ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] - ตอนพิเศษ (1) ตอนที่ 36 หนีออกมา
“ตรัสมาเถิดพ่ะย่ะค่ะ!” สัมผัสได้ถึงแววตาที่ปิดบังความใคร่ของเขาไม่ได้ หวงฝู่อี้เซวียนขมวดคิ้วและพูดโดยพยายามระงับสุมเพลิงที่พลุ่งพล่านขึ้นมา
“เจ้านอนกับข้าคืนหนึ่งเป็นอย่างไรล่ะ”
คำพูดของเค้าสิ้นลง สีหน้าของหวงฝู่อี้เซวียนก็เปลี่ยนไป รอบกายมีไอเย็นยะเยือกแผ่ออกมา
เมิ่งเชี่ยนโยวเม้มปาก ยืนอยู่ด้านหลังโดยไม่พูดอะไร
“เป็นอะไร ไม่ยอมหรือ” องค์ชายใหญ่ยิ้มถามราวกับว่าไม่ได้รู้สึกถึงไอรอบกายที่เปลี่ยนไปของหวงฝู่อี้เซวียนแม้แต่น้อย พร้อมส่งสายตาประเมินเขาจากบนลงล่างหลายครั้งอย่างอดไม่ได้
หวงฝู่อี้เซวียนไม่พูดอะไร เมิ่งเชี่ยนโยวกลับยิ้มอย่างมีเลศนัย เดินเข้ามาคล้องแขนของหวงฝู่อี้เซวียน แล้ว พูดยุแหย่ปนด้วยรอยยิ้มที่ภาคภูมิใจ “เช่นนั่นไม่ได้หรอกนะเพคะ เขาเป็นคนของข้า ถ้าเขาจะต้องอยู่กับพระองค์ ก็ต้องเอาข้าไปด้วยเพคะ”
นัยน์ตาองค์ชายใหญ่ส่องประกายโหดเ**้ยม และมือบีบแน่นตามสัญชาตญาณ
หวงฝู่เย่าเย่ว์เจ็บจนเกือบจะร้องออกมา จึงกัดริมฝีปากแน่น
เมิ่งเชี่ยนโยวมององค์ชายใหญ่ด้วยท่าทีเรียบเฉย แล้วเอ่ยปากอีกครั้ง “องค์ชายใหญ่คงทรงไม่ทราบอะไร เซี่ยงกงของข้าพอใช้งานได้ทีเดียวเลยล่ะเพคะ ทุกคืนล้วนทำให้ข้าอยากขึ้นสวรรค์ แล้วข้าจะให้เขา…”
พูดยังไม่จบ ก็ถูกเสียงที่โมโหร้ายขององค์ชายใหญ่แทรกขึ้น “นังหญิงเลว!”
เมิ่งเชี่ยนโยวชูนิ้วออกมา แล้วแกว่ง “องค์ชายใหญ่ตรัสผิดแล้วเพคะ เรื่องรักใคร่ของสามีภรรยาก็ดั่งความสุขของน้ำกับปลา คนบนแผ่นดินล้วนเป็นเช่นนี้ทั้งนั้น เพียงแต่ข้าโชคดีได้เจอสินค้าชั้นเยี่ยมที่หาได้ยากบนโลกนี้ ก็เลยได้เสพสุขมากกว่าคนอื่นก็เท่านั้น”
“หุบปาก!” องค์ชายใหญ่ถูกเสียดสีจนครามเสียงดัง และเริ่มเสียสติ ทำให้จับตัวหวงฝู่เย่าเย่ว์เบาเล็กน้อย
หวงฝู่อี้เซวียนที่จ้องโอกาสตอนที่เขาสติหลุดอยู่ตลอด ร่างกายก็ขยับไปคว้าแขนของหวงฝู่เย่าเย่ว์ดึงเข้าอ้อมอกของตัวเองอย่างรวดเร็ว
องค์ชายใหญ่ตอบสนองกลับทันที มือออกแรงอยากจะจับตัวหวงฝู่เย่าเย่ว์อีกครั้ง
คมกริชบนมือของเมิ่งเชี่ยนโยวส่องประกายวาบ ปาดไปที่แขนของเขา ถ้าหากเขาไม่ปล่อยมือ แขนท่อนนี้ต้องถูกฟันขาดอย่างแน่นอน
องค์ชายใหญ่ปล่อยมือโดยไร้ความลังเล หวงฝู่เย่าเย่ว์ถูกหวงฝู่อี้เซวียนดึงมาที่อ้อมอกของตัวเอง
เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่อาลัยที่จะสู้ต่อ ถอยหลังไปหนึ่งก้าว และพูดกับทุกคน “พวกเราไปเถอะ!”
คำพูดของนางสิ้นลง องค์ชายใหญ่ก็หัวเราะเสียงดัง ภายในเสียงหัวเราะเต็มไปด้วยความเหยียดหยามและยโสโอหัง “พวกเจ้าเห็นจวนขององค์ชายของข้านี้เป็นสวนหลังบ้านของพวกเจ้าหรือ อยากจะก็มา อยากจะไปก็ไป”
ไม่มีคนสนใจเขา
หลินหันเยียนก็ได้หันตัวออกไปด้านนอกแล้ว
หวงฝู่อี้เซวียนโอบหวงฝู่เย่าเย่ว์หันกลับไปเช่นกัน
เมิ่งเชี่ยนโยวกันอยู่ด้านหลัง จับจ้ององค์ชายใหญ่ และถอยหลังไปทีละก้าวๆ
องค์ชายใหญ่ไม่ได้ลุกขึ้นมาขวางพวกเขา แต่ส่งแววตาเหมือนผู้ล่าเหยื่อมองแต่ละคน รอจนกระทั่งทุกคนกำลังจะออกไปจากห้องแล้ว ถึงเอามือวางไว้ที่ขอบปาก แล้วส่งเสียงแหลมสั้นๆ ออกมา
คิดว่านี่ต้องเป็นสัญญาณลับเรียกคนแน่ๆ ในใจของหวงฝู่อี้เซวียนกับเมิ่งเชี่ยนโยวก็รู้สึกหนักอึ้ง และเดินยิ่งเร็วขึ้นอีก
ทุกคนเพิ่งออกมาถึงในเรือน ก็มีชายฉกรรจ์จำนวนนับไม่ถ้วนลอยตัวเข้ามาจากนอกเรือน ล้อมพวกเขาสี่คนไว้ตรงกลางอย่างรวดเร็วด้วยฝีเท้าแต่ละก้าวที่หนักแน่น และลมปราณที่สม่ำเสมอ
ทั้งสี่คนถูกบีบเข้ามาทำให้ต้องหยุดฝีเท้า และมองพวกเขาอย่างถมึงทึง
องค์ชายใหญ่เดินออกมาจากในห้องอย่างช้าๆ หลังจากมองแต่ละคนอย่างสบายๆ แล้ว ก็โบกมือขึ้น
มีคนรีบเข้าไปในห้อง ยกเก้าอี้ตัวหนึ่งมาวางไว้ด้านหลังเขา
องค์ชายใหญ่นั่งลง เพิกเฉยทุกคน จับจ้องแต่เพียงหวงฝู่อี้เซวียนตาไม่ขยับ แล้วก็ถูกความงามของเขาทำให้ตะลึงทึ่งอีกครั้ง ความปรารถนาภายในดวงตาเปิดเผยออกมาอย่างแจ่มชัด
เป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดมาที่ถูกผู้ชายจับจ้องด้วยสายตาเช่นนี้ ความรู้สึกอยากจะฆ่าคนของหวงฝู่อี้เซวียนก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น ขยับมือกำแน่นตามสัญชาตญาณ แล้วฝืนข่มเอาไว้สุดชีวิต บนใบหน้าจึงไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา
ร่างกายขององค์ชายใหญ่เอนไปด้านหลัง พิงอยู่บนพนักเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน แล้วชูสองนิ้วออกมาจากมือที่กำไว้อย่างผู้ชนะ ตามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความใคร่ “มีทางเลือกให้พวกเจ้าสองทาง อย่างแรก….” พูดถึงตรงนี้ ก็ชี้ไปที่หวงฝู่อี้เซวียนแล้วพูดต่อ “เจ้าอยู่ที่นี่ แล้วคืนนี้ ข้าจะให้คนไปส่งพวกเขาออกไป”
“อย่างที่สอง…” กวาดสายตามองทุกคน “ชีวิตของพวกเจ้าก็ทิ้งไว้ที่นี่ทั้งหมด” พูดถึงตรงนี้ ก็มองไปทางหวงฝู่อี้เซวียน “แน่นอนว่าก่อนเจ้าตาย ก็จะให้เจ้าได้เสพสุขอย่างอภิรมย์กับข้าอย่างแน่นอน”
หวงฝู่อี้เซวียนถอดเสื้อนอกอย่างสุขุม สวมบนร่างที่อ่อนแอของหวงฝู่เย่าเย่ว์ จากนั้นก็เอนกายช่วยจัดแจงให้นางเรียบร้อย แล้วจึงผลักไปข้างกายเมิ่งเชี่ยนโยว
เมิ่งเชี่ยนโยวส่งกริชอีกเล่มบนมือให้กับหวงฝู่เย่าเย่ว์
หวงฝู่อี้เซวียนละสายตา มองไปทางองค์ชายใหญ่ ยืนเอามือพาดหลัง ภายในดวงตามีประกายสังหาร แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหยามเหยียด “อยากจะให้ข้าอยู่ พวกของท่านไม่มีความสามารถมากขนาดนั้นหรอก!”
หลายปีมานี้ องค์ชายใหญ่ไปชิงเฟิงโหลวทุกเดือน เดือนละครั้ง และทุกครั้งพักอาศัยเป็นเวลาสามถึงห้าวัน การอยู่ที่นั่นทำให้ได้ปลดปล่อยตัวตนที่แท้จริงของตัวเองโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น จึงกล่าวได้ว่า ผู้ชายแบบไหนก็ผ่านมาหมดแล้ว มีแต่เพียงหน้าตาเกลี้ยงเกลางดงาม และสง่าสูงศักดิ์ดั่งเช่นหวงฝู่อี้เซวียนนี้ เขาไม่เคยพบเจอมาก่อน จึงรู้สึกอยากได้จนยากจะทนตั้งแต่แรก ได้ยินเขาพูดจบ ก็หัวเราะเสียงดัง “ยอดเยี่ยม ข้าชอบ”
พูดจบ ก็โบกมือ
ชายฉกรรจ์ภายในเรือนทุกคนเคลื่อนไหว ไอของดาบพุ่งจู่โจมเข้ามาที่แต่ละคน
ทุกคนเตรียมรับศึก ภายหลังจากที่หวงฝู่เย่าเย่ว์เจอกับหวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวแล้ว ในใจก็สงบลง และไม่มีความหวั่นเกรงอีก จึงเผชิญกับผู้มีฝีมือโดยไม่กลัว และตั้งรับศึกอย่างสุขุม
หวงฝู่เย่าเย่ว์กับหลินหันเยียนเป็นส่วนที่อ่อนแอ ผ่านไปไม่กี่สิบกระบวนท่า คนที่ล้อมตีก็พบจุดอ่อนนี้ จึงต่างพุ่งโจมตีมาที่ทั้งสองคนโดยไม่ได้นัดหมาย เพียงแค่ล้มพวกเขาได้ อีกสองคนที่เหลือก็จัดการง่ายแล้ว
คนโจมตีเข้ามามากมาย หวงฝู่เย่าเย่ว์กับหลินหันเยียนเริ่มเหน็ดเหนื่อย และร่างกายก็เริ่มแบกรับไม่ไหว หวงฝู่อี้เซวียนกับเมิ่งเชี่ยนโยวเห็นเหตุการณ์ดังนั้น จึงโจมตีอย่างรุนแรง แล้วหาโอกาสตอนที่ศัตรูหลบหลีก กระโดดเข้ามาตรงหน้าทั้งสองคน เพื่อช่วยกันการโจมตีของพวกชายฉกรรจ์
ภัยอันตรายของทั้งสองหายไป แต่ก็เหนื่อยล้าจนหอบหายใจแรง หากเป็นเช่นนี้ต่อไป แม้ว่าวิทยายุทธ์ของหวงฝู่อี้เซวียนกับเมิ่งเชี่ยนโยวจะแกร่งกล้าแค่ไหนก็ต้องเสี่ยงอย่างมาก
หวงฝู่อี้เซวียนเอ่ยปากด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำ ชัดเจน และเด็ดขาด “พวกเจ้าหนีไปก่อน ข้าจะสกัดด้านหลังไว้!”
องค์ชายใหญ่ได้ยินคำพูดของเขาดังมาถึงหู ก็หัวเราะเสียงดัง มองหวงฝู่อี้เซวียนราวกับมองลูกไก่ในกำมือ “อยากจะหนี เกรงว่าจะไม่ง่ายอย่างนั้น”
“งั้นหรือ” หวงฝู่อี้เซวียนย้อนถามอย่างเรียบเฉย
ไม่รอให้องค์ชายใหญ่ตอบ ตั้งจิตรวบรวมกำลังภายใน โบกลมสะบัดเข้าใส่โดยฉับพลัน เหล่าชายกรรจ์ที่จู่โจมตรงหน้าถูกพัดไปออกไปในระยะนอกสองก้าว แล้วล้มลงพื้นพร้อมกันทันใด
องค์ชายใหญ่ตกใจจนรอยยิ้มบนใบหน้าคลายลง ยืนขึ้นอย่างไม่เชื่อสายตา
หวงฝู่อี้เซวียนตะโกนร้องโดยทันที “ไป!”
เมิ่งเชี่ยนโยวจูงหวงฝู่เย่าเย่ว์ ส่วนหลินหันเยียนตามติดอยู่ด้านหลัง แล้วทั้งสามคนก็กระโดดออกจากเรือน
ทว่า ด้านหลังของหวงฝู่อี้เซวียน มีลมสะบัดโถมเข้ามา ไม่ต้องหันหลังก็รู้ว่าองค์ชายใหญ่ออกโรงแล้ว จึงใช้ทักษะการฟังหลบวิชานี้ของเขาโดยที่ไม่แม้แต่จะหันศีรษะกลับไป แล้วร่างกายก็กระโดดออกนอกเรือนตามไป
ความจำของเมิ่งเชี่ยนโยวดีมาก หลังจากกระโดดออกจากเรือนแล้ว ก็อาศัยทิศทางเดิมมุ่งหน้าไปยังประตูเล็กข้างจวน
หวงฝู่อี้เซวียนตามอยู่ด้านหลัง
คิดไม่ถึงว่าหวงฝู่อี้เซวียนจะหลบท่านี้ของตัวเองอย่างง่ายดาย องค์ชายใหญ่ยืนตะลึงอยู่ด้านหลัง
เห็นเงาร่างของเขาหายไปจากในเรือน ก็คำรามด้วยความโกรธ “พวกไร้ประโยชน์ยังไม่รีบไล่ตามไปอีก!”
พูดจบ ตัวเขาก็ออกไปนอกเรือน
ชายฉกรรจ์หลายคนก็ตามหลังเขาไปติดๆ
ชายฉกรรจ์ที่เหลือก็ปีนตัวขึ้นจากพื้นอย่างลนลาน แล้วตามออกมาด้วยความโซซัดโซเซ
เมื่อเห็นทิศทางที่แต่ละคนหนีออกไปชัดเจน ดวงตาขององค์ชายใหญ่ก็หรี่ลง แล้วโบกมือ ออกคำสั่งไปทางด้านนั้น “จับพวกมันมา ไม่ว่าเป็นหรือตาย”
หวงฝู่อี้เซวียนปล่อยกำลังภายในออกไปในครู่นั้น ทำให้สมองที่กำลังลุ่มหลงในความใคร่ขององค์ชายใหญ่ได้สติขึ้นมาทันใด ดูลักษณะของแต่ละคนนั่นแล้ว ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ และคนที่มีสถานะสูงศักดิ์ภายในรัฐอู่ อีกทั้งมีความสามารถวิทยายุทธ์สูงทรง หน้าตาสง่างามหมดจด ก็มีแต่เพียงซื่อจื่อแห่งอ๋องฉีแล้ว ถ้าหากว่าเป็นเช่นนี้จริง ผู้หญิงที่มีศิลปะการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดา กำจัดได้โดยยากนั่น ก็น่าจะเป็นซื่อจื่อเฟย ส่วนผู้หญิงอีกคนล่ะ สนใจทำไมว่านางเป็นใคร มีแค่สองคนนี้ก็เพียงพอแล้ว เพียงแค่จับพวกเขาได้ สงครามยึดชายแดนรัฐอู่ในวันพรุ่งนี้ ก็ไร้ซึ่งปัญหาใดๆ แล้ว คิดมาถึงตรงนี้ ก็เปลี่ยนใจ แล้วสั่งบ่าวของตัวเอง “จับเป็นทุกคน จับได้แล้ว ให้รางวัลเป็นทองพันชั่ง”
ทองพันชั่ง นี่เป็นจำนวนที่หลายกี่สิบชาติของตัวเองก็หามาไม่ได้ พวกชายฉกรรจ์ได้ยินแล้ว ก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่า ความกล้าหาญเพิ่มพูนขึ้น แล้วไล่ตามไปด้วยความเร็วดั่งสายฟ้าแลบ
ฝีเท้าขององค์ชายใหญ่ก็ไม่ได้หยุด มือวางไว้ที่มุมปาก แล้วส่งเสียงดังแหลมอย่างยาวนาน
ตามด้วยเสียงนี้ ภายในจวนองค์ชายใหญ่ก็มีการเคลื่อนไหวขึ้น ทุกที่ภายในจวนถือคบเพลิงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนจากแต่ละหนแห่งต่างรวมตัวมาตามเสียง
แต่หลังจากที่หวงฝู่อี้เซวียนกับเมิ่งเชี่ยนโยวได้ยินเสียงนี้และเห็นคบไฟส่องแสงสว่างรอบทิศแล้ว ในใจหนักอึ้งอย่างที่สุด เมื่อครู่ที่เพิ่งรับศึกกับชายฉกรรจ์พวกนั้น ด้านนี้ของตัวเองก็เหนื่อยล้าอย่างชัดเจนแล้ว ถ้าหากว่ายังจะมาอีกระลอกหนึ่ง เกรงว่าคืนนี้พวกเขาดิ้นหลุดยากเสียแล้ว
ในใจคิด ฝีเท้าก็พลางเพิ่มความเร็วยิ่งขึ้น ตอนที่ตาเห็นว่าเข้าใกล้ประตูเล็กข้างจวนแล้ว ชายฉกรรจ์หลายคนกลับกระโดดออกมาจากมุมมืด กันอยู่ด้านหน้าพวกเขา
ฝีเท้าของเมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้หยุด ร่างกายรุดไปด้านหน้าด้วยความปราดไว ขณะที่เข้าใกล้คนเหล่านั้น ร่างกายก็ย่อตัวลงต่ำ แล้วกริชบนมือส่องประกายเย็นวาบ ข้อเท้าของชายฉกรรจ์สองคนก็ล้มไถลลงตามมา
เสียงร้องโหยหวนของทั้งสองคนดังขึ้น
ไม่รอให้คนที่เหลือตอบสนองคืน หวงฝู่อี้เซวียนก็ได้มาอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว มือด้านละข้างยื่นออกไปหักคอของพวกเขา
ตั้งแต่ไหนแต่ไร ไม่เคยเห็นท่านพ่อ ท่านแม่ที่หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสโดยตลอดลงมือฆ่าคนมาก่อน อีกทั้งยังไม่เห็นเคยเห็นคนตาย หวงฝู่เย่าเย่ว์รู้สึกประหวั่นจนเบิกตาโพลง แข้งขาเริ่มอ่อนแรงจนทำให้ปลายเท้าเดินโซเซ
หลินหันเยียนจูงนางวิ่งออกไปด้านนอก
ครั้นวิ่งออกมาข้างนอกประตูเล็กข้างจวน มองดูทิศทางให้แน่ชัดแล้ว ก็ตะบึงมุ่งหน้าไปยังโรงเตี๊ยม
คนภายในจวนขององค์ชายใหญ่ก็ไล่ตามติดอย่างไม่ลดละ
เห็นแต่ละคนหนีอย่างกระสับกระส่าย องค์ชายใหญ่ก็หยุดฝีเท้าลง และสั่ง “ส่งคำสั่งของข้าออกไป ให้ปิดประตูเมือง และถ้าไม่ได้รับคำสั่งข้า ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถเข้าออกได้”
มีคนรับคำ และมุ่งหน้าไปยังรอบทิศ
ครั้งนี้องค์ชายใหญ่ถึงจะใช้กำลังภายในเพื่อไล่ตามต่อไป
หลังจากวิ่งหนีอย่างกระเสือกกระสนตลอดทาง เมื่อตาเห็นว่าใกล้ถึงโรงเตี๊ยมแล้ว หวงฝู่อี้เซวียนจึงเปลี่ยนใจ “พวกเจ้าสามคนไปที่โรงเตี๊ยมก่อน ข้าจะล่อพวกเขาออกไปก่อน แล้วค่อยว่ากัน”
บัดนี้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ แม้ว่าพวกเขาจะขี่ม้าหนี ก็หนีไม่พ้นเมืองขององค์ชายใหญ่แห่งนี้แน่นอน แล้วถ้าหากยังต้องสูญเสียที่อำพรางตัว ก็สู้ซ่อนอยู่ภายในโรงเตี๊ยมต่อไปดีกว่า แล้วค่อยรอโอกาสเพื่อหาทางหลบหนีอีกครั้ง