ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] - ตอนพิเศษ (1) ตอนที่ 121
“ท่านแม่” เมิ่งเชี่ยนโยวเรียก
“เรียกทำไม พ่อสามีแม่สามีของเมิ่งเอ๋อร์ไม่อยู่ แขกที่มาแสดงความยินดีก็ไม่มี แม้ว่าจะกินผิงกั่ว แล้วอยากเข้าห้องน้ำก็ไม่เป็นไร”
ประโยคนี้เตือนพระชายาฉี พระชายาฉีจึงรีบตรัสสั่งให้คนเทน้ำมาทันที “ใช่ๆๆ เร็วๆ เข้า เทน้ำให้เมิ่งเอ๋อร์ดื่ม ข้าลืมได้อย่างไรว่า วันนี้จวนฝั่งโน้นไม่มีแขกมาแสดงความยินดี”
หลิงหลงรีบเทน้ำมาหนึ่งแก้ว หวงฝู่สือเมิ่งดื่มลงไปครึ่งแก้ว
พระชายาฉีก็หยิบไข่ต้มขึ้นมายื่นมาข้างหน้านางอีกหนึ่งลูกแล้วกล่าวว่า “กินอีกฟองเถิด”
“ท่านย่า ข้าทานไม่ลงแล้วเจ้าค่ะ” หวงฝู่สือเมิ่งเงยหน้าขึ้นแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม
พระชายาฉีวางไข่ต้มลงบนจาน ลูบใบหน้าเล็กๆ ของหวงฝู่สือเมิ่ง รู้สึกเศร้าเสียใจขึ้นมาทันที ถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “พริบตาเดียว เมิ่งเอ๋อร์ของเราก็ถึงเวลาแต่งงานแล้ว”
ทันทีที่นางพูดจบ ในห้องก็เงียบขึ้นมาทันที อารมณ์ของเมิ่งซื่อก็เริ่มผิดปรกติเล็กน้อย เมิ่งเชี่ยนโยวกลัวว่าพวกนางพูดไปพูดมาแล้วจะร้องไห้ จึงรีบกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เสด็จแม่ อีกสองวันเมิ่งเอ๋อร์ก็กลับมาแล้ว นางแต่งหรือไม่แต่ง ไม่แตกต่างกันเจ้าค่ะ”
อารมณ์เศร้าเสียใจของพระชายาฉีหายไปในทันที พยักหน้าแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “จริงด้วย วันมะรืนข้าก็จะเจอหลานสาวที่รักของข้าแล้ว”
ซุนฮุ่ยรีบพูดคุยหัวเราะออกมาหลายประโยค ไม่นานบรรยากาศในห้องก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ
ในที่สุดก็รอจนท้องฟ้าใกล้จะสว่างแล้ว เยียลี่ว์อาเป่าจัดเสื้อผ้าที่ไม่มีรอยยับแม้แต่น้อย ลุกขึ้นยืน เดินออกนอกประตู แล้วตรัสสั่งลูกน้องว่า “ไป ไปรับตัวเจ้าสาว”
มองดูท้องฟ้าที่เพิ่งจะสว่าง บริวารอ้าปาก อยากจะขัดขวางเขไว้า แต่มองท่าทางอดใจรอไม่ไหวของเขาแล้ว ก็กลืนคำพูดลงไปทันที แล้วเดินตามเขาออกไป
หัวหน้าขันทียืนอยู่หน้าประตูเรือน ได้ยินบทสนทนาของพวกเขา ก็ก้าวออกมาแล้วกล่าวว่า “องค์ชายรัชทายาท เวลานี้ท่านห้ามไปเป็นอันขาด มัน…”
ยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกเยียลี่ว์อาเป่าดึงไปข้างๆ แล้วกล่าวว่า “ที่นี่มิใช่รัฐหมิง ไม่มีกฎระเบียบมากมายเยี่ยงนั้น”
หัวหน้าขันทีสะดุดขาตัวเองจนเกือบล้มลง แต่ก็ยังรีบวิ่งมาขวางหน้าเยียลี่ว์อาเป่าอย่างรวดเร็วแล้วกล่าวว่า “องค์ชายของข้า แม้ว่าจะมิได้อยู่รัฐหมิง แต่คนในเมืองหลวงต่างก็รู้ว่าท่านเป็นองค์ชายรัชทายาท หากท่านไม่รู้แม้แต่ธรรมเนียมประเพณีนี้ จะทำให้ผู้อื่นหัวเราะเยาะได้ อีกอย่าง จวนอ๋องฉีก็เสียหน้ามิใช่หรือ”
จะแต่งกับคนที่รักและคิดถึงตลอดเวลาแล้ว เยียลี่ว์อาเป่าตื่นเต้นจนไม่สนใจอะไรแล้ว แต่ทันทีที่ได้ยินว่าเกี่ยวข้องกับหน้าตาของจวนอ๋องฉี ความตื่นเต้นทั้งหมดก็สงบลงไม่น้อย ครุ่นคิดไปชั่วขณะ ไม่พูดจา หันหลังแล้วเดินกลับไปในห้องทันที
หัวหน้าขันทีโล่งอก ตอนมาฮ่องเต้และฮองเฮาได้ตรัสสั่งให้เขาเฝ้าองค์ชายรัชทายาทไว้ให้ดี อย่าให้เขาตื่นเต้นจนทำเรื่องที่ไม่ถูกต้องตามธรรมเนียมประเพณีเป็นอันขาด วันนี้เขาทำสำเร็จแล้ว ถือว่าทำผลงานได้หนึ่งอย่างแล้ว
แต่อารมณ์ของท่านอ๋องฉีกลับไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพียงแค่คิดว่าหลานสาวที่ตัวเองเลี้ยงดูเติบโตมาอย่างยากลำบาก ต่อไปนี้จะเป็นคนของครอบครัวคนอื่นแล้ว ก็เศร้ามาก อึดอัดใจมาก หากมิใช่ว่าวันนี้มีแขกมากมายมาแสดงความยินดีที่จวน เขาอยากจะดื่มให้เมา แล้วไปที่จวน เตะต่อยไอ้คนที่สู่ขอหลานสาวของตัวเองไป เพื่อระบายความโกรธ
หวงฝู่อี้เซวียนก็เศร้า แต่มิได้ชัดเจนเหมือนท่านอ๋องฉี
ท่ามกลางเสียงพูดคุยและหัวเราะของทุกคน มีเสียงดนตรีดังมาจากที่ไกล ถึงเวลาแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวคลุมผ้าคลุมหน้าให้หวงฝู่สือเมิ่งด้วยตัวเอง หวงฝู่เฮ่าเดินเข้ามาในห้อง หันหลังให้หวงฝู่สือเมิ่งก้มตัวลงแล้วกล่าวว่า “พี่ใหญ่ ข้าจะส่งพี่ขึ้นเกี้ยว”
แท้จริงแล้วควรเป็นหวงฝู่รุ่ย แต่หลังจากหวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวปรึกษาหารือกันแล้ว จึงเปลี่ยนเป็นหวงฝู่เฮ่า
หวงฝู่สือเมิ่งลุกขึ้นยืน ขึ้นบนหลังหวงฝู่เฮ่า
หวงฝู่เฮ่าแบกนางออกไปอย่างมั่นคง
ดวงตาของพระชายาฉีและเมิ่งซื่อแดงก่ำขึ้นมาทันที แล้วเดินตามออกมาหน้าประตู มองหวงฝู่เฮ่าแบกหวงฝู่สือเมิ่งออกไปไกลเรื่อยๆ
เมิ่งเชี่ยนโยวก็เศร้า แต่ก็ก้าวออกมาปลอบทั้งสองว่า “เสด็จแม่ ท่านแม่ วันนี้เป็นวันมงคลของเมิ่งเอ๋อร์ ต้องมีความสุขนะเจ้าคะ”
แต่ทั้งสองก็กลั้นไม่อยู่ ร้องไห้ออกมา
ออกจากประตูจวน หน้าประตูกลับไม่มีเกี้ยว หวงฝู่เฮ่าแปลกใจ มองไปทางเยียลี่ว์อาเป่า
เยียลี่ว์อาเป่าก้าวออกมาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข ประสานมือทั้งสองข้างแล้วกล่าวกับหวงฝู่เฮ่าว่า “ขอบคุณน้องเฮ่า”
พูดจบ ก็อ้าแขนทั้งสองข้างออก ส่งสัญญาณให้เขาวางหวงฝู่สือเมิ่งลงบนมือของตัวเอง
หวงฝู่เฮ่าเม้มริมฝีปากแน่น มองไปทางเขาอย่างไม่พอใจ แต่งงานไม่มีแม้แต่เกี้ยว เขาทำเยี่ยงนี้เพราะดูถูกจวนอ๋องฉีหรือคิดว่าวันนี้แต่งงานกับพี่ใหญ่แล้ว ไม่ต้องสนใจอะไรแล้ว
เยียลี่ว์อาเป่าไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรในใจ รู้แค่ว่าตัวเองจะได้อุ้มคนที่ตัวเองรักและคิดถึงตลอดเวลาแล้ว ตื่นเต้นจนมือทั้งสองข้างสั่นเล็กน้อย
หวงฝู่เฮ่าเม้มริมฝีปากกำลังจะเอ่ย โจวอันพูดขึ้นข้างๆ หูเขาเบาๆ ว่า “คุณชายใหญ่ ซื่อจื่อให้ท่านมอบท่านหญิงน้อยให้องค์ชายรัชทายาทเยียลี่ว์ขอรับ”
หวงฝู่เฮ่าเก็บความรู้สึกไม่พอใจไว้ หันข้าง วางหวงฝู่สือเมิ่งลงบนอ้อมกอดของเยียลี่ว์อาเป่าแล้วกล่าวตักเตือนด้วยน้ำเสียงเบาว่า “ต้องดีกับพี่ใหญ่ของข้า ไม่เยี่ยงนั้นข้าไม่ปล่อยเจ้าแน่นอน”
เยียลี่ว์อาเป่าตอบรับด้วยรอยยิ้มแลัวกล่าวว่า “น้องเฮ่าวางใจเถิด เมิ่งเอ๋อร์เป็นคนที่ข้าปรารถนามานาน ข้าไม่ทำให้นางเสียใจแน่นอน”
พูดจบ หันหลัง อุ้มหวงฝู่สือเมิ่งไปที่จวนของตัวเองอย่างมั่นคงทันที
ผู้คนที่มาล้อมดูความวุ่นวายที่หนาแน่นจนน้ำไหลผ่านไปไม่ได้ ตอนแรกที่ไม่เห็นเกี้ยว ก็สงสัยกันมาก ไม่เข้าใจว่าองค์ชายรัชทายาทรัฐหมิงต้องการทำอะไร จนเห็นเขาเดินอุ้มหวงฝู่สือเมิ่งกลับจวน รู้สึกตัวขึ้นมา ทุกคนต่างตกใจจนอ้าปากกว้าง หุบลงไม่ได้ องค์ องค์ องค์ชายรัชทายาทรัฐหมิงคนนี้ คงไม่คิดจะอุ้มเจ้าสาวกลับไปใช่หรือไม่ ระยะทางนี้ต้องใช้เวลาเดินถึงหนึ่งชั่วยามเชียวนะ
ใบหน้าของเยียลี่ว์อาเป่ายังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม อุ้มหวงฝู่สือเมิ่งกลับจวน ด้วยใบหน้าที่งดงาม รวมทั้งรอยยิ้มที่สดใสนั้น ทำให้หญิงสาวที่ยังไม่แต่งออกเรือนทั้งหลายใจเต้นกันเป็นอย่างมาก จนอยากจะให้เจ้าสาวในอ้อมกอดของเขานั้นคือตัวเอง
ท่าป๋าหั่นหลินยืนอยู่ที่ไกล มองการกระทำของเขา หึ ออกมาเบาๆ พึมพำออกมาอย่างดูถูกว่า “เจ้าคนโง่เขลา ดีขนาดนั้นเลยหรือ จนต้องเสียแรงมากมายเพื่อไปประจบสอพลอ”
ผู้คนที่มาดูความวุ่นวายไม่เชื่อว่าเขาจะมีแรงมากมายขนาดนั้น จึงเดินตามหลังอยากพิสูจน์ คิดว่าครึ่งทางจะมีเรื่องสนุกให้ดู เดินตามจนถึงหน้าจวนของเยียลี่ว์อาเป่า เห็นว่าเขาก็ยังอุ้มหวงฝู่สือเมิ่งเข้าไปในจวนอย่างมั่นคง ต่างตกใจกันเป็นอย่างมาก
เดินเข้ามาในจวน เสียงดนตรีถูกกั้นไว้ข้างนอก เยียลี่ว์อาเป่าตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้ง แทบจะอุ้มหวงฝู่สือเมิ่งบินเข้าไปในห้องหอ ค่อยๆ วางนางลงบนเตียง หลังจากหอบเหนื่อยเล็กน้อย ก็เปิดผ้าคลุมหน้าขึ้นด้วยมือที่สั่นไหว ใบหน้าเรียวเล็กที่งดงามและขาวเนียนของหวงฝู่สือเมิ่งปรากฏต่อหน้าเขา
“เมิ่งเอ๋อร์” ท่าทางเหมือนกลัวว่าจะทำให้นางตกใจ เยียลี่ว์อาเป่าเรียกนางเบาๆ
สีหน้าของหวงฝู่สือเมิ่งแดงเหมือนลูกผิงกั่ว กล่าวตอบอย่างเขินอาย
เยียลี่ว์อาเป่ารู้สึกว่ามีความรู้สึกที่แปลกใหม่ล้อมรอบตัวเองไว้ ไร้เรี่ยวแรง ทั้งหวานและตื่นเต้น ทนไม่ไหวเรียกออกมาอีกหนึ่งครั้งว่า “เมิ่งเอ๋อร์”
หวงฝู่สือเมิ่งก็ยังคงกล่าวตอบเบาๆ เงยหน้ามองไปทางเขา กล่าวด้วยริมฝีปากแดงหรื่อว่า “เจ้า…”
ยังไม่ทันเอ่ยจบ ตรงหน้าก็มืดลง เยียลี่ว์อาเป่าแนบริมฝีปากลงมาทันที
คำพูดถัดไปของหวงฝู่สือเมิ่งถูกเขากลืนเข้าไปในปากแล้ว
ตอนแรกคือควบคุมความต้องการไม่ได้ จึงอยากจะชิมเล็กน้อยแล้วหยุดทันที แต่ทันทีที่สัมผัสริมฝีปากที่อ่อนนุ่มของหวงฝู่สือเมิ่งแล้ว ก็หยุดไม่ได้ ความต้องการในใจควบคุมไม่ได้อีกต่อไป โน้มทับตัวลงไปทันที
หวงฝู่สือเมิ่งตกใจ รีบยื่นมือออกมาห้ามเขา แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงร้อนใจว่า “องค์ชายรัชทายาทเยียลี่ว์ไม่ได้ ตอนนี้เป็นเวลากลางวัน”
สติของเยียลี่ว์อาเป่ากลับมาเล็กน้อย เงยหน้ามองดวงตาของหวงฝู่สือเมิ่ง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ายวนว่า “เมิ่งเอ๋อร์ เรียกข้าว่าอาเป่าเถิด”
หวงฝู่สือเมิ่งถูกเขาเย้ายวน จึงกล่าวตอบอย่างไม่รู้ตัว
เยียลี่ว์อาเป่าไม่ได้ตอบกลับ เอาแต่มองนางตาไม่กะพริบ
หวงฝู่สือเมิ่งถูกมองจนรู้สึกคอแห้ง จึงกลืนน้ำลายอย่างไม่รู้ตัวแล้วกล่าวว่า “เจ้า เจ้ามอง อะไร”
เยียลี่ว์อาเป่ายื่นมือออกมา ลูบใบหน้า ดวงตา จมูก จนมาถึงริมฝีปากของนาง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หอบเล็กน้อยว่า “เมิ่งเอ๋อร์ นี่เป็นเรื่องจริง พวกเราแต่งงานกันแล้ว เจ้าเป็นเจ้าสาวของข้าใช่หรือไม่”
หวงฝู่สือเมิ่งพยักหน้าด้วยสีหน้าแดงก่ำแล้วกล่าวว่า “อืม”
“นี่ไม่ใช่ความฝันใช่หรือไม่” เยียลี่ว์อาเป่ากล่าวถามอย่างไม่มั่นใจ
หวงฝู่สือเมิ่งพยักหน้าอีกครั้ง
เยียลี่ว์อาเป่ากอดนางแน่น แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นว่า “เมิ่งเอ๋อร์ เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้ารอวันนี้มานานแค่ไหน ตั้งแต่สามปีที่แล้ว ข้ารักเจ้าตั้งแต่แรกพบ ผ่านวันคืนมากมายมาจนถึงตอนนี้ ข้ารักเจ้า คิดถึงเจ้า คิดว่าวันหนึ่งจะสู่ขอเจ้าให้เป็นภรรยาข้า วันนี้ข้าสมปรารถนาแล้ว”
“องค์ชายรัชทายาทเยียลี่ว์ เจ้า…”
“เรียกข้าว่าอาเป่า” เยียลี่ว์อาเป่ากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาดและห้ามปฎิเสธ
“อาเป่า เจ้า”
“เมิ่งเอ๋อร์ มองตาข้า บอกข้าว่า เจ้าอยากจะแต่งงานกับข้าจริงๆ ใช่หรือไม่” เยียลี่ว์อาเป่าพูดขัดขวางนางอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่เย้ายวนเล็กน้อย และดวงตาที่กังวลและรอคอย
หวงฝู่สือเมิ่งพยักหน้าอย่างไม่รู้สึกตัว แล้วกล่าวว่า “ข้าอยากแต่งงานกับเจ้าจริงๆ”
เยียลี่ว์อาเป่าดีใจเป็นอย่างมาก ไม่สนใจกลางวันกลางคืนอีกต่อไป อุ้มหวงฝู่สือเมิ่งขึ้นมาแล้ววางลงบนเตียงใหญ่ทันที
สาวใช้ที่ติดตามหวงฝู่สือเมิ่งมา เห็นนางถูกอุ้มเข้าไปในห้องหอเยี่ยงนี้ อยากจะตามเข้าไป แต่ถูกหัวหน้าขันทีสั่งให้คนห้ามไว้ “ไม่มีมารยาท ยืนอยู่ข้างนอกดีๆ รอองค์ชายรัชทายาทออกมาแล้วพวกเจ้าค่อยเข้าไปรับใช้”
ในเมื่อติดตามมาแล้ว ก็ต้องฟังคำสั่งของพวกเขา แม้ว่าจะไม่ถูกธรรมเนียมประเพณี แต่ตอนมาซื่อจือเฟยได้กำชับไว้ว่าต้องทำตามกฎระเบียบทางนี้ ฉะนั้นสาวใช้ทุกคนที่ติดตามมาจึงยืนรออยู่ในเรือนด้านนอก
จนมีเสียงที่ไม่สามารถบรรยายได้ดังออกมาจากเรือนหอ ไม่เพียงแค่สาวใช้ที่ต่างสบตากัน หัวหน้าขันทีก็เงยหน้าขึ้นมองพระอาทิตย์ที่ร้อนแรงบนศีรษะ มุมปากกระตุกไม่หยุด องค์ชายรัชทายาทไม่สนใจธรรมเนียนประเพณีแล้วจริงๆ กลางวันแสกๆ ท่านหญิงน้อยเพิ่งจะเข้าจวน ยังไม่ทันหายเหนื่อย เขาก็… นึกถึงตรงนี้ ก็รู้สึกตัวขึ้นมาทันที จึงไล่ทุกคนในลานเสียงเบาว่า “ไปๆๆ ไปรอข้างนอกเรือน ไม่มีคำสั่งจากองค์ชายรัชทายาทห้ามผู้ใดเข้ามา”
ฟังจากเสียง ทุกคนก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงหันหลังแล้วเดินออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว แม้แต่สาวใช้ที่ติดตามมาก็ไม่ยกเว้น
หัวหน้าขันทีเดินตามหลังเป็นคนสุดท้ายอย่างมีความสุข