ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] - ตอนพิเศษ (1) ตอนที่ 5 โยนลงไปในทะเลสาบ
ในขณะที่นางกำลังคิดอยู่นั้น ก็เห็นศีรษะของทั้งสองคนโผล่ขึ้นมา หวงฝู่สือเมิ่งโล่งใจ รีบชี้ไปบริเวณที่หวงฝู่เย่าเย่ว์ลอยขี้นมา และตะโกนขึ้นว่า “เย่ว์เอ๋อร์อยู่ตรงนั้น”
ฉู่เหยาและหวงฝู่เฮ่าสูดหายใจเข้าลึกทีหนึ่งแล้วดำลงไปในน้ำและว่ายไปทางที่นางชี้
ผิวน้ำเงียบสงบอีกครั้ง
คนที่อยู่บนเรือลำอื่นตกตะลึงกับสถานการณ์ตรงหน้านี้ ต่างสั่งให้เรือทุกลำหยุด และมองดูไปทางนั้น แต่กลับไม่มีใครยื่นมือช่วยเหลือเลย
หวงฝู่สือเมิ่งใจลุ่มๆ ดอนๆ อีกครั้ง นางอยากจะกระโดดลงไปช่วยเองเสียเหลือเกิน แต่นางเองก็ว่ายน้ำไม่เป็นเหมือนหวงฝู่เย่าเย่ว์
หวงฝู่รุ่ยเม้มปากแน่น ความเย็นยะเยือกในใจหนาวเย็นกว่าก้นทะเลสาบเสียอีก
เสียงน้ำดัง ‘ฉู่’ ศีรษะทั้งสามคนปรากฏเหนือน้ำพร้อมกัน ซึ่งก็คือพวกเขาทั้งสามคนนั่นเอง
น้ำตาหวงฝู่สือเมิ่งพลันไหลพราก นางพูดด้วยน้ำสียงสั่นเครือว่า “ท่านอา น้องเฮ่า รีบขึ้นมาเร็วเข้า”
ฉู่เหยาและหวงฝู่เฮ่าออกแรงลากหวงฝู่เย่าเย่ว์จนถึงข้างเรือ หวงฝู่สือเมิ่งและหวงฝู่รุ่ยยื่นมือออกไปดึงนางขึ้นมา
สีหน้าหวงฝู่เย่าเย่ว์ม่วงคล้ำ นางคงสำลักน้ำเข้าไปไม่น้อย
หวงฝู่สือเมิ่งรีบวางมือบนหน้าอกนางทันที แล้วออกแรงกดไปที่หัวใจนาง
หลังจากกดไปพักหนึ่ง หวงฝู่เย่าเย่ว์ก็สำลักน้ำออกมาสองสามที แล้วจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น
“น้องเล็ก!” “พี่รอง!” “เย่ว์เอ๋อร์” ทุกคนดีใจจนร้องเรียกขึ้นพร้อมกัน
หวงฝู่เย่าเย่ว์ยิ้มอย่างอ่อนเพลีย “ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ”
หลังจากตกลงน้ำเสื้อผ้าบางสำหรับหน้าร้อนที่นางใส่ก็เปียกโชกไปหมด เมื่อครู่นี้ทุกคนต่างวุ่นกับการช่วยนาง จึงไม่มีใครสนใจ แต่ตอนนี้นางตื่นแล้ว หน้าอกที่กระเพื่อมขึ้นลงและเสื้อผ้าที่แนบติดลำตัวนั้น เผยให้เห็นสรีระงดงามของหญิงสาว สายตาฉู่เหยาหลบวูบ รีบหันหน้าไปทางอื่น ครั้นอยากจะถอดเสื้อผ้าของตนให้นางใส่ มือสัมผัสโดนเสื้อผ้า ก็นึกขึ้นได้ว่าเสื้อของตนก็เปียกใช้ไม่ได้เช่นกัน เขาหัวเสีย ไม่กล้ามองกลับไป เอาแต่กุมขมับ
หวงฝู่รุ่ยเองก็สังเกตเห็นแล้วเช่นกัน เขาจึงรีบถอดเสื้อนอกของตนแล้วห่มบนตัวของหวงฝู่เย่าเย่ว์ จากนั้นเขาและหวงฝู่สือเมิ่งก็โค้งตัวลงไปประคองนางขึ้นมา เดินเข้าไปในห้องคนโดยสารในเรือ
หวงฝู่เย่าเย่ว์ไอขึ้นอีกสองสามครั้ง
หวงฝู่รุ่ยเก็บสีหน้าเกรี้ยวโกรธของตนไว้ แล้วช่วยตบหลังนางเบาๆ สองสามที คอยเหลือบมองเรือที่หลังจากชนแล้วก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย เขาถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “พี่รอง มีตรงไหนไม่สบายหรือไม่ขอรับ”
แม้จะอยู่ในหน้าร้อนที่แสนจะร้อนอบอ้าวเช่นนี้ แต่จมอยู่ในทะเลสาบนานขนาดนี้ เนื้อตัวก็เปียกชุ่ม หวงฝู่เย่าเย่ว์จึงอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านด้วยความหนาว แต่นางกลับส่ายหน้าพูดกับทุกคนว่า “ไม่เป็นไร พักเสียหน่อยก็ดีแล้วล่ะ”
“ไม่เป็นไรจริงๆ หรือขอรับ” หวงฝู่รุ่ยถามอย่างไม่มั่นใจ
หวงฝู่เย่าเย่ว์ยื่นมือออกไป ลูบศีรษะเขา แล้วพูดฝืนยิ้มว่า “น้องเล็กอย่ากังวลไปเลย พี่รองไม่เป็นอะไรจริงๆ”
นัยน์ตาหวงฝู่รุ่ยพลันมีประกายแวบผ่าน “หากพี่รองไม่เป็นอะไรจริงๆ ข้าอยากรออีกสักพักค่อยกลับจวนขอรับ เราจะปล่อยให้พี่ตกน้ำเสียเปล่าแบบนี้ไม่ได้”
เมื่อเขาพูดออกมา ทุกคนก็เพิ่งนึกถึงคนร้ายที่ชนพวกเขาได้ เมื่อทอดสายตาออกไป ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเรือลำนั้นแล้ว
“ข้าจำได้!” หวงฝู่รุ่ยเห็นสีหน้ากลัดกลุ้มของทุกคนก็พูดขึ้น
สายตาทุกคนลุกวาว หวงฝู่สือเมิ่งพูดด้วยความโมโหว่า “แม้พวกเขาจะไม่ได้ตั้งใจ แต่เห็นน้องรองตกลงน้ำแบบนี้ก็ควรออกมาช่วย ไม่ใช่หายไปอย่างไร้ร่องรอยแบบนี้”
“ตั้งใจหรือไม่ เราแค่พิสูจน์ดูก็รู้แล้ว พี่ใหญ่ เราสั่งคนเรือตามขึ้นไปดีไหมขอรับ”
“ได้ แล้วแต่เจ้าเลย”
หวงฝู่รุ่ยตบห้องบังคับเรือชั้นล่างเบาๆ คนเรือนายหนึ่งรีบออกมาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
หวงฝู่รุ่ยเอ่ยปาก “เรื่องวันนี้โทษพวกเจ้าไม่ได้ เราไม่เอาเรื่องพวกเจ้าหรอก”
สีหน้าตื่นตระหนกของคนเรือหายไป แล้วก็แสดงความขอบคุณ “ขอบคุณคุณชายขอรับ ขอบคุณคุณชายขอรับ”
“คำขอบคุณเก็บไว้เถอะ เห็นเรือที่ชนพวกเราสักครู่นี้ไหม”
คนเรือลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า
“ดี รีบตามขึ้นไป จะมีรางวัลให้”
เมื่อได้ยินว่ามีรางวัล คนเรือก็ดีใจ กลับไปที่ห้องบังคับเรือ สั่งคนพายเรือให้เร็วขึ้นเพื่อไล่ตามเรือลำใหญ่เมื่อครู่นี้
เป็นเรือที่อยู่กับทะเลสาบมานานทั้งนั้น มองก็รู้ทันทีว่าเป็นของบ้านไหน ทุกคนพายเรือกันอย่างขยันขันแข็ง เรือก็พุ่งไปข้างหน้าเพื่อไล่ตามเรือใหญ่ลำนั้นอย่างรวดเร็ว ผ่านไปเพียงไม่นาน ก็เห็นเรือใหญ่ลำนั้นแล้ว
คนบนเรืออีกลำนั่งคุยเล่นและดื่มสุราอย่างสบายใจ โดยที่ไม่คิดว่าเรือลำนั้นจะตามพวกเขาทัน พวกเขาตกใจอย่างเห็นได้ชัด ตบตีห้องบังคับเรืออย่างร้อนรน สั่งให้คนเรือเร่งพายเรือให้เร็วขึ้น
หลังจากคนเรือได้รับคำสั่งก็ตะโกนบอกให้ทุกคนรีบพายเรือ
คนอื่นมองไปเห็นเพียงเรือสองลำที่ไล่ตามกันเหมือนเรื่องตลกอย่างไรอย่างนั้น
มีเพียงคนบนเรือเท่านั้นที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ลำหนึ่งกำลังวิ่งหนีอย่างเอาเป็นเอาตาย อีกลำวิ่งไล่ตามอย่างเกรี้ยวกราด
ระยะห่างของเรือทั้งสองลำใกล้ขึ้นเรื่อยๆ หวงฝู่สือเมิ่งและคนอื่นๆ บนเรือมองเห็นคนบนเรือลำนั้นชัดเจน พลันบันดาลโทสะ
หวงฝู่สือเมิ่งเดินไปหัวเรือ พูดพลางมองไปที่เรือลำนั้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “หลิวเทา เจ้าบังอาจมาก กล้าดีอย่างไรมาคิดจะเอาชีวิตน้องข้าไป ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่”
เมื่อถูกจับได้ หลิวเทาก็ไม่รู้สึกเกรงกลัวอีก ตอบกลับอย่างแค้นเคืองว่า “ถือว่านางบุญหนา หากมีครั้งต่อไปอีก ข้าจะชนจนนางตกลงไปใต้ท้องทะเลสาบให้เป็นอาหารปลาเสีย”
ฉู่เหยาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ทำท่าจะเหาะเหินไปจัดการหลิวเทาบนเรือฝั่งตรงข้าม
หวงฝู่รุ่ยห้ามเขาไว้ สีหน้าหมองหม่น สั่งคนเรือว่า “ชนเข้าไปเลย!”
คนเรือได้ยินคำสั่งเขา แต่กลับนิ่งไม่ขยับ
หวงฝู่รุ่ยเดินขึ้นหน้า หยิบกระเป๋าสตางค์บนเอวของหวงฝู่สือเมิ่งมาแล้วโยนลงไปห้องชั้นล่าง เสียงไม่ดังมากนัก แต่คนเรือทุกนายกลับได้ยินอย่างชัดเจน “นี่คือเงินรางวัล หากชนแล้วเรือเสียหาย ข้าจะชดใช้ให้เจ้าสามเท่า”
เมื่อเห็นเงินทองที่เทกระจายออกมาจากกระเป๋า ในนั้นยังมีทองแท่งเล็กๆ ด้วย คนเรือทุกคนกลืนน้ำลายอึกหนึ่ง รวมทรัพย์สินทั้งหมดแล้วอย่างน้อยก็หลายสิบตำลึง เพียงพอต่อรายได้พายเรือหนึ่งเดือนของพวกเขาแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น หากชนจนเรือเสียหาย คุณชายท่านนี้จะชดใช้ให้อีกสามเท่า ทุกคนเงยหน้าขึ้น มองไปที่คนกำกับหัวเรือด้วยสายตาเป็นประกาย
เมื่อคนกำกับหัวเรือเห็นเงินทองมากมายส่องแสงระยิบระยับ เขาก็หวั่นไหว แล้วฮึดสู้ขึ้น เขาโค้งลำตัวลงเก็บเงินและทองที่กระเด็นออกมากลับเข้าไปในกระเป๋าสตางค์ แล้วเหน็บไว้ที่เอวตนเอง โบกมือสั่งทุกคน “ตามขึ้นไป ชนให้แรง ชนจนกว่าคุณชายจะพอใจ”
“ได้เลย!” ทุกคนขานรับ ออกแรงมากกว่าเดิม
เรือใหญ่ตามเรือข้างหน้าทันได้อย่างรวดเร็ว แล้วชนเข้าอย่างจัง
เสียงดัง ‘ตู้มมม!’ เรือทั้งสองลำชนกัน แล้วสั่นไหวขึ้นพร้อมกัน
เสียงตกใจของหญิงสาวเล็ดลอดออกมาจากเรือฝั่งตรงข้าม
หวงฝู่เฮ่าหูไว แค่ฟังก็รู้ว่าเป็นเสียงของอวี้เอ๋อร์ ความเดือดดาลในใจพลันลุกโชน เขากำหมัดแน่นอย่างควบคุมอารมณ์ไม่ได้
ความหวาดกลัวของเรือฝั่งตรงข้ามไม่กระทบกับทางนี้เลย ทุกคนจ้องมองผู้คนบนเรือที่ตื่นตระหนกไปทั่วอย่างไม่ละสายตา
หวงฝู่รุ่ยไม่ได้สั่งให้หยุด คนกำกับหัวเรือก็ไม่กล้าหยุด คอยกำกับทุกคนให้ชนเรือตรงข้ามต่อไป
เรือถูกชนจนซวนเซไปมา จนเกือบจะคว่ำ ผู้คนบนเรือตรงข้ามยิ่งตกใจใหญ่
ในขณะที่เสียงกรีดร้องดังไม่ขาดสายนั้น หวงฝู่รุ่ยก็ปริปาก “หยุด!”
เรือใหญ่หยุดการชนปะทะลง
ผู้คนบนเรือยังไม่ทันได้ถอนหายใจ เสียงของหวงฝู่สือเมิ่งก็ดังขึ้น “ท่านอา! เฮ่าเอ๋อร์”
เงาของทั้งสองคนพลันเหาะเหินไปบนเรือของอีกฝั่ง ในขณะที่หลิวอวี้เอ๋อร์และหลิวเทายังไม่ทันตั้งตัวได้นั้น ทั้งสองก็จับอวี้เอ๋อร์ขึ้นพร้อมกัน และโยนนางลงไปในทะเลสาบ จากนั้นก็กระโดดกลับเรือของตน
กรี้ดด! หลิวอวี้เอ๋อร์ตกใจร้องเสียงหลงดังไปทั่วทั้งทะเลสาบ
“อวี้เอ๋อร์!” เสียงของหลิวเทาตกใจมากกว่านาง เขาเกาะบนหัวเรือตะโกนเสียงดัง
หลิวอวี้เอ๋อร์จมลงไป สำลักน้ำหลายอึก กระเสือกกระสนตนเองให้พ้นจากผิวน้ำ “พี่ใหญ่ ช่วย…ข้า” ยังไม่ทันพูดจบ ก็จมลงไปอีกครั้ง
หลิวเทาว่ายน้ำไม่เป็น เขาหันหลังกลับ สั่งบ่าวรับใช้ที่ตามพวกเขามา “ยืนนิ่งอยู่ทำไมกัน รีบลงไปช่วยสิ”
สาวใช้มองดูกันไปมา ไม่มีใครขยับตัว บ่าวรับใช้ก็มองกันไปมองกันมา สีหน้าพวกเขาหวาดกลัว เพราะว่ายน้ำไม่เป็น ทะเลสาบลึกขนาดนี้ ลงไปก็มีแต่ตายเท่านั้น
หลิวเทากลับไม่สนใจ หันหลังกลับแล้วถีบพวกเขาไปทีหนึ่ง ก่นด่าว่า “รีบลงไปช่วยเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นกลับไปข้าไม่ไว้ชีวิตพวกเจ้าแน่”
บ่าวรับใช้สองสามนายกัดฟัน หลับตาปี๋ จ๋อม จ๋อม กระโดดลงไปในน้ำ เมื่อสัมผัสโดนน้ำ พวกเขาก็ดิ้นลนลาน ออกแรงตบตีผิวน้ำ พยายามไม่ให้ตัวเองจมลงไป ไม่มีกะจิตกะใจช่วยใครอีก
สีหน้าหลิวเทาซีดเผือด รีบกวักน้ำตบตีห้องชั้นล่าง “ช่วยคนสิ! รีบไปช่วย ใครช่วยน้องสาวข้าไว้ได้ ข้าจะตบรางวัลห้าร้อยตำลึง”
เมื่อเขาพูดจบ จ๋อม จ๋อม …คนมากมายจากห้องชั้นล่างกระโดดลงน้ำ
เรือรอบข้างต่างเข้ามามุงดู คุยซุบซิบกันให้เซ็งแซ่
ฉู่เหยาและคนอื่นๆ มองทุกอย่างเบื้องหน้าด้วยสายตาเย็นชา ไม่สนใจแม้แต่เสียงวิพากษ์วิจารณ์รอบด้าน
หลิวอวี้เอ๋อร์ถูกคนเรือสองนายช่วยขึ้นมา หลิวเทาและสาวใช้สองสามคนยื่นมือไป ดึงหลิวอวี้เอ๋อร์ที่หลับตาขึ้นมาอย่างทุลักทุเล
ส่วนบ่าวรับใช้ที่ยังอยู่ในน้ำนั้น หลิวเทาก็ไม่ได้สนใจอีก
คนเรือทนมองไม่ไหว จึงกลับลงไป แล้วนำตัวของพวกเขาขึ้นไปบนเรือ
เมื่อเห็นสภาพของหลิวอวี้เอ๋อร์ มือไม้หลิวเทาก็ลนลาน เขย่าตัวนางไม่หยุด “อวี้เอ๋อร์ ตื่นสิ ตื่น”
หลิวอวี้เอ๋อร์ไม่มีปฏิกิริยาอะไร
หลิวเทาตกใจแทบตาย รีบตบแก้มนาง
คนเรือนายหนึ่งทนดูไม่ไหว พูดหยั่งเชิงว่า “คุณชายท่านนี้ขอรับ คุณหนูท่านนี้น่าจะสำลักน้ำ ท่านต้องช่วยกดหน้าอกเพื่อไล่น้ำที่นางสำลักเข้าไปออกมาขอรับ”
หลิวเทาได้ยินดังนั้นก็เงยหน้าทันที มองเขาด้วยใบหน้าดุดันเหมือนกับว่าคนเรือคนนี้เป็นคนโยนอวี้เอ๋อร์ลงไปอย่างไรอย่างนั้น “ต้องกดอย่างไร”
คนเรือตกใจกลัวจนถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ทำท่าทางมือให้ดู “แบบนี้ขอรับ”
“เจ้ามาทำ!” หลิวเทาตกใจจนเสียสติไปแล้ว เขายังดูท่าทางของคนเรือไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ แล้วสั่งเขา
เขาเหลือบมองร่างกายที่เผยสรีระหญิงสาวของหลิวอวี้เอ๋อร์แวบหนึ่ง คนเรือปฏิเสธ ชี้ไปที่สาวใช้สองสามคน “ข้าทำไม่เหมาะสมขอรับ ให้พวกนางช่วยเถอะขอรับ”
พูดจบก็หันหลังกลับ แล้วเดินกลับลงไปในห้องชั้นล่าง คนเรืออีกคนก็รีบตามลงไปเช่นกัน
หลิวเทาหันหลังกลับ ตะคอกใส่สาวใช้ด้วยความโมโหว่า “ยืนโง่อยู่ทำไมเล่า ยังไม่รีบช่วยอีก”
สาวใช้สองสามนางนั้นก็ยังไม่ทันเข้าใจท่าทางของคนเรือ แต่ก็รีบคุกเข่าลงอย่างลนลาน ทุบตีหลิวอวี้เอ๋อร์อย่างทุลักทุเล แล้วจู่ๆ หลิวอวี้เอ๋อร์ก็สำลักน้ำออกมาสองสามอึก นางลืมตาขึ้น
“คุณหนูตื่นแล้วเจ้าค่ะ!” สาวใช้สองสามคนดีใจจนน้ำตาคลอเบ้า เรียกร้องอย่างดีใจ
หลิวเทาเดินขึ้นไป ผลักพวกนางออกไป มองหลิวอวี้เอ๋อร์ที่สีหน้าซีดเผือด แล้วถามขึ้นว่า “อวี้เอ๋อร์ เจ้าตื่นแล้ว เป็นอย่างไรบ้าง”
หลิวอวี้เอ๋อร์ส่ายหน้าช้าๆ ยกมือตนเองขึ้นอย่างไร้เรี่ยวแรง แล้วชี้ไปที่หน้าอกของตน “พี่ใหญ่ ตรงนี้อึดอัดจังเลยเจ้าค่ะ”
“เจ้ารอก่อนนะ พี่จะพาเจ้ากลับจวนให้หมอมารักษาเดี๋ยวนี้แหละ”
พูดจบ ก็โค้งตัวลงทำท่าจะอุ้มนางขึ้นมา แล้วเพิ่งพบว่านางเปียกชุ่มไปทั้งตัว จนเกือบจะเห็นเนื้อหนังบริเวณท้องของนาง
เขาหันหลังกลับ ตะโกนใส่สาวใช่นางหนึ่งว่า “ถอดเสื้อของเจ้าออกมาให้คุณหนูใส่ซะ”
หน้าร้อนนั้นอากาศร้อนมาก สาวใช้ทุกคนจึงใส่เสื้อนอกเพียงตัวเดียว หากถอดออก ก็จะเห็นเรือนร่างของพวกนาง หากทุกคนที่มุงดูอยู่เห็นกันหมด พวกนางคงอยากจะกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย
สาวใช้ส่ายหน้าเดินถอยหลัง หลิวเทาโกรธจัด ลุกขึ้นยืน คว้าเสื้อของสาวใช้คนหนึ่งไว้ ออกแรงฉีกเสื้อของนาง ในขณะที่สาวใช้ต่างตกใจอยู่นั้น ก็ฉีกเสื้อนอกของนางจนขาด แล้วเดินหันหลังโดยไม่มองสาวใช้คนนั้นอีก จากนั้นก็นำเสื้อไปห่มร่างของหลิวอวี้เอ๋อร์ไว้ สั่งคนเรือด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ขึ้นฝั่ง!”
เรือแล่นอีกครั้ง
หลิวเทาจ้องฉู่เหยาที่โกรธอยู่เช่นกัน พูดเสียงเย็นชาว่า “รอก่อนเถอะ ถ้าอวี้เอ๋อร์เป็นอะไรไป จวนอู่โหวของเราและจวนอ๋องฉีของพวกเจ้าจะอยู่ร่วมกันไม่ได้อีก”
หวงฝู่รุ่ยแสยะยิ้ม ตอบโต้กลับไปอย่างไม่แยแสว่า “เจ้าก็รอก่อนเถอะ หากพี่รองข้าเป็นอะไร เราจะกำราบจวนอู่โหวของเจ้าแน่”
เพียงประโยคเดียวก็รู้ว่าใครอยู่เหนือกว่า
หลิวเทาพูดอะไรไม่ออก
เสียงรอบด้านพลันดังขึ้น ทุกคนเพิ่งรู้ว่าเหตุใดคนกล่มนี้จึงกล้าจับคนโยนลงทะเลสาบอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้ ที่แท้ก็เป็นคนในจวนอ๋องฉีนี่เอง