ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] - ตอนพิเศษ (2) ตอนที่ 18
มีเสียงคนกรีดร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนกท่ามกลางฝูงชน และยังมีคนที่ปิดตาลงอย่างอดไม่ได้
ปัง!
เมื่อเสียงนั้นลอยมาเข้าหู หัวใจของเมิ่งชิงก็เต้นระรัว หันหน้ากลับไปมองทันที
โจวอันยืนอยู่หน้าเสาต้นนั้น ดูเหมือนว่าจะขัดขวางการพุ่งชนเสาของหลี่ชุ่ยฮวาได้ทันพอดิบพอดี
เมิ่งชิงโล่งอก
ไม่รู้ว่าหลี่ชุ่ยฮวาได้รับความตื่นตระหนก หรือว่ากระแทกถูกเข้าแล้ว ร่างกายถึงได้ทรุดลงไปกองกับพื้น
โจวอันไม่ได้มองนาง แต่หันไปทำความเคารพต่อเมิ่งชิง “นายน้อยชิง”
เมิ่งชิงกำลังอยากจะสอบถามว่าเขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แต่ก็นึกถึงคำพูดของหวงฝู่อี้เซวียนขึ้นมาได้ คำพูดที่มาถึงริมฝีปากแล้ว จึงถูกกลืนกลับลงไป และพยักหน้าตอบ “รบกวนท่านช่วยส่งตัวนางกับเงินเหล่านั้นกลับไปพร้อมกันด้วย และบอกกับคนตระกูลหลี่ว่า ถ้าหากยังกล้าตามมาราวีอีก ครั้งหน้าคงจะไม่ได้โชคดีเช่นนี้แล้ว”
โจวอันรับคำ ก้าวขึ้นไปหลายก้าว ก้มตัวลงเก็บถุงเงินขึ้นมา และเดินกลับไปที่ข้างกายหลี่ชุ่ยฮวา เมื่อยื่นมือออกมา ก็มีองครักษ์ลับสองนายปรากฏตัวขึ้น คนหนึ่งซ้าย คนหนึ่งขวา หิ้วตัวหลี่ชุ่ยฮวาขึ้นมา และเดินไปยังทิศทางของโรงเตี๊ยม
รอจนพวกเขาจากไปไกลแล้ว เมิ่งชิงก็ทำราวกับว่าไม่เคยเกิดเรื่องนี้ขึ้นมาก่อน รีบควบม้ามุ่งไปยังจวนอ๋องฉีต่อไป
ชาวบ้านที่มุงดูอยู่ยังคงรีรอไม่แยกย้าย จนกระทั่งไม่เห็นเงาร่างของเมิ่งชิงแล้ว ถึงได้ส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ออกมากันไม่หยุด
เมื่อมาถึงจวนอ๋องฉี หวงฝู่อี้เซวียนก็กำลังยืนรออยู่ที่ลานฝึกซ้อมวิทยายุทธด้วยสีหน้าทะมึนแล้ว เมิ่งชิงรับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่ไม่พอใจรอบตัวเขาแล้ว หัวใจก็เต้นตึกตักอยู่ครู่หนึ่ง เท้าที่จะก้าวเข้าไปในลานฝึกซ้อมวิทยายุทธชะงักไปเล็กน้อย แต่เมื่อคิดถึงผลลัพธ์จากการที่เขาไม่กล้าเข้าไปแล้ว ก็กัดฟันเดินเข้าไป “ท่านพี่เขย ข้า…”
ยังไม่ทันได้เอ่ยจบ การโจมตีอันรวดเร็วและดุดันของหวงฝู่อี้เซวียนก็พุ่งเข้ามา เมิ่งชิงรีบต้านเอาไว้ แต่ยังคงหยุดยั้งได้ไม่หมด จึงโดนโจมตีไปหลายครั้ง เจ็บเสียจนเขาส่งเสียงโอดครวญออกมา
หวงฝู่อี้เซวียนนั้นปล่อยให้เสียงเขาลอยเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา จวบจนกระทั่งในใจเขารู้สึกปลอดโปร่งแล้ว ถึงได้หยุดการโจมตีลง
เมิ่งชิงล้มตัวนั่งลงบนพื้นด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า ด้านหลังยังมีสาวใช้ประคองน้ำชาและผลไม้ตามมา
“ในจวนข้าล้วนได้ยินเสียงกรีดร้องอันน่าเวทนาของเจ้าหมดแล้ว เจ้าไม่มีความก้าวหน้าสักนิดบ้างเลยหรือ”
เมิ่งเชี่ยนโยวเหลือบมองเมิ่งชิงที่มีสภาพดูไม่ได้ครู่หนึ่ง เอ่ยขึ้นด้วยความรังเกียจ และเดินเข้าไปหาหวงฝู่อี้เซวียน หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา ส่งสัญญาณให้เขาก้มศีรษะลง ตัวนางจะได้ซับเหงื่อให้เขา
ความแตกต่างที่ชัดเจนเช่นนี้ ทำให้เมิ่งชิงรู้สึกถูกทำร้ายนับไม่ถ้วน จึงตัดใจเอนตัวแผ่ลงกับพื้น พร้อมกับเอ่ยอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรมว่า “พวกท่านรังแกข้า!”
เมิ่งเชี่ยนโยวได้ยินแล้วก็เลิกคิ้ว หลังจากแย้มรอยยิ้มให้หวงฝู่อี้เซวียนแล้ว ก็เดินกลับไปข้างกายเมิ่งชิง ก้มมองลงไป พร้อมกับเอ่ยถามว่า “พวกข้ารังแกเจ้าหรือ”
เมื่อเห็นรอยยิ้มประหลาดของนาง เมิ่งชิงก็รู้ว่าท่าไม่ดีแล้ว กำลังจะยอมแพ้ โทษว่าเป็นความผิดของตัวเอง เมิ่งเชี่ยนโยวก็ยกเท้าขึ้นเตะเข้าใส่อย่างไม่ปรานีเลยแม้แต่น้อย
เมิ่งชิงกลิ้งต่อไปหลายตลบ หลังจากหลบออกไปได้ไกล ก็พลิกตัวลุกขึ้นทันที “ท่านพี่ ข้าเป็นน้องชายแท้ๆ ของท่านนะ”
“เช่นนั้นแล้วอย่างไร นานป่านนี้วรยุทธยังไม่ก้าวหน้า สมควรโดนตี”
พูดแล้ว ก็ก้าวมาข้างหน้า
หวงฝู่อี้เซวียนกระโดดเข้ามาคว้าเอวนางเอาไว้ หลังจากส่งสายตา “เจ้ารอก่อนเถอะ” ให้เมิ่งชิงแล้ว ก็โอบเมิ่งเชี่ยนโยวไปนั่งในมุมร่มรื่นอีกด้านหนึ่งของลานฝึกซ้อมวรยุทธ
หวงฝู่อี้นั้นจัดวางถ้วยน้ำชาและผลไม้เรียบร้อยนานแล้ว หลังจากให้สาวใช้ถอยออกไป ตัวเขาก็ยืนยิ้มกริ่มอยู่อีกด้าน
เมิ่งชิงพร่ำบ่นในใจไม่หยุด เดินเอื่อยเฉื่อยไปนั่งลงข้างโต๊ะเช่นกัน
“ทำไมวันนี้ถึงได้มาสายกัน”
เมิ่งเชี่ยนโยวถาม
เมิ่งชิงไม่ได้ตอบคำถามทันที
เมิ่งเชี่ยนโยวกวาดสายตามองมาครู่หนึ่ง เมิ่งชิงก็ตัวสั่นทันที จึงรีบอ้าปากเอ่ยตอบว่า “ข้าพบท่านแม่ของข้าเข้าแล้ว”
“หืม?”
เมิ่งชิงรีบเปลี่ยนคำพูดทันที “ไม่ใช่ๆ เป็นนางที่พุ่งตัวออกมาขวางม้าของข้ากลางถนน”
เมิ่งเชี่ยนโยวหรี่ตาลงเล็กน้อย “ดังนั้นเล่า?”
เมิ่งชิงขยับปาก แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดเช่นไร
“อี้เอ๋อร์ ไปดูสิว่าโจวอันกลับมาแล้วหรือไม่ ให้เขามาพบข้าเดี๋ยวนี้!”
หวงฝู่อี้เซวียนที่ขมวดคิ้วเล็กน้อยเช่นกัน ออกคำสั่ง
หวงฝู่อี้เก็บรอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้า รับคำ และถอยออกไป เพิ่งจะเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็เห็นเงาร่างของโจวอันที่กำลังเดินเข้ามา จึงรีบเอ่ยว่า “ซื่อจื่อเรียกเจ้าไปพบ”
เมื่อโจวอันเดินมาถึงด้านหน้าทุกคน “ซื่อจื่อ พระชายาซื่อจื่อ”
“เมื่อครู่นี้เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ”
หวงฝู่อี้เซวียนถาม
โจวอันมองเมิ่งชิงครู่หนึ่ง และเอ่ยเล่าเหตุการณ์ที่ตัวเองได้เห็นในวันนี้ตั้งแต่ต้นจนจบออกมา
เมิ่งเชี่ยนโยวฟังจบแล้ว ก็หัวเราะเสียงเบา มองไปทางเมิ่งชิง พลางเอ่ยถามว่า “เจ้าคิดเช่นไร”
ครานี้เมิ่งชิงตอบคำถามอย่างไร้ซึ่งความลังเล “ข้าไม่ยอมรับพวกเขาเด็ดขาด แต่ข้าก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับนาง”
“เป็นนางหรือว่าพวกเขา”
เมิ่งเชี่ยนโยวถามไล่ต้อน
“นาง!”
เมิ่งเชี่ยนโยวผงกศีรษะ มองไปทางหวงฝู่อี้เซวียน ถามด้วยคำพูดที่เมิ่งชิงฟังแล้วไม่เข้าใจประโยคหนึ่ง “ยังต้องใช้เวลาอีกกี่วันหรือ”
“อย่างมากที่สุดสิบวัน”
“ดี หากสิบวันหลังจากนี้ ท่านยังไม่สามารถจัดการได้ ข้าจะยื่นมือเข้าไปแล้วนะ”
ภายในโรงเตี๊ยม
หลี่ชุ่ยฮวาถูกองครักษ์ลับสองนายโยนลงที่หน้าประตูโรงเตี๊ยม โจวอันมองชาวบ้านที่พากันล้อมเข้ามาดูเรื่องสนุกแล้ว ก็ชั่งน้ำหนักของถุงเงินในมือ และเพิ่มกำลังภายในให้เสียงดังขึ้น “ในถุงเงินนี้มีตั๋วเงินแปดร้อยตำลึง นายน้อยชิงกล่าวไว้ว่า มากพอที่เจ้าจะไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารการกินในอีกครึ่งชีวิตที่เหลือแล้ว หวังว่าเจ้าจะทำตัวให้ดี อย่าทำเรื่องที่ไม่เป็นผลดีต่อเขาและเจ้าออกมาอีก มิเช่นนั้นล่ะก็ พวกข้าจะนำเรื่องที่เจ้าทำเอาไว้ทั้งหมดในปีนั้นเล่าให้ทุกคนฟัง ให้เจ้าได้กลายเป็นหนูที่วิ่งข้ามถนน แล้วผู้คนต่างร้องให้รุมตี”
เมื่อเอ่ยจบแล้ว ก็โยนถุงเงินลงบนร่างของนาง และจากไปพร้อมกับองครักษ์ลับสองคนโดยไม่มีท่าทางเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย
แม้ว่าจะเป็นเงินแค่แปดร้อยตำลึง แต่สำหรับผู้ที่พักอาศัยอยู่ในโรงเตี๊ยม ก็ยังเป็นเงินจำนวนมากอยู่ดี ฝูงชนจึงอดกลืนน้ำลายอย่างเสียมิได้ คนทั้งหมดล้วนมองไปที่นางด้วยความอิจฉา
หลี่ชุ่ยฮวารับรู้ได้ถึงสายตาที่ผู้คนมองมา ก็รู้สึกหวาดกลัว รีบคว้าถุงเงินเอาไว้ในมือแน่น คิดอยากจะลุกขึ้น แต่ว่าขากลับอ่อนแรง ฝืนยืนอยู่หลายครั้งก็ยืนไม่สำเร็จ
ตึงๆๆ!
เสียงฝีเท้าเร่งรีบดังลงมาจากชั้นบน พร้อมกับเสียงพูดดังสนั่นของหลี่เหล่าซาน “น้องเล็ก เจ้าเป็นอะไรไปหรือ เร็วๆๆ ลุกขึ้นมา”
พูดแล้ว ตัวคนก็ไปถึงด้านหน้าหลี่ชุ่ยฮวา
ในขณะที่ฝูงชนนึกว่าเขาจะประคองหลี่ชุ่ยฮวาให้ลุกขึ้น เขากลับก้มตัวลงไปแย่งถุงเงินในมือของหลี่ชุ่ยฮวามา และรีบร้อนเปิดออกดูแทน ตอนที่กำลังจะดูว่าเป็นจำนวนเงินแปดร้อยตำลึงจริงหรือไม่นั้น หลี่เหล่าเอ้อร์ที่ตามมาถึงแล้วเช่นกัน ก็รีบกำมือของเขาเอาไว้ ตำหนิเขาว่า “เหล่าซาน เจ้าทำอะไรของเจ้ากัน ยังไม่รีบประคองน้องเล็กเข้าไปในห้องอีก”
ตั๋วเงินก็อยู่เบื้องหน้า แต่ยังไม่มีโอกาสได้เห็น หลี่เหล่าซานจะยินยอมได้อย่างไร จึงเชิดคอขึ้น ทำท่าจะโวยวาย หลี่เซิ่งที่มาถึงแล้วเช่นกัน ก็ส่งสายตาให้เขา ความหมายก็คือที่นี่มีคนมากเกินไป กลับห้องก่อนค่อยดู
หลี่เหล่าซานเข้าใจในที่สุด จึงได้สอดถุงเงินเข้าไปในหน้าอกตัวเองทันที หัวเราะฮาๆ และช่วยหลี่เหล่าเอ้อร์ประคองหลี่ชุ่ยฮวาขึ้นมา ทั้งยังช่วยนางปัดฝุ่นที่อยู่บนเสื้อผ้าด้วย “น้องเล็ก เจ้านี่ก็จริงๆเลย ไปพบชิงเอ๋อร์ ก็ไม่ยอมบอกกล่าวกับพวกเราสักคำ”
เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คนมากมาย เขาจึงไม่ได้เอ่ยคำพูดในตอนท้ายออกมา ความจริงแล้ว สิ่งที่เขาต้องการจะพูดก็คือ ถ้าไปด้วยกันล่ะก็ ไม่แน่ว่าเมิ่งชิงอาจจะให้มากขึ้นกว่านี้อีกสักหน่อย
ถุงเงินอยู่ในมือของตัวเอง ยังไม่ทันจะร้อน ก็ถูกคนแย่งชิงไปเสียแล้ว ในใจหลี่ชุ่ยฮวานั้นไม่ยินยอม ขยับปากอย่างต้องการจะนำคืนมา แต่เมื่อเห็นสีหน้าของพี่ชายทั้งสามคนแล้วก็ไม่กล้าเอ่ยพูดอะไรออกมา เศรษฐีหวังบังเกิดความคิดที่จะกลับไปแล้ว นางยังต้องให้พี่ชายทั้งหลายช่วยชีวิตนางออกมาจากทะเลทุกข์อยู่