ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] - ตอนที่ 46-2 หวาดกลัว
เมิ่งเชี่ยนโยวถามออกไปอย่างฉงนใจว่า “ไฉนจึงนอนไปได้เพียงครู่เดียวเท่านั้น อย่างน้อยๆ ต้องครึ่งชั่วยามขึ้นไปสิถึงจะถูก”
หวงฝู่อี้เซวียนขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ไปเถอะ ไปดูกัน”
ทั้งสองคนเดินออกมาจากในห้อง เข้ามายังเรือนพักของพระชายาฉี
กัวเฟยกับหวงฝู่อี้เดินตามหลังมาติดๆ
ทันทีที่เดินเข้ามาในลานบ้าน พวกเขาก็เห็นพระชายารองปิดปากแน่นไม่กล้าถกเถียงอย่างไร้ประโยชน์อีก องครักษ์ประจำจวนที่เข้ามาคุกคามเมื่อสักครู่ก็สลายตัวไปแล้ว บัดนี้อีกฝ่ายกำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างว่าง่าย หวงฝู่อี้เซวียนหรี่ตาลงแล้วมองไปทางหลิงหลง
หลิงหลงเข้าใจเจตนาของเขาจึงอธิบายให้ฟังว่า “เหนียงเหนียงสั่งลงโทษพระชายารองให้คุกเข่าอยู่ที่ลานบ้านเป็นเวลาสองชั่วยามเจ้าค่ะ”
หวงฝู่อี้เซวียนรู้สึกงงงวยมากขึ้นกว่าเดิมอีก แต่หลิงหลงก็เลิกผ้าม่านขึ้นแล้ว “ซื่อจื่อ แม่นางเมิ่ง เชิญเข้าไปข้างในเจ้าค่ะ”
พระชายาฉีได้ยินเสียงของหลิงหลงก็ผุดยิ้มขึ้นมา พูดกับเมิ่งเชี่ยนโยวที่เพิ่งก้าวเข้าประตูมาว่า “แม่นางเมิ่ง มาทางนี้ นั่งลงข้างๆ ข้า”
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินไปที่เตียงของนางอย่างว่าง่าย แต่กลับไม่ได้นั่งลงตามคำสั่งของอีกฝ่ายแต่อย่างใด นางเพียงพูดออกไปด้วยรอยยิ้มว่า “พระชายายื่นมือออกมาก่อนเจ้าค่ะ ข้าขอตรวจชีพจรให้ท่านหน่อย”
พระชายาฉียื่นมือออกไป
หลังจากจับชีพจรเสร็จ เมิ่งเชี่ยนโยวก็พูดออกไปว่า “ชีพจรของพระชายาตอนนี้เต้นแรงและมีกำลังกว่าเมื่อครู่มาก ขอเพียงท่านดื่มยาตามตำรับที่ข้าสั่งให้ตรงเวลาไม่บิดพลิ้ว ไม่นานนักสุขภาพของท่านจะฟื้นตัวกลับมาได้แน่ๆ และถึงแม้จะไม่สามารถแข็งแรงได้เท่ากับคนปกติ แต่ก็จะไม่ป่วยออดๆ แอดๆ ต้องนอนซมอยู่แต่บนเตียงเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว”
พระชายาฉีมีความสุขมากและพูดว่า “ได้แบบนั้นดีที่สุดแล้ว ข้าสัญญากับท่านอ๋องไปว่าจะเข้ามาจัดการเรื่องทั้งหลายในจวน ทรงให้เวลาข้าหนึ่งเดือนในการพักฟื้นตัว หากสุขภาพร่างกายยังไม่แข็งแรงเกรงว่าจะไม่ไหว”
หวงฝู่อี้เซวียนขมวดคิ้วทันทีเมื่อได้ยินดังกล่าว ในน้ำเสียงของเขาแฝงความไม่พอใจเล็กน้อย “ท่านพ่อมาที่นี่”
“อืม” พระชายาฉีตอบไปตามตรง “คิดว่ามาเพื่อขอร้องแทนพระชายารอง แต่ก็ถูกข้าตอกหน้ากลับไปแล้วล่ะ แถมยังได้อาศัยจังหวะนี้ริบอำนาจในจวนกลับมาด้วย”
“เพราะเหตุนี้ ท่านแม่ถึงได้ตื่นไวเช่นนี้” เสียงของหวงฝู่อี้เซวียนแม้แผ่วเบาแต่ก็แฝงความกรุ่นโกรธไว้เด่นชัด
พระชายาฉีฟังความไม่พอใจจากในน้ำเสียงของเขาออก จึงได้เอ่ยปลอบไปว่า “พระชายารองได้รับความโปรดปรานจากท่านพ่อของเจ้ามานานปี มาขอร้องแทนนางก็เป็นเรื่องสมควร ยิ่งไปกว่านั้นเขาเองก็ไม่ได้ทำให้แม่ต้องลำบากใจแต่อย่างใด เซวียนเอ๋อร์ไม่จำเป็นต้องมีโทสะ”
หวงฝู่อี้เซวียนสูดลมหายใจเข้าลึกสองสามครั้ง ระงับความโกรธที่เกิดขึ้นในใจ
พระชายาฉีกล่าวต่อไปว่า “ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาแม้ว่าพระชายารองเฮ่อจะกุมอำนาจในจวนรับหน้าที่ดูแลเรื่องน้อยใหญ่ทั้งหมด แต่นางก็ไม่เคยสร้างปัญหาให้กับข้ามากเกินไป ยังคงปฏิบัติต่อข้าด้วยความเคารพนอบน้อม หากไม่ใช่วันนี้นางจู่ๆ พรวดพราดเข้ามากล่าววาจาไม่ดีต่อแม่นางเมิ่ง ข้าก็คงไม่ลงโทษนางรุนแรงถึงขั้นนี้”
“นั่นเป็นเพราะท่านแม่ไม่ปรารถนาจะแย่งชิงอำนาจความโปรดปรานต่างหาก” หวงฝู่อี้เซวียนพูด
พระชายาฉีถอนหายใจออกยาว “ร่างกายของข้าอ่อนแอนัก ไม่อยากต้องเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ นานาภายในจวน ประกอบกับก่อนหน้านี้ตามหาเจ้าเท่าไหร่ก็หาไม่พบเสียที จึงยิ่งไม่มีความคิดเช่นนั้นเลย พระชายารองเฮ่อตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้เพื่อจัดการกับปัญหาน้อยใหญ่ที่เกิดขึ้นนางลงทุนลงแรงไปมากนัก ต่อให้ไม่มีผลงานแต่ก็นับว่ามีความดีความชอบ”
เมิ่งเชี่ยนโยวกลับเป็นฝ่ายพูดขึ้นอย่างไม่เห็นด้วย “หากพระชายาคิดเช่นนี้ อำนาจในการดูแลจวนมีไม่มีก็ไม่ต่างกัน”
พระชายาฉีตบมือนาง “ข้าเข้าใจว่าเจ้าหมายถึงอะไร เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไป ข้าแค่ทอดถอนใจระบายความรู้สึกออกมาเท่านั้น อีกหน่อยพอเข้ามาดูแลจวนจริงๆ ข้าจะไม่มีวันใจอ่อนเป็นอันขาด”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า ขณะกำลังจะพูดต่อ เสียงของหวงฝู่อวี้ก็ดังส่งมาจากกลางลานบ้าน “ท่านแม่ ท่านทำอะไรผิดหรือ เหตุใดพระชายาถึงได้ลงโทษให้ท่านคุกเข่าอยู่ที่นี่”
พระชายารองคล้ายได้สติตื่นขึ้นมาจากความฝัน คลานเข่าเข้าไปจับมือหวงฝู่อวี้ไว้แล้วพูดกับเขาไปว่า “อวี้เอ๋อร์ เจ้าไปขอร้องพระชายาแทนแม่ที บอกว่าแม่รู้ความผิดแล้ว อีกหน่อยไม่กล้าอีกแล้ว”
หวงฝู่อวี้หลังจากเลิกเรียนที่กั๋วจื่อเจียนแล้วก็ตามเพื่อนสองสามคนออกไปขี่ม้าเล่นที่นอกเมือง เพิ่งจะกลับถึงจวนเมื่อสักครู่ แต่ขณะที่เขากำลังจะกลับเข้าที่พักไป ก็ถูกสาวใช้ข้างกายของมารดาตนที่มายืนรออยู่ก่อนแล้วรั้งตัวเอาไว้แล้วบอกกับเขาว่าพระชายารองถูกพระชายาลงโทษให้คุกเข่าเป็นเวลาสองช่วยยาม
โดยไม่ทันได้ถามว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็รีบบึ่งมายังเรือนพำนักของพระชายาทันที เห็นว่าพระชายารองคุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยสภาพน่าเวทนา ใจของเขาก็ให้ปวดหนึบไปทั้งดวง
ตอนนี้พอได้ยินพระชายารองขอร้องเขาด้วยความลนลาน หวงฝู่อวี้ก็ยิ่งร้อนใจ ตัดสินใจคุกเข่าลงข้างๆ พระชายารองแล้วตะโกนออกไปด้วยเสียงดังว่า “พระมารดาได้โปรดยกโทษให้ท่านแม่ของข้าด้วย”
หวงฝู่อี้เซวียนขมวดคิ้ว
เสียงอ่อนโยนของพระชายาฉีดังมาจากในห้อง “อวี้เอ๋อร์ เข้ามาคุยกันข้างในเถิด”
หวงฝู่อวี้ลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปในห้อง
พระชายารองที่คุกเข่าอยู่บนพื้นมองตามหลังเขาไปด้วยแววตาคาดหวัง
เมื่อเดินเข้าไปในห้องหวงฝู่อวี้ก็ได้เห็นว่ายามนี้หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวเองก็อยู่ที่นี่ด้วย ร่างของเขาผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็คุกเข่าลงแล้วขอร้องแทนพระชายารองอีกครั้ง “พระมารดา โปรดยกโทษให้ท่านแม่ข้าด้วย”
หวงฝู่อวี้กับหวงฝู่อี้เซวียนเกิดไล่เลี่ยกันมาก ช่วงเวลาหลายปีที่ตามหาหวงฝู่อี้เซวียนแต่อย่างไรก็ไม่อาจหาพบ พระชายาฉีคิดถึงลูกมากจนทนไม่ไหวจึงได้มีรับสั่งให้คนไปพาหวงฝู่อวี้มาอยู่เป็นเพื่อนนาง การได้เล่นได้พูดคุยกับเขา ทำให้พระชายาฉีคลายความคิดถึงที่มีต่อบุตรชายไปได้มากทีเดียว นานวันไป ในใจของพระชายาฉีฐานะของหวงฝู่อวี้จึงไม่ต่างอะไรไปจากบุตรแท้ๆ คนหนึ่ง พอได้ยินเขามาขอร้องแทนพระชายารอง จึงไม่ได้ตำหนิเขาออกไป ได้แต่ถามเขาไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าท่านแม่ของเจ้าทำผิดสถานใด”
หวงฝู่อวี้ตอบว่า “ลูกไม่รู้ขอรับ แต่อย่างไรนางก็เป็นท่านแม่แท้ๆ ของลูก เห็นนางถูกลงโทษ ใจลูกไม่อาจรับไหวจริงๆ ดังนั้นหากพระมารดาไม่ยินดีมองข้ามโทษในครั้งนี้ของนาง อวี้เอ๋อร์ขอคุกเข่ารับโทษแทนนางได้หรือไม่”
“ไม่ถามเหตุผลก็หุนหันเข้ามาขอร้องแทน ทำเช่นนี้ตัวเจ้าเองก็สมควรถูกลงโทษด้วยเหมือนกัน ไหนเลยยังต้องขอรับโทษแทนนาง” หวงฝู่อี้เซวียนตวาดใส่เขาอย่างรุนแรง
หวงฝู่อวี้สะดุ้งโหยง ตกใจกับความรุนแรงที่ส่งมาจากน้ำเสียงของเขามาก ร่างกายของเขาฉับพลันสั่นระริก เสียงที่พูดออกมาเบาลงไปหลายส่วน พึมพำกล่าวไปว่า “ข้ารู้ว่าท่านแม่คราวนี้คงทำเรื่องผิดพลาดลงไปครั้งใหญ่ แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นเพียงสตรีอ่อนแอ ให้คุกเข่าแบบนี้ต่อไปร่างกายของนางจะทนไหวได้อย่างไร”
หวงฝู่อี้เซวียนอยากจะด่าเขาแรงๆ อีกสักครั้ง
พระชายาฉีกลับหยุดเขาไว้แล้วพูดว่า “อวี้เอ๋อร์ลุกขึ้นก่อน ให้หลิงหลงเข้ามาบอกกล่าวถึงต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้ให้เจ้าฟัง หลังจากฟังจบแล้วเจ้าลองพิจารณาดูว่าพระมารดาผู้นี้ทำถูกหรือไม่”
“ไม่ต้องหรอกขอรับพระมารดา ไม่ว่าจะเป็นเพราะสาเหตุใดคนผิดต้องเป็นท่านแม่ของข้าอย่างไม่ต้องสงสัย อย่างไรก็ตามลูกก็ยังคงอยากขอให้ท่านปล่อยนางไปในครั้งนี้” หวงฝู่อวี้รีบร้อนอ้อนวอน
พระชายาฉีถอนหายใจ “เดิมทีข้าลงโทษนางให้คุกเข่าเป็นเวลาสองชั่วยาม แต่ตอนนี้เวลาเพียงหนึ่งก้านธูปยังไม่ถึงด้วยซ้ำ หากข้าปล่อยให้นางลุกขึ้นในตอนนี้ แล้วสถานะของข้าเล่า ความเกรงขามของข้าเล่า อีกหน่อยข้าจะสั่งการคนในจวนได้อย่างไร จะให้ผู้อื่นเคารพได้อย่างไร”
หวงฝู่อวี้คุกเข่าลงไปอีกครั้ง “พระมารดา เวลาลงโทษที่เหลือลูกเต็มใจคุกเข่าแทนท่านแม่ขอรับ”
“ผู้ใดทำผู้นั้นก็ต้องแบกรับเอาเอง ครั้งนี้แม่เจ้าทำผิดแต่ให้เจ้ามาคุกเข่าแทน หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปถึงหูคนนอกชื่อเสียงของข้ายังจะรักษาอยู่หรือไม่” พระชายาฉีถามออกไปด้วยเสียงนุ่ม
หวงฝู่อวี้โขกศีรษะลงกับพื้นแรงมาก “ขอพระมารดายกโทษให้ท่านแม่ด้วย”
ภายในห้องเงียบลงไปในพริบตา ใช้เวลานานมากทีเดียวกว่าที่พระชายาฉีจะถอนหายใจออกมาแล้วพูดออกไปอย่างหมดหนทางว่า “เห็นแก่หน้าเจ้า ข้าจะลงโทษนางสถานเบาแทนก็แล้วกัน แต่ว่าข้าอนุโลมได้เพียงครั้งนี้เท่านั้น ไม่มีครั้งหน้าอีกแล้ว”
หวงฝู่อวี้โขกศีรษะลงไปอีกครั้งอย่างมีความสุข “ขอบคุณพระมารดา”
พระชายาฉีโบกมือและขึ้นเสียงสั่งการลงไป “เปลี่ยนเวลาลงโทษพระชายารองเฮ่อเป็นคุกเข่าสองก้านธูป”
หลิงหลงรับคำ
พระชายารองเองก็ได้ยินเสียงของพระชายาฉีแล้วด้วยเหมือนกัน นางแอบดีใจอยู่ลึกๆ หลังจากกัดฟันทนผ่านเวลาสองก้านธูปนี้ไป สาวใช้คนสนิทของนางกับหวงฝู่อวี้ก็เข้ามาพยุงนางกลับเรือน และทันทีที่เข้ามาในลานบ้าน นางก็รีบสั่งสาวใช้คนสนิทลงไปทันทีว่า “รีบไปที่จวนเสนาบดี บอกคุณชายใหญ่ไปว่าภายในหนึ่งเดือนนี้ท่านอ๋องสั่งให้ข้าส่งต่ออำนาจในการดูแลจวนออกไป ในช่วงเวลาที่กำหนดให้เขาจัดการเอาเงินมาโปะส่วนที่แหว่งหายไปให้เรียบร้อย”
ภายในห้องของพระชายาฉี เมิ่งเชี่ยนโยวอยู่คุยกับพระชายาฉีต่ออีกสักพัก แต่พอเงยหน้าขึ้นมองสีของท้องฟ้าทางด้านนอกก็พูดออกไปว่า “นี่ก็สายมากแล้ว ข้าสมควรกลับได้แล้ว”
พระชายาฉีตัดใจไม่ลง ยังคงลังเลอยู่หน่อยๆ ก่อนจะพูดว่า “วันนี้เย็นมากแล้วจริงๆ ข้าเองก็ไม่ฝืนบังคับให้เจ้าอยู่ต่อ วันหน้าหากมีเวลาเจ้าต้องเข้ามาเยี่ยมข้าที่จวนบ่อยๆ นะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบด้วยรอยยิ้ม “เรื่องนั้นแน่นอนอยู่แล้วเจ้าค่ะ ข้าจะมาตรวจชีพจรให้พระชายาทุกๆ สองถึงสามวัน จะได้เปลี่ยนใบสั่งยาให้ด้วย”
พระชายาฉียิ้มและพยักหน้าตอบนาง ก่อนจะสั่งให้หวงฝู่อี้เซวียนส่งคนกลับไป
หวงฝู่อี้เซวียนไม่อาจตัดใจส่งเมิ่งเชี่ยนโยวถึงแค่หน้าประตูจวนเท่านั้น จึงพูดออกไปว่า “ให้ข้าส่งเจ้ากลับถึงจวนเถิด”
—————————-