ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] - ตอนที่ 255 ลูกแฝด
ชิงหลวนและจูหลีที่คอยตามอยู่ข้างเกี้ยวตะลึง
สาวใช้ที่ตามมาส่งตัวก็ตะลึง
สี่ผอตะลึง
คนยกเกี้ยวตะลึงตกใจจนเกี้ยวที่ถูกแบกบนบ่าอย่างมั่นคงเกือบจะตกลงไป
เกี้ยวโยกไปทีหนึ่ง เมิ่งเชี่ยนโยวยิ่งอั้นไว้ไม่อยู่ อยากจะอาเจียนอาหารที่อยู่ในกระเพาะออกมาอีกครั้ง นางรีบโบกมือให้หวงฝู่อี้เซวียน เพื่อส่งสัญญาณให้เขาหลีกไป
หวงฝู่อี้เซวียนกลับมัวแต่มองสีหน้าซีดเซียวของนางด้วยความกังวล ส่งสัญญาณให้คนยกเกี้ยววางเกี้ยวลง
หนึ่งร้อยตำลึงปลิวหายวับไป สีหน้าของคนยกเกี้ยวซีดเผือกกว่าเมิ่งเชี่ยนโยว พวกเขาวางเกี้ยวลงอย่างกล้าๆ กลัวๆ ยืนตรงโค้งศีรษะอยู่ข้างเกี้ยว
หวงฝู่อี้เซวียนเกือบจะมุดตัวเข้าไปในเกี้ยว ถามขึ้นอย่างร้อนรนว่า “โยวเอ๋อร์ เจ้า…”
เมิ่งเชี่ยนโยวรีบผลักเขาออก อ้าปาก อาหารที่เอ่อขึ้นมาในปากก็พุ่งพรวดออกมาทันที
สี่ผอหน้าซีด เจ้าสาวที่ลงจากเกี้ยวระหว่างทางเช่นนี้น้อยมากนัก ซ้ำยังอาเจียนใส่เจ้าบ่าวเช่นนี้ยิ่งไม่เคยพบเห็น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผ้าคลุมหัวที่ถูกเปิดออกเช่นนี้ นางเป็นสี่ผอมาเกือบครึ่งชีวิต ไม่เคยพบเจอที่ไหนมาก่อนเลยจริงๆ เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เดินขึ้นไป กำลังจะปริปากพูด เมิ่งเชี่ยนโยวก็คลื่นไส้คล้ายจะอาเจียนออกมาอีกครั้ง ยิ่งดูยิ่งทรมาน อาการคลื่นไส้รุนแรงกว่าเดิม ประหนึ่งจะสำรอกอวัยวะภายในทั้งหมดออกมา
หวงฝู่อี้เซวียนเห็นสภาพทรมานของนางก็หน้าซีด ตบหลังเมิ่งเชี่ยนโยวเบาๆ คอยถามว่า “ดีขึ้นหรือยัง ดีขึ้นหรือยัง”
ในที่สุดเมิ่งเชี่ยนโยวหยุดอาเจียน เงยหน้ามองสภาพหวงฝู่อี้เซวียนที่ถูกอาเจียนไปทั้งตัว พูดอย่างรู้สึกผิดว่า “อี้เซวียน ขอโทษ ข้า…”
ยังไม่ทันพูดจบ ก็คลื่นไส้คล้ายจะอาเจียนอีกครั้ง
หวงฝู่อี้เซวียนยิ่งกังวล “เราไม่นั่งเกี้ยวแล้ว ขี่ม้าไปจวนอ๋องกันเถอะ”
สี่ผอเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ พูดขึ้นทันทีว่า “หรือว่าองค์หญิงชิงเหอจะตั้งครรภ์เจ้าคะ”
พูดจบ ก็เพิ่งรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป นางตกใจจนคุกเข่าร้องขอความเมตตา “ซื่อจื่อ องค์หญิงชิงเหอ โปรดไว้ชีวิตหม่อมฉันด้วยเถอะ หม่อมฉันพูดจาเหลวไหลเอง”
หวงฝู่อี้เซวียนนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ค่อยๆ หันเหลือบไปมองนาง แล้วก็รีบหันกลับมามองไปที่เมิ่งเชี่ยนโยว
เมิ่งเชี่ยนโยวก็ชะงักไปครู่หนึ่ง รีบนำมือซ้ายของตนแตะไปที่ชีพจรบนมือขวา
รอบด้านยังคงเงียบกริบดั่งป่าช้า
น้ำตาเม็ดโตของสี่ผอไหลอาบลงมา การท้องก่อนแต่งเป็นเรื่องบัดสีบัดเถลิง ตัวเองจะปากพล่อยพูดเรื่องแบบนี้ออกมาได้อย่างไร
ผ่านไปนาน เมิ่งเชี่ยนโยวถึงปล่อยมือขวาออก สลับนำมือขวาไปแตะชีพจรด้านซ้าย
ชิงหลวนและจูหลียิ่งเป็นกังวล ตั้งตารอดูปฏิกิริยาของนาง
ผ่านไปนานแสนนาน นานจนคนที่มามุงดูรู้สึกเหมือนผ่านไปหนึ่งชั่วยาม นางปล่อยมือซ้ายของตนออก เงยหน้าขึ้นมองหวงฝู่อี้เซวียนด้วยสีหน้ายิ้มทั้งน้ำตา แล้วพยักหน้าแรงๆ สองสามที
ดวงตากลมโตที่สวยงามของหวงฝู่อี้เซวียนเบิกกว้าง ปิดบังความรู้สึกดีใจสุดชีวิตไว้ไม่อยู่ เดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวังประหนึ่งกลัวจะทำนางตกใจ ถามเสียงเบาว่า “แน่ใจแล้วหรือ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเมิ่งเชี่ยนโยวยิ่งสดใส พยักหน้าอีกครั้งหนึ่ง พูดเสียงเบาว่า “เจ้าจะเป็นพ่อคนแล้วนะ”
สมองของหวงฝู่อี้เซวียนเหมือนมีพลุระเบิดปุงปัง สายใยแห่งความสุขเกี่ยวรัดพันตัวเขาไว้ จนตัวสั่นระริกด้วยความดีใจ เขายื่นมือไปปลดกระดุมชุดวิวาห์ แล้วถอดโยนเข้าไปในเกี้ยว โค้งตัวลง อุ้มเมิ่งเชี่ยนโยวขึ้นอย่างอ่อนโยนและทะนุถนอม เดินมุ่งไปข้างหน้าด้วยฝีเท้าที่ตื่นเต้นดีใจ เขาเดินพลางสั่งพลางว่า “ให้รางวัลห้าสิบตำลึง”
ชิงหลวนและจูหลีดีใจจนแทบจะกระโดดโลดเต้น ในขณะเดียวกันก็คอยปกป้องหวงฝู่อี้เซวียนอยู่ข้างกาย กลัวว่าเขาจะตื่นเต้นเกินจนทำเมิ่งเชี่ยนโยวล้ม
ผู้คนยังไม่ได้สติ มองหวงฝู่อี้เซวียนที่ค่อยๆ จากไปไกลอย่างใจลอย
โจวอันเดินขึ้นมา พูดกับสี่ผอที่คุกเข่าใจลอยอยู่บนพื้นว่า “ยังไม่ขอบคุณซื่อจื่ออีก”
สี่ผอมองโจวอันอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของเขา ถึงเรียกสติกลับมา ตนเองไม่เพียงแต่คุ้มกันศีรษะตัวเองไว้ได้แล้ว ซ้ำยังได้รางวัลอีกห้าสิบตำลึง นางรีบหันกลับไป โขกหัวบนพื้นให้หวงฝู่อี้เซวียนไปทีหนึ่ง พูดเสียงสูงด้วยความดีใจว่า “ขอบคุณท่านซื่อจื่อเจ้าค่ะ”
เมื่อเห็นว่าไม่ใช่เป็นเพราะการแบกเกี้ยวของตน คนยกเกี้ยวก็เพิ่งดึงสติกลับมาได้ ต่างมองไปที่โจวอันอย่างมีความหวัง
โจวอันโบกมือ สั่งว่า “ยกเกี้ยว ตามหลังไป รางวัลของพวกเจ้าไม่ตกหล่นหรอก”
คนยกเกี้ยวดีใจเฮ แบกเกี้ยวที่ว่างเปล่าตามหลังไป
เมื่อคนโง่ทั้งหกที่เร่งตามขบวนส่งตัวนั้นมาถึง ก็เห็นเหตุการณ์แปลกพิลึกตรงหน้า
บนตัวของหวงฝู่อี้เซวียนไม่มีชุดวิวาห์ ผ้าคลุมหัวบนหัวของเมิ่งเชี่ยนโยวก็ ‘ปลิว’ หายไป เกี้ยวก็ไม่นั่ง หวงฝู่อี้เซวียนอุ้มเมิ่งเชี่ยนโยวเดินไปที่จวนอ๋องด้วยสองเท้าที่หนักแน่นของตน
ทั้งหกคนต่างงงงวย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ซุนเหลียงไฉกระโดดลงจากรถม้า คว้าแขนคนใช้คนหนึ่งถามขึ้นว่า “เกิดอะไรขึ้น เหตุใดเจ้าบ่าวเจ้าสาวจึงอยู่ในสภาพเช่นนี้”
เสียงตอบกลับของคนใช้เต็มไปด้วยความตื่นเต้น “พระชายาซื่อจื่อมีครรภ์แล้วขอรับ ซื่อจื่อกลัวว่าจะสะเทือนถูกนาง จึงอุ้มพระชายาซื่อจื่อกลับจวนด้วยตนเองขอรับ”
ซุนเหลียงไฉชะงัก ผู้คนเดินไปไกลแล้วก็ยังไม่ได้สติ จนเหวินซื่อทนไม่ได้มุดหัวออกมาถามขึ้นว่า “ได้ความว่าอย่างไรบ้าง เกิดเรื่องอะไรกันแน่”
ซุนเหลียงไฉเงยหน้ามองเขาแวบหนึ่ง อ้าปากจะพูด ผ่านไปนานสองนานกว่าเสียงจะเล็ดลอดออกมา “แม่นางเมิ่งท้องแล้ว”
เมื่อเขาพูดจบ เหวินซื่อเบิกตากว้าง แล้วถลกแขนเสื้อขึ้น ท่าทางจะไปหาเรื่องหวงฝู่อี้เซวียนทันที “ไอ้เจ้าคนไม่เอาไหน กล้าทำเรื่องน่าอายอย่างนี้ ดูสิว่าข้าจะจัดการเขาอย่างไร”
คนที่เหลือพยักหน้าสำทับ การท้องก่อนแต่งเป็นเรื่องที่ทำลายชื่อเสียงของฝ่ายหญิงอย่างมาก โดยเฉพาะสำหรับคนชั้นสูงในเมืองหลวง เกรงว่าต่อไปเมิ่งเชี่ยนโยวคงจะถูกขี้ปากคนอื่นว่าจนไม่กล้าพบหน้าใคร
มีเพียงซุนเหลียงไฉรู้สาเหตุที่เมิ่งเชี่ยนโยวหายตัวไป ปริปากอยากจะอธิบาย แต่ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี
“เจ้ายังลังเลอะไรอยู่ ยังไม่รีบขึ้นมาอีก ไปสั่งสอนเขาด้วยกัน” เหวินซื่อพูดเร่ง
ซุนเหลียงไฉพูดเชิงโน้มน้าวว่า “พวกเรากลับไปกันเถอะ วันนี้คงสู้เขาไม่ได้หรอก”
“ยังไม่ทันถึงจวนอ๋อง เจ้าก็ขี้ขลาดเสียแล้ว” จูหลานเบิกตากว้างถามเขา
ซุนเหลียงไฉรีบโบกมือ “ไม่ใช่เพราะข้าขี้ขลาด เกรงว่าวันนี้พวกเราไปก็ไม่เจอเขา ไปก็เหมือนไม่ได้ไปอยู่ดี”
“เป็นไปได้อย่างไร” จูหลานพูดเสียงดัง “วันนี้เขาเป็นเจ้าบ่าว จะไม่โผล่มาดื่มเหล้ารับคำอวยพรได้อย่างไร ขอแค่เจอเขา เราไม่ปล่อยเขาไปแน่”
เมื่อเห็นว่าพูดโน้มน้าวไม่สำเร็จ ซุนเหลียงไฉส่ายหัว “พวกเจ้าไปเถอะ ข้าไม่ไปแล้ว ข้าต้องกลับจวนไปบอกข่าวดีนี้แก่ทุกคน”
“เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ นี่เป็นข่าวดีได้อย่างไร จากนิสัยของเมิ่งเสียน เมิ่งฉี ไม่แน่ว่าบอกไปแล้วพวกเขาแล้วอาจจะถือมีดบุกมาที่จวนเลยก็ได้” เหวินซื่อกล่าว
ซุนเหลียงไฉยังคงส่ายหัว “ไม่หรอก บ้านตระกูลเมิ่งมีแต่จะดีใจ”
เหวินซื่อยังคงคิดจะโน้มน้าวเขา จูหลานห้ามไว้ “เอาเถอะ เขาอยากกลับก็ให้เขากลับเถอะ พวกเราไปกันเองก็ได้”
ทุกคนมองเขาแวบหนึ่ง ไม่ได้สนใจเขาอีก ปล่อยม่านหน้าต่างลง สั่งคนม้าให้รีบไปที่จวนอ๋องทันที
ณ จวนอ๋องฉี
ไม่เพียงแต่ขุนนางน้อยใหญ่ที่มาแสดงความยินดีในงานสมรสของซื่อจื่อ แม้แต่ฮ่องเต้และฮองเฮาเองก็มาร่วมงามด้วยตนเองเช่นกัน หลังจากที่ผู้คนมาคารวะแล้ว ขุนนางและคนในครอบครัวก็ไปนั่งตามที่นั่งที่จัดไว้ให้
พิธีเปิดยังอีกนาน แม่บ้านพาคนใช้ยกของว่างและผลไม้ให้แขกได้ทานรองท้องไว้เล็กน้อย
ฮ่องเต้และฮองเฮา รวมถึงอ๋องฉีและพระชายาฉีนั่งในห้องรับรองเงียบๆ รอคอยหวงฝู่อี้เซวียนกลับมา
เมื่อเห็นว่าใกล้ถึงเวลาแล้ว แต่ยังไม่ได้ยินเสียงกลอง พระชายาฉีเริ่มนั่งไม่อยู่กับที่ จ้องมองไปข้างนอก
ผ่านไปอีกเศษยาม คนส่งตัวก็ยังไม่มา
อ๋องฉีนั่งไม่ติด สั่งเสียงเคร่งขรึมว่า “ทหาร!”
มีคนขานรับ รีบเดินเข้ามา “ท่านอ๋องขอรับ”
“ไปดูหน่อยว่าเหตุใดซื่อจื่อยังไม่กลับมา”
เขาขานรับ ถอยออกไป
ผ่านไปไม่นาน ก็รีบวิ่งกลับมาอย่างร้อนรน รายงานว่า “ท่านอ๋อง พระชายาฉี ซื่อจื่อเขา…”
พระชายาฉีนั่งไม่ติดเก้าอี้ ลุกพรวดขึ้นมา ถามอย่างใจร้อนว่า “เซวียนเอ๋อร์เป็นอะไรไป”
“ซื่อจื่อเขา…” ทหารยังไม่ทันพูดจบ หวงฝู่อี้เซวียนที่อุ้มเมิ่งเชี่ยนโยวอยู่ก็เดินเข้ามา
เห็นเขาอุ้มเมิ่งเชี่ยนโยวไว้ ชุดวิวาห์ก็ไม่รู้หายไปไหน พระชายาฉีคิดว่าพวกเขาถูกลอบจู่โจมอีกจนตัวเซไปมา
อ๋องฉีก็ลุกขึ้นยืน ถามเสียงขรึมว่า “เกิดอะไรขึ้น”
ใบหน้าหวงฝู่อี้เซวียนเต็มไปด้วยความสุข พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจอย่างอดกลั้นไว้ไม่อยู่ว่า “เสด็จพ่อ เสด็จแม่ โยวเอ๋อร์มีครรภ์แล้วขอรับ”
ทั้งสองชะงัก
ฮ่องเต้และฮองเฮาก็มองเขาอย่างไม่น่าเชื่อ
เห็นพวกเขาชะงักไป หวงฝู่อี้เซวียนพูดทวนอีกรอบ
พระชายาฉีได้ยินชัดเจนแล้ว เรียกสติกลับมา สาวเท้าเดินขึ้นไปหาพวกเขา น้ำตาเอ่อ เสียงสั่นเครือ ยื่นมือไปอยากจะสัมผัสเมิ่งเชี่ยนโยว แต่ก็รีบดึงมือกลับประหนึ่งกลัวว่าจะทำให้นางเจ็บ มองตานางถามอย่างตื่นเต้นว่า “โยวเอ๋อร์ จริงหรือ”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพลางพยักหน้า
อ๋องฉีก็อดกลั้นความตื่นเต้นนี้ไว้ไม่อยู่เดินขึ้นไปหาพวกเขา ปริปากจะถามอะไร แต่พึมพำอยู่ครู่ใหญ่ แล้วพูดเพียงไม่กี่ประโยคออกมาว่า “เร็วเข้า รีบอุ้มไปที่เรือนของเจ้า ให้หมอหลวงตรวจหน่อย”
ฮ่องเต้และฮองเฮาก็ตกใจมาก สบตากัน ฮ่องเต้โบกมือ หลงเว่ยก็เหาะออกไปเชิญหมอหลวงมาทันที
“เสด็จลุง เสด็จป้า เซวียนเอ๋อร์ขอตัวนะขอรับ” หวงฝู่อี้เซวียนพูด
ฮ่องเต้ยิ้มโบกมือ “รีบไป รีบไป ระวังหน่อย”
หวงฝู่อี้เซวียนกล่าวขอบคุณ อุ้มเมิ่งเชี่ยนโยวไปห้องใหม่ของพวกเขา
พระชายาฉีกล่าวขอโทษแล้วก็ตามหลังไป
อ๋องฉีทนแล้วทนอีก สุดท้ายก็ทนไม่ไหว เดินตามออกไป
ในโถงใหญ่เหลือเพียงฮ่องเต้และฮองเฮา และสาวใช้กับขันทีที่คอยรับใช้
ทั้งสองสบตากัน แล้วจึงลุกตามไปที่เรือนของหวงฝู่อี้เซวียน
เมื่อหลงเว่ยถึงสำนักหมอหลวง ก็นำตัวหมอหลวงเจียงไปโดยไม่พูดอะไร
หมอหลวงเจียงตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ คิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าตนทำอะไรผิดจนมีโทษประหารชีวิต
หลงเว่ยเหาะเหินตลอดทางจนกลับมาจวนอ๋อง ถึงเรือนหวงฝู่อี้เซวียน นำตัวหมอหลวงเจียงที่มึนงง ไม่ได้สติวางลงบนพื้น
ลำตัวของหมอหลวงเจียงยังคงซวนเซไปมา ผ่านไปนานจึงหยุดนิ่ง ลืมตาขึ้นเห็นฮ่องเต้ทันที เขาตกใจจนคุกเข่าลงพลุบ “ฝ่าบาทได้โปรดไว้ชีวิตข้าน้อยด้วยเถอะ”
ฮ่องเต้ไม่ได้พูดอะไร อ๋องฉีปริปากพูด “หมอหลวงเจียง เจ้าไปตรวจชีพจรให้แม่นางเมิ่งเดี๋ยวนี้”
ผ่านไปนานหมอหลวงเจียงจึงได้สติกลับมา ที่หลงเว่ยนำตัวเองมา ไม่ใช่เพราะจะประหารตน แต่ให้ตรวจชีพจรขององค์หญิงชิงเหอ เขาถอนหายใจอย่างโล่งใจ ลุกขึ้นยืน แล้วเดินเข้าไปในห้อง
เมิ่งเชี่ยนโยวนอนบนเตียงเงียบๆ หวงฝู่อี้เซวียนเฝ้าอยู่ข้างๆ นางอย่างตื่นเต้น พระชายาฉีก็มองนางอย่างตื่นเต้นเช่นกัน
เมื่อเห็นหมอหลวงเจียงเข้ามา พระชายาฉีรีบพูดขึ้นว่า “หมอหลวง เร็วเข้า ท่านช่วยวินิจฉัยอาการให้โยวเอ๋อร์หน่อย”
หวงฝู่อี้เซวียนลุกขึ้น หลีกทางให้เขา
หมอหลวงเจียงนั่งลง ส่งสัญญาณให้พระชายาฉีวางผ้าเช็ดหน้าไว้บนมือของเมิ่งเชี่ยนโยว
พระชายาฉีร้อนรน รีบเอ่ยปากว่า “ไม่ต้องแล้ว ท่านช่วยจับชีพจรให้เลยแล้วกัน”
หมอหลวงเจียงนำมือไปวางบนชีพจรของเมิ่งเชี่ยนโยว เพียงครู่หนึ่ง เขาก็เบิกตากว้างด้วยสีหน้าไม่น่าเชื่อ หลังจากจับชีพจรทั้งสองข้างของนางอย่างพินิจพิเคราะห์แล้วก็ลุกยืนขึ้น พูดอย่างยินดีว่า “พระชายาฉี ซื่อจื่อ ยินดีด้วยขอรับ องค์หญิงชิงเหอมีครรภ์แล้ว”
พระชายาฉีดีใจจนส่งเสียงร้องออกมา “โยวเอ๋อร์มีครรภ์จริงๆ หรือ”
หมอหลวงพยักหน้ายืนยัน “จริงขอรับ หนึ่งเดือนกว่าแล้ว”
“โยวเอ๋อร์ เจ้าได้ยินไหม เจ้ามีครรภ์แล้วจริงๆ”
พระชายาฉีร้องเสียงดังไปที่เมิ่งเชี่ยนโยว
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพลางพยักหน้าเบาๆ
อ๋องฉีที่อยู่ข้างนอกได้ยินเสียงร้องของพระชายาฉี ก็ถามเสียงสูงอย่างอดกลั้นไว้ไม่อยู่ว่า “ยืนยันแล้วหรือ แม่นางเมิ่งมีครรภ์จริงๆ หรือ”
“จริงเพคะ หมอหลวงเจียงยืนยันแล้ว” พระชายาฉีตอบกลับเสียงสูงด้วยความดีใจ
อ๋องฉีดีใจจนเนื้อตัวสั่นระริก เงยหน้าหัวเราะมองฟ้าสามที เชื้อสายเรายังคงไม่สูญสิ้นสินะ