ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] - ตอนที่ 49-1 แผนวางยาพิษ
ผิดกฎหมายอย่างแน่นอน เฮ่อเหลี่ยนถูกนางยอกย้อนเสียจนพูดไม่ออก
ผู้บัญชาการโต้วมองกลุ่มชายร่างกำยำที่ถืออาวุธครบมือแล้วก็ขมวดคิ้ว ถามเสียงดังว่า “คุณชายใหญ่ นี่พวกท่านจะไปที่ใดกันหรือ”
เห็นชัดว่านี่กำลังช่วยคลี่คลายสถานการณ์ให้เขา มีหรือที่คุณชายใหญ่จะไม่เข้าใจ แล้วตอบกลับทันทีว่า “ข้ากำลังจะออกไปทำธุระนอกเมือง ด้วยเกรงว่าในระหว่างที่เดินทางอยู่อาจจะไม่ปลอดภัย จึงให้ลูกน้องพกอาวุธติดตัวออกมาด้วย ถ้าหากไม่เห็นพวกเขาแล้วต้องการจะจับตัว ก็คงจะไม่แสดงอาวุธออกมาให้ชาวบ้านแตกตื่นกันหรอก” พูดจบก็หันไปตำหนิช่ายร่างกำยำที่เหลือว่า “ผู้บัญชาการโต้วอยู่ที่นี่ ยังไม่เก็บอาวุธกันอีก กลับไปอยากโดนลงโทษใช่ไหม”
ชายฉกรรจ์ต่างก็วางอาวุธไว้ข้างหลัง
ผู้บัญชาการโต้วก็หันมาถามกัวเฟยเสียงดังว่า “ยอมรับความจริงมา พวกเจ้าเป็นใคร”
กัวเฟยกำลังจะตอบ ทว่าเฮ่อเหลี่ยนกลับรีบร้อนชี้หน้าเหวินเปียวและคนอื่นว่า “คนผู้นั้นก็คือนายน้อยแห่งสำนักคุ้มภัยเวยหย่วนหยวน มิใช่คนผ่านทางอย่างที่พวกเขาพูด พวกเขามาที่แห่งนี้ในวันนี้ก็เพื่อกลับมาเยี่ยมสำนักคุ้มภัย เผอิญว่าพวกเขากระโดดออกมาจากข้างในพอดี ข้าจึงสังเกตเห็นเข้า หากผู้บัญชาการโต้วไม่เชื่อก็สามารถส่งคนเข้าไปตรวจสอบได้ ในเรือนไร้ผู้อาศัยมานาน จะต้องเหลือรอยเท้าของพวกเขาไว้บ้าง”
ผู้บัญชาการโต้วถามทุกคน “ที่คุณชายใหญ่พูดเป็นความจริงหรือไม่”
เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว คิดจะปฏิเสธก็คงไม่ได้ แต่ถ้าสามารถรอดพ้นได้คนหนึ่งก็ดีกว่าไม่มีใครรอดเลย เหวินเปียวก้าวออกมาข้างหน้า ยอมรับตรงๆ ว่า “ใช่ขอรับ พวกเราสามคนพี่น้องก็คือนายน้อยแห่งสำนักคุ้มภัยเวยหย่วนหยวนจริง เมื่อห้าปีก่อนถูกตัดสินให้เป็นทาสหลวง ส่งไปยังที่ต่างๆ วันนี้มีธุระที่ต้องติดตามนายหญิงมายังเมืองหลวง เกิดยับยั้งความคิดไว้ไม่ได้ นึกอยากจะกลับมาเยี่ยมดูที่จวน แล้วก็เกิดระงับความคิดไว้ไม่ได้อีก จึงได้กระโดดเข้าไป เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนายหญิงเลย ถ้าหากใต้เท้าต้องการสำเร็จโทษประหารชีวิตของพวกเราพวกเราก็ยินยอม แต่ได้โปรดอย่าทำให้นายหญิงของเราต้องเดือดร้อนไปด้วยเลยขอรับ”
เฮ่อเหลี่ยนจึงได้สติกลับคืนมา แล้วกล่าวอย่างถือดีว่า “เป็นไปไม่ได้ เจ้าคิดว่าข้ามองไม่เห็นหรืออย่างไร เห็นอยู่ชัดๆ ว่านางตามพวกเจ้าเข้าไปด้วย ตามกฎหมายของเรา ถึงอย่างไรนางก็หนีความผิดไม่พ้น”
เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่ได้แก้ตัว กล่าวอย่างใจเย็นว่า “ถ้าเช่นนั้นคนรับใช้คนนี้ของข้าล่ะ เขามิได้ตามเข้าไปด้วย เช่นนั้นก็ปล่อยเขาได้ใช่ไหม”
กัวเฟยปฏิบัติตามคำสั่งของหวงฝู่อี้เซวียน ตบหน้าเฮ่อเหลี่ยนถึงสองครั้งต่อหน้าผู้คนมากมาย เฮ่อเหลี่ยนรู้สึกไม่พอใจจากเรื่องนี้มาโดยตลอด วันนี้อุตส่าห์ได้โอกาสทั้งที มีหรือเขาจะยอมปล่อยไปง่ายๆ พูดเสียงหึขึ้นจมูกแล้วกล่าวว่า “พวกเจ้าเข้าไปในสำนักคุ้มภัย เป็นความผิดของเจ้านาย เขาคอยเฝ้าระวังส่งข่าวให้พวกเจ้าอยู่ข้างนอก ก็ถือเป็นความผิด ปล่อยไปไม่ได้เช่นเดียวกัน”
ผู้บัญชาการโต้วกระแอมไอเบาๆ หนึ่งที
เฮ่อเหลี่ยนจึงรู้ตัวว่าตัวเองนั้นออกนอกหน้าเกินไป จึงรีบหันมาถามอย่างประจบประแจงว่า “ผู้บัญชาการโต้ว ท่านว่าข้ากล่าวถูกต้องหรือไม่”
เฮ่อเหลี่ยนเป็นคุณชายใหญ่แห่งจวนเสนาบดี ถึงแม้ตัวเองนั้นจะไม่มีความสามารถอะไร แต่เสนาบดีมีตำแหน่งใหญ่โต อีกทั้งยังมีน้องสาวที่เป็นพระชายารองของจวนอ๋อง แม้ว่าผู้บัญชาการโต้วจะดูแคลนเขามากเพียงใด แต่ก็ต้องไว้หน้าเขาถึงสามส่วน จึงพยักหน้าเห็นด้วย “คุณชายใหญ่กล่าวไว้ไม่มีผิด เป็นเช่นนั้นจริงๆ”
เฮ่อเหลี่ยนมองทุกคนอย่างลำพอง แววตาราวกับจะบอกว่าพวกเจ้าต้องตายแน่ๆ
ผู้บัญชาการโต้วถามเมิ่งเชี่ยนโยวและคนอื่นเสียงดังลั่นว่า “พวกเจ้ามีอะไรจะพูดอีก”
สิ่งที่สมควรพูดก็ได้พูดไปหมดแล้ว ผู้บัญชาการโต้วเป็นคนของกองกำลังปัญจทิศรักษานคร กินข้าวในคลังหลวง มีตำแหน่งเป็นขุนนาง หากทุกคนทำอะไรโดยพลการแล้วละก็ อาจจะถูกเขาจับจุดอ่อนก็เป็นได้ จนถึงขั้นกลายเป็นโทษที่ร้ายแรง จะแก้ต่างอะไรไม่ได้อีก เมิ่งเชี่ยนโยวจึงตอบกลับไปว่า “ไม่มีสิ่งใดต้องพูดอีกแล้วเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นก็ดี” ผู้บัญชาการโต้วโบกมือ สั่งทหารที่อยู่ข้างหลังว่า “คุมตัวพวกเขาไปขังคุก รอเวลาค่อยตรวจสอบและตัดสิน”
ทหารหลายนายเดินเข้ามา ตะคอกให้พวกเขาเดินตามไป
เมิ่งเชี่ยนโยวส่งสายตาเป็นเชิงบอกให้กัวเฟยที่คิดจะขัดขืนว่าอย่าวู่วามทำสิ่งใด
กัวเฟยไร้ทางเลือก จึงเลิกคิดที่จะต่อสู้จนตัวตายเพื่อช่วยให้เมิ่งเชี่ยนโยวหนีไป เดินมาป้องกันเมิ่งเชี่ยนโยวอีกด้านแล้วเดินตามทหารที่เดินนำออกไปก่อน
ผู้บัญชาการโต้วกระโดดขึ้นม้า ถามเฮ่อเหลี่ยนว่า “คุณชายใหญ่ จะออกนอกเมืองไปต่อหรือจะกลับจวน”
“วันนี้โชคร้าย ออกจากบ้านมาก็เจอกับเรื่องเช่นนี้จึงไม่คิดออกไปนอกเมืองแล้ว ข้าจะพาคนรับใช้ที่จงรักภักดีเหล่านี้กลับจวน จัดการศพให้พวกเขาอย่างดีที่สุด” เฮ่อเหลี่ยนตอบอย่างไม่รู้สึกกระดากอาย
ผู้บัญชาการโต้วพยักหน้า “ถ้าเช่นนั้นโต้วโหม่วต้องขอตัวก่อน วันหน้าในตอนที่ตรวจสอบคดีต้องการให้คุณชายใหญ่มาเป็นพยาน ขอคุณชายใหญ่อย่าได้ปฏิเสธ”
“ต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว” เฮ่อเหลี่ยนกล่าวอย่างประจบสอพลอหน้าไม่อายว่า “เพียงผู้บัญชาการโต้วต้องการเฮ่อเหลี่ยนให้ช่วยยามใด เฮ่อเหลี่ยนจะมาถึงทันทีที่เรียกหา”
ผู้บัญชาการโต้วพยักหน้า กล่าวอย่างเกรงใจอีกหนึ่งประโยคแล้วก็ควบม้าตามหลังขบวนไป
ในตอนที่เหวินเปียวเดินผ่านหน้าประตูบ้านของพี่หลี่นั้น จู่ๆ ก็หยุดชะงัก แล้วหันกลับไปถามด้วยน้ำเสียงที่จงใจพูดให้ดังขึ้นว่า “นายท่าน ม้าของพวกเราไม่มีความผิดใช่หรือไม่ ขอให้ท่านช่วยส่งกลับร้านบะหมี่มันฝรั่งที่อยู่ตรงข้ามเหลาจวี้เสียนด้วยเถิดขอรับ”
ทหารที่คุมตัวเขาผลักเขาทีหนึ่ง แล้วตะคอกขึ้นว่า “ชีวิตของพวกเจ้ายังไม่รู้ว่าจะรักษาไว้ได้หรือไม่ ยังมีหน้าไปเป็นห่วงม้าอีก รีบเดินเร็วเข้า!”
เหวินเปียวหมุนร่างมองเข้าไปในบ้านของพี่หลี่แวบหนึ่ง จากนั้นก็เดินตามเหล่าทหารไป
เฮ่อเหลี่ยนหรี่ตามองผู้บัญชาการโต้วที่คุมตัวพวกเขาออกไปไกลแล้ว สั่งชายฉกรรจ์คนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ ว่า “ไปดูหน่อยสิ พวกเขาถูกคุมตัวไปที่ใด แล้วรีบกลับมารายงานข้า”
ชายฉกรรจ์รับคำสั่งแล้วก็รีบวิ่งตามไป
เฮ่อเหลี่ยนหันกลับไปมองชายฉกรรจ์ทั้งที่ตายไปแล้วและทั้งที่ยังร้องโอดครวญด้วยสายตารังเกียจ แล้วสั่งคนที่เหลือว่า “โยนพวกเขาทิ้งไว้ที่สุสานอนาถา จะเป็นหรือตายแล้วแต่ชะตาฟ้าลิขิต”
ชายฉกรรจ์ที่เหลือต่างก็ตกตะลึง คนหนึ่งชี้ไปที่ชายฉกรรจ์หลายคนที่ร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดอยู่ แล้วกล่าวหยั่งเชิงว่า “คุณชายใหญ่ขอรับ บาดแผลของพวกเขายังไม่ถือว่าสาหัส หาหมอมารักษาให้พวกเขา ไม่นานก็หายดีแล้ว”
เฮ่อเหลี่ยนลืมท่าทางอันน่าสมเพชของตัวเองไปจนสิ้นแล้ว ส่งเสียงหึขึ้นจมูกแล้วกล่าวว่า “เศษสวะไร้ประโยชน์ แค่หญิงชั้นต่ำคนเดียวก็ต่อกรไม่ได้ เก็บพวกเขาไว้จะมีประโยชน์อะไร” พูดจบก็โบกมือด้วยความรังเกียจ “รีบเอาไปโดยเร็ว ข้าจะรำคาญใจเสียก่อน”
ชายฉกรรจ์มองหน้ากันไปมา ต่างก็มองเห็นความขมขื่นในสายตาของกันและกัน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ทำได้แค่เดินเข้าไป มีคนเอารถม้าเข้ามา แล้วก็ขนคนเข้าไปไว้ในรถม้า แล้วก็เดินออกไปยังสุสานอนาถาด้วยความรู้สึกที่หดหู่
เฮ่อเหลี่ยนไม่ได้สังเกตเห็นอารมณ์ความรู้สึกของพวกเขา แล้วสั่งคนที่เหลือว่า “ไป พวกเรากลับไปรอฟังข่าวที่จวน”
รอจนกระทั่งทุกคนไปกันหมดแล้ว พี่หลี่ถึงกล้าเดินออกมาจากบ้าน กวาดตามองไปรอบๆ พอเห็นว่าไม่มีคนแล้วก็รีบวิ่งไปยังทิศทิศทางของเหลาจวี้เสียนทันที
ผู้บัญชาการโต้วจับเมิ่งเชี่ยนโยวและคนอื่นคุมขังไว้ในคุก กล่าวกับผู้ดูแลที่คุมขังว่า “คนเหล่านี้กล้าละเลยกฎหมาย ลักลอบเข้าไปในจวนที่ถูกอายัดไว้ อีกทั้งยังเข่นฆ่าและทำร้ายร่างกายคนของคุณชายใหญ่บุตรของใต้เท้า พวกเจ้าเอาพวกเขาไปขังไว้ในคุกก่อน รอสักระยะค่อยสืบสวนอีกครั้ง”
พอได้ยินว่าฆ่าคนของเฮ่อเหลี่ยน ผู้ดูแลที่คุมขังก็รู้ดีว่าทุกคนต้องมีจุดจบที่ไม่ดีเป็นแน่ หลังจากที่รับคำสั่งอย่างนอบน้อมแล้วก็หันมาตะโกนขับไล่ทุกคนให้เข้าไปในคุก “พวกเจ้านี่ก็ช่างไม่รู้ว่าสิ่งใดควรไม่ควร กล้าฆ่าคนของคุณชายใหญ่ รอรับโทษไปเถอะ”
ทุกคนไม่ได้พูดอะไร
ผู้ดูแลที่คุมขังแยกทุกคนไปขังไว้ในห้องขังสองห้อง ห้องหนึ่งด้านซ้าย อีกห้องอยู่ด้านขวา พอปิดประตูเรียบร้อยแล้วก็บ่นพึมพำอีกหลายคำ จากนั้นก็หมุนตัวเดินจากไป