ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] - ตอนที่ 357 ท่าทางลับๆ ล่อๆ ของซื่อจื่อ
คืนนั้น อ๋องฉีย้ายเข้ามาพักที่เรือนของพระชายาจนได้
ขณะที่บ่าวรับใช้ในจวนกลัวจนขนหัวลุกนั้น เนื้อหนังตามลำตัวก็เกร็งไปตามๆ กัน อ๋องฉีมาอยู่ที่นี่ก็หมายความว่าพวกเขาจะแอบอู้งานไม่ได้อีกแล้ว ต้องรู้ว่าท่านอ๋องไม่ชอบคนไร้ประโยชน์ หากถูกท่านอ๋องรู้ว่าพวกเขาทำงานชักช้า คงจะต้องถูกเอาไปขายเป็นแน่ ดังนั้น บรรดาบ่าวรับใช้ของเรือนพระชายาจึงได้ปวดหัวไปตามๆ กัน
พระชายาเองก็ไม่พอใจเท่าใดนัก ไม่ใช่เหตุผลอื่นใด หากเป็นเพราะท่านอ๋องมาถึงก็ตรงไปยังห้องเด็กอ่อนทันที นั่งจ้องเด็กน้อยทั้งสองอยู่นานเป็นชั่วยาม ไม่รู้ว่าเขาไปเอาความอดทนเช่นนั้นมาจากที่ใด แม้กระทั่งตอนดึก เรียกเขากลับห้อง เขาก็ยังโบกมือ บอกว่า “ข้ายังไม่ง่วง เจ้านอนก่อนเถิด”
พระชายาไม่พอใจ เดินกลับห้องไปด้วยความโกรธ พูดในใจว่า “แน่จริง คืนนี้ไม่ต้องกลับมานอนเลยสิเพคะ”
คิดไม่ถึงว่าจะเป็นอย่างที่พูดเสียจริง นอนหลับไปหนึ่งคืน ลืมตาขึ้นมาตอนเช้ากลับพบว่าข้างๆ ไม่มีคน กระทั่งผ้าห่มก็ยังไม่มีร่องรอยว่าถูกขยับเลย
เป็นเช่นนี้อยู่หลายวัน พระชายารับรู้ได้ถึงบางสิ่ง พอเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว
แขกที่มาเยี่ยมเยือนกลับไปหมดแล้ว หวงฝู่อี้เซวียนกลับมาปรนนิบัติเมิ่งเชี่ยนโยวด้วยวิธีเช่นเดิม ในทุกวันไม่มีอะไรนอกจากอาหารสำหรับคนอยู่ไฟเท่านั้น ทำเอาปากของเมิ่งเชี่ยนโยวจืดไปไม่น้อย แต่ละวันนางเอาแต่คิดหาวิธีขอร้องหวงฝู่อี้เซวียนให้ทำอาหารรสจัดเสียหน่อยให้นาง
แต่นางใช้เล่ห์กลจนหมดสิ้นแล้ว กระทั่งมารยายั่วยวนก็งัดเอามาใช้แล้ว แต่หวงฝู่อี้เซวียนกลับไม่เปลี่ยนไปเลย ทำอาหารอย่างที่เคยทำ นางควรจะกินอะไรก็จำต้องกิน มิเช่นนั้นเขาก็จะหาวิธีมาบังคับนางจนได้
มองดูร่างกายที่อวบอ้วนขึ้นเรื่อยๆ ของตัวเอง เมิ่งเชี่ยนโยวที่จนปัญญา ใช้วิธีที่ใครก็คิดไม่ถึง ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่ยอมดื่ม นางบีบจมูกตัวเอง ทำราวกับว่าได้กลิ่นแล้วจะอาเจียนออกมาอย่างนั้น นางโบกมือ “เอาออกไป เอาออกไป ข้าเลี่ยนเหลือเกิน ไม่ดื่มแล้ว”
หวงฝู่อี้เซวียนเม้มปาก จ้องนางตาไม่กะพริบ
เมิ่งเชี่ยนโยววางแผนเอาไว้ดีแล้ว วันนี้ให้ตายนางก็จะไม่ยอมดื่มอีกแล้ว นางเงยหน้าขึ้น ถลึงตาใส่หวงฝู่อี้เซวียน ใช้สายตาบอกเขาอย่างชัดเจน ว่าวันนี้นางไม่ดื่ม ไม่ดื่ม อย่างไรก็จะไม่ยอมดื่มเด็ดขาด
หวงฝู่อี้เซวียนเข้าใจความหมายที่สายตานางสื่อแล้ว ไม่ได้เอาใจนาง แต่ก็ไม่ได้บังคับนาง เพียงแต่ใช้คำพูดไร้ความรู้สึกพูดว่า “ไม่ดื่มแน่หรือ”
เมิ่งเชี่ยนโยวขนหัวลุก นางกลัวหวงฝู่อี้เซวียนทำหน้าตาเช่นนี้เป็นที่สุด เพราะไม่สามารถเดาได้เลยว่าเขาคิดจะทำอะไร แต่ก็ยังคงพยักหน้าอย่างมั่นใจ
หวงฝู่อี้เซวียนมองนางอีกครั้ง แต่ไม่ได้พูดอะไร ถือยาสำหรับคนอยู่ไฟเดินออกไป เหลือไว้เพียงเมิ่งเชี่ยนโยวนั่งอึ้งอยู่คนเดียว เข้าใจว่าเหตุใดวันนี้เขาถึงได้พูดง่ายเพียงนี้
หวงฝู่อี้เซวียนถือยาบำรุงกลับไปยังห้องครัว จากนั้นก็เททิ้งลงไปในท่อระบายน้ำทันที จากนั้นก็สั่งแม่ครัวว่า “ต่อจากนี้ไม่ต้องต้มอีกแล้ว ซื่อจื่อเฟยกินไม่ลงแล้ว”
แม่ครัวตอบรับ
จากนั้นก็หันหลังกลับเข้าห้องตัวเองไป สีหน้าของหวงฝู่อี้เซวียนเป็นดังเดิม ไม่มีท่าทีว่าเขาไม่พอใจใดๆ ทำเอาเมิ่งเชี่ยนโยวเดาทางไม่ถูก แต่ว่า ในที่สุดก็ไม่ต้องดื่มยาบำรุงที่แทบจะกลืนไม่ลงนั่นอีกแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวดีใจเสียจนอยากจะไปจุดพลุฉลอง ไม่ได้พิจารณาความคิดของหวงฝู่อี้เซวียนเลย
ผ่านไปหนึ่งวันแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวนับวันเวลา ยังเหลืออีกสองวันก็เป็นอิสระแล้ว เมื่อออกจากอยู่ไฟแล้ว หวงฝู่อี้เซวียนอาศัยช่วงที่เมิ่งเชี่ยนโยวกำลังหลับสนิท สั่งหวงฝู่อี้ว่าให้คอยฟังเสียงในห้อง หากเมิ่งเชี่ยนโยวตื่นขึ้นมาแล้วให้บอกนาง ว่าตนมีธุระอออกด้านนอกแล้ว จากนั้น ก็พาโจวอันออกจากจวนอ๋อง ควบม้าไปยังร้านยาเต๋อเหริน
เรื่องที่เมิ่งเชี่ยนโยวคลอดบุตรยากนั้น รู้กันไปทั่วทั้งเมือง เหวินซื่อเองก็รู้ข่าวมาบ้าง ตอนนั้นจึงตรงไปยังจวนอ๋องทันที แต่ตอนนั้นเมิ่งเชี่ยนโยวยังไม่ฟื้น คนในจวนกระวนกระวายกันยกใหญ่ อ๋องฉีมีคำสั่งห้ามให้บุคคลภายนอกเข้าเยี่ยม เพื่อนที่สนิทเช่นเขาเองก็ยังถูกปฏิเสธ กระทั่งเมิ่งเชี่ยนโยวฟื้นขึ้นมาแล้วนั้น เขาก็เข้ามาเยี่ยมพร้อมกับเฝิงจิ้งเหวิน ก็ยังคงถูกหวงฝู่อี้เซวียนไล่กลับโดยอ้างว่าเมิ่งเชี่ยนโยวกำลังพักผ่อนอยู่
บัดนี้เห็นว่าหวงฝู่อี้เซวียนมายังร้านยาเต๋อเหริน เหวินซื่อตกใจมาก รีบถามด้วยความกังวลว่า “เจ้าเด็กดื้อนั่นเป็นอะไรไปอีกหรือ”
หวงฝู่อี้เซวียนไม่ตอบเขา นั่งลงบนเก้าอี้
เหวินซื่อร้อนใจยิ่งว่าเดิม น้ำเสียงเริ่มไม่ค่อยดีเท่าใด “พูดมาสิ เด็กนั่นเป็นอะไรไป”
ว่ากันว่าเป็นกังวลมากไปจะทำให้วุ่นวาย หากบัดนี้เหวินซื่อให้หัวคิดสักหน่อยก็คงไม่ถามคำถามเช่นนี้ออกมา หวงฝู่อี้เซวียนมองเมิ่งเชี่ยนโยวเป็นดั่งเจ้าของชีวิต เขามาปรากฎตัวตรงนี้ได้อย่างสบายใจ แสดงว่าเมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้เป็นอะไร แต่ที่น่าเสียดายก็คือ คุณชายเหวินของพวกเราคิดไม่ถึงตรงนี้ กลับถามย้ำไปย้ำมา
หวงฝู่อี้เซวียนเหลือบตาขึ้น มองเขาอย่างใจเย็น จากนั้นก็หลบสายตาลง เอ็ดเขาอย่างไม่เกรงใจว่า “ในหัวเจ้ามีแต่แกลบหรืออย่างไร หากโยวเอ๋อร์ไม่สบายแล้วข้าจะออกมาได้อย่างไร”
เหวินซื่อเงียบปากลง พ่นลมออกมาด้วยความโกรธ ถลึงตาใส่เขา ถามด้วยอารมณ์ร้อนว่า “อย่างนั้นเจ้ามาที่นี่ด้วยเหตุใด”
“มาเอายา” หวงฝู่อี้เซวียนตอบอย่างไม่รีบร้อน
ดวงตาของเหวินซื่อเบิกโพลง “มาเอายา? เจ้าบอกว่าเด็กนั่นไม่เป็นอะไร แล้วเจ้ามาเอายาทำอะไรกัน”
เงยหน้า มองเขาอย่างไม่ใส่ใจ เหวินซื่อรู้สึกเหมือนโดนดูถูกจากเขา ขณะที่กำลังจะเอาเรื่องเขานั้น เขาก็หยิบรายการยาออกมาจากแขนเสื้อ วางลงบนโต๊ะ “รีบจัดยาตามนี้ ส่วนยาสูตรนี้ข้ายกให้”
เสียงที่เหวินซื่อเตรียมจะตะคอกใส่เขาถูกกลืนหายไป หยิบรายการยาออกมาอย่างไม่พอใจ อ่านเล็กน้อย จากนั้นก็อ่านย้ำอีกครั้งอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง จากนั้นก็มองหวงฝู่อี้เซวียน ถามว่า “สูตรยานี้เจ้ายกให้ข้า? ”
หวงฝู่อี้เซวียนเหลือบตามองเขาเล็กน้อย จากนั้นก็พูดว่า “คิดเอาเอง”
เมื่อเหวินซื่อเริ่มร้อนใจนั้น เขาก็เสริมอีกประโยคว่า “ขอปริมาณเท่าเดิม”
เหวินซื่อพูดอะไรไม่ออก รีบหยิบสูตรยาขึ้นมา จากนั้นก็เดินออกไป “เจ้ารอข้าก่อน อีกครู่ข้าจะรีบสั่งคนไปจัดยา”
พูดจบ ก็เดินออกไปด้านนอก ออกไปได้ไม่นาน ก็รู้สึกถึงความผิดปกติ จึงได้ถอยหลังกลับมา จ้องหวงฝู่อี้เซวียนตาไม่กะพริบ ไม่คลาดสายตาจากสีหน้าของเขาแม้แต่น้อย “เด็กนั่นรู้เรื่องสูตรยานี้หรือไม่”
หวงฝู่อี้เซวียนมองเขาราวกับมองคนโง่อยู่ ถามว่า “ข้าเขียนสูตรยาเป็นหรืออย่างไรเล่า”
ก็จริง นอกจากเมิ่งเชี่ยนโยวแล้ว คงไม่มีใครคิดสูตรยานี้ออกมาได้ เหวินซื่อเชื่อว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ จึงได้เดินสาวเท้ายาวออกไปด้านนอก กว่าจะรู้ว่าตนเองถูกเจ้าคนเจ้าเล่ห์ผู้นี้หลอกเข้า ก็คงเป็นตอนที่เมิ่งเชี่ยนโยวถือมีดไล่ฟันเขาไปทั่วเมือง
เหวินซื่อถือสูตรยาลงไปจัดเตรียมที่ห้องยาอย่างอารมณ์ดี เมื่อจัดยาที่ต้องการได้แล้ว ก็สั่งให้คนงานบดปั่น ตลอดกระบวนการนี้ตนได้จับตาดูอยู่ตลอด
คุณชายมีท่าทีเช่นนี้ เห็นทีคงจะมีสูตรยาใหม่มาเป็นแน่ แสดงว่าร้านยาเต๋อเหรินของเราก็กำลังจะรวยอีกแล้ว เงินเดือนของตนก็กำลังจะเพิ่มขึ้น คนงานดีใจกันมาก ทำงานกันอย่างขยันขันแข็ง หนึ่งชั่วยามผ่านไป เม็ดยาเสร็จทำเรียบร้อยแล้ว จึงส่งให้เหวินซื่อ
เหวินซื่อรับยามา ขึ้นไปด้านบน วางไว้ตรงหน้าของหวงฝู่อี้เซวียน “เรียบร้อยแล้ว”
หวงฝู่อี้เซวียนรับมาถือไว้ ยืนขึ้น จากนั้นก็พูดว่า “ทำเพิ่มอีกหน่อยสิ ข้าจะมาเอาอีกเรื่อยๆ” พูดจบก็เดินสาวเท้ายาวออกไป
เหวินซื่อเบ้ปาก หยิบสูตรยาขึ้นมา อ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับว่าเงินทองกำลังโบยบินเข้ามาหาตนอย่างไรอย่างนั้น
หวงฝู่อี้เซวียนกลับมายังจวน เมิ่งเชี่ยนโยวตื่นแล้ว แปลกใจที่เขาออกไปในเวลาเช่นนี้ จึงยิ้มและถามว่า “ไปไหนมาหรือ”
“เหวินซื่อส่งข่าวมาว่าเขาค้นพบยาดีหลายอย่าง ให้ข้ารีบไปดู” หวงฝู่อี้เซวียนโกหกอย่างแนบเนียน
เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่ได้คิดอะไรมาก จึงพยักหน้า พูดว่า “อีกสองวันข้าก็จะอยู่ไฟครบแล้ว ในที่สุดข้าก็สามารถอาบน้ำ กอดลูกสาวข้าได้เสียที”
แววตาของหวงฝู่อี้เซวียนสั่นคลอนเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไร
เวลาสองวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็มาถึงวันที่อยู่ไฟครบกำหนด เช้าตรู่ เมิ่งเชี่ยนโยวตื่นขึ้นมา ก็สวมใส่เสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว เปิดประตูออก จากนั้นก็เดินออกไปยังลานของเรือน สูดหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าปอด จากนั้นก็กระโดดโลดเต้นขึ้นมา ตื่นเต้นอย่างเป็นที่สุด
หวงฝู่อี้เซวียนที่กำลังทำอาหารเช้าอยู่ในครัวได้ยินเสียงแห่งความยินดีของเมิ่งเชี่ยนโยว จึงชะโงกหน้าออกมา ยิ้มพร้อมมองท่าทางมีความสุขของนาง จากนั้นก็กลืนน้ำลายลงอย่างลืมตัว สายตาสั่นไหวเล็กน้อย จากนั้นก็หดตัวกลับไปเช่นเดิม
“อี้เซวียน” เมิ่งเชี่ยนโยววิ่งเข้ามาในครัวพร้อมรอยยิ้ม ตะโกนเรียกเขา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความปีติ “ข้าอยู่ไฟครบแล้ว ออกมาด้านนอกได้แล้วล่ะ”
หวงฝู่อี้เซวียนหันหลังมา มองนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก “ยินดีด้วย”
เมิ่งเชี่ยนโยวดีใจเหลือเกิน เดินเข้าไปในครัว ยื่นมือออกมา โอบกอดเขาจากด้านหลัง จากนั้นก็ใช้จมูกสูดกลิ่น “หอมจังเลย วันนี้ข้าไม่ต้องกินอาหารของคนอยู่ไฟแล้วใช่หรือไม่”
ร่างของหวงฝู่อี้เซวียนหดเกร็ง กลืนน้ำลายลง พยายามกดอารมณ์ตัวเอง จากนั้นก็ตอบเบาๆ ว่า “อื้มม ไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อย อีกครู่ก็ได้เวลากินข้าวแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวกอดเขาแน่น เอาใบหน้าน้อยๆ ถูไปถูมาบนแผ่นหลังของเขา ถึงยอมปล่อย “เข้าใจแล้ว ข้าจะรีบไปอาบน้ำ กินอิ่มแล้วจะได้ไปดูลูกของเรากัน” พูดจบ ก็เดินออกไปอย่างอารมณ์ดี ไม่ได้สังเกตสายตาน่ากลัวของหวงฝู่อี้เซวียนด้านหลัง
แม้ว่าอาหารเช้าจะมีเพียงข้าวต้มและกับข้าวไม่กี่อย่าง แต่เมิ่งเชี่ยนโยวกลับรู้สึกว่าอร่อยเหลือเกิน จึงกินไปสองถ้วย จากนั้นก็วางตะเกียบลง ลูบท้องป่องๆ ของตนอย่างไม่สง่างาม จากนั้นก็ยิ้มและพูดว่า “อี้เซวียน เหมือนว่าข้าจะจุกแล้วล่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอก อีกครู่ออกกำลังหน่อยก็ดีขึ้น” จากนั้นก็มองนางเล็กน้อย แล้วก็หลบสายตาไป
เมิ่งเชี่ยนโยวคิดว่าเขาหมายถึงเรื่องที่จะไปหาลูกสาว จึงได้ยิ้มและพยักหน้า “ผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว ลูกของเราคงโตขึ้นไม่น้อย ตอนอุ้มขึ้นมาคงต้องออกแรงเสียหน่อย”
หวงฝู่อี้เซวียนไม่พูดอะไร สั่งให้หวงฝู่อี้เก็บถ้วยชาม แล้วพูดว่า “ข้าสั่งให้คนครัวเตรียมน้ำร้อนไว้แล้ว อีกครู่อาบน้ำก่อนค่อยไปดูลูกๆ ดีหรือไม่”
หนึ่งเดือนเต็มๆ แล้วที่ไม่ได้อาบน้ำ เมิ่งเชี่ยนโยวเองก็รู้สึกว่าตนนั้นเหม็นจะแย่ หวงฝู่อี้เซวียน สั่งคนให้ไปยกถังน้ำมาไว้ที่ห้องชำระล้าง เทน้ำร้อนลงไป ใช้มือทาบลงไปดูความร้อนของน้ำ จากนั้นก็โบกมือ “ออกไปได้ หากไม่มีคำสั่งจากข้าก็ห้ามเข้ามาเด็ดขาด”
บ่าวรับใช้ตอบรับ ถอยออกไป
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้ามา “เจ้าออกไปเถิด รอข้าอาบเสร็จแล้วเราไปดูลูกกัน”
“ให้ข้าช่วยหรือไม่” หวงฝู่อี้เซวียนถามด้วยสีหน้าปกติ
“ไม่ต้องหรอก ข้าทำเองได้” เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า
หวงฝู่อี้เซวียนกลืนน้ำลาย เตือนนางว่า “เจ้าไม่ได้อาบน้ำมาเดือนนึงแล้ว”
ความหมายก็คือตัวนางสกปรก ควรมีคนขัดถูหลังให้นาง หน้าที่ขัดหลังแต่ก่อนเป็นหน้าที่ของชิงหลวนและจูหลี แต่บัดนี้ทั้งสองไม่อยู่ ตนก็ไม่ได้อาบน้ำมาเดือนหนึ่งแล้ว หากไม่มีคนมาช่วย นางคงจะอาบได้ไม่สะอาดจริงๆ เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้คิดมาก “อย่างนั้นเจ้าอย่าไปไหนไกล อีกครู่ข้าจะเรียก”
หวงฝู่อี้เซวียนเผยรอยยิ้มได้ใจออกมา จากนั้นก็หันหลังเดินออกไป
ในที่สุดก็ได้อาบน้ำอย่างสบายอารมณ์เสียที เมิ่งเชี่ยนโยวปิดตาลง นั่งลงบนถังน้ำใหญ่ มีความสุขเหลือเกิน อย่าว่าแต่ชาติที่แล้วเลย ขนาดย้อนเวลากลับมาชาตินี้ แม้ว่าที่บ้านจะยากจนเพียงใด แต่นางก็ไม่เคยไม่ได้อาบน้ำนานถึงเพียงนี้ หากไม่ใช่เพราะหวงฝู่อี้เซวียนนั่งเฝ้าอยู่ทุกคืนวัน นางคงแอบมาอาบน้ำตั้งนานเสียแล้ว ไม่สนว่าจะป่วยหรืออะไรก็ตาม ขอสบายกายก่อนค่อยว่ากัน
ฟังเสียงน้ำกระเซ็นในห้องน้ำ มือของหวงฝู่อี้เซวียนก็เริ่มเกร็งขึ้นมา ขณะที่เสียงเรียกของเมิ่งเชี่ยนโยวดังขึ้นนั้น เขาก็ได้เดินก้าวเท้ายาวเข้าไปแล้ว
เมิ่งเชี่ยนโยวตกใจที่เขามาได้เร็วเหลือเกิน แต่ก็คิดได้ว่า คงเพราะเขายืนอยู่หน้าประตูมาตลอด เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพร้อมยื่นผ้าขนหนูให้เขา จากนั้นก็หันหลังให้เขาขัดหลังให้ตน
หวงฝู่อี้เซวียนรับผ้าขนหนูมา จากนั้นก็ขัดหลังให้นางอย่างชำนาญ เมิ่งเชี่ยนโยวปิดตาลง เสพความสุขจากการอาบน้ำ จากนั้นก็รู้สึกถึงความแปลกไป เนื่องจากมือของหวงฝู่อี้เซวียนขยับไปมาอย่างซุกซน จึงได้ลืมตาขึ้น ร้องดังว่า “อี้…” คำต่อมา ถูกริมฝีปากของหวงฝู่อี้เซวียนที่ประทับลงมากลืนหายไปแล้ว