ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] - ตอนพิเศษ (1) ตอนที่ 114 น่าพอใจ
คำถามถูกตัดบท เมิ่งเชี่ยนโยวไม่พอใจเล็กน้อย เงยหน้าขึ้น แล้วกล่าวถามเสียงสูงว่า “ผู้ใด”
“บ่าวถามแล้วขอรับ พวกเขาไม่ยอมบอก บอกแค่ว่ามีเรื่องสำคัญอยากจะพบท่าน” นายประตูตอบอย่างเคารพ
แปลกจริงๆ มาจวนอ๋องฉีเจาะจงอยากจะพบนาง เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีนี้ เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวกับหวงฝู่สือเมิ่งว่า “เมิ่งเอ๋อร์ เจ้าอยู่ในห้องแม่แล้วคิดคำพูดที่แม่พูดเมื่อครู่ให้ดีๆ แม่ไปพบแขกก่อน”
“เจ้าค่ะท่านแม่” หวงฝู่สือเมิ่งพยักหน้า
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินออกจากห้อง แล้วสั่งชิงหลวนว่า “เชิญพวกเขาไปที่ห้องโถงรับแขก”
หลังจากชิงหลวนรับคำสั่งแล้วก็เดินตามนายประตูออกไปนอกจวน
เมิ่งเชี่ยนโยวมาถึงห้องโถงรับแขก ครุ่นคิดในใจ ไม่ใช่คนของร้านบะหมี่มันฝรั่งแน่นอน เพราะหากพวกเขามีเรื่องอะไรจะไปหาพี่เมิ่งอี้ ไม่มาหานาง แล้วก็ไม่ใช่คนในหมู่บ้านเดิม พวกเขาไม่มีทางมาที่จวนอ๋องฉีโดยตรง แล้วจะเป็นผู้ใดกัน ในขณะที่ครุ่นคิดอยู่ ก็มีเสียงเท้าเดินดังมาจากนอกห้อง
เมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้นยืน มองไปทางหน้าประตูของห้องโถงรับแขก
ผ้าม่านถูกเปิดออก มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกัน อายุประมาณสี่สิบกว่าปี แม้ว่าจะสวมใส่เสื้อผ้าธรรมดา แต่รอบตัวของชายผู้นั้นกลับแสดงความสูงศักดิ์ออกมา แล้วทุกท่าทางที่แสดงออกมาของหญิงผู้นั้นเต็มไปด้วยความสุภาพและสง่างาม
นางสูดหายใจเข้าลึกๆ ในใจ แล้วสั่งชิงหลวนว่า “เฝ้าเรือนห้องโถงรับแขกให้ดี ไม่มีคำสั่งจากข้าห้ามให้ผู้ใดเข้ามาเป็นอันขาด”
ชิงหลวนรับคำสั่งแล้วเดินออกไป
เมิ่งเชี่ยนโยวก้าวออกมา ย่อตัวทำความเคารพทั้งสองแล้วกล่าวว่า “เมิ่งเชี่ยนโยวคารวะฮ่องเต้รัฐหมิง และฮองเฮารัฐหมิงเพคะ”
ทั้งสองสบตากันอย่างตกใจ แล้วแสดงรอยยิ้มออกมาบนใบหน้า สตรีสูงศักดิ์ก้าวออกมาหนึ่งก้าว ยื่นมือออกมาพยุงเมิ่งเชี่ยนโยวด้วยตนเองแล้วกล่าวว่า “เชิญซื่อจื่อเฟยลุกขึ้นเถิด พวกข้ามาโดยไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้า ซื่อจื่อเฟยอย่าได้ถือโทษพวกข้าเลย”
ทันทีที่ได้รับการยืนยัน เมิ่งเชี่ยนโยวตกใจไม่น้อยไปกว่าทั้งสองคน เก็บความสงสัยไว้ในใจ แล้วยืนตรงด้วยสีหน้าเรียบ ทำท่าเชิญให้ทั้งสองแล้วกล่าวว่า “เชิญฮ่องเต้รัฐหมิงและฮองเฮารัฐหมิงนั่งเพคะ”
ฮ่องเต้หมิงกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้งต่ำ หนักแน่น และมีความน่าเกรงขามของฮ่องเต้ว่า “ที่พวกข้ามาโดยที่ไม่เปิดเผยฐานะของตัวเองนั้น เพราะอยากมาอย่างเงียบๆ แล้วกลับไปอย่างเงียบๆ ไม่อยากให้เกิดเรื่องใด ฉะนั้นคำเรียกขานของซื่อจื่อเฟย ควรเปลี่ยน เพื่อมิให้ผู้อื่นได้ยิน แล้วกระจายข่าวออกไป ก่อให้เกิดเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น”
เมิ่งเชี่ยนโยวอยากจะอธิบายว่าแม้ว่าคนในจวนจะรู้ แต่ไม่มีทางเปิดเผยออกไปแม้แต่คำเดียวแน่นอน แต่ก็คิดขึ้นได้ว่าฮ่องเต้รัฐหมิงดำรงตำแหน่งที่สูงศักดิ์มานานหลายปี จึงมีความหวาดระแวงจนชิน แม้ว่านางจะอธิบาย เขาก็อาจจะไม่วางใจ จึงพยักหน้าทันที แล้วกล่าวตามที่ทั้งสองต้องการว่า “ทั้งสอง เชิญนั่ง”
ฮ่องเต้รัฐหมิงพยักหน้าด้วยความพอใจ แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ ฮองเฮารัฐหมิงก็นั่งตาม
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้นั่งตรงตำแหน่งหลัก แต่นั่งลงตรงตำแหน่งที่รองลงมาตรงหน้าทั้งสองท่าน กล่าวถามด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่รู้ว่าวันนี้ที่ทั้งสองท่านมาจวนอ๋องฉีอย่างกะทันหันนั้น มีเรื่องอันใดหรือ”
เห็นว่านางสามารถคาดเดาฐานะของตัวเองออกตั้งแต่แรกพบ แต่กลับไม่มีความตื่นตระหนกตกใจแต่อย่างใด มารยาททุกอย่างก็ทำได้ดี คำพูดคำจาก็ดี ท่าทางใจเย็น ท่าทีก็ดี ในใจของฮ่องเต้รัฐหมิงจึงอดแปลกใจไม่ได้ ก่อนมาที่นี่ เขาได้ส่งคนไปสืบมาอย่างละเอียด ทราบว่าซื่อจื่อเฟยท่านนี้เกิดในชนบท แม้ว่าจะมีความสามารถในด้านการค้า แต่ก็ไม่ได้มีบทบาทสำคัญอันใดในจวนอ๋องฉี เพราะว่าหลังจากนางแต่งเข้ามาในจวน ก็มิได้ทำเรื่องใหญ่อันใดเพื่อจวนอ๋องฉี แต่จากที่ดูตอนนี้แล้ว มันมิใช่เยี่ยงนั้นเลย ท่าทางและคำพูดของนางนั้นดีกว่าสตรีในตระกูลใหญ่พวกนั้นอีก มองไม่ออกเลยว่าเกิดในชนบท พอคิดถึงจุดนี้ ก็เริ่มเกิดความสนใจในตัวของหญิงสาวที่เป็นลูกสาวของนางและเป็นหญิงสาวที่ลูกชายของตัวเองคิดถึงและถูกใจคนนั้นแล้ว
จึงเอ่ยเหตุผลที่มาจวนอ๋องในครั้งนี้ตรงๆ ไม่วกไปวนมาว่า “ซื่อจื่อเฟยฉลาดหลักแหลมเยี่ยงนี้ คิดว่าคงจะคาดเดาได้แล้ว ที่พวกข้าสองสามีภรรยามาที่นี่เพราะเรื่องแต่งงานของอาเป่าและลูกสาวของเจ้า สองเดือนก่อน หลังจากอาเป่ากลับไปแล้ว ก็บอกกับพวกข้าตรงๆ ว่าให้พวกข้าถอนตำแหน่งองค์ชายรัชทายาทของเขา พวกข้าจึงได้กล่าวถามเหตุผลกับเขา ในช่วงเวลาที่ตกใจอยู่นั้น จึงได้รู้ว่าอาเป่าอยากจะสู่ขอท่านหญิงน้อยของจวนอ๋องฉี แต่ท่านหญิงน้อยบอกว่าไม่อยากไปจากเมืองหลวง หลังจากกลับรัฐหมิง เจ้าลูกโง่ของข้าจึงอยากจะละทิ้งตำแหน่งองค์ชายรัชทายาท ข้าโมโหและโกรธมาก จึงด่าว่าเขาทันที เพื่อความรักแม้แต่ตำแหน่งฮ่องเต้ก็ไม่เอาแล้ว และได้กักขังเขาไว้ในวัง ห้ามเขาก้าวออกไปแม้แต่ก้าวเดียว คิดว่าไม่กี่วันความรู้สึกของเขาจะเริ่มหายไป เรื่องทุกอย่างก็จะผ่านไป แต่นึกไม่ถึงว่า ความรู้สึกของเขาจะลึกซึ้งเพียงนี้ ยิ่งเวลาใกล้เข้ามาเรื่อยๆ กลับใช้วิธีอดอาหารเพื่อบังคับพวกข้า หากพวกข้าไม่ยินยอม ไม่แน่เขาอาจจะอดอาหารจนเสียชีวิตก็เป็นได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งฟังอย่างตั้งใจ นิ่งเงียบไม่พูดจา
ฮ่องเต้รัฐหมิงพูดถึงนี่ ก็หยุดชะงักไป มองนางเล็กน้อย เห็นว่าสีหน้าของนางไม่เปลี่ยน จึงกล่าวต่อว่า “พูดตรงๆ ว่าลูกชายของข้านั้นมีไม่น้อย แค่ข้ากับฮองเฮาก็มีลูกชายสามคนแล้ว หากอาเป่าไม่อยากดำรงตำแหน่งองค์ชายรัชทายาท ก็มีผู้อื่นยินยอมมากมาย แต่พวกเขาไม่มีผู้ใดที่เหมือนกับอาเป่า ผู้ที่มีกลยุทธ์ที่เก่งกาจ มีความสามารถในด้านการปกครองรัฐ เห็นอกเห็นใจประชาชน ข้าไม่ยอมและไม่อยากยกรัฐหมิงให้กับพวกเขา ไม่รู้จะทำเยี่ยงไร พวกข้าจึงถามและได้รับรู้ว่าอาเป่าและท่านหญิงน้อยมีสัญญาใจกันสามเดือน พวกข้าสองสามีภรรยาจึงรีบเดินทางทั้งวันทั้งคืนเพื่อมาจวนอ๋องฉี”
“ทั้งสองท่านมาเพื่อบอกให้ลูกสาวของข้าล้มเลิกความคิดหรือ” หลังจากเมิ่งเชี่ยนโยวฟังจบ จึงกล่าวถามออกมา
ฮองเฮารัฐหมิงส่ายศีรษะไปมาแล้วกล่าวว่า “ไม่ใช่เช่นนั้น พวกข้าได้ยินอาเป่าพูดว่าท่านหญิงน้อยไม่ได้มีใจให้เขา แต่เป็นเขาเองที่รักข้างเดียว”
“ถ้าเยี่ยงนั้นที่ท่านสองท่านมาวันนี้…” ในใจของเมิ่งเชี่ยนโยวนั้นเริ่มคาดเดาได้ลางๆ แล้ว แต่ก็กล่าวถามออกมาด้วยความสงสัย
ฮ่องเต้รัฐหมิงและฮองเฮารัฐหมิงสบตากัน ฮองเฮารัฐหมิงกล่าวตอบว่า “เป้าหมายที่พวกข้ามาที่นี่ในวันนี้ คืออยากจะมาพูดคุยกับซื่อจื่อเฟยด้วยตัวเอง ว่าสามารถให้ท่านหญิงน้อยแต่งไปที่รัฐหมิงได้หรือไม่”
เป็นอย่างที่ตัวเองคิดไว้จริงๆ เมิ่งเชี่ยนโยวไม่แปลกใจแม้แต่น้อย ทันทีที่ฮองเฮารัฐหมิงพูดจบ ก็ส่ายหัวไปมาด้วยรอยยิ้มแล้วกล่าวว่า “ท่านน่าจะเคยได้ยินแล้ว ว่าพวกข้าไม่เคยเข้าไปยุ่งกับการแต่งงานของลูกสาว หากนางยินยอมแต่งงานกับองค์ชายรัชทายาทเยียลี่ว์ พวกข้าไม่ขัดขวาง แต่หากนางไม่ยินยอม ผู้ใดก็อย่าคิดที่จะใช้วิธีใดมาบังคับพวกข้า”
คำพูดนี้ฟังเหมือนไม่มีอะไร แต่ฮ่องเต้รัฐหมิงและฮองเฮารัฐหมิงต่างรู้ว่าเมิ่งเชี่ยนโยวกำลังตักเตือนพวกเขาทางอ้อมว่า หากพวกเขาอยากจะใช้ฐานะ มาขอร้องให้ฮ่องเต้รัฐอู่ตกลงเรื่องแต่งงานของทั้งสองคน นั้นเป็นไปไม่ได้
ทั้งสองดำรงตำแหน่งฮ่องเต้และฮองเฮามานานหลายปี จะฟังความหมายของคำพูดนางไม่ออกได้อย่างไร ฮองเฮารัฐหมิงยิ้มแล้วกล่าวว่า “ซื่อจื่อเฟยเข้าใจผิดแล้ว หากพวกข้าสองคนจะใช้ฐานะบังคับผู้อื่น วันนี้ก็คงไม่มาอยู่ที่นี่”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มเล็กน้อย ไม่พูดจา แล้วสั่งกับข้างนอกว่า “ชิงหลวน ยกชาเข้ามา”
นี่จะส่งแขกแล้วหรือ สีหน้าของฮ่องเต้รัฐหมิงและฮองเฮารัฐหมิงหยุดชะงักเล็กน้อย
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วอธิบายว่า “พอเชี่ยนโยวเห็นฮ่องเต้รัฐหมิงและฮองเฮารัฐหมิง ก็ตกใจเป็นอย่างมาก จึงไม่ได้สั่งให้คนยกน้ำชามาให้ หากมีที่ใดที่เสียมารยาทก็ต้องขอประทานโทษจริงๆ”
อ่อ ไม่ได้จะส่งแขก ทั้งสองจึงโล่งอก สีหน้าหยุดชะงักของทั้งสองก็หายไปทันที ฮองเฮารัฐหมิงยิ้มแล้วกล่าวว่า “เป็นเพราะพวกข้าทั้งสองเองที่มาจวนอ๋องอย่างกะทันหัน ขอซื่อจื่อเฟยอย่าได้ถือโทษกันเลย”
ชิงหลวนยกชาเข้ามาด้วยตัวเอง เมิ่งเชี่ยนโยวทำท่าเชิญแล้วกล่าวว่า “เชิญทั้งสองท่านดื่มชากันก่อน มีเรื่องอะไรเราค่อยๆ พูดกัน”
ฟังคำพูดของนางแล้ว พวกเขายังมีโอกาสอยู่ ฮ่องเต้รัฐหมิงและฮองเฮารัฐหมิงจึงไม่รีบร้อนอีก ยกแก้วชาขึ้นมา แล้วดื่มหนึ่งคำพอเป็นพิธี
เมิ่งเชี่ยนโยวก็ดื่มหนึ่งคำอย่างช้าๆ แล้ววางลง ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ก่อนที่ท่านทั้งสองจะมา ข้าเพิ่งจะพูดคุยกับเมิ่งเอ๋อร์ นางผูกพันกับจวนอ๋องฉี ไม่อยากแต่งออกเรือนไปไกล ดูท่าแล้วท่านทั้งสองจะเสียเวลาเปล่า”
มือที่ถือแก้วชาของทั้งสองคนหยุดชะงักไป แล้วหลังจากทั้งสองดื่มชาลงไปอีกหนึ่งคำอย่างไม่รีบร้อน แล้ววางแก้วชาลง
ฮองเฮารัฐหมิงยิ้มแล้วกล่าวว่า “ซื่อจื่อเฟย พวกข้าสามารถพบท่านหญิงน้อยได้หรือไม่”
ในใจของทั้งสองนั้นแปลกใจมาตลอด ว่าเป็นหญิงสาวคนไหน ที่ส่งผลกระทบต่อใจของลูกชายตัวเองเยี่ยงนี้ ทำให้เขาคิดถึงตลอดเวลาหลายปี อีกอย่างคือ ระหว่างทางที่พวกเขาทั้งสองเดินทางมาพวกเขาได้ตัดสินใจแล้วว่า หากจวนอ๋องฉีไม่ยินยอมให้หวงฝู่สือเมิ่งแต่งออกเรือนไปไกล หลังจากที่ทั้งสองเห็นหน้านางแล้ว หลังจากกลับไปก็จะส่งคนออกค้นหาหญิงสาวที่มีรูปลักษณ์เหมือนนางทั่วรัฐ จะต้องพบหญิงสาวที่มีหน้าตาคล้ายคลึงกันแน่นอน เมื่อถึงเวลาก็ส่งคนไปอยู่ข้างกายลูกชาย เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็จะลืมท่านหญิงน้อยแน่นอน
เห็นท่าทางของเมิ่งเอ๋อร์ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่านางมีใจให้เยียลี่ว์อาเป่าแน่นอน แต่นางยังไม่รู้ตัว
เมิ่งเชี่ยนโยวยังไม่ทันพูดคุยกับนาง ฮ่องเต้รัฐหมิงและฮองเฮารัฐหมิงก็มาแล้ว ให้พวกเขาพบเจอกันก็ดี หากนี่ทำให้เมิ่งเอ๋อร์รู้ใจตัวเอง ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี
ยิ้มแล้วพยักหน้า “ได้ ทั้งสองรอสักครู่ ข้าให้คนไปเรียกเมิ่งเอ๋อร์มาเดี๋ยวนี้”
พูดจบ ก็เรียกชิงหลวนเข้ามา สั่งให้นางไปเรียกหวงฝู่สือเมิ่ง ไม่มีคำกำชับอื่นๆ แม้แต่ประโยคเดียว
ในใจของฮ่องเต้รัฐหมิงและฮองเฮารัฐหมิงเกิดความสงสัยขึ้นมาอีกครั้ง รับรู้ฐานะของพวกเขาทั้งสอง หากเป็นผู้อื่น จะต้องกำชับให้ลูกสาวของตัวเองสวมเสื้อผ้าใหม่ แต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วค่อยมา แต่ซื่อจื่อเฟยท่านนี้กลับไม่เอ่ยแม้แต่คำเดียวหรือว่าท่านหญิงน้อยคนนี้แต่งตัวเรียบร้อยอยู่ตลอดเวลา หรืออยากจะให้พวกเขาทั้งสองเห็นสภาพที่ไม่เป็นระเบียบของนาง จะได้ล้มเลิกความคิดที่จะสู่ขอนางให้กับลูกชายของตัวเอง
ในขณะที่มีความคิดมากมายในใจ ไม่นานหวงฝู่สือเมิ่งก็ใกล้มาถึงแล้ว หลังจากเดินเข้าไป เห็นว่ามีแขกอยู่ ก็ไม่ได้ตกใจแต่อย่างใด หลังจากค้อมศีรษะลงทำความเคารพทั้งสองท่านเล็กน้อย ก็กล่าวถามเมิ่งเชี่ยนโยวว่า “ท่านแม่ ท่านเรียกเมิ่งเอ๋อร์มามีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วแนะนำให้ทั้งสองท่านว่า “นี่คือเมิ่งเอ๋อร์ลูกสาวของข้า”
หลังจากนั้นก็กล่าวกับหวงฝู่สือเมิ่งว่า “เมิ่งเอ๋อร์ นี่คือฮ่องเต้รัฐหมิงและฮองเฮารัฐหมิง วันนี้มาเพราะเรื่องแต่งงานขององค์ชายรัชทายาทเยียลี่ว์โดยเฉพาะ”
บนใบหน้าของหวงฝู่สือเมิ่งแสดงความตกใจออกมา เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น ไม่นานก็กลับมาเป็นปกติ หันกลับไปเผชิญหน้ากับทั้งสอง ทำความเคารพแล้วกล่าวว่า “เมิ่งเอ๋อร์ทำความเคารพฮ่องเต้รัฐหมิง ฮองเฮารัฐหมิงเพคะ”
เท่านี้ ฮ่องเต้รัฐหมิงและฮองเฮารัฐหมิงต่างรู้สึกถึงความใจเย็นและไม่เหมือนใครของหวงฝู่สือเมิ่งแล้ว
พวกเขาสองคนมาแบบกะทันหัน หากเป็นหญิงสาวคนอื่น จะต้องตื่นตระหนกตกใจจนทำอะไรไม่ถูกแน่นอน แต่หญิงสาวตรงหน้าผู้มีใบหน้าที่งดงาม ดูฉลาดหลักแหลม กลับใจเย็นและไม่ตื่นตูมเลย
ฮองเฮารัฐหมิงรีบยื่นมือออกมา ทำท่าพยุงนาง กล่าวด้วยรอยยิ้มที่จริงใจว่า “ท่านหญิงน้อย ลุกขึ้นเถิด”
หวงฝู่สือเมิ่งขอบพระทัย แล้วเดินไปยืนอยู่ข้างกายเมิ่งเชี่ยนโยวด้วยท่าทางที่เป็นสง่า แล้วไม่พูดจาอีก
มีความคิดหนึ่งหายไปจากใจของฮ่องเต้รัฐหมิงและฮองเฮารัฐหมิง ฮองเฮารัฐหมิงกล่าวกับเมิ่งเชี่ยนโยวว่า “ซื่อจื่อเฟย พวกข้าสามารถพูดคุยกับท่านหญิงน้อยเป็นการส่วนตัวได้หรือไม่”