ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] - ตอนพิเศษ (1) ตอนที่ 27 ฆ่า ฆ่า ฆ่า!
เมิ่งชิงไม่อธิบายอะไรเพิ่ม สั่งหวงฝู่เฮ่าว่า “เฮ่าเอ๋อร์ จูงมือเมิ่งเอ๋อร์ไป พวกเรากลับ”
หวงฝู่เฮ่าเองก็ไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งกับการกระทำของเขา ในเมื่อพบร่องรอบของหวงฝู่เย่าเย่ว์แล้ว ในเมื่อมาจนถึงที่แล้ว แต่กลับไม่บุกเข้าไปช่วยเย่ว์เอ๋อร์ออกมา แต่ตัดสินใจกลับไปเช่นนี้ แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีจะไม่ทำตามที่เขาสั่ง พูดกับหวงฝู่สือเมิ่งเสียงเบาว่า “พี่ใหญ่ พวกเรากลับเกินเถิด”
หวงฝู่สือเมิ่งได้สติ มองเขา ริมฝีปากขยับเล็กน้อยไม่ได้พูดอะไรออกมา แววตาเผยความผิดหวังออกมา
หวงฝู่เฮ่าเม้มปาก ไม่ได้พูดอะไร
หวงฝู่สือเมิ่งไม่พอใจ เดินออกไปด้วยความโกรธ
หวงฝู่เฮ่าเดินตามไปด้านหลัง
เมิ่งชิงเดินตามเด็กทั้งสองไป
แม่เล้าโบกผ้าเช็ดหน้าในมือ กล่าวทักทายไล่หลังว่า “พ่อคุ๊ณณ หากวันใดท่านอยากมาบำเรอสุข ชิงเฟิงโหลวของข้ายินดีต้อนรับท่านเสมอ”
สิ่งที่ตอบกลับนางกลับเป็นสายเลือดพุ่งสาดขึ้นมา
เถ้าแก่และชายที่ถูกตัดหูถูกจบชีวิตโดยเมิ่งชิง
รอยยิ้มของแม่เล้าแข็งทื่ออยู่บนหน้า ในใจไม่เป็นสุข สั่งด้วยเสียงต่ำว่า “ไปสืบมาว่าเขาเป็นผู้ใดมาจากไหน”
มีคนตอบรับ ออกไปอย่างรวดเร็ว
“ไป รีบส่งคนมาเอาเจ้าตัวกาลกินีสองตัวนี้ไป เปิดร้านมาก็เจอเลือด อย่าให้มาขัดขวางการค้าของชิงเฟิงโหลวได้”
มีคนเข้ามา ลากร่างไร้ลมหายใจมีแต่เลือดไหลออกมาไม่หยุดของเถ้าแก่และชายฉกรรจ์เข้าไปในชิงเฟิงโหลว ส่วนเรื่องที่ว่าจะจัดการอย่างไร ไม่มีใครใส่ใจ และไม่มีใครสนใจ
หวงฝู่สือเมิ่งเดินนำออกไปด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ไม่รู้ว่าต้องเดินไปที่ใด จึงได้หยุดฝีเท้าลง หันไปมองเมิ่งชิงด้วยความไม่พอใจ น้ำตาคลออยู่ในดวงตา
เมิ่งชิงยื่นมือออกไป ลูบหัวนาง ปลอบเสียงเบาว่า “มีคนฝีมือดีอยู่ในชิงเฟิงโหลวไม่น้อยเลย คนเท่านี้ของเราบุกเข้าไปไม่ได้ น้าชิงได้ส่งคนไปตามท่านพ่อและท่านแม่ของเจ้าแล้ว รอจนพวกเขาถึงแล้วพวกเราค่อยลงมือก็ไม่สาย”
เมื่อเข้าใจความหมายของเขาแล้ว ความโกรธจึงได้มลายหายไป พูดด้วยความเป็นกังวลว่า “แต่ว่าหากเย่ว์เอ๋อร์อยู่ที่นั่นจริงๆ จะทำอย่างไรเจ้าคะ หลายวันแล้ว นางอาจจะ…”
ใจของเมิ่งชิงก็หนักหน่วงเช่นเดียวกัน ไม่ต้องสงสัยเลย ชิงเฟิงโหลวเป็นหอนางโลมชาย เย่ว์เอ๋อร์เป็นหญิง นางถูกส่งตัวไปนานถึงเพียงนี้ ถ้าหากถูกจับได้ จุดจบก็คง…บัดนี้ได้แต่หวังว่านางจะสามารถอาศัยช่วงที่คนไม่ได้ระวัง หนีออกมาได้ แม้ว่าความหวังนี้จะริบหรี่ก็ตาม แม้ใจในคิดเช่นนี้ แต่สีหน้าไม่ได้แสดงออกมา พูดว่า “พวกเขาบอกว่าส่งตัวเด็กหนุ่มเข้าไป พวกเราก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็นเย่ว์เอ๋อร์จริงหรือไม่ บางทีเถ้าแก่อาจจะพูดถูก กระเป๋านั่นเขาอาจจะเก็บได้โดยบังเอิญ”
คำพูดของเขามีจุดบกพร่องมากมาย แม้กระทั่งตนเองก็ยังไม่เชื่อ แต่ว่าหวงฝู่สือเมิ่งที่กำลังไร้สติ ไม่มีแม้แต่แรงจะคิด เชื่อคำพูดของเขาทั้งหมด แววตาเปล่งประกาย “ท่านน้าชิงเจ้าคะ ท่านหมายความว่าคนๆ นั้นอาจไม่ใช่เย่ว์เอ๋อร์หรือ”
เมิ่งชิงแสร้งพยักหน้า
หวงฝู่สือเมิ่งเผยรอยยิ้มที่ไม่มีมานานออกมา ถามอีกครั้งว่า “ก็หมายความว่าบัดนี้เย่ว์เอ๋อร์ยังคงไม่เป็นไรใช่หรือไม่เจ้าคะ”
เมิ่งชิงไม่ตอบ เพียงแต่ลูบหัวของนางอีกครั้ง
รอยยิ้มของหวงฝู่สือเมิ่งหายไปอีก
ณ รัฐอิง
ตั้งแต่หวงฝู่เย่าเย่ว์ถูกส่งตัวมาอยู่ที่เรือนนี้ องค์ชายใหญ่ก็ไม่เคยมาอีกเลย สองวันแรก ด้วยกลัวว่าจะมีคนรู้ความจริงว่านางเป็นผู้หญิง นางกลัวเสียจนเอาแต่แอบอยู่ในห้องไม่ออกไป แต่พอพ้นสองวันไปแล้ว นิสัยอยู่ไม่เป็นสุขของนางก็เริ่มออกอาการ ลองออกเดินไปด้านนอก
คนรับใช้ด้านนอกถามด้วยความนอบน้อมว่า “นายท่าน มีอะไรจะให้รับใช้หรือไม่เจ้าคะ”
หวงฝู่เย่าเย่ว์โบกมือ “ในห้องอึดอัดเกินไป ข้าอยากออกมาเดินเล่น ”
เขาเป็นคนที่องค์ชายใหญ่พากลับมาด้วย คนรับใช้นอบน้อมกับเขามาก เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ได้คัดค้าน ปล่อยให้นางเดินเล่นในสวนที่ไม่เล็กไม่ใหญ่นี้
ตอนที่หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวได้รับข่าวที่นายทหารมาบอก ได้ออกจากเมืองหลวงมาสามร้อยลี้แล้ว สืบค้นทุกหมู่บ้านทุกซอกทุกมุมของเมือง แต่ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า อ๋องฉีเกือบจะหมดความอดทนแล้ว บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความน่ากลัว ทำคนรอบข้างไม่กล้าเข้าใกล้
ข้อความที่องครักษ์นำมาบอกนั้น อ๋องฉีได้ยินชัดถ้อยชัดคำ ไม่พูดพร่ำทำเพลง เขายกเชือกหวดม้า ควบม้าตรงไปยังหมู่บ้านชิงหยางทันที
“สั่งให้องครักษ์ทุกคนมุ่งหน้าไปที่หมู่บ้านชิงหยางโดยเร็วที่สุด” หวงฝู่อี้เซวียนสั่งโจวอันด้วยความเร่งรีบ รีบตามไปพร้อมกับเมิ่งเชี่ยนโยว
เดินทางโดยไม่พักผ่อนเป็นเวลาสองวัน ทำเอาม้าแทบจะเหนื่อยจนหมดแรง ถึงได้มาถึงหมู่บ้านชิงหยาง
หมู่บ้านชิงหยางถูกปิดไปหลายวัน ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้าออก ดังนั้นคนในสายอาชีพเขาหน้ามืด มองไม่ออกว่าคนที่กำลังจะเข้าเมืองมาเป็นใคร เมื่อเข้ามากูถูกทหารสกัดเอาไว้ ร้องห้ามไม่ให้พวกเขาเข้าไป
หลายวันมานี้ไม่ได้พักผ่อนดี ดวงตาของอ๋องฉีแดงก่ำ บัดนี้กำลังถลึงตาจ้องมองทหารที่ล้อมเอาไว้ สายตานั้นทำเอาทหารตัวสั่นเล็กน้อย ขาอ่อนแรง
โจวอันเดินเข้ามา ชูป้ายเอวของอ๋องฉีให้เขาดู
พลทหารลนลาน รีบคุกเข่าทำความเคารพ อ๋องฉ๊กระตุกเชือก ขี่ม้าเดินผ่านตัวเขาไป
หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวตามเข้าไป
เมิ่งชิงส่งองครักษ์มาดูแลหน้าประตูนานแล้ว
เมื่อองครักษ์ของเขาเห็นร่างของคนเหล่านั้น จึงได้รีบเข้ามาต้อนรับ รายงานว่า “ท่านชายรองแม่ทัพเมิ่งกำลังรอพวกท่านอยู่ที่โรงเตี๊ยมทางด้านหน้าขอรับ”
ทั้งสามคนเดินตามเขาเข้ามา
หวงฝู่สือเมิ่งพุ่งออกมาจากด้านใน กระโจนเข้ามาในอ้อมกอดของเมิ่งเชี่ยนโยว กอดนางและพูดว่า “ท่านแม่”
เมิ่งเชี่ยนโยวลูบร่างสั่นเทาของนางเบาๆ ปลอบนางด้วยความอ่อนโยน
อ๋องฉีมองเมิ่งชิงที่เดินตามออกมา พูดด้วยเสียงแหบแห้งว่า “เย่ว์เอ๋อร์เล่า”
“ยังไม่มีเบาะแสขอรับ”
ดวงตาของอ๋องฉีหรี่ลง
เมิ่งชิงไม่รอช้า รีบเล่าเรื่องที่หวงฝู่เย่าเย่ว์อาจจะถูกขายให้กับชิงเฟิงโหลวให้พวกเขาฟัง
พูดจบ อ๋องฉีกลับขึ้นม้าทันที สั่งด้วยเสียงทรงพลังว่า “นำทาง! ”
ทั้งหมดขึ้นม้า ไม่นานก็มาถึงชิงเฟิงโหลว
เห็นประตูปิดสนิท อ๋องฉีลงจากม้า เดินมาถีบประตูออก กำลังจะก้าวเท่าเดินเข้าไป
ร่างหนึ่งปรากฎตรงหน้าเขาอย่างรวดเร็ว โจมตีเขาด้วยความรุนแรง
เดินทางมาหลายวัน ไม่ได้หลับได้นอน ร่างกายของอ๋องฉีถึงขีดสุดแล้ว บัดนี้จึงได้โต้ตอบการโจมตีของอีกฝ่ายได้ช้าลง เห็นอยู่กับตาว่าหมัดกำลังจะปะทะเขา มีดสั้นในมือของโจวอันก็ได้บินไปด้วยความรวดเร็ว พุ่งตรงไปยังมือของคนผู้นั้น
คนผู้นั้นตกใจ รีบชักมือกลับ ถอยร่างไปหลายก้าว
อ๋องฉีเดินเข้าไปโดยสีหน้าไม่เปลี่ยน
ภายในเงียบสงัด ไม่มีเสียงใด
หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ ตึงเครียด
ราวกับว่าอ๋องฉีไม่สังเกต สาวเท้ายาวเดินเข้าไปด้านใน
แม่เล้าเดินบิดร่างมาจากด้านในโดยไม่เร่งรีบ “อั้ยโยว วันนี้ลมอะไรพัดมา จึงได้มีแขกมากมายเพียงนี้”
“เจ้าเป็นผู้ใด” อ๋องฉีหยุดฝีเท้า ถามด้วยเสียงทุ้ม
“ข้า ก็ต้องเป็นเจ้าของที่นี่น่ะสิ” แม่เล้าตอบอย่างภูมิใจ
“เย่ว์เอ๋อร์เล่า หากส่งตัวนางมา ข้าจะไม่ชำแหละศพเจ้า”
แม่เล้าทำเหมือนได้ยินเรื่องตลก ป้องปากหัวเราะอย่างมีจริตจะก้าน “นายท่านผู้นี้ ช่างปากกล้าดีจริง ตั้งแต่ชิงเฟงโหลวของเราเปิดขึ้นมา ยังไม่มีใครกล้าพูดกับข้าเช่นนี้เลย ท่านเป็นคนแรก”
พูดจบ ก็ยื่นมือออกมา กำลังจะวางลงบนไหล่ของเขา
อ๋องฉียื่นมือออกมา บีบคอแม่เล้า
คนด้านหลังของแม่เล้ากำลังจะเดินเข้ามา แต่ก็ช้าไปเสียแล้ว
“หากอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปล่ะก็ ส่งตัวเย่ว์เอ๋อร์มา” น้ำเสียงของอ๋องฉีน่ากลัวยิ่ง
สีหน้าของแม่เล้าไม่เปลี่ยนไป หัวเราะ “นายท่าน ท่าน…”
พูดได้เพียงไม่กี่คำ มือของอ๋องฉีบีบแน่น แม่เล้าพูดไม่ได้อีก บัดนี้สีหน้าจึงมีความกลัวปรากฎขึ้น เบิกตาโต คิดไม่ถึงว่าอ๋องฉีจะกล้าทำกับนางเช่นนี้
ด้านหลังปรากฎร่างของชายฉกรรจ์นับสิบ ต่างก็เข้ามาโจมตีอ๋องฉี หวังจะช่วยเหลือแม่เล้าออกมาจากกำมือเขา
องครักษ์เข้าไปปะทะ
เสียงต่อสู้ดังไปทั่วทุกมุมของชิงเฟิงโหลว
มือของอ๋องฉีกำแน่นขึ้น แม่เล้าเริ่มหายใจไม่ออกแล้ว จึงได้รู้ตัวว่ากำลังเผชิญอันตรายอยู่ จึงได้ตะเกียกตะกายโบกมือของตน
ชายฉกรรจ์ที่ยืนตัวตรงอยู่ด้านหลังนางเริ่มปฏิบัติการณ์ทันที เข้ามาโจมตีอ๋องฉีด้วยความรวดเร็ว
หวงฝู่อี้เซวียนเข้ามา ขวางการโจมตีของเขา สองคนสู้กัน
อ๋องฉีทำเหมือนมองไม่เห็น จ้องแม่เล้าด้วยดวงตาแดงก่ำ
ฝีมือการต่อสู้ของหวงฝู่อี้เซวียน มีไม่กี่คนที่สามารถสู้ได้ แต่ชายฉกรรจ์ตรงหน้าสู้กับเขามาหลายสิบกระบวนท่าแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวหรี่ตาลง สั่งว่า “สั่งองครักษ์ลับให้ทำลายชิงเฟิงโหลวให้ราบ”
ประโยคเดียว พร้อมกับเสียงตอบรับ ลอยเข้ามาในหูของแม่เล้า ทำให้นางกลัวเสียยิ่งกว่าการถูกบีบคอ องครักษ์ลับนี้มีเพียงซื่อจื่อหวงฝู่อี้เซวียนแห่งรัฐอู่จึงจะมีได้ หรือว่าคนฝยวันนี้คือ…แม่เล้ารับรู้ถึงรสชาติของความตาย
“เสด็จพ่อ เรายังไม่รู้เบาะแสของเย่ว์เอ๋อร์ แม่เล้าผู้นี้ยังมีประโยชน์อยู่นะเจ้าคะ” เมิ่งเชี่ยนโยวปรามเบาๆ
อ๋องฉีได้ยินดังนั้น จึงได้หดมือกลับ
สีหน้าของแม่เล้าซีดเผือด ทรุดลงกับพื้น ในใจรู้ดีว่าต่อจากนี้คงไม่มีชิงเฟิงโหลวอีกต่อไปแล้ว
หายใจเข้ายังไม่ทั่วท้อง เสียงต่อสู้หยุดลง ชิงเฟิงโหลวกลับมาเงียบสงัดอีกครั้ง
ใจของแม่เล้าราวกับหยุดเต้นไปแล้ว
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้ามา ย่อลงตรงหน้าแม่เล้า พูดตามตรงว่า “ข้าไม่สนว่าเบื้องหลังของชิงเฟิงโหลวเป็นผู้ใด และไม่สนว่าพวกเจ้าคิดจะทำอะไร บัดนี้ข้าเพียงจะถามเจ้าว่าเด็กหนุ่มที่ส่งมาเมื่อหลายวันก่อน บัดนี้เจ้าทำอะไรกับเขาไป”
แม่เล้าไม่พูด
เมิ่งเชี่ยนโยวมองตานาง พูดอีกครั้ง “จากสิ่งที่เจ้าได้ทำ ข้าคงไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่ แต่ข้ารับรองว่าหากเจ้ายอมส่งคนออกมาคืนเราแต่โดยดี ข้าก็จะให้เจ้าตายอย่างสงบ ไม่เช่นนั้น ข้าจะให้เจ้าต้องขอร้องความตาย”
นางพูดด้วยน้ำเสียงไม่หนักไม่เบา ไม่ช้าไม่เร็ว แต่แม่เล้ารับรู้ได้ถึงความอำมหิต ร่างกายเย็นเฉียบ ใจในหวาดกลัวยิ่งนัก