ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] - ตอนที่ 64-1 เปาชิงเหอดีใจหน้าบาน
ว่าแล้ว ซุนฮุ่ยก็รีบเดินเข้ามา หมายจะถอดฉางมิ่งสั่วที่คล้องคอม่อเอ๋อร์ออก
เมิ่งเชี่ยนโยวรีบยื่นมือเข้าไปขวางนาง รอยยิ้มบนใบหน้าจางหาย ถามอย่างไม่ยินดี “พี่ฮุ่ยเอ๋อร์จะไม่ไว้หน้าข้าหรือ”
ซุนฮุ่ยลนลานโบกมือ น้ำเสียงร้อนรน “น้องโยวเอ๋อร์ เจ้าอย่าเข้าใจผิด แต่ของขวัญของเจ้าสูงค่าเกินไป พวกเราไม่เหมาะจะรับไว้”
เมิ่งเชี่ยนโยวชักน้ำเสียงเข้ม “ข้าเป็นอาของม่อเอ๋อร์ ซื้อของขวัญให้เขาก็สมควรแล้ว พี่ฮุ่ยเอ๋อร์บอกข้าหน่อยว่ามีตรงไหนไม่เหมาะสม”
ซุนฮุ่ยเริ่มพูดละล่ำละลัก “ข้าไม่ได้บอกว่าเจ้าซื้อของขวัญให้ม่อเอ๋อร์ไม่เหมาะสม แต่การที่เจ้าซื้อของขวัญสูงค่าให้เขาเช่นนี้ต่างหากที่ไม่เหมาะสม”
“สูงค่าหรือ ข้าไม่เห็นรู้สึกเลย แค่รู้สึกว่าสวยดีก็เลยซื้อมา” ว่าแล้วก็เข้าไปดึงม่อเอ๋อร์เข้ามา ให้เขาอิงแอบอยู่ในอ้อมอกตนเอง ถามด้วยน้ำเสียงละมุนอีกครั้ง “ม่อเอ๋อร์ชอบของขวัญที่อาให้หรือไม่”
ม่อเอ๋อร์ใช้มือกระจิริดกำฉางมิ่งสั่วไว้แน่น แหงนหน้ามองซุนฮุ่ยไม่ตอบอะไรอย่างรู้ความ
เมิ่งเชี่ยนโยวตัดพ้อซุนฮุ่ย “เจ้าดูเถิด ทำเด็กตกใจหมดแล้ว” ว่าแล้วก็อุ้มม่อเอ๋อร์ ลุกขึ้นเดินไปนั่งบนเก้าอี้
ซุนฮุ่ยคิดจะพูดอีก เปาชิงเหอก็ชิงพูดขึ้นก่อน “แม่นางเมิ่งไม่ใช่คนอื่น เมื่อนางซื้อของให้ม่อเอ๋อร์ก็รับไว้เถอะ”
พูดจบ ก็หันไปส่งสายตาให้ฮูหยินเปา
ฮูหยินเปาเข้าใจพลัน รู้ว่าเขามีความคิดจะคืนน้ำใจนี้กลับไป จึงยิ้มพูดว่า “นั่นสิ ฮุ่ยเอ๋อร์ นี่เป็นน้ำใจจากแม่นางเมิ่ง เจ้าอย่าปฏิเสธอีกเลย”
ซุนฮุ่ยเห็นฮูหยินเปาที่อยู่ๆ ก็เห็นดีเห็นงามด้วย มองนางด้วยความกังขา
ฮูหยินเปากะพริบตาให้นาง ซุนฮุ่ยแม้จะไม่เข้าใจว่าหมายความว่าอะไร กลับเอ่ยปากพูดกับม่อเอ๋อร์อย่างจนใจ “ม่อเอ๋อร์ รีบขอบคุณท่านอา”
ม่อเอ๋อร์เห็นว่ามารดายอมตกลงแล้ว มือน้อยยิ่งกำฉางมิ่งสั่วแน่นขึ้น ใบหน้าขาวลออเผยรอยยิ้มเจิดจ้า เอ่ยวาจาด้วยน้ำเสียงใสกังวาน “ขอบคุณท่านอา”
ตนเองในอดีตชาติเมื่ออายุได้ห้าขวบ ก็ถูกองค์กรจับตัวไป เริ่มต้นการฝึกซ้อมอย่างเ**้ยมโหดต่างๆ นานา ไม่เคยได้มีความสุขในช่วงเยาว์วัย ดังนั้นในชาตินี้ เมิ่งเชี่ยนโยวจึงมีความรู้สึกกับเด็กเป็นพิเศษ เห็นม่อเอ๋อร์น่ารักรู้ความ หากไม่เพราะไม่ถูกกาลเทศะ นางคงจับเขากอดหอมสักฟอดไปแล้ว แต่ทำได้เพียงก้มหน้าพูดอย่างอ่อนโยน “เด็กดี ไม่ต้องขอบใจดอก”
ฮูหยินเปากวักมือเรียกม่อเอ๋อร์ “มาหาย่านี่เร็ว”
ม่อเอ๋อร์ขยับตัวออกจากอ้อมอกเมิ่งเชี่ยนโยว วิ่งเข้าไปหาฮูหยินเปา
ฮูหยินเปาลุกขึ้น จูงมือม่อเอ๋อร์ ยิ้มพูดว่า “พวกเจ้ามีเรื่องสำคัญต้องพูดคุย ข้าและฮุ่ยเอ๋อร์จะพาเขาออกไปเดินเล่น”
เปาชิงเหอเห็นพวกเขาสามคนออกไปแล้ว พูดว่า “เมื่อวานข้าให้คนสืบถามมาแล้ว เงินค่าแรงของคนงานที่นี่คือวันละแปดสิบอีแปะ ตอนเที่ยงพวกเขาจะพกอาหารแห้งมาเอง พวกเราเพียงเตรียมน้ำร้อนไว้ให้พวกเขาก็พอ”
คนงานที่บ้านนอกยังวันละห้าสิบอีแปะ เมืองที่ค่าครองชีพสูงอย่างเมืองหลวง แปดสิบอีแปะถือว่าไม่สูงแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ค่าแรงไม่สูงมาก แต่ตอนเที่ยงได้กินเพียงอาหารแห้ง ตอนบ่ายจะมีแรงได้อย่างไร เอาอย่างนี้เถอะ พวกเราจะหาแม่ครัวสักคน ให้มาทำอาหารเที่ยงให้พวกเขา ค่าแรงของแม่ครัวจะให้ครึ่งเดียว ก็คือสี่สิบอีแปะก็พอเจ้าค่ะ”
เปาชิงเหอไม่มีความรู้เรื่องการค้า เมื่อเมิ่งเชี่ยนโยวพูดเช่นนี้ จะต้องใคร่ครวญมาแล้ว จึงพูดว่า “เรื่องนี้พวกเจ้าจัดการก็พอ เจ้ายังมีอะไรต้องการให้ข้าช่วยอีกหรือไม่”
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “ตอนนี้ยังไม่มี ข้ากับพี่รองจะไปโรงงาน รวบรวมคนงาน ซ่อมแซมหลังคาที่รั่วให้เรียบร้อยก่อน ค่อยว่ากันเจ้าค่ะ”
เปาชิงเหอลุกขึ้น “ข้าจะไปกับเจ้าด้วย เลี่ยงไม่ให้เกิดการแย่งชิงการทำงาน พวกเจ้าจะบาดเจ็บเอาได้”
เมื่อวานภาพที่พวกเขาถูกล้อมไว้ตรงกลางก็เห็นๆ อยู่ เมิ่งเชี่ยนโยวจึงไม่ปฏิเสธ ลุกขึ้นพร้อมเมิ่งฉี แล้วมุ่งหน้าไปโรงงานด้วยกัน
กลุ่มคนเมื่อวานมารอหน้าประตูโรงงานแล้ว พอเห็นพวกเขาสามคนเข้ามา ก็รีบโค้งตัวพยักหน้า ร้องเรียกอย่างอ่อนน้อม “ใต้เท้า นายหญิง”
เปาชิงเหอผงกศีรษะ
คนทั้งหมดเปิดทางออก เมิ่งฉีหยิบกุญแจออกมาไขประตูโรงงาน เปิดให้คนทั้งหมดเข้าไปด้านใน
เมิ่งฉีนำคนทั้งหมดเดินวนรอบโรงงานหนึ่งรอบ ชี้บริเวณที่รั่วซึมถามพวกเขาว่าจะซ่อมอย่างไร ต้องใช้อะไรบ้าง
คนงานตรวจดูอย่างละเอียด เห็นว่ามีเพียงหลังคาที่มีการรั่วซึม จึงประเมินแล้วพูดว่า “นายท่าน รูรั่วบนหลังคาไม่ถือว่ารุนแรง วิธีที่ประหยัดที่สุดก็คือใช้ฟางข้าวมาปูทับเป็นชั้นๆ ก็ได้แล้วขอรับ”
เมิ่งฉีส่ายหน้า “ใช้ฟางข้าวไม่ได้ หากหิมะตกในฤดูหนาว น้ำหิมะจะไหลเข้ามาได้ ถึงตอนนั้นจะส่งผลกระทบต่อคนงานที่ทำงานภายใน”
คนงานคนหนึ่งลองเอ่ยปากพูดว่า “หากจะไม่ให้มีน้ำฝนไหลซึม ก็พอกดินเลนหนาๆ บนฟางข้าวอีกชั้นก็ได้ขอรับ”
ไม่แปลกที่คนงานจะคิดวิธีนี้ได้ เพราะบ้านพวกเขาเองก็สร้างขึ้นมาเช่นนี้ ทั้งประหยัดเวลาและประหยัดเงิน
เมิ่งฉียังคงส่ายหน้า พูดกับคนงาน “พวกเจ้าลองขึ้นไปดูว่า วัสดุดั้งเดิมของหลังคาคืออะไร ตอนนี้ใช้วัสดุชนิดไหน”
คนงานไม่ต้องขึ้นไปดูก็รู้ว่าใช้กระเบื้อง แต่นายท่านสั่งการแล้ว คนงานจึงต้องไปหาบันไดมาปีนขึ้นไป ตรวจดูบริเวณที่รั่วซึมอย่างระมัดระวัง แล้วตะโกนบอกเมิ่งฉีจากด้านบน “นายท่าน หากยังจะใช้กระเบื้อง จะต้องใช้จำนวนมากอยู่ขอรับ”
เมิ่งฉีแหงนหน้า เปล่งเสียงตอบกลับ “พวกเจ้าตรวจดูรอยรั่วทั้งหมด แล้วคำนวณคร่าวๆ ว่าต้องใช้กระเบื้องเท่าใด ข้าจะให้คนไปซื้อ”
เปาชิงเหอยืนอยู่อีกด้านข้างๆ เมิ่งเชี่ยนโยว ได้ยินพวกเขาพูดกัน จึงพูดว่า “แม่นางเมิ่งเพิ่งมาถึงได้ไม่นาน ยังไม่คุ้นเคยกับเมืองหลวงดี ให้ข้าสั่งบ่าวที่คล่องแคล่วช่วยพวกเจ้าเถอะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวเองก็คิดถึงปัญหาข้อนี้ อยู่ๆ เปาชิงเหอก็หยิบยื่นให้ ดีใจกล่าวขอบคุณ “ข้ากำลังกลัดกลุ้มใจเพราะเรื่องนี้อยู่พอดี ใต้เท้าเปาคิดแทนข้าแล้ว ขอบคุณท่านจริงๆ”
เปาชิงเหอโบกมือ “ไยต้องเกรงใจ เจ้าเปิดโรงงานได้เร็วขึ้นหนึ่งวัน คนที่รอทำงานก็จะหาเงินได้เร็วขึ้นหนึ่งวัน บางทีอาจจะไม่ต้องขายลูกกินแล้ว”
“เมืองฝั่งเหนือมีขุนนางดีเช่นท่านปกครองดูแล ถือว่าเป็นโชคดีของพวกเขาแล้วเจ้าค่ะ” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
เปาชิงเหอถอนใจส่ายหน้า “สตรีไร้ข้าวสารไม่อาจหุงข้าวได้ ข้าก็แค่มีใจแต่ไร้กำลัง สี่ปีมานี้ ข้าคิดหาวิธีนับไม่ถ้วน ก็ไม่อาจแก้ปัญหาความยากแค้นของชาวเมืองได้ บัดนี้ เจ้าจะมาเปิดโรงงาน ต่อให้รับสมัครคนงานแค่หนึ่งหรือสองร้อยคน ก็คือว่าได้ขจัดปัญหาใหญ่ไปได้ อีกทั้งมีหนึ่งย่อมมีสอง บางทีเพราะการขับเคลื่อนของเจ้า ภายหน้าก็อาจจะมีคนไม่น้อยเข้ามาเปิดโรงงานในเมืองฝั่งเหนือก็เป็นได้ ไม่แน่ว่าถึงตอนนั้นชาวเมืองฝั่งเมืองจะได้มีงานทำทุกคน ไม่ต้องอดยากอีก”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าหงึก “ขอเพียงใต้เท้าเปายังอยู่เมืองฝั่งเหนือนี้ จะต้องมีวันนั้นแน่ๆ เจ้าค่ะ”
เปาชิงเหอได้ยินวาจานางให้นึกครึ้มใจ หัวเราะร่วนพูดว่า “แม่นางเมิ่งช่างจำนรรจานัก หวังให้วันนั้นมาถึงโดยไวเถอะ” ว่าแล้วก็พูดขึ้นว่า “เจ้าส่งคนของเจ้ากลับไปบอกพ่อบ้าน ให้เขาส่งบ่าวที่คล่องแคล่วเข้ามา”
เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งชิงหลวน “เข้ากลับไปหาพ่อบ้าน นำคำของใต้เท้าเปาแจ้งแก่เขา”
ชิงหลวนรับคำ หมุนตัวเร่งฝีเท้าเดินออกไป
ไม่นานก็นำบ่าวนายหนึ่งกลับมา
บ่าวเดินมาตรงหน้าเปาชิงเหอ ขานเรียกอย่างพินอบพิเทา “ท่านใต้เท้า!”
เปาชิงเหอสั่งการเขา “ช่วงสองสามวันนี้ ให้เจ้าคอยอยู่โรงงาน ดูว่าแม่นางเมิ่งต้องการสิ่งใด เจ้าจงไปจัดการเรื่องแทนนาง”
บ่าวขานรับคำ หันไปทำความเคารพเมิ่งเชี่ยนโยว “แม่นางเมิ่ง”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “ช่วงเวลานี้ต้องรบกวนเจ้าแล้ว”
บ่าวรีบร้อนโบกมือ “แม่นางเมิ่งเกรงใจไปแล้ว การได้ช่วยแม่นางเมิ่ง เป็นเกียรติของผู้น้อยแล้วขอรับ”
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นเขาพูดจาเรียบร้อย มีความคล่องแคล่วกระตือรือร้น พยักหน้าพึงพอใจ