายหลัง แต่ว่า ข้าสัญญากับเจ้า ข้าจะกลับมาดูเจ้า อาจจะอีกหนึ่งปี อีกสิบปี หรืออาจจะเป็นตอนที่พวกเราแก่แล้ว แต่ไม่ว่าตอนไหน ข้าอยู่ที่ใด เจ้าจะเป็นคนที่ใจข้ารักที่สุดตลอดไป…ไม่เปลี่ยนแปลง’
หวงฝู่อี้เซวียนรีบลุกขึ้น วิ่งสะดุดขาออกไป ตาแดงก่ำ ตะโกนเสียงดังว่า “เตรียมม้า”
ทุกคนตกใจเสียงตะโกนของเขา รีบลุกขึ้นอย่างตกใจ หวงฝู่อี้ล้มลงแล้วรีบลุกขึ้นไปจูงม้า โจวอันกระโดดมาข้างหน้าหวงฝู่อี้เซวียน “ซื่อจื่อ เกิดอะไร…”
“หลบไป รีบไปเตรียมม้า” หวงฝู่อี้เซวียนเสียสติไปแล้ว รีบวิ่งออกไปข้างนอก แล้วตะคอกเรียกเขาด้วยความโมโหไปด้วย
โจวอันหยุดชะงักไป
ทุกคนในจวนตกใจในท่าทางของเขา เจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า สบตากัน
ออกจากประตูจวน แย่งเชือกจูงม้าจากมือของหวงฝู่อี้ กระโดดขึ้นหลังม้า ฟาดแส้ลงบนม้าอย่างแรงแล้วมุ่งตรงไปหนานเฉินอย่างรวดเร็ว
หวงฝู่อี้ช้าไป รอเขาขึ้นหลังม้า ก็ไม่เห็นเงาของหวงฝู่อี้เซวียนแล้ว
ฟาดแส้ลงบนม้าอย่างคนบ้าจนมาถึงหนานเฉิน ไม่รอให้ม้าหยุด รีบกระโดดลงมาจากหลังม้า วิ่งเข้าไปในจวน ตรงเข้าไปในห้องของเมิ่งเชี่ยนโยว ไม่มีคน ตะโกนออกไปข้างนอกด้วยความโมโห “คนล่ะ”
ชิงหลวนเดินเข้ามา กล่าวถามด้วยความสงสัย “ซื่อจือ เกิด…”
“ข้าถามเจ้า คนล่ะ” ในน้ำเสียงของหวงฝู่อี้เซวียนมีความหวาดกลัวและความโกรธที่พูดไม่ออก
“คน คนอยู่ครบเพคะ” ตกใจในท่าทางน่ากลัวของเขา ชิงหลวนตอบกลับด้วยคำพูดติดอ่าง
“โยวเอ๋อร์ล่ะ โยวเอ๋อร์อยู่ที่ใด”
ชิงหลวนรู้สึกถึงความผิดปกติ รีบกล่าวตอบกลับไปว่า “นายหญิงไม่ได้อยู่ที่จวนของท่านหรือเพคะ”
ใจของหวงฝู่อี้เซวียนตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม มองไปรอบๆ กลับเห็นสิ่งของที่วางอยู่บนโต๊ะ รีบตรงเข้าไป เปิดออกทุกอย่าง ข้างในเป็นโฉนดที่ดิน โฉนดบ้านตั๋วเงิน และจดหมายถึงเมิ่งเอ้ออิ๋นสองสามีภรรยา เมิ่งเสียน และเมิ่งฉี
ตาของหวงฝู่อี้เซวียนค่อยๆ มืดลง ร่างกายเอนไปมา เลือดพุ่งออกมาจากปาก มือทุบลงบนโต๊ะอย่างแรง “เมิ่งเชี่ยนโยว เจ้ามันเป็นคนหลอกลวง ชีวิตนี้ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่”
ชิงหลวนหวาดกลัว ร้องออกมาด้วยความตกใจ “ซื่อจือ ท่าน…”
สายตาของหวงฝู่อี้เซวียนเกิดรังสีของความน่ากลัวออกมา มองเขาด้วยความเย็นชา แล้วเดินออกไปนอกจวน สั่งโจวอันที่ตามมา “ออกคำสั่งของข้า ติดป้ายประกาศ ตามหาองค์หญิงชิงเหอทั่วรัฐ ผู้ที่พบเห็นแล้วแจ้งเบาะแส รับหนึ่งหมื่นตำลึง นอกเหนือจากนั้น องครักษ์ลับสามพันนาย กระจายออกไปทุกที่รัฐอู่ ตามหาองค์หญิงชิงเหอ”
โจวอันรับคำสั่ง แล้วเดินออกไป
ชิงหลวนและจูหลีเข้าใจทันที ตกใจแล้วกล่าวพร้อมกันว่า “ซื่อจือ นายหญิงนาง…”
“พวกเจ้าเฝ้าอยู่ในจวน ดูแลภายในจวนให้ดี นางจะกลับมาเร็วๆ นี้แน่นอน” หวงฝู่อี้เซวียนสั่งด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
ทั้งสองรับคำสั่ง
หวงฝู่อี้เซวียนสงบสติอารมณ์ลงแล้ว มองบนฟ้าแล้วพึมพำว่า “เมิ่งเชี่ยนโยว ชีวิตนี้เจ้าอย่าคิดว่าจะหนีข้าพ้น”
ภาพวาดเมิ่งเชี่ยนโยวกระจายไปทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว และเรื่องที่นางหนีไปก็ทำให้คนกลุ่มหนึ่งตกใจกันไปหมด
ฮ่องเต้และฮองเฮาได้ยินข่าว ไม่รู้ว่าควรดีพระทัยหรือควรเสียพระทัย หลังจากพระชายาฉีได้ยิน ก็ล้มลงไปนั่งบนเก้าอี้ ถามตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อว่า “เพราะเหตุใด เพราะเหตุใด”
ท่านอ๋องฉีได้ยินข่าว รีบลุกขึ้นยืน ตาโต มองพ่อบ้านอย่างเหลือเชื่อ หลังจากนั้นก็ล้มลงกลับไปนั่งบนเก้าอี้
หวงฝู่ซวิ่นได้ยินข่าว รีบออกจากวังไปหาหวงฝู่อี้เซวียน อยากถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ก็ถูกปฏิเสธให้อยู่นอกประตู
เปาชิงเหอสองสามีภรรยา เปาอี้ฝานสองสามีภรรยา เหวินซื่อสองสามีภรรยา ฉู่เหวินเจี๋ยสองสามีภรรยาต่างไม่เชื่อข่าวลือนี้ ทั้งหมดไปถึงจวนเพื่อถามให้แน่ใจด้วยตัวเอง หลังจากที่รู้เรื่องจริงแล้ว ต่างไม่เข้าใจ ว่าเพราะเหตุใดเมิ่งเชี่ยนโยวถึงทำเยี่ยงนี้ ทำไมนางถึงยอมทิ้งการแต่งงานที่นางทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มา
และครอบครัวตระกูลเมิ่งที่เดินทางอยู่บนถนนอย่างมีความสุข กลับตกใจอย่างมากกับเรื่องร้ายที่ได้ยินนี้ ถามคนที่ติดประกาศซ้ำไปซ้ำมาเพื่อความแน่ใจ ว่าองค์หญิงชิงเหอที่อยู่ในประกาศ ใช่องค์หญิงชิงเหอที่อยู่ในอำเภอชิงเหอคนนั้นหรือไม่
คนใช้ของทางการที่ติดประกาศ ใช้สายตาที่มองคนโง่มองดูคนกลุ่มนี้ที่แต่งตัวดูดีแต่ไม่ปกติ ถามกลับไปว่า “บนโลกนี้มีองค์หญิงชิงเหอหลายคนงั้นรึ”
ทุกคนในครอบครัวเมิ่งสมองว่างเปล่าไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร
รีบเร่งม้า รีบมาถึงเมืองหลวง รีบถามชิงหลวนว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ชิงหลวนก็ไม่เข้าใจ ไม่รู้จะตอบอะไรพวกเขา กล่าวว่า “นายหญิงเขียนจดหมายไว้ให้พวกท่าน วางอยู่บนโต๊ะในห้อง เชิญทุกท่านเข้าไปดูเถิด”
ทุกคนเดินเข้าไปในห้อง เมิ่งฉีพุ่งไปข้างโต๊ะทันที เปิดจดหมายถึงเมิ่งเอ้ออิ๋นสองสามีภรรยาก่อน ในจดหมายกล่าวว่า ‘ท่านพ่อ ท่านแม่ ตั้งแต่เด็กลูกเกิดและโตในอำเภอชิงเหอ ยังไม่เคยไปที่ใด ยิ่งเข้าใกล้งานแต่งของข้ากับอี้เซวียน ลูกเกิดความคิดอยากออกไปดูรอบๆ กลัวว่าอี้เซวียนไม่ยอม เลยจากไปแบบไม่บอกกล่าว รอลูกเที่ยวทั่วภูเขาชมทั่วทุกแม่น้ำแล้ว จะกลับไปดูแลท่านทั้งสองจนแก่เฒ่า’
ลายมือเรียบร้อย ไม่มีแม้แต่ความรู้สึกเจ็บปวดหรือความอาลัยอาวรณ์แม้แต่น้อย
เมิ่งเสียนก็เปิดจดหมายที่เขียนถึงตัวเอง ในจดหมายเขียนถึงการแบ่งสิ่งของทุกอย่างของนาง ที่ให้กับเมิ่งเสียน เมิ่งฉี เมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิง ข้างบนกล่าวว่า ‘เจี๋ยเอ๋อร์และชิงเอ๋อร์ยังเด็ก ข้าลำเอียงหน่อย ที่ให้พวกเขาเยอะกว่า แต่ข้าเชื่อว่าพี่ใหญ่ พี่รองไม่สนใจหรอก ยังมีอีกหนึ่งเรื่อง ในกล่องนั้นคือสิ่งของมีค่าที่อี้เซวียนให้ข้าเก็บดูแลแทน อยากให้พี่ใหญ่ พี่รองช่วยคืนให้เขาแทนข้าด้วย บอกเขาว่าชาตินี้ข้าทำผิดต่อเขา ชาติหน้าข้าจะใช้คืนให้เขาอย่างแน่นอน’
ฟังจดหมายทุกฉบับแล้ว เมิ่งซื่อเป็นลมไปทันที
ครอบครัวเมิ่งเกิดความวุ่นวายอีกครั้ง
แต่หลังจากเมิ่งเสียนและเมิ่งฉีจัดการดูแลครอบครัวเสร็จแล้ว ยกกล่อง แล้วมาถึงจวนอ๋องฉีด้วยสีหน้าเคร่งขรึม พบหวงฝู่อี้เซวียน ไม่พูดอะไรเลย พุ่งเข้าไปต่อยเขาทันที
หวงฝู่อี้เซวียนไม่โต้ตอบ
ทุกคนในจวนตกใจ อยากจะเข้าไปห้าม แต่ถูกหวงฝู่อี้เซวียนห้ามไว้
ทั้งสองต่อยจนเหนื่อยจึงหยุด เมิ่งฉีโยนกล่องลงบนตัวเขา กล่าวด้วยความโมโหว่า “ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เจ้ากับตระกูลเมิ่งไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก”