ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] - ตอนที่ 265 พี่ใหญ่ ท่านไม่เอาข้าแล้วอย่างนั้นหรือ
- Home
- ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]
- ตอนที่ 265 พี่ใหญ่ ท่านไม่เอาข้าแล้วอย่างนั้นหรือ
เมิ่งชื่อหัวเราะแล้วตอบกลับ “ในบ้านมีคนแก่อยู่ ไม่สะดวกที่จะอยู่ต่อจริงๆ อีกสามวันรอให้โยวเอ๋อร์กลับมาก่อน ข้าจะอยู่ที่นี่สักพักหนึ่งอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”
“ดีเลย ข้าก็หวังจะเป็นเช่นนั้น พวกเราจะได้คุยกันดีๆ ด้วย”
เมิ่งชื่อและทุกคนอยู่ที่จวนอ๋องเป็นเวลาหนึ่งวัน จนพลบค่ำถึงจะนั่งรถม้ากลับไป
หวงฝู่อวี้ที่ยุ่งอยู่ที่โรงงานทั้งวันก็นั่งรถม้ากลับมา กลับไปล้างเนื้อล้างตัวที่จวนของตนเองเสร็จ ถึงจะเดินมาที่จวนของหวงฝู่อี้เซวียน แล้วโบกมือทักทายให้กับหวงฝู่อี้ตั้งแต่ด้านนอก
หวงฝู่อี้เดินออกมา
“พี่ใหญ่ของข้าอยู่หรือไม่” หวงฝู่อวี้ถามเบาๆ
“อยู่ ตอนนี้ซื่อจื่อกำลังเฝ้าพระชายาซื่อจื่อไม่ห่างเลย”
หวงฝู่อวี้ขมวดคิ้ว สักพักหนึ่งถึงจะตัดสินใจเดินเข้าไปที่ด้านใน แล้วพูดเสียงดังว่า “พี่ใหญ่ ข้าเข้าไปดูหลานของข้าได้หรือไม่”
หวงฝู่อี้เซวียนที่อยู่ด้านในไม่ค่อยพอใจนัก
เมิ่งเชี่ยนโยวก็กำลังกลั้นหัวเราะอยู่
ชิงหลวนกับจูหลีและหวงฝู่อี้เดาได้ว่าอีกสักพักหวงฝู่อี้เซวียนคงได้เกรี้ยวกราดเป็นแน่ จึงได้แต่แอบขำกัน
ไม่มีเสียงตอบรับ หวงฝู่อวี้ก็ไม่ย่อท้อ มองไปมองมา แล้วจึงเปลี่ยนคำพูดเป็น “พี่ใหญ่ ข้าเข้าไปดูซ้อใหญ่ได้หรือไม่”
หวงฝู่อี้เซวียนยิ่งไม่สบอารมณ์เข้าไปใหญ่
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วมองไปที่เขา แล้วจึงตะโกนออกมาว่า “ข้าสบายดี น้องรองไม่ต้องห่วง เจ้ายุ่งมาทั้งวันแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนเถิด”
หวงฝู่อวี้ชะงักไป
ใบหน้าของหวงฝู่อี้เซวียนก็มีรอยยิ้มปริออกมา
พักหนึ่งหวงฝู่อวี้ก็ได้แต่เกาหัว แล้วพูดหยั่งเชิงออกไปว่า “พี่ใหญ่ ข้าเข้าไปเยี่ยมท่านได้หรือไม่”
ในห้องมีเสียงหัวเราะของเมิ่งเชี่ยนโยวเล็ดลอดออกมา
แล้วจึงมีเสียงของหวงฝู่อี้เซวียนตอบกลับมาว่า “คลานเข้ามา”
หวงฝู่อวี้ตอบรับอย่างไว แล้วเดินเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว
หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้ในห้อง บนโต๊ะของมีขนมมากมายวางเอาไว้อยู่ ส่วนด้านหน้าของเมิ่งเชี่ยนโยวนั้นมีจานเล็กๆ วางอยู่ และในจานเล็กๆ ก็มีขนมชิ้นเล็กๆ วางอยู่ด้านในจาน
หวงฝู่อวี้เดินมาที่ตรงหน้าของทั้งสองคน แล้วตะโกนออกมาอย่างน่าเอ็นดู “พี่ใหญ่ ซ้อใหญ่”
หวงฝู่อี้เซวียนไม่ได้ตอบรับ แต่เมิ่งเชี่ยนโยวตอบรับกลับโดยถามว่า “วันนี้โรงงานเป็นอย่างไรบ้าง”
“ทุกอย่างปกติดี ข้ากับผู้ดูแลอานสองคนสั่งให้คนงานทำความสะอาดโรงงานแป้งมันเก่าให้สะอาด ถึงเวลาตอนที่คนงานมาจะได้ทำงานได้เลยโดยทันที”
ได้ยินเรื่องที่เมิ่งฉีจะเปิดโรงงานมันฝรั่งอีกครั้ง เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “หลายวันที่ผ่านมาได้แต่ยุ่งเรื่องงานแต่งงานของข้ากับพี่ใหญ่ของเจ้า ไม่มีเวลาจริงๆ รอให้ผ่านไปอีกสักระยะค่อยว่ากันเถิด”
หวงฝู่อวี้ตอบกลับ ตามองไปที่ท้องของนาง
หวงฝู่อี้เซวียนเห็นเช่นนั้น จึงโกรธมาก แล้วคิดในใจ เห็นทีเมื่อคืนวานที่สั่งสอนไปจะไม่พอ วันนี้ยังกล้าดียังไงมาดูท้องของเมียข้าอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ เมื่อคิดได้เช่นนี้ ก็ลุกขึ้นยืน
หวงฝู่อวี้ตกใจจึงถอยออกไปหนึ่งก้าว ทำท่าป้องกันตัวเอง “พี่ พี่ใหญ่ ท่าน ท่านจะทำอะไร”
หวงฝู่อี้เซวียนไม่สนใจ แล้วเดินไปที่ข้างเตียง เปิดกล่องตรงหัวเตียงออกมา แล้วหยิบกล่องเล็กๆ ออกมาจากด้านใน แล้วเอามาวางไว้ที่บนโต๊ะอีกด้านหนึ่งของห้อง นั่งบนเก้าอี้ แล้วสั่งหวงฝู่อวี้ “มานี่แล้วนั่งลง”
หวงฝู่อวี้จ้องไปที่เขา แล้วนั่งลงบนเก้าอี้อีกด้านหนึ่ง
หวงฝู่อี้เซวียนเปิดกล่องออกมา แล้วหยิบกระดาษขึ้นมา วางไว้ที่ด้านหน้าเขา แล้วผลักกล่องไปที่ด้านหน้าเขาอีกด้วย “ลองคิดดูสิ ว่าตัวเลขถูกต้องหรือไม่”
เอากระดาษมา เปิดออกดู ในนั้นจดบันทึกในเรื่องของที่ดินไร่นา และจำนวนธนบัตรเงิน รวมไปถึงจำนวนของล้ำค่าอีกด้วย และสิ่งที่น่าสงสัยก็คือ ในนั้นยังมีของที่ฮ่องเต้พระราชทานให้อีกด้วย
ในความรู้สึกของหวงฝู่อวี้ก็รู้สึกถึงรางที่ไม่ค่อยดีนัก มือก็สั่นขึ้นมา “พี่ พี่ใหญ่…”
“ช่วยข้าคิดหน่อยสิ” หวงฝู่อี้เซวียนพูดให้เขาตัดสินใจ
ไม่ได้เป็นอย่างที่ตนคิดเช่นนั้น หวงฝู่อวี้จึงวางใจ แล้วตั้งใจนับ
ปีกว่ามานี้ เขาคอยจัดการเรื่องการตรวจสอบในโรงงานมาทุกวัน เมิ่งฉีก็ได้เอาคณิตคิดเร็วที่เมิ่งเชี่ยนโยวสอนให้สอนต่อไปให้กับเขา ทำให้เขาตรวจสอบได้รวดเร็ว ไม่ถึงสิบห้านาทีก็ตรวจสอบเสร็จแล้ว แล้วยื่นกระดาษที่มือให้กับหวงฝู่อี้เซวียน “พี่ใหญ่ ไม่มีอะไรผิดแปลก ตัวเลขเหมือนกัน”
หวงฝู่อี้เซวียนไม่รับ
รอยยิ้มของหวงฝู่อวี้ก็หายไป แล้วก็รู้สึกถึงลางไม่ดีอีกรอบ
สุดท้าย หวงฝู่อี้เซวียนก็ได้พูดออกมา และคำพูดของเขาทุกคำพูดทำให้หวงฝู่อวี้ตกใจเป็นอย่างมาก “นี่เป็นสมบัติของจวนเฮ่อ ในเมื่อไม่มีอะไรผิดพลาด เจ้าก็เอาไปเถิด สิ่งของทั้งหมดในกระดาษใบนี้อีกหน่อยก็จะเป็นของเจ้า”
ตอนนั้นที่ทำการฝังศพของเฮ่อจางแล้วนั้น หวงฝู่อวี้ก็กลับไปที่จวนเฮ่ออีกครั้ง เห็นทหารองครักษ์ยกกล่องออกไปทีละกล่องๆ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก แล้วกลับจวนไป แต่คิดไม่ถึงว่าจะยกมาที่จวนของหวงฝู่อี้เซวียน และวันนี้หวงฝู่อี้เซวียนยกทั้งหมดนี้ให้กับเขา และก็รู้อยู่ว่าเฮ่อจางดำรงตำแหน่งสมุกนายกมาก็หลายปี ไม่รู้ว่าสมบัติในบ้านนั้นมีมากมายมหาศาลขนาดไหน อีกทั้งรวมกับของพระราชทานจากพระราชวังอีก แค่นี้ก็เป็นครึ่งหนึ่งของคลังประเทศแล้ว
หวงฝู่อี้เซวียนสัมผัสได้ถึงความสงสัยภายในใจของเขา จึงอธิบายให้เขาฟังอีกรอบหนึ่ง “ตอนนั้นเสด็จลุงได้ยกสมบัติพวกนี้เพื่อเป็นการชดเชยให้กับจวนอ๋อง ข้าไม่ได้รวมเข้ากับบัญชีภายในจวน จึงเหลือเอาไว้เพื่อวันหนึ่งจะเอาให้กับเจ้าอย่างไรล่ะ”
ก็ได้แต่กลืนน้ำลาย ดวงตาหวงฝู่อวี้มีน้ำไหลออกมา มือที่ถือกระดาษอยู่นั้นออกแรกจิกกระดาษจนแทบจะเป็นรู แล้วถามว่า “พี่ใหญ่ ท่านไม่เอาข้าแล้วอย่างนั้นหรือ”
เห็นสภาพที่น่าสงสารของเขา สภาพที่เหมือนคนกำลังจะโดนทิ้ง เมิ่งเชี่ยนโยวจึงหัวเราะออกมา
หวงฝู่อี้เซวียนยื่นมือออกมา แล้วเคาะไปที่หัวของเขาหนึ่งที เคาะเสียจนกะโหลกของเขาแทบแตก แล้วพูดว่า “ฝันไปเถอะ ต่อไปนี้สมบัติของข้าอย่างไรเสียก็ต้องให้เจ้าเป็นคนดูแล ถ้าเจ้าไปแล้ว ใครจะช่วยข้า”
น้ำตาได้เหือดหายไป ดวงตาทั้งสองข้างเปล่งประกาย มือที่กำลังจิกอยู่ก็คลายลง แล้วยิ้มออกมา “จริงหรือ พี่ใหญ่ไม่ได้หลอกข้านะ”
“พี่ใหญ่เจ้าจะหลอกเจ้าไปเพื่ออะไร ไม่ใช่แค่นี้ รอให้หลานของเจ้าคลอดออกมาแล้ว ยังจะให้เจ้าช่วยเลี้ยงดูหลานจนโตอีกด้วย” เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะแล้วพูดเสริม
หวงฝู่อวี้ได้แต่พยักหน้าด้วยความดีใจ “อย่างนี้ดีเลย ข้าเต็มใจที่จะทำ ถึงเวลานั้นข้าจะพาพวกเขาไปขี่ม้ารับลม”
สีหน้าของหวงฝู่อี้เซวียนก็ขรึมขึ้นมาอีกครั้ง แต่กลับดีใจจนแทบจะเต้น แล้วจินตนาการถึงตอนที่เขาพาเด็กขาวๆ อวบๆ สองคนไปขี่ม้าชมวิว
เขายังไม่ทันได้สติ เมิ่งเชี่ยนโยวก็ถามว่า “วันนี้ในโรงงานเกิดเรื่องอันใดขึ้นอย่างนั้นหรือ”
หวงฝู่อวี้ชะงักไป แล้วขมวดคิ้ว แล้วถามด้วยด้วยน้ำเสียงตกใจว่า “ซ้อใหญ่ คำถามนี้พี่ใหญ่เพิ่งจะถามไปนะ ไม่ใช่ว่าพอท่านท้องจึงโง่ไปเสียล่ะ”
เพ้ง! เก้าอี้ที่ติดอยู่ที่ตูดของหวงฝู่อวี้ปลิวไปอีกทาง ส่วนคนก็นั่งจมอยู่ที่พื้น เจ็บจนเขาร้อง อิ๋ง กันเลยทีเดียว
อีกสามคนที่อยู่ในจวนได้ยินดังนั้น จึงยืดคอยาว อยากที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในห้อง แต่น่าเสียดาย ที่ประตูหน้าต่างปิดมิดชิด พวกเขาไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ทำได้เพียงแต่เดาว่าหวงฝู่อี้เซวียนน่าจะเกรี้ยวกราดขึ้นมาอีกแล้ว
“จำเอาไว้ โยวเอ๋อร์เป็นซ้อใหญ่ของเจ้า เป็นคนที่ข้ารัก ถ้าหากว่าวันหลังเจ้ายังกล้าพูดกับซ้อใหญ่ของเจ้าเช่นนี้ ระวังไว้ข้าจะเอาเจ้าไปผูกแขวนไว้บนต้นไม้ในจวน”
หวงฝู่อี้เซวียนพูดเตือนด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
หวงฝู่อวี้เม้มปากเข้าไป เมื่อครู่กะจะระบายความในใจเสียหน่อย เมื่อได้ยินหวงฝู่อี้เซวียนพูดเช่นนี้ จึงเก็บคำที่จะพูดเข้าไปไว้ที่เดิม แล้วมองที่เมิ่งเชี่ยนโยว แล้วตอบกลับไปอย่างเรียบร้อยว่า “ข้ารู้แล้วขอรับ พี่ใหญ่”
“ลุกขึ้น นั่งดีๆ แล้วบอกไปว่าวันนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นที่โรงงาน”
ลุกขึ้นมา จัดเก้าอี้ให้ดีได้ที่แล้ว จึงพูดว่า “ซ้อใหญ่ วันนี้ที่โรงงานไม่ได้มีเรื่องอันใดเกิดขึ้น ทุกอย่างปกติดี”
“เจ้าแน่ใจหรือ” เมิ่งเชี่ยนโยวถามกลับ
หวงฝู่อวี้ชะงักไป แล้วรีบร้อนบอกว่า “ซ้อใหญ่ ข้าพูดความจริง จริงแท้แน่นอน ว่าในโรงงานไม่ได้มีเรื่องอันใด”
“เจ้าล่ะ แล้ววันนี้เจ้าเจอเรื่องอะไรมา”
“วันนี้ข้าไม่ได้เจอเรื่องอะไร ทุกอย่างปกติ…” พูดถึงตรงนี้ ก็นึกขึ้นได้ถึงเรื่องที่หลินหานเยียนไปหาตน จึงตีหัวตัวเองอย่างแรงหนึ่งที แล้วพูดว่า “วันนี้มีคุณหนูจวนราชเลขานั่งรถม้ามาหาข้า แต่ข้าไม่ได้ต้อนรับนาง”
“นางหาเจ้าเรื่องอันใดรึ” เมิ่งเชี่ยนโยวถามต่อ
ท่าทางของหวงฝู่อวี้ก็นิ่งไปพักหนึ่งแล้วตอบกลับว่า “เห็นว่าจะแต่งงานแล้ว อาจจะมาหาข้าเพื่อบอกเรื่องนี้ แต่ว่าข้าไม่ได้ต้อนรับนาง”
หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวมองหน้ากัน ไม่ได้พูดอะไร
หวงฝู่อวี้เงียบนิ่งไป
ทั้งสามคนที่อยู่ด้านนอกเงี้ยหูขึ้นมาฟังแต่ก็ไม่ได้ยินเสียงว่าหวงฝู่อวี้โดนจัดการอะไร จึงผิดหวังนิดหน่อย
ครู่หนึ่งเมิ่งเชี่ยนโยวถึงได้พูดออกมาว่า “อวี้เอ๋อร์ ซ้อใหญ่ถามเจ้าเรื่องหนึ่ง เจ้าจะต้องตอบตามความจริง”
ท่าทางนิ่งของหวงฝู่อวี้ได้หายไป แล้วเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มแทน “ซ้อใหญ่ ท่านถามได้เลย ข้าจะตอบตามความจริงอย่างแน่นอน”
“เจ้ารู้สึกอย่างไรกับแม่นางหลินนั้นหรือ”
ไม่คิดว่านางจะถามเช่นนี้ หวงฝู่อี้ชะงักไปอย่างเห็นได้ชัด อ้าปากค้าง ครู่หนึ่งถึงจะฝืนยิ้มออกมาตอบว่า “ซ้อใหญ่ ข้าไม่เหมาะสมกับแม่นางหลินหรอก”
“เหมาะสมหรือไม่เหมาะสมใช่ว่าเจ้าจะเป็นคนตัดสิน ถ้าหากว่าเจ้าอยากจะไปสู่ขอแม่นางหลินเป็นภรรยาล่ะก็ อีกสองสามวันข้ากับพี่ใหญ่ของเจ้าจะหน้าด้านไปสู่ขอมาให้”
“ไม่ได้เด็ดขาด” หวงฝู่อวี้ตกใจรีบโบกมือ “ท่านกับพี่ใหญ่ฐานะสูงส่ง จะให้ไปสู่ขอด้วยตนเองได้อย่างไร”
“ต่อให้ฐานะสูงส่งแค่ไหน ก็ไม่สำคัญเท่าเรื่องงานแต่งงานของเจ้า เพื่อชีวิตต่อจากนี้ของเจ้า พี่ใหญ่ ซ้อใหญ่ยอมแลก”
“ไม่ต้องๆ ไม่ต้องจริงๆ ตอนนี้ข้าไม่ได้คิดเรื่องนั้นแล้ว ซ้อใหญ่อย่าได้กังวลเรื่องของข้าเลย ดูแลลูกในท้องให้ดีก็พอแล้ว” หวงฝู่อวี้ตอบกลับ
“ตั้งแต่ที่เจ้าไปที่หมู่บ้านชิงซี ข้าก็รู้ว่าความรู้สึกที่เจ้ามีให้กับแม่นางหลินนั้นไม่เหมือนคนอื่น แต่นั่นเป็นเพราะนางกำลังจะแต่งงานกับพี่ใหญ่ของเจ้า พวกเจ้าจึงไม่เหมาะสมที่จะอยู่ด้วยกัน แต่ว่าตอนนี้งานแต่งงานของนางกับพี่ใหญ่ของเจ้าได้ยกเลิกแล้ว ทำไมเจ้าถึงไม่คิดเรื่องนั้นล่ะ”
หวงฝู่อวี้เม้มปากเล็กน้อย แล้วยิ้มเยาะ “นางเป็นถึงลูกสาวคนโตของราชเลขา ส่วนข้าเป็นแค่ลูกของนางสนมในจวนอ๋องเท่านั้น ข้าไม่เหมาะสมกับนาง”
ขมวดคิ้ว เมิ่งเชี่ยนโยวถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “คำพูดนี้นางเป็นคนพูดงั้นรึ”
หวงฝู่อวี้ไม่ได้ตอบว่าใช่หรือไม่ใช่
“ตอนไหน” หวงฝู่อี้เซวียนถามด้วยน้ำเสียงนิ่ง
หวงฝู่อวี้ไม่ได้ปิดบัง เลยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่บ้านของฉู่เหวินเจี๋ยให้ฟัง
เมื่อฟังจบ หวงฝู่อี้เซวียนก็ขมวดคิ้ว เมิ่งเชี่ยนโยวก็พูดว่า “ถึงแม้ว่าข้ากับแม่นางหลินจะไม่เคยเจอกันมาก่อน แต่ว่าข้ามองออกว่า นางไม่ใช่คนที่มองคนที่ฐานันดรศักดิ์ สู้เจ้าหาเวลานัดนางมาพูดคุยเจรจากัน ดูว่านางจะคิดเช่นไรไม่ดีกว่างั้นหรือ”
หวงฝู่อวี้ปฏิเสธ “ขอบพระคุณซ้อใหญ่ ไม่เป็นไร ข้าได้ตัดสินใจแล้ว นับแต่วันนี้เป็นต้น ข้าไม่อยากมีเยื่อใยอะไรต่อนางอีก”
“เจ้าแน่ใจแล้วงั้นรึ”
หวงฝู่อวี้พยักหน้า
มองไปที่หวงฝู่อี้เซวียน เมิ่งเชี่ยนโยวจึงพูดว่า “ดี ถ้าเป็นเช่นนี้ นับตั้งแต่วันถรุ่ง ข้ากับพี่ใหญ่ของเจ้าก็จะหาภรรยาให้เจ้า เจ้ามีความต้องการอย่างไรบ้าง”
หวงฝู่อวี้ชะงักไป แล้วหัวเราะตอบกลับมาว่า “ขอบพระคุณซ้อใหญ่ ความต้องการของข้าไม่มาก ขอแค่สวย นิสัยอ่อนโยนก็พอ…” พูดถึงตรงนี้ แล้วย้ายเก้าอี้ไปทางด้านหลัง ห่างจากหวงฝู่อี้เซวียนเล็กน้อย แล้วพูดต่อว่า “ข้าไม่เหมือนพี่ใหญ่เสียหน่อย ที่คอยเอาแต่ระบายอารมณ์” เมื่อพูดจบ กHปิดปาก แล้วมองไปที่ทั้งสองคนที่กำลังแอบขำอยู่
หวงฝู่อี้เซวียนโดนทำให้ขำเสียแล้ว เลยยื่นเท้าออกมาเตะเขา แต่เตะไม่โดน
หวงฝู่อวี้ได้ใจ
เมิ่งเชี่ยนโยวจึงพูดออกมาว่า “เซี่ยงกง ท่านสามารถใช้กำลังภายในทำให้เก้าอี้ของเขาแตกหักได้นะ”
หวงฝู่อวี้ทำหน้าไม่พอใจ “ซ้อใหญ่ ทำไมท่านถึงทำแบบนี้ล่ะ ข้าเป็นน้องเขยคนเดียวของท่านนะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ข้ารู้ แล้วอย่างไรล่ะ…”
หวงฝู่อวี้ชะงักไป “แล้วอย่างไร แล้วอย่างไรอะไรล่ะ”
“ก็รู้อยู่ว่าน้องเขยคนนี้ใช้ทำอะไรได้บ้างล่ะ”
แล้วก็มีความรู้สึกไม่ดีเกิดขึ้นอีกแล้ว กลืนน้ำลาย แล้วถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “ทำอะไรงั้นหรือ”
“เอาไว้แกล้งไง ต่อไปนี้เวลาที่ข้าอารมณ์ไม่ดีเมื่อไร ก็จะจับเจ้ามาแกล้งเสียให้เข็ดถึงจะอารมณ์ดี”
ลุกขึ้นย่างรวดเร็ว แล้ววิ่งออกไปอย่างไว วิ่งไปตะโกนไป “ข้าจะตัดความสัมพันธ์กับพวกเจ้า”
เห็นเขาวิ่งออกไปไวอย่างสายลม ทั้งสามคนก็งงไปตามๆ กัน
แล้วตามด้วยเสียงหัวเราะของหวงฝู่อี้เซวียนกับเมิ่งเชี่ยนโยวดังออกมาจากในห้อง