ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] - ตอนที่ 287 วุ่นวายใหญ่โต
น้ำตาของหลินหันเยียนไหลรินลงมามากกว่าเดิม “พระชายาเจ้าขา ข้ารู้ดีว่าแม่ข้าทำไม่ถูกอยู่บ้าง แต่ไม่ว่าจะร้ายจะดีอย่างไร นางทำไปก็เพื่อข้า ขอท่านอย่าถือติดใจนางเลย ข้าจะไปพูดกับนางให้เข้าใจเอง”
พระชายาถอนหายใจเสียงดังกว่าเดิม “เยียนเอ๋อร์ เรื่องบางเรื่องมิได้ง่ายอย่างที่เจ้าคิด หากแม่ของเจ้าไม่ยินยอม การหมั้นหมายครานี้ข้าเองก็ช่วยอะไรเจ้าไม่ได้ ใช่ว่าข้าเกรงกลัวต่อราชเลขา แต่ว่าบัดนี้โยวเอ๋อร์กำลังตั้งครรภ์ จิตใจของเราทั้งบ้านก็รวมอยู่ที่ตัวนาง ไม่มีผู้ใดยอมเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องวุ่นวายมิเป็นเรื่องหรอกนะ”
คำพูดเหล่านี้ ชัดเจนแล้วทุกอย่าง ความรู้สึกของหลินหันเยียนจมดิ่งลงถึงขั้นสุด เมิ่งเชี่ยนโยวเป็นพระชายาซื่อจื่อเป็นผู้ที่จะปกครองจวนอ๋องในภายภาคหน้า บัดนี้นางได้รับความรักจากทุกคน รอจนถึงวันนี้นางได้คลอดผู้สืบทอดตระกูลแล้วนั้น ฐานะของนางก็จะยิ่งสูงขึ้นไปอีก ต่อให้ตนหน้าด้านหน้าทนสักเท่าใด ขอร้องพระชายาจนสำเร็จ ก็คงมีนางเป็นก้างขวางอยู่
เมื่อคิดถึงจุดนี้ ความรู้สึกหมดหวังจู่โจมเข้ามาหานาง นางปล่อยมือของพระชายาลงด้วยความล่องลอย ทรุดนั่งลงกับพื้น
พระชายาทนไม่ได้ กำลังจะช่วยพยุงนางขึ้นมา แต่ก็นึกถึงคำที่เมิ่งเชี่ยนโยวได้บอกกับตนเอาไว้ ‘อุปสรรคที่ใหญ่หลวงที่สุดของความรักระหว่างแม่นางหลินและอวี้เอ๋อร์ก็คือพ่อกับแม่ของนาง พวกเราจะแสดงออกมากไปไม่ได้ มิเช่นนั้นจะถูกพวกเขาจูงจมูกไได้ เรื่องนี้ต้องให้พวกเขาเต็มใจช่วยจึงจะเป็นผล’ ร่างที่กำลังโน้มตัวลงไปก็ยืดตรงขึ้นมา สั่งหลิงหลงว่า “รีบช่วยพยุงแม่นางหลินเร็วเข้า”
เป็นแม่นางหลิน มิใช่เยียนเอ๋อร์ ประโยคนี้บ่งบอกทุกอย่างได้ชัดเจนแล้ว หลินหันเยียนกัดปากของตนจนเลือดจะไหลอยู่แล้ว เงยหน้าขึ้น ขอร้องทั้งน้ำตาว่า “พระชายาเจ้าขา เรื่องการหมั้นหมายของข้าและพี่อวี้เอ๋อร์ไม่มีทางอื่นแล้วหรือเจ้าคะ”
เมื่อเห็นท่าทางน่าสงสารของนาง พระชายารู้สึกว่าตนเองแสดงต่อไปมิได้แล้ว น้ำเสียงจึงได้จงใจเพิ่มความไม่พอใจเข้าไป “เยียนเอ๋อร์ เรื่องน้ำสำคัญมิใช่แค่ข้ายอมหรือไม่ แต่เจ้าเองที่ต้องไปขอร้องคนในครอบครัวของเจ้า มิเช่นนั้นต่อให้ข้าไปสู่ขอเจ้าถึงที่ แต่หากพ่อกับแม่เจ้าไม่ยินยอมเล่า”
หลินหันเยียนดีใจขึ้นทันที รีบพูดว่า “เรื่องพ่อแม่ของข้า ข้าจะไปเกลี้ยกล่อมให้ได้ เยียนเอ๋อร์เพียงขอร้องพระชายาให้ยืดเวลาเรื่องการหมั้นหมายของพี่อวี้ออกไปก่อนก็พอเจ้าค่ะ”
พระชายาแสดงสีหน้าลำบากใจ “เยียนเอ๋อร์ เจ้าเองก็รู้ดี อวี้เอ๋อร์มิใช่ลูกแท้ๆ ของข้า และหลายวันก่อนข้าก็ได้ตกลงเรื่องหมั้นหมายให้เขาแล้ว และยังประกาศออกไปแล้ว เรื่องหมั้นหมายของเขาจะกำหนดลงในไม่กี่วันนี้ หากว่าไม่มีเรื่องการหมั้นหมายของเขาแพร่ออกไป คนเขาจะหาว่าเอาได้ว่าข้าลำเอียงกับซู่จื่อ ข้ารับคำกล่าวโทษนั้นไว้ไม่ไหวหรอก ดังนั้น…เฮ้อ”
หลินหันเยียนหมดหวังแล้ว
อย่างไรนางก็เป็นคนที่ตนเห็นมาตั้งแต่เด็ก พระชายาเริ่มอดทนไม่ไหว ปรับน้ำเสียงลง พูดว่า “เยียนเอ๋อร์ เรื่องการหมั้นหมายของเจ้าและอวี้เอ๋อร์ข้าก็อยากให้เกิดขึ้นจริงอยู่ เช่นนี้แล้วกัน ข้าสัญญากับเจ้าว่าจะช่วยยื้อเวลาให้ หากฝั่งพ่อกับแม่ของเจ้าตกลงแล้ว ข้าก็จะยอมแบกหน้าไปขอร้องบ้านนั้น ชดเชยเงินทองให้สักหน่อย ข้าเองก็จะให้พวกเจ้าสมหวัง แต่หากพวกเขาไม่ยินยอม อย่างนั้นก็คงเพราะพวกเจ้าไม่มีวาสนาต่อกัน เจ้าเองก็ตัดใจเสียเถิด”
หลินหันเยียนพยักหน้าไม่หยุด หยดน้ำตาก็ไหลรินลงมา “ขอบพระทัยพระชายาเจ้าค่ะ ขอบพระทัยพระชายา”
พระชายิ้มพร้อมส่ายหน้า “มิต้องขอบคุณหรอก หลายปีที่เซวียนเอ๋อร์ไม่อยู่ โชคดีที่ยังมีเจ้าคอยมาอยู่กับข้า ข้าถึงได้ข้ามผ่านวันเวลาอันแสนเศร้ามาได้ สำหรับข้าแล้ว เจ้าก็เปรียบดั่งลูกสาวอีกคน ข้าเองก็หวังจะให้เจ้าได้มีชีวิตคู่ครองที่ดี แต่เสียดาย ที่เจ้ามิใช่ลูกสาวของข้าจริง เรื่องใหญ่เพียงนี้ข้าเองตัดสินใจแทนเจ้ามิได้”
พูดจบ นางไม่อยากแสดงต่อไปอีกแล้ว จึงได้ส่งแขก “เจ้ารีบกลับไปเถิด ขอเพียงหาวิธีพูดเอาชนะพ่อกับแม่ของเจ้าได้จากนั้นก็รีบส่งคนมาบอกข้า ข้าจะรีบส่งคนไปคุยทันที”
ใบหน้าของหลินหันเยียนเต็มไปด้วยความรู้สึกยินดี พยักหน้าไม่หยุด
พระชายาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา เช็ดน้ำตาให้นาง จากนั้นก็สั่งหลิงหลงให้พานางไปส่ง
มองแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยความหวังของนาง ครานี้พระชายาถอนหายใจออกมาแรงๆ จริงๆ ขอเพียงสองสามีภรรยาจะเห็นแก่ว่าเยียนเอ๋อร์เป็นลูกสาวสุดที่รักของพวกเขา แล้วจะไม่ทำให้นางลำบากใจ
พวกเมิ่งเชี่ยนโยวมาถึงเรือนของตนแล้ว อาศัยช่วงที่พระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน ยังไม่รีบเข้าไปด้านใน แต่อยากเล่นกับเย่ว์เอ๋อร์และเซิ่งเอ๋อร์ที่ลานเสียก่อน
เมิ่งซื่อและภรรยาของเมิ่งต้าจินเกรงว่านางจะเกิดอุบัติเหตุ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ให้นางวิ่งเล่นเด็ดขาด เมิ่งเชี่ยนโยวจนปัญญา ทำได้เพียงกลับห้องของตนเองไป
เมิ่งซื่อและภรรยาเมิ่งต้าจินเอางานในมือวางไว้บนโต๊ะในห้อง ชี้ไปที่ชุดที่ทำได้เพียงครึ่งหนึ่งให้เมิ่งเชี่ยนโยวและหวงฝู่อี้เซวียนดู “ดูสิ ชุดที่แม่และป้าของพวกเจ้าทำสวยหรือไม่”
เมิ่งเชี่ยนโยวยื่นมือออกมา พิจารณา จากนั้นก็ขมวดคิ้วลง ถามว่า “ท่านแม่ เหตุใดจึงเล็กเพียงนี้เล่าเจ้าคะ”
“เจ้าคิดว่าเด็กคนหนึ่งตัวโตเท่าใดกัน ทั้งยังเป็นฝาแฝดอีกด้วย เด็กจะตัวเล็กกว่าทารกทั่วไปอีก เสื้อผ้าพวกนี้แม่ยังคิดเลยว่าใหญ่ไปหรือไม่”
เมิ่งเชี่ยนโยวแลบลิ้นออกมาอย่างซุกซน และยังหาเรื่องไม่หยุด “เหตุใดจึงเป็นชุดของเด็กผู้หญิงทั้งนั้นเลยเจ้าคะ”
“ทารกไม่มีแบ่งเพศ ลายอะไรก็ใส่ทั้งนั้น” เมิ่งซื่อกล่าว
“ไม่ใช่นะเจ้าคะ ข้าจำได้ว่าตอนที่เซิ่งเอ๋อร์เกิดมา ท่านเตรียมทั้งชุดชองเด็กผู้หญิง และเด็กผู้ชายไว้พร้อมหมด ท่านป้าเองก็ด้วย ตอนที่เย่ว์เอ๋อร์เกิด ท่านเองก็เตรียมเสื้อผ้าหลากหลายลายเอาไว้ เหตุใดพอมาถึงข้าจึงมีเพียงชุดเด็กผู้หญิงเล่าเจ้าคะ” เมิ่งเชี่ยนโยวถาม
เมิ่งซื่อและภรรยาเมิ่งต้าจินมองตากัน ยิ้มออกมา “ชุดพวกนี้เป็นชุดที่พระชายาท่านเตรียมเอาไว้ ชุดที่แม่ทำยังไม่ได้เอาออกมาเลย” พูดจบ ก็ยิ้มพร้อมเสริมว่า “ชุดที่แม่ทำก็มีแต่ชุดเด็กผู้หญิง”
เมิ่งเชี่ยนโยวเริ่มสงสารลูกในท้องที่ยังไม่ลืมตาดูโกลของตนเสียแล้ว หากเกิดเป็นลูกชายทั้งคู่ อย่างนั้นจะถูกลำเอียงเพียงใด ในใจก็คิดไป ปากก็พูดว่า “พวกท่านลำเอียงเสียจริง หากข้าคลอดลูกชายออกมา คงจะถูกพวกท่านรังเกียจกันหมด”
“ไม่หรอก” เมิ่งซื่อเก็บรอยยิ้ม เบิกตาโต พูดอย่างไม่พอใจว่า “เจ้าท้องลูกแฝด อย่างไรก็ต้องมีลูกสาวสักคนสิ”
ภรรยาเมิ่งต้าจินตอบเสริม “ใช่ อย่างน้อยก็ต้องมีลูกสาวสักคน”
เมิ่งเชี่ยนโยวถูกขัดเข้า เอาสิ พระชายาอยากได้หลานสาวใจจะขาด ยังมีแม่และป้าสะใภ้ของนางอีก นางมองเห็นความลำบากในภายหน้าของลูกชายตนแล้ว เย่ว์เอ๋อร์และเซิ่งเอ๋อร์ก็ตะโกนอยู่ข้างๆ ว่า “เอาน้องสาว เอาน้องสาว”
ให้ได้อย่างนี้สิ ขนาดเด็กสองคนนี้ยังวุ่นวายด้วย ดูทีนางจะคลอดลูกสาวออกมาไม่ได้ มิเช่นนั้นคงจะถูกทุกคนตามใจจนเสียคนเป็นแน่
ทางนี้คึกครื้นมาก และทางจวนราชเลขากลับกำลังวุ่นวายใหญ่โต
หลังจากที่หลินหันเยียนกลับไปจวนของตนแล้วนั้น ก็ไปยังเรือนของพ่อกับแม่ตน ตรงไปคุกเข่าตรงหน้าพวกเขา ขณะที่ทั้งสองกำลังตกใจนั้น กล่าวว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่ ลูกไม่อยากออกเรือนกับคุณชายผู้นั้น ลูกอยากแต่งงานกับพี่อวี้”
ราชเลขาฮูหยินผุดลุกขึ้นทันที ถามอย่างสงสัยว่า “เยียนเอ๋อร์ เจ้ากำลังพูดอะไรอยู่ พูดอีกทีสิ”
หลินหันเยียนเงยหน้ามองนาง พูดด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ว่า “ลูกอยากแต่งงานกับพี่อวี้เจ้าค่ะ ขอร้องท่านพ่อ ท่านแม่ได้โปรดยอมรับด้วย”
ครานี้ได้ยินชัดเจนแล้ว ร่างของฮูหยินสั่นเล็กน้อย จากนั้นก็พูดด้วยความโกรธว่า “เยียนเอ๋อร์ เจ้าจะบ้าหรืออย่างไร หวงฝู่อวี้เป็นเพียงซู่จื่อผู้ไม่มีวิชาความรู้ ไม่มีทรัพย์สมบัติใด หากเจ้าลงเอยกับเขา เจ้า เจ้า เจ้าจะไปเป็นขอทานข้างถนนกับเขาหรืออย่างไร ไม่ได้ ข้าไม่อนุญาต เจ้าตัดใจเสียเถิด”
ราชเลขาหลินเองก็โกรธจนทุบโต๊ะ ทำให้แก้วน้ำบนโต๊ะสั่นไม่หยุด หากไม่ใช่เห็นว่าหลินหันเยียนเป็นลูกสาวล่ะก็ เขาอาจจะถีบนางกระเด็นไปแล้วก็ได้ พูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธ “ล้มเลิกความคิดนี้ไปเถิด ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของราชเลขา จะไปแต่งงานกับซู่จื่ออย่างนั้นหรือ หากข่าวแพร่ออกไป ข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด ข้าจะมีหน้าไปคุยกับราชเลขาท่านอื่นได้อีกหรือ”
หลินหันเยียนชะงักไป นางคิดมาตลอดว่าพ่อและแม่ของนางรักและโปรดปรานนางมาตลอด นางขออะไรก็จะได้อย่างนั้น คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้กลับ…คิดถึงตรงนี้ น้ำเสียงก็ขอร้องด้วยความร้อนใจ “ท่านพ่อ ท่านแม่ แม่แท้ๆ ของพี่อวี้ได้จากไปแล้ว ดูจากนิสัยของพระชายาแล้วจะต้องนับเขาเป็นลูกแท้ๆ อีกคนเป็นแน่ หากลูกได้ครองคู่กับเขา จะไม่มีทางลำบากเป็นแน่”
“เจ้ารู้อะไรกัน” ฮูหยินดุนาง “ต่อให้ซู่อิงมองเขาเป็นลูกแล้วมันอย่างไร อย่างไรก็ไม่ใช่ลูกแท้ๆ จะดีกับเขาได้สักเท่าไรกัน จะให้เขาสืบทอดจวนอ๋องหรือ หรือจะมอบสมบัติของจวนให้เขาดูแล ที่ว่าดีต่อเขา ก็เพียงแค่ให้เงินเดือนเขาเท่านั้น ไม่ให้เขาถึงกับต้องหิวตายเท่านั้นเอง”
หลายปีมานี้ ราชเลขารับเมียน้อยเข้าบ้านหลายคน แต่ว่าฮูหยินเก่งกาจ หาวิธีไม่ให้พวกนางมีลูกกันได้ แต่จวนอื่นไม่เหมือนกัน เมียน้อยทุกบ้านต่างก็ต้องมีลูกสาวลูกชายกัน หากฮูหยินใหญ่ของบ้านเป็นคนจิตใจดี เด็กๆ พวกนั้นก็ไม่ต้องลำบากมาก มีเงินเดือนให้ทุกเดือน มีเสื้อผ้าให้ใส่ตามฤดู แต่หากได้ฮูหยินที่ไม่ดีเช่นนั้น และแม่ของตนก็ไม่ได้เป็นคนโปรด ต่อให้เรื่องความเป็นอยู่พื้นฐานก็ยังยากลำบาก
เรื่องเหล่านี้หลินหันเยียนพอได้ยินมาบ้าง
หลายปีก่อน ตำหนักอ๋องมีสนมเฮ่อเป็นใหญ่ เสื้อผ้าการกินอยู่ของหวงฝู่อวี้ดีไม่น้อย บางครั้งยังเกินงามสำหรับคนเป็นซู่จื่อ แต่ก็ไม่มีใครว่าอะไร ก็เพราะไม่มีข่าวของหวงฝู่อี้เซวียนมานานหลายปี หากไม่สามารถหาตัวเขาพบ หวงฝู่อวี้ก็จะเป็นซื่อจื่อแทน แต่บัดนี้ไม่เหมือนเดิม หวงฝู่อี้เซวียนกลับมาแล้ว พระชายารองเฮ่อก็สิ้นใจแล้ว จวนสมุหนายกก็ถูกทำลายไปจนสิ้น จะพูดว่าบัดนี้หวงฝู่อวี้เป็นลูกไก่ในกำมือของใครสักคนก็ได้ วันใดที่หวงฝู่อี้เซวียนและพระชายาไม่พอใจขึ้นมา ก็สามารถไล่เขาออกจากจวน ให้เขาไปตายเอาดาบหน้าได้
ฮูหยินพูดจบ หลินหันเยียนก็คิดถึงสิ่งเหล่านี้ได้ทันที แต่ว่าไม่ได้กระทบกับความคิดที่นางอยากจะแต่งงานกับหวงฝู่อวี้เลยแม้แต่น้อย นางพูดอย่างไม่ลังเลว่า “ท่านแม่ ต่อให้ต้องไปเป็นขอทานกับเขา ลูกก็ยินดี ขอท่านแม่เห็นใจด้วย”
ด้วยบันดาลโทสะ ฮูหยินง้างมือตบหน้านาง “เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ หรือว่าโดนของกันแน่ หวงฝู่อวี้อะไรนั่นมีดีอะไรกัน เจ้าถึงกับยอมไปเป็นขอทานเพื่อเขา”
ตั้งแต่เล็กจนโต หลินหันเยียนถูกฮูหยินโอ๋มาตลอด ไม่ต้องพูดถึงเรื่องตบตี เพราะแม้แต่คำพูดแรงๆ ก็ไม่เคยพูดกับนาง ฝ่ามือนี้ ทำเอาฮูหยินเองก็ตะลึงไปเช่นกัน นางมองฝ่ามือตนสีแดงเถือกของเองอย่างไม่อยากเชื่อ ครู่ใหญ่ก็ไม่ได้สติกลับมา
ด้วยความโกรธของฮูหยิน ทำให้ฝ่ามือนี้ออกแรงมากกว่าปกติ ในหน้าของหลินหันเยียนมีรอยมือสีแดงขึ้นมาทันที
หลินหันเยียนเองอึ้งไป ไม่มีแม้ท่าทีจะกุมหน้าตัวเองเอาไว้ เอาแต่จ้องมองแม่ของตน
ราชเลขาหลินเพียงแต่ขมวดคิ้วลงเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไร
ฮูหยินได้สติกลับมา รีบยื่นมือออกไป หวังจะลูบใบหน้าของลูกสาวสุดที่รัก กล่าวด้วยความร้อนรนว่า “เยียนเอ๋อร์ แม่ ไม่ได้…”
หลินหันเยียนหันไปอีกทาง หลบการถูกสัมผัสจากฮูหยิน
ฮูหยินอึ้งไป
ราชเลขาหรี่ตาลง
น้ำเสียงของหลินหันเยียนสงบนิ่ง ไม่มีอารมณ์ใดๆ “ท่านแม่ ท่านหายโกรธแล้วยัง”
“เยียนเอ๋อร์ แม่….” ฮูหยินรีบอธิบาย
หลินหันเยียนขัดเขา “หากท่านแม่คิดว่ายังไม่พอใจ จะตบตีข้าอีกกี่ที ข้าก็จะไม่หลบหลีก ขอเพียงท่านยอมรับข้าและพี่อวี้”
ความรู้สึกผิดในใจของฮูหยินหายไป พูดเสียงแหลมว่า “เรื่องนี้ไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก เจ้ารีบตัดใจเสียเถิด รอออกเรือนไปอย่างว่าง่าย”
สายตาของหลินหันเยียนเผยความรู้สึกเกลียดชังออกมา “ท่านแม่กำลังบังคับลูกอยู่ใช่หรือไม่เจ้าคะ”
ราชเลขาโกรธจนทุบโต๊ะอีกครั้ง ด่าทอด้วยอารมณ์โกรธว่า “พูดกับแม่เช่นนี้ได้เช่นไร พวกเราสอนเจ้าเช่นนี้หรือ”
ราชเลขาหลินอยู่ฝ่ายทหาร อารมณ์ดุร้าย ฮูหยินเกรงว่าเขาจะลงมือกับหลินหันเยียนอย่างที่ตนทำ จึงได้รีบปรับน้ำเสียงลง ปลอบใจว่า “เยียนเอ๋อร์ การหมั้นหมายที่เราตกลงไว้ให้เจ้านั้นเหมาะสมที่สุดแล้ว ท่านชายผู้นั้นไม่เพียงมีรูปร่างดูดี การศึกษาก็ไม่เลว รอเพียงผ่านการสอบจอหงวนครานี้ หากเขาสอบติด ถึงตอนนั้นพ่อของเจ้าจะหาตำแหน่งในเมืองหลวงให้เขา เจ้าแต่งไปเป็นภรรยาเอก เป็นฮูหยินใหญ่ เรื่องเล็กเรื่องใหญ่ของบ้านต่างอยู่ภายใต้การตัดสินใจของเจ้า ไม่ต้องคอยดูและพ่อแม่สามี เรื่องเช่นนี้มิใช่หญิงที่ใดจะฝันได้”
“ท่านแม่ยังมีอีกเรื่องไม่ได้พูดใช่หรือไม่ นั่นก็คือ ภายหน้า ชายผู้นั้นก็จะกลายเป็นหุ่นเชิดของท่านพ่อด้วย” หลินหันเยียนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา