ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] - ตอนที่ 87 ฟื้นขึ้นมา
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “ไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่ถูกทำร้ายจนเป็นแบบนั้น”
ฉู่เหวินเจี๋ยยิ่งให้ขมวดคิ้วหนัก พูดว่า “พูดให้ชัดเจนกว่านี้”
เมิ่งเชี่ยนโยวจึงเล่าเรื่องหลังจากที่ตนเองมาถึงเมืองหลวง ได้ยินเรื่องที่ฮูหยินเหวินซื่อตั้งครรภ์ กลับคลอดทารกตายออกมา และเรื่องที่ตนเองจับชีพจรให้นางพบพิษตกค้างในร่างกาย จึงคิดว่ามีคนทำร้ายนาง
ฉู่เหวินเจี๋ยฟังจบ น้ำเสียงโกรธแค้น “สมองของเหวินซื่อมีแต่ข้าวเปล่าหรือไร ก่อนข้าไปชายแดนได้กำชับเขาแล้ว ให้รู้จักระวังภัยให้มาก เขาเห็นคำพูดข้าเป็นเพียงลมผ่านหูเรอะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “เขานะ จิตใจดีเกินไป นึกว่าพอนายท่านใหญ่ขับไล่น้องชายออกไปจากบ้าน จากบันทึกสกุล ทั้งให้แม่เลี้ยงเขาเก็บตัวสำนึกความผิดเรื่องก็จะจบ โดยไม่รู้เลยว่า พวกเขาละโมบมักใหญ่ จะยอมรามือง่ายๆ ได้อย่างไร เพียงแค่เปลี่ยนมาใช้แผนที่เคยทำจากที่แจ้งเป็นที่ลับก็เท่านั้น”
ฉู่เหวินเจี๋ยพยักหน้า พูดว่า “กองทัพของข้าจะมาถึงเมืองหลวงในอีกห้าวัน ถึงตอนนั้นข้าจะปรากฏตัวพร้อมกับกองทัพต่อหน้าคนทั้งหมด และเมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ข้าจะส่งคนไปหาเหวินซื่อทันที”
เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “ไม่ต้องแล้ว ข้าเตรียมจะส่งองครักษ์หลวงจำนวนหนึ่งไปปกป้องเขา ทั้งช่วยเขาสืบหาที่หลบซ่อนของน้องชายเขาด้วย สำหรับอาซ้อนั้น พระชายาอ๋องฉีมอบองครักษ์เงาให้ข้าสองนาง ข้าจะส่งไปคอยคุ้มครองนางหนึ่งคน”
ฉู่เหวินเจี๋ยได้ฟังถามขึ้น “พี่สาวข้ามอบองครักษ์เงาให้เจ้าสองนาง เจ้าเล่า เจ้าจะไม่มีคนคอยคุ้มกันข้างกายได้อย่างไร”
เมิ่งเชี่ยนโยวกำลังจะตอบ เสียงพ่อบ้านก็ดังขึ้นจากด้านนอก “นายท่าน ต้มโสมเสร็จแล้ว ให้ยกเข้ามาตอนนี้เลยไหมขอรับ”
เปาชิงเหอหันมองเมิ่งเชี่ยนโยว
เมิ่งเชี่ยนโยวเปล่งเสียงพูด “ยกเข้ามาเถอะ”
พ่อบ้านรับคำ ยกซุปโสมคนชามใหญ่เข้ามา
เมิ่งเชี่ยนโยวมองดู พูดว่า “นี่เป็นโสมอายุร้อยปี ฤทธิ์ยารุนแรง ตอนนี้คุณชายเปาร่างกายอ่อนแอ หากดื่มลงไปทั้งหมดจะไม่เป็นประโยชน์กับร่างกายเขา ท่านไปนำถ้วยมาอีก แบ่งเป็นสามส่วน แล้วป้อนให้เขากินสามวัน”
พ่อบ้านวางถาดลงบนโต๊ะ หันหลังออกไป ไม่นานก็ยกถ้วยเล็กเดินเข้ามา ทำตามที่เมิ่งเชี่ยนโยวบอกเทแบ่งออกมาใส่ถ้วยเล็ก
เมิ่งเชี่ยนโยวและฉู่เหวินเจี๋ยยังใช้วิธีเดิม ป้อนซุปโสมคนให้เปาอีฝาน
ท้องฟ้าด้านนอกเริ่มสว่างแล้ว
ฮูหยินเปาและซุนฮุ่ยที่ไม่ได้นอนทั้งคืนทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ต่างประคองกันและกันเดินออกมา เพิ่งจะพ้นประตูเข้ามา ก็ถามอย่างร้อนใจ “ฝานเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง”
“ขจัดพิษได้แล้ว ทั้งรีดเลือดพิษออกไปแล้ว เพียงแต่เขาเสียเลือดมาก ร่างกายรับไม่ไหว จึงสลบไป หากวันนี้เขาฟื้น ก็จะพ้นขีดอันตราย หากเขาไม่ฟื้น…”
คำพูดหลังจากนั้นแม้เมิ่งเชี่ยนโยวจะไม่ได้พูดออกมา ฮูหยินเปาก็รู้ว่านางจะพูดอะไร น้ำตาไหลรินพรั่งพรูอีกครั้ง ฮูหยินเปาเดินโงนๆ เงนๆ ไปข้างเตียง มองเปาอีฝานที่หลับตาสนิท นอนใบหน้าขาวซีด ราวกับคนที่ตายไปแล้ว นางฝืนต่อไปไม่ไหว ปิดเปลือกตาลง ตัวอ่อนสลบล้มพับเข้าหาร่างซุนฮุ่ยทันที
“ท่านแม่!” ซุนฮุ่ยกอดนางไว้ ร้องเรียกเสียงหลง
เปาชิงเหอตกใจปล่อยมือเปาอีฝาน ตะโกนเสียงแหบ “ฮูหยิน เจ้าเป็นอะไร”
เมิ่งเชี่ยนโยวและฉู่เหวินเจี๋ยก็ตกใจลุกขึ้นยืน
เปาชิงเหอและซุนฮุ่ยประคองฮูหยินเปามานั่งบนเก้าอี้
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้ามา วางมือนางลงบนโต๊ะ จับชีพจรให้นาง ครู่หนึ่งถึงโล่งใจพูดว่า “ด้วยเสียใจมากเกินไป ทั้งไม่ได้พักผ่อนเต็มที่ ทำให้สลบไป ไม่ได้เป็นอะไรมาก ไม่ต้องกินยา ประคองท่านป้าไปนอนที่ห้องก็พอเจ้าค่ะ”
เปาชิงเหอและซุนฮุ่ยถึงวางใจลง ทั้งสองประคองฮูหยินเปาเดินออกไป
ด้านหลังกลับมีเสียงแผ่วของเปาอีฝานดังขึ้น “ท่านแม่!”
เปาชิงเหอและซุนฮุ่ยหยุดกึก หันกลับไปมองที่เตียงอย่างไม่เชื่อ
เมิ่งเชี่ยนโยวและฉู่เหวินเจี๋ยก็ตกตะลึงยินดี หันไปมองเปาอีฝานพร้อมกัน
เห็นเปาอีฝานลืมตาขึ้น กำลังมองตรงไปที่ฮูหยินเปา
ซุนฮุ่ยน้ำตาไหลพรั่งพรู ร้องไห้ไร้เส้นเสียง
เปาชิงเหอก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป หยดน้ำตาไหลทะลักออกมา
ฉู่เหวินเจี๋ยที่ไม่เคยยิ้มแย้มก็แสยะยิ้มออกมา
เมิ่งเชี่ยนโยวแย้มยิ้มเบิกบาน น้ำเสียงหยอกเย้า “เปาอีฝาน เสียงของท่านดังเสียงสวรรค์โดยแท้ ข้าไม่เคยได้ยินเสียงที่ไพเราะเช่นนี้มาก่อน”
“ท่านแม่ข้าเป็นอะไร” เปาอีฝานเอ่ยปากอย่างยากเข็ญ ถามอย่างอ่อนแรง
เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งลงบนม้านั่งข้างเตียง วางมือลงบนจุดชีพจรเขา จับชีพจรให้เขาแล้วตอบว่า “ท่านป้าไม่เป็นอะไรมาก นอนสักตื่นก็หาย”
เปาอีฝานวางใจลง เก็บคืนแววตาที่มองฮูหยินเปา หันมายิ้มอ่อนให้เมิ่งเชี่ยนโยว พูดว่า “ข้าได้ยินแล้ว เจ้าบอกจะยุให้ฮุ่ยเอ๋อร์แต่งงานใหม่ พอข้าหายดี จะต้องคิดบัญชีกับเจ้า”
เปาอีฝานฟื้นแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวผ่อนคลายลงไม่น้อย จึงแหย่เย้าเขากลับ “แน่จริงท่านก็ลุกขึ้นมาคิดบัญชีกับข้าตอนนี้สิ ข้าใช้แค่นิ้วเดียวก็กำราบท่านได้แล้ว”
เปาชิงเหอและซุนฮุ่ยประคองฮูหยินเปามานั่งบนเก้าอี้ เปาชิงเหอรีบเดินมาหาเขา ริมฝีปากสั่นระริกร้องเรียก “ฝานเอ๋อร์!”
เปาอีฝานยิ้มอย่างรู้สึกผิด “ท่านพ่อ ทำให้ท่านเป็นห่วงแล้ว”
เปาชิงเหอน้ำตาไหลอาบแก้ม พูดเพียงว่า “ฟื้นก็ดีแล้ว ฟื้นก็ดีแล้ว”
ซุนฮุ่ยคอยประคองฮูหยินเปาที่สลบไสล ไม่ได้เดินเข้ามา
เปาอีฝานเบนสายตามองไปที่นาง
ซุนฮุ่ยน้ำตาไหลยิ้มตอบเขา
เปาอีฝานเผยอปากจะพูดบางอย่าง
เมิ่งเชี่ยนโยวตัดบทเขา “พอแล้วๆ อย่าทำเหมือนจะลาตายได้ไหม จะบอกให้นะ ตัวหายนะอย่างเจ้าแม้แต่มัจจุราชยังไม่อยากได้ ถึงให้ผีน้อยพาเจ้าส่งกลับมา”
เปาอีฝานถลึงตาใส่นางอย่างไม่พอใจ
“เหอะ” เมิ่งเชี่ยนโยวส่งเสียงประหลาด “เจ้าเพิ่งจะฟื้นก็กล้าถลึงตาใส่ข้าแล้ว ข้าวางมือไม่สนใจเจ้าดีไหม ให้เจ้านอนจะตายมิตายแหล่เช่นนี้ไป”
ซุนฮุ่ยพ่นหัวเราะ
เปาชิงเหอก็แย้มยิ้มสรวล
ฉู่เหวินเจี๋ยดึงมุมปาก
เปาอีฝานเก็บคืนสายตา มองนางอย่างประจบ
เมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้น พูดใหญ่โตกับซุนฮุ่ย “พี่ฮุ่ยเอ๋อร์ ท่านรีบพาท่านป้ากลับไปที่ห้อง แล้วกลับมาดูสามีท่านเถอะ คาดว่าเขาจะมีเรื่องมากมายจะพูดกับท่าน ท่านไม่เห็นเมื่อครู่พอข้าตัดบทเขา สายตาที่เขาจ้องมองข้า คับแค้นจนอยากจะกินข้าเข้าไปเทียว”
ซุนฮุ่ยหน้าแดงเขิน ก้มหน้า พยายามประคองฮูหยินเปาขึ้น
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้าช่วยนางอีกแรง ทั้งสองประคองฮูหยินเปาขึ้น
เมิ่งเชี่ยนโยวประคองไปพลางพูดว่า “เมื่อคนฟื้นแล้ว ก็ไม่มีอะไรต้องห่วงอีก ทุกคนวางใจเถอะ แต่ว่า ตอนนี้เขายังอ่อนแอ ประเดี๋ยวก็จะหลับไปอีก พวกท่านไม่ต้องเป็นกังวล เมื่อเขาฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ก็จะไม่เป็นอะไรแล้วเจ้าค่ะ”
ทั้งสองประคองฮูหยินเปาเดินออกไป ภายในห้องเหลือเพียงฉู่เหวินเจี๋ย เปาชิงเหอและเปาอีฝานสามคน
เปาชิงเหอพูดกับฉู่เหวินเจี๋ยอย่างอ่อนน้อม “ท่านแม่ทัพ ฝานเอ๋อร์ฟื้นแล้ว ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง ท่านเองก็กลับไปพักผ่อนให้เต็มที่เถอะ”
ไม่ได้พักผ่อนมาหลายวัน ฉู่เหวินเจี๋ยเองก็เป็นดั่งธนูที่ลอยมาถึงสุดขอบแล้ว ได้ยินดังนั้นก็ไม่เกรงใจ พยักหน้าพูดว่า “ได้ ข้าจะไปพักผ่อนก่อน หากเกิดเรื่องกับรองแม่ทัพเปา ท่านรีบให้คนไปตามข้าทันที”
เปาชิงเหอน้อมคำนับส่งเขามาถึงหน้าประตู สั่งพ่อบ้านให้พาฉู่เหวินเจี๋ยไปห้องพักแขก
เปาชิงเหอมองพ่อบ้านพาฉู่เหวินเจี๋ยเดินออกไปไกล ถึงกลับมานั่งข้างเตียงเปาอีฝาน
เปาอีฝานเริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว พูดอย่างอ่อนแรง “ท่านพ่อ ข้าขอนอนต่ออีกหน่อย”
เปาชิงเหอพยักหน้า ยัดริมผ้านวมให้เขา “นอนเถอะ พ่อจะอยู่เฝ้าเจ้าเอง”
เปาอีฝานหลับตาลง ไม่นานก็หลับสนิทไป
เปาอีฝานมองดูหน้าอกที่กระเพื่อมขึ้นลง หัวใจที่ลอยเคว้งมาตลอดทั้งคืนกลับสู่ที่เดิม
เมิ่งเชี่ยนโยวและซุนฮุ่ยประคองฮูหยินเปากลับมานอนในห้อง ซุนฮุ่ยเบี่ยงหน้าจะเดินกลับไปเรือนตนเองทันที เมิ่งเชี่ยนโยวรั้งนางไว้ พูดหยอกเย้า “พี่ฮุ่ยเอ๋อร์ อย่างไรข้าก็เป็นผู้มีคุณที่ช่วยชีวิตสามีท่าน เหน็ดเหนื่อยมาค่อนคืน ท่านควรจะหาที่หาทางให้ข้าได้พักก่อนหรือไม่”
ซุนฮุ่ยหน้าแดงฝาด พาเมิ่งเชี่ยนโยวมาห้องรับแขกด้วยตนเอง เปิดประตูออก เดินเข้ามา ปูผ้าเตียงให้นางกับมือ
เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งมองอย่างสบายอารมณ์ พอนางทำเสร็จ ถึงพูดว่า “ข้าสั่งบ่าวไปต้มยาแล้ว ท่านจงป้อนยาให้คุณชายเปาดื่มทุกสองชั่วยาม อย่าให้เขามีไข้เด็ดขาด ด้วยสภาพร่างกายเขาตอนนี้ หากมีไข้จะยุ่งยาก”
ซุนฮุ่ยพยักหน้าจดจำไว้
“อีกอย่าง” เมิ่งเชี่ยนโยวพูดต่อ “ท่านให้บ่าวต้มโจ๊กไว้ พอเขาฟื้นอีกครั้ง ท่านก็ป้อนให้เขากิน”
ซุนฮุ่ยพยักหน้า เมิ่งเชี่ยนโยวพูดแหย่เย้านาง “ข้ารู้ว่าใจท่านลอยไปอยู่ที่คุณชายเปาแล้ว แต่เรื่องที่ข้ากำชับ ท่านต้องจำให้ขึ้นใจ โดยเฉพาะยาลดไข้ ห้ามลืมเด็ดขาด”
ซุนฮุ่ยพยักหน้ารับหน้าแดงก่ำ พูดเสียงเบา “ข้ารู้แล้ว”
“ไม่ถ่วงเวลาท่านแล้ว ท่านรีบไปเถอะ บอกสาวใช้ข้าด้วยว่าข้าอยู่ที่นี่” เมิ่งเชี่ยนโยวพูดเป็นอย่างสุดท้าย
ซุนฮุ่ยพยักหน้า หันหลังก้าวฉับๆ ออกไปทันที
เมิ่งเชี่ยนโยวยกยิ้มส่ายหน้า เดินมาข้างเตียง นอนลงไปทั้งชุด แล้วห่มผ้า
เหนื่อยล้ามาครึ่งค่อนคืน อ่อนล้ามากแล้ว ไม่นานก็หลับสนิทไป
พวกเมิ่งฉีพักผ่อนได้สักพักใหญ่ ก็ลุกขึ้นเดินออกมา ได้ยินว่าเปาอีฝานฟื้นแล้ว ต่างก็เบาใจลง
เมิ่งฉีพูดกับกัวเฟยว่า “ข้าจะไปโรงงาน พวกเจ้ารออยู่ที่นี่ ดูว่าพอโยวเอ๋อร์ฟื้นมีอะไรจะสั่งการหรือไม่”
กัวเฟยน้อมรับคำ
เมิ่งฉีออกไปโรงงาน
อาจจะเพราะเหนื่อยล้ามาก ฉู่เหวินเจี๋ยและเหล่าหัวหน้าทหารจึงยังไม่ตื่น ยังคงนอนหลับอุตุอยู่ในห้องพักแขก
ซุนฮุ่ยบอกให้เปาชิงเหอกลับไปพักผ่อนแล้ว ตนเองคอยเฝ้าอยู่ข้างกายเปาอีฝาน ทั้งทำตามที่เมิ่งเชี่ยนโยวกำชับ ให้บ่าวไปต้มโจ๊ก แล้ววางอุ่นไว้บนเตา
เมิ่งเชี่ยนโยวสะดุ้งตื่นเพราะเสียงกรีดร้อง ปฏิกิริยาแรกคือเกิดเรื่องกับเปาอีฝาน ทะลึ่งลุกพรวด ยังสวมรองเท้าไม่เสร็จดี ก็วิ่งเข้ามาเรือนซุนฮุ่ย
วิ่งหน้าตั้งเข้ามาในห้องเปาอีฝานภายใต้สายตาตกตะลึงของคนทั้งจวน กลับพบว่าฮูหยินเปากำลังมือของเปาอีฝานที่ลืมตาโพลง เอาแต่ร้องไห้ตัวสั่น
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น” เมิ่งเชี่ยนโยวกระหืดกระหอบถาม
ซุนฮุ่ยหันกลับไป เห็นเสื้อผ้ายุ่งเหยิง รองเท้ายังใส่ไม่เสร็จดี จึงรีบเดินเข้าไปจัดแจงเสื้อผ้าให้นาง ถึงพูดว่า “ท่านแม่เห็นท่านพี่ฟื้นแล้ว ด้วยอารามตกใจร้องกรีดออกมา ทำเจ้าตกใจแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวหย่อนก้นลงบนเก้าอี้อย่างไม่สนใจภาพลักษณ์ กุมหน้าอกตัวเองพูดว่า “ตกใจหมดเลย ข้านึกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับคุณชายเปาเสียแล้ว”
ซุนฮุ่ยทำหน้ารู้สึกผิด ตบหลังให้นาง พูดให้นางผ่อนคลายลง “ท่านพี่ไม่เป็นอะไร เจ้ากลับไปนอนอีกหน่อยไหม”
เมิ่งเชี่ยนโยวที่ปรับลมหายใจจนเป็นปกติแล้ว โบกมือ “ไม่ต้อง ข้าตื่นแล้ว คงนอนไม่หลับอีก” ว่าแล้วก็ถามขึ้น “คุณชายเปาเป็นอย่างไรบ้าง ไม่มีไข้ดอกนะ”
“ไม่มี พอเขาฟื้น ข้าก็ทำตามที่เจ้าบอกป้อนยาลดไข้ให้เขาไปหนึ่งครั้งแล้ว” ซุนฮุ่ยตอบ
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า ลุกขึ้นเดินมาข้างเตียง
ฮูหยินเปาคร่ำครวญสะอื้นเอาแต่กุมมือเปาอีฝานแน่น
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “ท่านป้า ข้าขอจับชีพจรให้คุณชายเปาหน่อยเจ้าค่ะ”
ฮูหยินเปาเช็ดน้ำตาตัวเอง คลายมือจากเปาอีฝาน พูดด้วยเสียงสั่นเครือ “แม่นางเมิ่ง ขอบใจที่ช่วยชีวิตฝานเอ๋อร์นะ บุญคุณใหญ่หลวงนี้พวกเราจะไม่ลืมไปชั่วชีวิต”
เมิ่งเชี่ยนโยววางมือจับชีพจรให้เปาอีฝาน ยิ้มพูดว่า “ท่านป้า พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ท่านพูดเช่นนี้เกรงใจเกินไปแล้ว”
ฮูหยินเปาพยักหน้า “ใช่ๆๆ ครอบครัวเดียวกัน ป้าไม่เกรงใจกับเจ้าแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวจับชีพจรอย่างถี่ถ้วน พูดว่า “ท่านป้าวางใจนะเจ้าคะ ภายในสองวัน ขอเพียงไม่มีไข้ คุณชายเปาก็จะไม่เป็นอะไรแล้ว”
ฮูหยินเปาหลั่งน้ำตาปิติออกมาอีกครั้ง
เมิ่งเชี่ยนโยวรีบพูดว่า “คุณชายเปาไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้ว ท่านป้าป้อนโจ๊กให้เขากินหน่อยเถอะ”
“ใช่ๆๆ” ฮูหยินเปาพูดเสียงสะอื้น “ฮุ่ยเอ๋อร์ รีบให้คนยกโจ๊กเข้ามา”
ซุนฮุ่ยรับคำ เปล่งเสียงออกไปด้านนอก
สาวใช้รีบยกโจ๊กเข้ามา
ฮูหยินเปารับมา ค่อยๆ ตักคำเล็กๆ ป้อนให้เปาอีฝานกิน
พ่อบ้านเดินเข้ามา พูดกับเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างอ่อนน้อม “แม่นางเมิ่ง ท่านแม่ทัพตื่นแล้ว มาเชิญท่านไปพบขอรับ”