ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] - ตอนที่ 278 ได้พบกัน
เสียงหัวเราะจากในห้องหยุดลง หวงฝู่อี้เซวียนสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา เมิ่งเชี่ยนโยวก็เงียบไปครู่หนึ่ง ถึงได้พูดขึ้นมาว่า “ก็บอกว่าตอนนี้ข้าไม่ค่อยสบาย ไม่สะดวกพบแขก”
เหวินเปียวอึ้งไป ถึงได้พูดหยังเชิงอย่างระมัดระวัง “แม่นางฮั้วมาด้วยกันกับสามีของนาง บอกว่าอยากจะขอโทษท่านในการกระทำตอนแรกของนางขอรับ”
“เช่นนั้นก็ยิ่งไม่จำเป็นเลย นางไม่ได้ทำร้ายข้าตั้งแต่แรก และก็ไม่มีอะไรต้องขอโทษข้า แล้วเจ้าไปบอกนางว่าทีหลังก็ไม่จำเป็นต้องมาอีกแล้ว”
ครั้งนี้เหวินเปียวไม่ลังเล ถอยหลังออกไป
สีหน้าของหวงฝู่อี้เซวียนถึงได้ดีขึ้นมาหน่อย
เมิ่งฉีก็โล่งอก
ถึงแม้เปาอีฝานจะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ว่าเห็นสีหน้าของแต่ละคนก็รับรู้ได้ แม่นางฮั้วคนนี้เป็นคนที่ไม่น่าต้อนรับอย่างยิ่ง ด้วยความฉลาดจึงไม่ได้เปิดปากถามสักคำ
ไม่ได้ ครู่หนึ่งเสียงของเหวินเปียวก็ดังขึ้น “นายหญิง แม่นางฮั้วไม่ยอมไป จะพบท่านให้ได้”
เขาพูดจบ เสียงของเมิ่งเชี่ยนโยวก็ดังมาจากในห้องรับแขกทันที “เหวินเปียว เจ้าเข้ามา”
เหวินเปียวเดินเข้าไป
เมิ่งเชี่ยนโยวมองเขาอย่างละเอียดถี่ถ้วน แล้วถามว่า “เหวินเปียว เจ้าบอกข้ามาตามตรง ตั้งแต่นั้นมา เจ้าได้เจอกับแม่นางฮั้วตามลำพังหรือไม่”
เหวินเปียวนิ่งไป เงยหน้ามองนางอย่างไม่สามารถอธิบายได้
มองดูสีหน้าของเขา เมิ่งเชี่ยนโยวเบาใจลง และไม่ได้ต้องการจะเอาคำตอบจากเขา แล้วสั่งว่า “ในเมื่อแม่นางฮั้วยืนกรานเช่นนี้ ก็เชิญนางกับสามีของนางเข้ามาเถอะ”
เหวินเปียวตอบรับ ถอยหลังออกไป
เมิ่งฉีและเปาอีฝานลุกยืนขึ้น อยากที่จะหลบไป เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “ไม่ต้อง แม่นางฮั้วมีสามีนางมาด้วย ไม่ต้องสนใจเรื่องแบบนี้หรอก”
ทั้งสองคนนั่งลงอีกครั้ง
ฮั้วเซียงหลิงเข้ามาด้วยกันกับลูกที่อุ้มอยู่ในมือ และชายผู้ที่กิริยาท่าทางสง่างาม ในตอนที่เห็นคนเหล่านี้ในห้องรับแขก นิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วเดินไปตรงหน้าเมิ่งเชี่ยนโยวทันที ทำความเคารพทั้งที่อุ้มลูกอยู่ “แม่นางเมิ่ง ไม่เจอกันเลยนะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความพินิจพิเคราะห์ เห็นหน้าแดงๆ หางคิ้วที่มีเสน่ห์ ดวงตาโตสวยงามเปล่งประกายของนาง ทั่งตัวมีเอกลักษณ์ของผู้หญิงที่แต่งงานแล้วถึงจะมี คิดในใจแล้วพยักหน้า พูดด้วยรอยยิ้มว่า “แม่นางฮั้ว ไม่ได้เจอกันนาน เจ้านี่นับวันยิ่งดูมีน้ำมีนวลนะ”
หน้าของฮั้วเซียงหลิงแดงเล็กน้อย “แม่นางเมิ่งล้อกันเล่นแล้ว เปรียบกับท่านแล้ว เซียงหลิงคนนี้ไม่ควรค่าแก่การเอ่ยขึ้นมา”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่พูดจาทักทายกับนางอีก แต่กลับถามตรงๆ ว่า “วันนี้แม่นางฮั้วอยากเจอข้าให้ได้ ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรหรือ”
ฮั้วเซียงหลิงสีหน้าเต็มไปด้วยความจริงใจ “เซียงหลิงมาวันนี้ เพื่อมาขอโทษแม่นางเมิ่ง ในปีนั้นเซียงหลิงไม่รู้ความ ทำให้ท่านลำบากไม่น้อย และหวังว่าแม่นางเมิ่งจะไม่ถือสาข้าน้อย ยกโทษให้ข้าด้วย” พูดจบ ทำความเคารพเมิ่งเชี่ยนโยวอีกครั้ง เหลือบมองชายที่ยืนอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ ตั้งแต่เข้าประตูมาอย่างเนียนๆ เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือแล้วพูดว่า “เรื่องในอดีต ข้าลืมไปตั้งนานแล้ว แม่นางฮั้วไม่จำเป็นต้องเอามาใส่ใจ”
“พูดแบบนี้ แม่นางเมิ่งยกโทษให้ข้าแล้วหรือ” ฮั้วเซียงหลิงถามด้วยความดีใจ
ขมวดคิ้วเล็กน้อย เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “เจ้าไม่ได้ทำเรื่องอะไรที่ต้องขอโทษข้า แล้วจะยกโทษให้ได้อย่างไร”
ฮั้วเซียงหลิงนิ่งไปอีกครั้ง มือที่อุ้มเด็กอยู่กำแน่น แล้วสีหน้าก็กลับมาเป็นปกติทันที ยิ้มแล้วพูดว่า “แม่นางเมิ่งเป็นคนใจกว้างมากจริงๆ แม้กระทั่งข้าทำผิดครั้งใหญ่แบบนั้น ยังไม่คิดถือโทษโกรธข้า” พูดจบ ไม่รอให้เมิ่งเชี่ยนโยวพูด ก็พูดกับผู้ชายว่า “เซี่ยงกง นี่คือแม่นางเมิ่ง ไม่สิ ตอนนี้ควรเรียกว่าองค์หญิงชิงเหอ ไม่ถูกๆ ควรเรียกว่าซื่อจื่อเฟย”
ผู้ชายประสานมือคาระ “คารวะซื่อจื่อเฟย”
“ไม่ต้องหรอก” เมิ่งเชี่ยนโยวพูดด้วยรอยยิ้ม
ผู้ชายยืนตัวตรง
ทันใดนั้นฮั้วเซียงหลิงกลับหันไปทางหวงฝู่อี้เซวียน แล้วพูดกับผู้ชายว่า “เซี่ยงกง นี่คือซื่อจื่อ เป็นสามีของแม่นางเมิ่ง เจ้ารีบทำความเคารพเร็ว”
บนใบหน้าของผู้ชายมีความดีใจอย่างเห็นได้ชัด และก็ทำความเคารพเหมือนกัน “ขอคารวะซื่อจื่อ”
หวงฝู่อี้เซวียนไม่ได้พูดอะไร
รอยยิ้มบนใบหน้าของฮั้วเซียงหลิงเก็บเอาไว้ไม่อยู่
ตัวของผู้ชายก็สั่นเล็กน้อย อยากจะเงยหน้ามองเสียหน่อย แต่ตอนเงยขึ้นมาได้ครึ่งหนึ่งก็ก้มลงไปอีก รักษาท่าทีเดิมไว้
ดูเหตุการณ์ทั้งหมด เมิ่งเชี่ยนโยวคาดเดาในใจ ใช้มือลูบหวงฝู่อี้เซวียนเบาๆ
หวงฝู่อี้เซวียนถึงจะเปิดปากพูด “ไม่ต้องหรอก”
ผู้ชายลุกยืนขึ้น ไม่รู้ว่าตกใจหรือเหนื่อย บนใบหน้ามีเหงื่อเล็กน้อย
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วถามว่า “วันนี้พวกเราตัดสินใจมาหมู่บ้านกระทันหัน ไม่รู้ว่าแม่นางฮั้วทราบได้อย่างไร”
เหมือนกับว่าเตรียมคำตอบไว้นานแล้ว ฮั้วเซียงหลิงเกือบจะตอบในทันที “พวกเรามารอที่เป่ยเฉิงได้หลายวันแล้ว วันนี้รถม้าของพวกท่านผ่านมา พวกเราก็เห็นแล้ว ดังนั้นถึงได้ตามมา คิดไม่ถึงว่ารถม้าของพวกเราจะเกิดปัญหาขึ้น ดังนั้นถึงได้มาถึงช้ากว่าพวกท่านมาก”
เมิ่งเชี่ยนโยวถามด้วยความประหลาดใจ “แม่นางฮั้วรอพวกเรามาตลอดเลยรึ”
ฮั้วเซียงหลิงพยักหน้า “ข้าอยากจะขอโทษท่านกับเรื่องราวในอดีตมาตลอด อยากจะขอโทษต่อหน้าท่าน ไม่มีทางเลือก ด้วยฐานะของพวกเราไม่สามารถเข้าจวนอ๋องฉีได้ ทำได้เพียงรออยู่หน้าประตูเมือง วันนี้ได้พบท่านแล้ว ก็ถือว่าเรื่องในใจของข้าได้หายไป”
เมิ่งเชี่ยนโยวมองผู้ชาย
ฮั้วเซียงหลิงรู้ว่านางหมายถึงอะไร ยิ้มแล้วอธิบายว่า “ข้าเล่าเรื่องทั้งหมดให้สามีฟังแล้ว เขาก็รู้สึกว่าข้าทำเกินไป ดังนั้นถึงได้มาขอโทษท่านเป็นเพื่อนข้า”
เมิ่งเชี่ยนโยวหยักหน้า “แม่นางฮั้วนี่วาสนาดีจริงๆ ได้แต่งงานกับสามีที่ดีแบบนี้ หวังว่าต่อไปนี้พวกเจ้าจะรักกันมากยิ่งขึ้น ช่วยกันทำมาหากิน รักใคร่ปรองดองกัน”
ฮั้วเซียงหลิงหน้าแดงนิดหน่อย “สามีของข้าดีมากๆ มีความรู้ในเรื่องบทกวีและเพลง ข้าไม่คู่ควรกับเขาเลย โดยเฉพาะในตอนแรกที่ข้าหลงผิดอย่างกู่ไม่กลับแบบนั้น เขาก็ไม่ทอดทิ้งข้า ไม่เหยียดหยามข้า แต่กลับตั้งใจจดจ่อกับข้าอย่างอ่อนโยน”
“เช่นนั้นแม่นางฮั้วต้องรักษาไว้ให้ดีๆ แล้ว บุพเพสันนิวาสที่ดีแบบนี้ไม่ใช่ว่าใครก็มีได้นา” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
มองชายข้างๆ ด้วยความอ่อนโยน ในน้ำเสียงของฮั้วเซียงหลิงมีความดีใจ “ต้องอย่างนั้นอยู่แล้ว ชีวิตนี้ของข้า จะรักใคร่ปรองดองกับสามีของข้าคนเดียว”
ผู้ชายก็หันมามองนาง ในสายตาเต็มไปด้วยความรัก
มองดูทั้งสองคน เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มเล็กน้อย พูดส่งแขก “ถ้าหากว่าแม่นางฮั้วไม่มีอะไรแล้ว เชิญกลับเถอะ พวกเรามีเรื่องสำคัญที่ต้องปรึกษาหารือกันอีก”
ฮั้วเซียงหลิงเปิดปากเหมือนมีอะไรจะพูด ผู้ชายเปิดปากพูดก่อน “ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว พวกเราสองสามีภรรยาก็ขอลา วันนี้มารบกวนกะทันหัน ขออภัยด้วย”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วพยักหน้า “เดินทางดีๆ ข้าไม่ไปส่งนะ!”
ผู้ชายทำความเคารพเมิ่งเชี่ยนโยวและหวงฝู่อี้เซวียน แล้วจูงฮั้วเซียงหลิงออกไป
รอให้พวกมันออกไปไกลแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกับหวงฝู่อี้เซวียนว่า “เป็นคนที่รู้ว่าเวลาไหนควรเข้าหา เวลาไหนคอยถอยออก อีกพักส่งคนไปดูเสียหน่อยว่าถ้าหากมีวิชาความรู้ที่แท้จริง ก็อย่ามองข้ามเขาไปล่ะ”