ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] - ตอนที่ 92 ศึกประลองจุมพิต
ภพที่แล้วเมิ่งเชียนโยวเป็นยอดนักฆ่าฝีมือดีผู้หนึ่ง นางแทบจะออกไปทำภารกิจทุกวัน ไม่มีเวลาที่จะมาพูดเรื่องความรักใคร่ใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อเห็นสายตาของหวงฝู่อี้เซวียน แม้จะไม่รู้ว่านั่นหมายถึงอะไร แต่กลับรู้สึกได้ถึงความอันตรายที่แฝงไว้ นางกลืนน้ำลายลงคอตามสัญชาตญาณ “เจ้าจะทำ…”
ยังไม่ทันพูดจบ หวงฝู่อี้เซวียนก็พุ่งลงมาคร่อมนางเอาไว้
เมิ่งเชียนโยวกลิ้งตัวหลบไปด้านในเตียงตามสัญชาตญาณ คิดจะหลบหลีกเขา
หวงฝู่อี้เซวียนคาดเอาไว้แล้วว่านางจะทำเช่นนั้น ขยับตัวไปกอดนางเอาไว้อย่างรวดเร็ว ก้มลงไปประทับริมฝีปากลงบนปากของนางอย่างแม่นยำ
ไฉนเลยเมิ่งเชียนโยวจะปล่อยให้เขาทำตามใจชอบ นางเอียงหัวหลบพลางยกขาหวังจะกระทุ้งบนร่างกายของเขา
เมื่อครู่นี้หวงฝู่อี้เซวียนไม่ทันได้คิดว่านางจะทำเช่นนั้นจึงไม่ได้ป้องกันตัวถึงได้ปล่อยให้นางลงมือสำเร็จ แต่ครั้งนี้เขาเตรียมรับมือป้องกันวิธีนี้ของนางไว้แล้ว ในขณะที่ขาของเมิ่งเชียนโยวยกขึ้นก็ถูกมือของเขากดลงไป
เมิ่งเชียนโยวไม่เคยถูกคนควบคุมมาก่อน ในใจเกิดนึกลนลาน มือซ้ายยกขึ้นมาฟาดเข้าไปบนใบหน้าหวงฝู่อี้เซวียนเข้าเต็มแรง
หวงฝู่อี้เซวียนไม่หลบ ฝ่ามือนี้จึงประทับลงบนใบหน้าของเขาเข้าอย่างจัง
เสียงดังชัดก้องเป็นพิเศษท่ามกลางยามราตรี
ชิงหลวนได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว คิดจะพุ่งเข้าไปสอบถาม จูหลีดึงนางกลับมาด้วยความมือไวตาไว ส่ายหน้าให้นางเห็น
เมิ่งเชียนโยวคิดไม่ถึงว่าหวงฝู่อี้เซวียนจะไม่หลบ ตะลึงงันไปในทันใด
หวงฝู่อี้เซวียนคร่อมทับอยู่บนร่างของนาง ไม่มีทีท่าใส่ใจฝ่ามือที่ตบลงมาของนางเลยแม้แต่น้อย ยังคงลืมตาโตสว่างประกายของเขาจ้องเขม็งมองนางอยู่นิ่งๆ เสียงแหบทุ้มแลดูมีเสน่ห์เป็นพิเศษท่ามกลางยามราตรี “โยวเอ๋อร์ ครั้งเดียวเท่านั้นได้หรือไม่”
เมิ่งเชียนโยวดูเหมือนจะตกลงไปในความทรงเสน่ห์ของเขา อ้าปากค้างน้อยๆ มองเขาอยู่อย่างนั้น
การกระทำเช่นนี้เสมือนเป็นการเชื้อเชิญเขาให้เข้าไปลิ้มรสหวาน หวงฝู่อี้เซวียนทนไม่ไหวอีกต่อไป ก้มหน้าลงไปจุมพิตอย่างไม่คิดระวังใดๆ ทั้งสิ้น
เมิ่งเชียนโยวยกมือซ้ายขึ้น เมื่อขึ้นมาครึ่งหนึ่งก็ปล่อยตกลงไป
หวงฝู่อี้เซวียนจุมพิตลงไปบนปากของนาง ดูดดึงอยู่สองสามครั้ง รับรู้ถึงความนุ่มนิ่มอ่อนโยนจนไม่อาจคิดหยุดยั้ง
ทั้งสองภพของเมิ่งเชียนโยวเพิ่งจะเคยถูกจูบเป็นครั้งแรก ในใจเกิดนึกสั่นไหวเล็กน้อย จนลืมแสดงปฏิกิริยาตอบรับ
หวงฝู่อี้เซวียนเหมือนได้รับการกระตุ้น ลองเปิดริมฝีปากของนางขึ้น ส่งลิ้นเข้าไปข้างใน ตามหาลิ้นเล็กของนางดึงดูดเกี่ยวพัน
ตูม เสียงดังก้อง เมิงเชียนโยวรู้สึกเหมือนในหัวมีอะไรบางอย่างระเบิดออก ทั้งร่างอ่อนแรงไร้กำลัง ปล่อยให้เขาทำได้ตามอำเภอใจ
ตราบจนเมิ่งเชียนโยวแทบจะหายใจไม่ทันแล้วหวงฝู่อี้เซวียนถึงจะปล่อยนางไป เสียงเต็มไปด้วยความรื่นรมย์ดังขึ้นมา “โยวเอ๋อร์ หายใจ”
เมิ่งเชียนโยวมองเขาด้วยท่าทีเลื่อนลอย สูดลมหายใจเข้าออกตามคำบอกของเขาตามสัญชาตญาณ
เป็นครั้งแรกที่หวงฝู่อี้เซวียนเห็นท่าทีมึนงงของนาง ก้มลงไปจูบอีกครั้งอย่างอดใจไม่ไหว
ผ่านไปนานถึงได้ปล่อยนาง หัวเราะเสียงเบาพูดว่า “โยวเอ๋อร์ เรียกวิญญาณกลับมาได้แล้ว เจ้าเป็นเช่นนี้อีกข้าจะอดใจกินเจ้าลงไปไม่ไหว”
เมิ่งเชียนโยวได้สติกลับเข้าร่าง ใบหน้าแดงก่ำขึ้นในทันใด รีบดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมศีรษะของตนเองไว้อย่างรวดเร็ว ในใจนึกหงุดหงิดตนเองยิ่งนักที่ลุ่มหลงไปในภวังค์หวาน แสดงการกระทำที่น่าอับอายเช่นนี้ออกมา
หวงฝู่อี้เซวียนคร่อมทับร่างของนางหัวเราะเสียงทุ้ม “โยวเอ๋อร์ เจ้าน่ารักยิ่งนัก”
“ออกไป!” เมิ่งเชียนโยวที่อยู่ใต้ผ้าห่มพูดเสียงแข็ง
เสียงหัวเราะของหวงฝู่อี้เซวียนยิ่งมีความสุขขึ้นไปอีก เอนตัวลงนอนด้านข้าง รวบทั้งคนแล้วผ้าห่มเข้ามาในอ้อมกอด พูดเสียงอ่อนโยน “นอนเถิด ไม่กวนเจ้าแล้ว”
เมิ่งเชียนโยวไม่ตอบกลับ
หวงฝู่อี้เซวียนกลัวว่านางจะอึดอัดไปมากกว่านี้ คิดจะเลิกชายผ้าห่มมุมหนึ่งออก
เมิ่งเชียนโยวรีบจับเอาไว้อย่างรวดเร็ว ไม่ยอมปล่อยมือออกโดยเด็ดขาด
เมิ่งเชียนโยวที่อยู่ตรงหน้าตนเองปกติแล้วแข็งกร้าวอาจหาญ ไฉนเลยจะมีทีท่าเหมือนหญิงสาวเช่นนี้ให้ได้เห็น หวงฝู่อี้เซวียนสูดลมหายใจลึกสองสามที พยายามกดความพลุ่งพล่านในใจของตนลงไป เอ่ยตือนตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า รอจนวันสมรสๆ ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงได้กดความพลุ่งพล่านนั้นลงไปได้
เมิ่งเชียนโยวหลบอยู่ใต้ผ้าห่ม มองไม่เห็นการกระทำของเขา ย่อมไม่รู้ว่าตนเองเกือบจะถูกคนกินเสียแล้ว
หวงฝู่อี้เซวียนไม่กล้าสร้างเรื่องอีก กระชับกอดเมิ่งเชียนโยวทั้งคนทั้งผ้าห่ม พูดเสียงอ่อนโยน “นอนเถิด”
เมิ่งเชียนโยวหลบอยู่ในผ้าห่มไม่พูดจา
ภายในห้องเงียบสงบ
เมิ่งเชียนโยวคิดอยู่ตลอดว่ามีบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง ครุ่นคิดอยู่นานก็คิดไม่ออกว่าคืออะไร จึงได้ปล่อยวางผ่อนคลายร่างกายขึ้นมา หลับตานอนลง
ตราบจนใกล้จะนอนหลับ ความคิดหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในหัว เมิ่งเชียนโยวผุดลุกขึ้นนั่งในทันใด ทำให้หวงฝู่อี้เซวียนตกใจไม่เบา เมิ่งเชียนโยวจ้องเขม็งมองหวงฝู่อี้เซวียนที่ตื่นตกใจ ตะโกนถามเสียงเข้ม “เหตุใดการกระทำของเจ้าถึงได้คุ้นชินเช่นนี้ เจ้าเคยไปหาใครฝึกมาด้วยหรือ”
หลังจากหวงฝู่อี้เซวียนตะลึงไป ก็ก้มหน้าหัวเราะเสียงเบา
“เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะตีเจ้าจนหัวเราะไม่ออก” ไม่รอให้ได้รับคำตอบ เมิ่งเชียนโยวพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก
หวงฝู่อี้เซวียนรีบเก็บรอยยิ้มในทันใด ลุกขึ้นนั่ง เขยิบเข้าไปอยู่ด้านหน้านาง จ้องเข้าไปในดวงตาของนาง คิ้วเรียวเลิกขึ้นพูดว่า “โยวเอ๋อร์ มีของสิ่งหนึ่งที่เรียกว่าซุนกงถูเจ้ารู้หรือไม่*
“เจ้ายังเคยดูของสิ่งนั้นด้วยหรือ” เมิ่งเชียนโยวหน้าแดงก่ำ ถามออกมาอย่างไม่นึกเชื่อ
หวงฝู่อี้เซวียนหัวเราะเสียงเบาอีกระลอกหนึ่ง “เสด็จแม่ให้ข้ามา บอกว่าพวกเรามักจะอยู่ด้วยกัน กลัวว่าข้าจะควบคุมจิตใจทำร้ายเจ้าไม่ได้ เลยให้ข้ามาศึกษาก่อน”
เมิ่งเชียนโยวไร้ซึ่งคำพูดในทันใด มองดูท่าทางพออกพอใจของเขา ถึงได้หยิบหมอนที่อยู่ข้างมือขึ้นมาฟาดลงไป “อายุยังน้อยไม่รู้จักศึกษาเรื่องดีๆ ถอยออกไป”
หวงฝู่อี้เซวียนจับหมอนเอาไว้เบาๆ โยนทิ้งไปอีกข้างหนึ่งพล่างหันไปรวบตัวลงนอนลนเตียง เขยิบเข้าไปประชิดกระซิบข้างหูนางถามด้วยความล่อลวงว่า “ข้ายังศึกษาเรื่องอื่นมาด้วย มิเช่นนั้นจะลองดูหรือไม่”
เมิ่งเชียนโยวใช้ข้อศอกกระทุ้งเขาในทันใด “เจ้าไปตายซะ!”
หวงฝู่อี้เซวียนจุกจนเจ็บ จนต้องปล่อยนางออกไป
เมิ่งเชียนโยวขยับตัวเข้าไปเตียงด้านใน ห่างจากเขาออกมาเสียหน่อย
หวงฝู่อี้เซวียนหยิบผ้าห่มบางขึ้นมา คลุมร่างพวกเขาทั้งสองคนเอาไว้ โอบนางจากด้านหลังอีกครั้ง “วางใจเถิด พวกเรายังไม่ได้เข้าพิธีสมรส ข้าไม่มีทางเกินเลยเป็นแน่”
เมิ่งเชียนโยวยังคงหันหลังให้เขาด้วยความแง่งอน แต่ริมฝีปากกลับปรากฏรอยยิ้มให้ได้เห็น
หวงฝู่อี้เซวียนก็ไม่ได้ฝืนบังคับนาง ขยับหัวเข้าไปใกล้ซอกคอนางไม่นานก็เข้าสู่ภวังค์หลับลึก
ได้ยินว่าเขาหลับไปแล้วเมิ่งเชียนโยวก็สงบใจลง ร่างกายค่อยๆ ขยับเข้าไปหา เขยิบติดชิดกับอ้อมอกของเขา หลับลึกไปเช่นเดียวกัน
ใครจะไปรู้ว่าหลังจากที่นางหลับไปแล้ว หวงฝู่อี้เซวียนกลับลืมตาขึ้นมา มองนางด้วยความพึงพอใจ ผ่านไปนานก็ยังไม่หลับ
รอจนเมิ่งเชียนโยวลืมตาขึ้นมาอีกครั้งท้องฟ้าก็สว่างจ้าแล้ว รู้สึกได้ว่าความอบอุ่นจากด้านหลังหายไป ก็รู้ว่าหวงฝู่อี้เซวียนจากไปแล้ว จึงได้บิดร่างให้สบาย นอนแผ่อยู่บนเตียงใหญ่ คิดถึงภาพเหตุการณ์เมื่อคืนนี้หน้าแดงก่ำขึ้นมาในทันใด
ฟ้าเพิ่งจะรุ่งสาวหวงฝู่อี้เซวียนก็ตื่นขึ้นมาแล้ว ชิงหลวนและจูหลีได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจึงเดินออกมาจากห้องรอง หวงฝู่อี้เซวียนเอ่ยสั่งว่า “สองวันมานี้โยวเอ๋อร์เหนื่อยแล้ว ให้นางได้พักผ่อนเสียหน่อย พวกเจ้าไม่ต้องไปรบกวนนาง”
ทั้งสองรับคำเสียงเบา รอจนหวงฝู่อี้เซวียนออกไปจากเรือนแล้วถึงได้มายืนอยู่ข้างประตูห้องสองฝั่ง รอเมิ่งเชียนโยวตื่นขึ้นมา
นอนนิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่ง เมิ่งเชียนโยวถึงได้ส่งเสียงสั่งคนด้านนอก “ชิงหลวน!”
ชิงหลวนรับคำ เดินเข้ามา “นายท่าน ท่านตื่นแล้วหรือเจ้าคะ”
“ชั่วยามอะไรแล้ว พี่รองไปแล้วหรือไม่” เมิ่งเชียนโยวลุกขึ้นจากเตียงพลางถามขึ้นมา