ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] - ตอนพิเศษ (1) ตอนที่ 142-2 เหนื่อยไปทั้งกายและใจ
- Home
- ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]
- ตอนพิเศษ (1) ตอนที่ 142-2 เหนื่อยไปทั้งกายและใจ
ร่างกายของหวงฝู่เย่าเย่ว์อ่อนแอจนถึงขีดสุดแล้ว นอนลงได้ไม่นาน ก็เคลิ้มหลับไป
เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ ให้หมิงเย่ว์ หมิงสยา หมิงเซียง หมิงชุนออกไปอย่างเงียบๆ
หลังจากห่มผ้าให้หวงฝู่เย่าเย่วเรียบร้อย เมิ่งเชี่ยนโยวก็ค่อยๆ เดินออกมา ปิดประตูห้องอย่างเบามือ แล้วกำชับกับทุกคนว่า “พวกเจ้าตามข้ามา”
พูดจบ ก็เดินไปที่ห้องที่หวงฝู่อี้เซวียนอยู่
พวกหมิงเย่ว์ก็ตามมาด้วย
เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งลง พูดด้วยน้ำเสียงปกติ “ว่ามาสิ เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ เหตุใดเย่ว์เอ๋อร์ถึงได้แท้งลูกตั้งแต่อายุครรภ์ยังเท่านี้”
ทุกคนคุกเข่าลงไปดัง ตุบ
หมิงเย่ว์พูดเสียงสั่น “ท่านหญิงไม่ได้แท้งเจ้าค่ะ แต่โดนฮ่องเต้รัฐอิงบังคับให้กินยาขับเลือดเจ้าค่ะ”
บรรยากาศในห้องก็เปลี่ยนไปทันที เต็มไปด้วยความกดดัน จนทำให้พวกหมิงเย่ว์หายใจไม่ออกกันเลยทีเดียว
ไม่นาน หวงฝู่อี้เซวียนก็ขยับ แต่โดนเมิ่งเชี่ยนโยวห้ามเอาไว้ได้ แล้วออกคำสั่งกับพวกนางด้วยเสียงดุดันว่า “เอาเรื่องหลังจากที่พวกเจ้าไปที่รัฐอิงแล้ว เล่าให้พวกเราฟังให้หมด ไม่ว่าเรื่องเล็กใหญ่ ห้ามปิดบังเป็นอันขาด”
แรงกดดันวนเวียนอยู่รอบตัวพวกนาง พวกนางไม่กล้าจะปิดบัง เลยต่างคนก็ต่างเล่าออกมา และเอาเรื่องหลายวันที่ผ่านมาเล่าให้ฟังด้วย
เมื่อทั้งสองคนฟังจบ เมิ่งเชี่ยนโยวก็ถามว่า “แล้วเหตุใดท่าป๋าหั่นหลินอยู่ดีๆ ถึงได้เปลี่ยนความคิดล่ะ”
หมิงเย่ว์ส่ายหน้า “พวกบ่าวก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ วันนั้นท่าป๋าหั่นหลินอยู่กับท่านหญิงสองต่อสองอยู่นาน ไม่อนุญาตให้พวกเราเข้าไป หลังจากนั้นหัวหน้าขันทีฮูก็ยกถ้วยยาขับเลือดนั้นมา พวกเราโดนห้ามเอาไว้ เลยเข้าไปไม่ได้เจ้าค่ะ”
“เอาล่ะ พวกเจ้าออกไปก่อน ไปเฝ้าเย่ว์เอ๋อร์ให้ดี”
ทุกคนตอบรับ แล้วออกไป
พอประตูปิดลง หวงฝู่อี้เซวียนถึงได้ปะทุออกมา “เจ้าดูเย่ว์เอ๋อร์ให้ดี ข้าจะไปคิดบัญชีกับท่าป๋าหั่นหลินนั่น”
“เจ้าไม่เห็นท่าทางของเย่ว์เอ๋อร์เมื่อครู่นี้รึ นางไม่อยากให้พวกเราไปทำอะไรเจ้าท่าป๋าหั่นหลินนั่น”
“แล้วลูกสาวของพวกเราก็ถูกรังแกเสียเปล่าแบบนี้งั้นรึ” หวงฝู่อี้เซวียนถามด้วยความโกรธ
“เรื่องของสามีภรรยา เป็นเรื่องที่พูดยาก ในเมื่อเย่ว์เอ๋อร์ไม่มีลูกแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายถึงว่ามันจะเป็นเรื่องไม่ดี เราสามารถเอาเรื่องนี้เป็นข้ออ้าง นับแต่นี้ต่อไป ให้นางไม่ต้องกลับไปรัฐอิงอีก แล้วให้นางอยู่กับพวกเรา”
“แต่ว่า… …”
“ไม่มีแต่ทั้งนั้น ลูกของข้าเมิ่งเชี่ยนโยว แม้จะไม่ได้เป็นหงส์ในหมู่กา แต่ก็รู้จักศีลธรรม รู้จักว่าอะไรเป็นอะไร รู้จักขนบธรรมเนียม ไม่ได้โง่งม มองคนไม่ออก เรื่องในครั้งนี้ เป็นความรับผิดชอบของท่าป๋าหั่นหลินโดยแท้ เช่นนั้น ข้าจะส่งนางกลับไปด้วยเหตุอันใดกัน”
หวงฝู่อี้เซวียนนั่งลง ไม่พูดอะไรอีก แต่เส้นเลือดที่ปูดโปนบนหน้าผากนั้น แสดงให้เห็นว่าเขากำลังข่มใจตนเองขนาดไหน เพื่อไม่ให้ตัวเองมุ่งไปที่เมืองหลวงรัฐอิงตอนนี้เดี๋ยวนี้
อาจเป็นเพราะได้เจอครอบครัว เลยสบายใจ หรืออาจเป็นเพราะเดินทางมาหลายวัน ร่างกายไม่ได้พักผ่อน หวงฝู่เย่าเย่ว์นอนครั้งนี้ เลยตัวร้อนขึ้นมา
พวกหมิงเย่ว์ที่ยืนอยู่หน้าประตู ได้ยินเสียงร้องของนาง ก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ เลยเปิดประตูเดินเข้าไปด้านในอย่างเงียบๆ พอเห็นว่าหน้าของนางแดงก่ำ พูดจาออกมาไม่เป็นภาษา ก็ตกใจ จึงรีบไปเรียกเมิ่งเชี่ยนโยวมา
หวงฝู่อี้เซวียนก็นั่งไม่ติดที่ มาที่ห้องของหวงฝู่เย่าเย่ว์ เห็นสภาพของหวงฝู่เย่าเย่ว์แล้ว ใจที่อยากจะฆ่าเจ้าท่าป๋าหั่นหลินก็ร้อนรุ่มขึ้นมาทันที
เมิ่งเชี่ยนโยวจับชีพจรด้วยท่าทางนิ่งสงบ แล้วเขียนใบสั่งยาอีกหนึ่งใบ สั่งให้จูหลีออกไปซื้อมา
ชิงหลวนต้มยาอยู่ทางด้านหลัง เสร็จแล้วก็ยกขึ้นมา เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า บอกให้นางวางไว้บนโต๊ะ
พอจูหลีนำยาต้มร้อนๆ เข้ามา ทุกคนก็ช่วยกันป้อนยาเข้าไปในปากของนาง
อาการของหวงฝู่เย่าเย่ว์กำเริบหนักขึ้นเรื่อยๆ ผ่านไปสิบวัน ถึงจะฟื้นคืนกลับมา แต่ร่างกายซูบผอมลงไปเยอะ ราวกับคนละคนอย่างใดอย่างนั้น
หวงฝู่อี้เซวียนกับเมิ่งเชี่ยนโยวเห็นดังนั้น ก็เจ็บปวดใจเป็นที่สุด คิดหาทุกวิถีทางให้นางได้กินของดีๆ มีประโยชน์ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น หวงฝู่เย่าเย่ว์ก็ผอมลงทุกวันๆ
ผ่านไปอีกห้าวัน หวงฝู่เย่าเย่ว์อยู่ที่นี่ต่อไปไม่ไหวแล้ว จึงยิ้มแล้วอ้อนวอน “ท่านพ่อท่านแม่ พวกเรารีบกลับกันเถอะเจ้าค่ะ ท่านปู่กับท่านย่าคงเป็นห่วงแย่แล้ว”
“เจ้ากลับไปสภาพนี้ ท่านปู่ท่านย่าของเจ้าคงไม่เป็นห่วงมากขึ้นรึ”
เมิ่งเชี่ยนโยวถามเสียงดุ
หวงฝู่เย่าเย่ว์ชะงัก ยิ้มแล้วกอดแขนเมิ่งเชี่ยนโยว หัวก็ซบไปที่ไหล่ของนาง แล้วงอแงว่า “ท่านแม่ ไม่รู้ว่าเหตุใด อยู่ที่นี่ แม้อาหารจะเป็นฝีมือของท่าน แต่ข้าก็กินไม่ลงอยู่ดี ไม่แน่ถ้ากลับไปแล้ว ข้าอาจจะกินลงก็ได้นะ แล้วไม่นานก็จะกลายเป็นสาวร่างท้วมเหมือนเดิมไงเจ้าคะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวแทบจะร้องไห้ พยักหน้า พยายามข่มความรู้สึกที่กำลังจะพรั่งพรูออกมา ได้แต่พยักหน้า แล้วยิ้ม “ได้ ข้าจะทำตามที่เจ้าขอ พวกเราจะกลับกันเดี๋ยวนี้เลย”
ทางชายแดนจะไม่มีคนเฝ้าไม่ได้ พออยู่ถึงวันที่สอง หวงฝู่อี้เซวียนก็สั่งให้หลินจ้งนำทหารกลับไป ตอนนี้เหลือแต่เพียงทหารองครักษ์ที่ติดตามมาสามร้อยนายที่อยู่นอกเมืองเท่านั้น
หวงฝู่อี้เซวียนออกคำสั่งเพียงคำเดียว ทุกคนก็ออกจากห้อง ไปรอที่นอกหมู่บ้าน รวมตัวกันได้สามร้อยนาย แล้วจัดขบวนกลับเมืองหลวงไป
ผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว ก็ยังไม่มีทีท่าหรือข่าวคราวอะไร ท่านอ๋องฉีกับพระชายา รวมทั้งหวงฝู่สือเมิ่งและเยียลี่ว์อาเป่าแล้วก็หวงฝู่อวี้สองสามีภรรยาก็ร้อนใจ ได้แต่ส่งคนไปสืบทุกวันๆ
ห้าวันผ่านไป ก็ยังไม่มีวี่แวว ท่านอ๋องฉีไม่ไหวแล้ว จึงอยากพาคนออกนอกเมือง
พระชายาฉีก็ร้อนใจเช่นกัน จึงไม่ได้ปราม แล้วกำชับหวงฝู่เฮ่ากับหวงฝู่รุ่ยสองคนให้ระวังด้วย
ทั้งสามคนพาองครักษ์ออกนอกเมืองไปอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าสู่ชายแดน
สามวันผ่านไป องครักษ์เงาที่ถูกส่งไปสืบข่าวก็เห็นทหารองครักษ์มุ่งหน้าเข้ามา จึงรีบควบม้ากลับไปรายงาน
ทั้งสามคนก็ฟาดแซ่ลงไปอีก เร่งความเร็วเข้าไปอีก
พวกองครักษ์เงาทั้งหลายก็ตามอยู่ด้านหลังมาติดๆ
ร่างกายของหวงฝู่เย่าเย่ว์ยังไม่หายดี เมิ่งเชี่ยนโยวจึงสั่งให้รถม้าเคลื่อนช้าๆ จึงทำให้เสียเวลาไปหลายวัน จริงๆ ก็อยากจะส่งจดหมายกลับไปที่จวน แต่ก็กลัวท่านอ๋องฉีจะร้อนใจ เลยยกเลิกความคิดนี้ไป แต่คิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องฉีจะมาเอง
ทั้งสองคนมองไปไกลๆ เห็นเช่นนั้นจึงหยุดรถม้าแล้วเข้าไปรับทันที
“เย่ว์เอ๋อร์ล่ะ” ท่านอ๋องฉีถาม
เมิ่งเชี่ยนโยวรีบตอบ “ตอนนี้ร่างกายของเย่ว์เอ๋อร์ยังไม่หายดี ไม่เหมาะจะออกมารับลม เสด็จพ่อรอคืนนี้ หลังจากเข้าพักในโรงเตี๊ยมแล้ว ค่อยไปดูนางเถิด”
ท่านอ๋องฉีมองไปที่นาง
เมิ่งเชี่ยนโยวเม้มปาก
ท่านอ๋องฉีเก็บสายตา แล้วกลับหัวม้า “ไป!”
พอเมิ่งเชี่ยนโยวและหวงฝู่อี้เซวียนเห็นเขา ความกังวลก็ประเดประดังเข้ามา สภาพตอนนี้ของเย่ว์เอ๋อร์ อาจทำให้เสด็จพ่อทนไม่ไหวก็ได้
หวงฝู่เฮ่ากับหวงฝู่รุ่ยสองคน หลังจากทักทายหวงฝู่อี้เซวียนกับเมิ่งเชี่ยนโยวเสร็จ ก็กลับหัวม้าตามท่านอ๋องฉีไป
หวงฝู่เย่าเย่ว์ที่นอนอยู่บนรถม้าที่โคลงเคลง ไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น
เดินทางมาครึ่งวัน ก่อนพระอาทิตย์ตก ก็มาถึงหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง ออกคำสั่งให้ทหารองครักษ์สามร้อยนายหาที่พักนอกหมู่บ้าน
ชิงหลวนและจูหลีเดินเข้าไปจองห้องที่โรงเตี๊ยม เห็นรถม้าที่กำลังจอด หวงฝู่อี้เซวียนเม้มปาก แล้วตัดสินใจพูดกับท่านอ๋องฉีที่ยืนอยู่หน้าประตูโรงเตี๊ยมว่า “เสด็จพ่อ ไม่กี่วันก่อนเย่ว์เอ๋อร์ป่วยหนัก จึงซูบผอมลง หากท่านเห็นแล้ว… …”
พูดยังไม่ทันจบ หมิงเย่ว์ก็เปิดม่านออก ส่วนหมิงสยาและหมิงเซียงช่วยกันพยุงหวงฝู่เย่าเย่ว์ลงมา
เมื่อได้เห็นหลานสาวของตนที่เคยสดใสร่าเริง ไม่เจอกันแค่ไม่กี่เดือน เหตุใดกลับมาถึงได้ผอมซีดเซียวลง และดูอ่อนแอมากเช่นนี้ ท่านอ๋องฉีเห็นแล้วถึงกับเซเลยทีเดียว
หวงฝู่เฮ่ากับหวงฝู่รุ่ยก็เม้มปาก มือกำแน่น
หวงฝู่เย่าเย่ว์ยังไม่รู้สึกตัว หลังจากลงจากม้า ก็หอบอยู่ยกใหญ่ ยิ้มแล้วบอกว่า “ท่านพ่อท่านแม่ พวกเรา… …”
ตอนที่มองไปเห็นท่านอ๋องฉีที่ยืนอยู่ตรงปากประตูโรงเตี๊ยม ก็หยุดพูด แล้วแสดงท่าทางดีใจออกมา ร้องเรียกออกมาด้วยความดีใจ “ท่านปู่!”
เรียกจบ ก็ผลักหมิงสยากับหมิงเซียงออก อยากจะพุ่งตัวเข้าไปหา แต่ขาทั้งสองข้างนั้นอ่อนแรง จึงเกิดเซแทบจะล้มลง
“พี่รอง!”
“พี่รอง!”
ทั้งสองคนร้องเรียกออกมา หวงฝู่เฮ่ากับหวงฝู่รุ่ยพุ่งเข้าไปที่นางอย่างรวดเร็ว แล้วพยุงนางขึ้นมา
“พี่รอง เหตุใดท่านถึง… …”
หวงฝู่รุ่ยตาแดง พูดด้วยเสียงสะอื้น อยากจะถามแต่ก็ไม่ได้ถามออกมา
หวงฝู่เย่าเย่ว์ลูบหัวของพวกเขาเหมือนตอนเด็กๆ “ไม่เป็นอะไร พี่ป่วยหนัก เดี๋ยวพักรักษาตัวเดี๋ยวเดียวก็หาย พวกเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง รีบพยุงข้าไปหาท่านปู่เร็วเข้า”
แล้วทั้งสองคนก็ค่อยๆ พยุงนางไปหาท่านอ๋องฉี
หวงฝู่เย่าเย่ว์น้ำตาไหลริน ยิ้มให้ท่านอ๋องฉี แล้วยื่นมือออกมา “ท่านปู่ ข้ากลับมาแล้วเจ้าค่ะ”
ท่านอ๋องฉีหน้าดำคร่ำเครียด ไม่ขยับ และก็ไม่ยื่นมือออกมาด้วย
แต่หวงฝู่อี้เซวียนแอบเห็นอ๋องฉีตัวสั่นเล็กน้อย